ข่าวมอนิเตอร์ประจำวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2552

การเมือง

เผยชื่อ'เฉลิม-มิ่งขวัญ' แคนดิเดตหน.เพื่อไทย

ไทยรัฐ - วันนี้ (7 ก.พ.) นายไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย เปิดเผยถึงการประชุมพรรคเพื่อไทยในวันที่ 10 ก.พ.นี้ ว่า อาจจะมีการเสนอชื่อบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร โดยเวลานี้ พรรคยังไม่ตกลงว่าจะเป็นบุคคลใดระหว่าง 3 คน ที่เป็นแคนดิเดต คือ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ส.ส.สัดส่วน และ พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย ส.ส.นนทบุรีและรองประธานสภาผู้แทนราษฎร

 

นายไพจิต กล่าวต่อว่า ส่วนตัวเห็นว่า พ.อ.อภิวันท์อาจรับตำแหน่งดังกล่าวไม่ได้ เนื่องจากเป็นรองประธานสภาผู้แทนราษฎรแล้ว ดังนั้น ผู้ที่เหมาะสมอยู่ขณะนี้คือ ร.ต.อ.เฉลิม และนายมิ่งขวัญ ซึ่งต้องนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการบริหารพรรคอีกครั้ง

 

นอกจากนี้ นายไพจิต ยังมั่นใจว่า ส.ส.พรรคเพื่อไทย จะไม่ย้ายไปสังกัดพรรคการเมืองอื่น ภายหลังมีข่าวว่า ส.ส.ในพื้นที่ จ.เพชรบูรณ์ และสระบุรี เตรียมย้ายไปสังกัดพรรคภูมิใจไทย ส่วนการเดินทางไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีนั้น นายไพจิต กล่าวว่า จะเดินทางไปให้กำลังใจ แต่ไม่สามารถบอกสถานที่พำนักของ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ เพราะเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัย

 

 

"ชัยสิทธิ์"เตือน"อดีตนายกฯ" ระวังพัง

มติชน - พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) ญาติผู้พี่ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการลับ ลวง พราง ทางสถานีวิทยุเอฟเอ็ม 100.5 กรณี พ.ต.ท.ทักษิณจะใช้คนตระกูลชินวัตรมาต่อสู้ในเกมการเมือง โดยให้คุม ส.ส.ในแต่ละภูมิภาคว่า ยังไม่ได้มีการพูดอะไรกับคนตระกูลชินวัตร ที่ผ่านมาตนเปิดตัวไปแล้ว แต่ยังไม่มีสัญญาณอะไรส่งมาถึงตน จึงได้แต่อยู่เฉยๆ ทำงานต่อไปเรื่อยๆ แต่ไม่เกี่ยวกับการเมือง เชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณคงจะเอาญาติพี่น้องที่ใกล้ชิดมากกว่า

 

"หาก พ.ต.ท.ทักษิณจะต่อสู้ทางการเมืองจะต้องมีหัว และต้องเป็นผู้ที่มีบารมีพอสมควรมาช่วย เพราะคนดีๆ ถูกเก็บไว้ที่บ้านเลขที่ 111 หมดแล้ว ทำให้ขณะนี้ไม่มีใครแล้ว จึงเป็นเรื่องที่เหนื่อย เพราะไม่มีหัวและผู้ที่มีบารมีพอประคองได้ ผมได้โทร.ไปบอก พ.ต.ท.ทักษิณว่า ถ้าขืนปล่อยไปอย่างนี้ก็พัง แต่ตอนนี้ พ.ต.ท.ทักษิณคงโดนหนักจนไม่มีความคิดอะไรมากมาย แต่คิดว่ากำลังใจคงดีขึ้น เพราะมีคนสนับสนุนเขาค่อนข้างมาก สังเกตจากจำนวนของคนเสื้อแดงที่ให้กำลังใจว่าความถูกต้องอยู่ตรงจุดไหนให้ไปถึงจุดนั้นให้ได้ เพราะการที่เขาโดนใส่ร้ายอย่างนี้ กระเทือนถึงคนทั้งตระกูล" พล.อ.ชัยสิทธิ์กล่าว

 

 

"เทพไท"ยันหลักฐานบัญชีดำ"ทักษิณ"อยู่ในมือแล้ว

คมชัดลึก - นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช โฆษกส่วนตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี สมาชิกพรรคเพื่อไทย ออกมาท้าทายให้มีการเปิดเผยข้อมูลบัญชีการห้ามเข้าประเทศต่างๆของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ข้อเท็จจริงในเรื่องนี้เป็นกระแสข่าวจากประเทศต่างๆในการขึ้นบัญชีดำ พ.ต.ท.ทักษิณ มาโดยตลอด

  

ตนจึงได้เช็คข้อมูลเหล่านี้ว่าเป็นจริงหรือไม่มากน้อยแค่ไหน และเมื่อมีการตรวจสอบจากแหล่งข่าวแล้วพบข้อเท็จจริงว่า ญี่ปุ่นได้ขึ้นบัญชีเป็นบุคคลที่ไม่พึงประสงค์ จีนอนุญาตให้เข้าประเทศได้ในฐานะนักท่องเที่ยวเท่านั้น ซึ่งข้อเท็จจริงเหล่านี้การที่สมาชิกพรรคเพื่อไทย ออกมาเรียกร้องเป็นเรื่องกระทรวงการต่างประเทศ และเป็นเอกสิทธิ์ของประเทศต่างๆที่จะเปิดเผยหรือไม่เปิดเผยเพราะเป็นมารยาททางการทูต

  

"ทั้งหมดนี้ผมมีเอกสารหลักฐานที่ชัดเจนแต่ในชั้นนี้เกรงว่าจะเป็นการเสียมารยาทที่นำมาเปิดเผย สมาชิกพรรคเพื่อไทยไม่ต้องเกรงกลัวว่าจะกระทบความสัมพันธ์จะไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอนเพราะเรารู้มารยาทเป็นอย่างดี แต่สมาชิกพรรคเพื่อไทยเองต้องระมัดระวังในการเคลื่อนไหวกดดันสถานทูตของประเทศต่างๆให้ออกมาชี้แจง รวมทั้งชักชวนประชาชนไม่ซื้อสินค้าจากบางประเทศพฤติกรรมเหล่านี้ต่างหากที่สร้างความเสื่อมเสีย และเป็นเรื่องเสียหายในความสัมพันธ์ ถ้าต้องการทราบอย่างเป็นทางการขอแนะนำว่าให้มีการตั้งกระทู้ถามในสภาจะดีกว่า"

  

โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวและว่า ในการตั้งกระทู้สดถามในสภานั้นหากเนื้อหากระทบต่อความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศสามารถที่จะขอให้มีการประชุมลับได้ สมาชิกพรรคเพื่อไทย ต้องคำนึงถึงมารยาทและเอกสิทธิในอธิปไตยของประเทศนั้นๆ ในทางการทูตการตอบคำถามไม่มีประเทศไหนที่เขาระบุชัดเมื่อถูกถามในเรื่องเหล่านี้ ภาษาทางการทูตเขาจะบอกว่าไม่ยืนยันและก็ไม่ปฏิเสธด้วย แต่ความเป็นจริงแล้วเมื่อมีข่าวอย่างนี้จะเป็นจริงทุกเรื่องเช่นกรณีประเทศอังกฤษเพิกถอนวีซ่าทั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร

  

 "ดังนั้นความเคลื่อนไหวของสมาชิกพรรคเพื่อไทยจึงเป็นเรื่องที่สุ่มเสี่ยง การดำเนินการใดๆควรคำนึงถึงประเทศชาติมากกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ และต้องเคลื่อนไหวอยู่ในขอบเขตเพื่อประเทศชาติ มาเวลานี้การเคลื่อนไหวกลายเป็นเลยเถิดของเขตของการเมืองในประเทศควรจะต้องระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง" นายเทพไท กล่าว

 

 

กกต.นครราชสีมาแจ้งอาญา"บุญจง"

มติชน - พล.อ.วีรวุธ ส่งสาย ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จ.นครราชสีมา กล่าวว่า กกต.จังหวัดได้เข้าแจ้งความที่ สภ.จักราช จ.นครราชสีมา เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เพื่อให้ดำเนินคดีกับนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ตามคำสั่งของ กกต.กลาง ในข้อหาฝ่าฝืน (พ.ร.บ.) ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2550 มาตรา 53 (5) หลอกลวง ใส่ร้ายด้วยความเท็จจริงหรือจูงใจให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยมของผู้สมัครหรือพรรคการเมืองเพื่อจูงใจ ในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2550

 

"คดีนี้มีโทษจำคุก 1-10 ปี ปรับ 20,000-100,000 บาท พร้อมกับถูกตัดสิทธิทางการเมืองเป็นเวลา 10 ปี" พล.อ.วีรวุธกล่าว

 

พ.ต.ท.โสภณ รัตนสมัย รอง ผกก.สส.สภ.จักราช กล่าวว่า พล.ต.ต.ฉัตรกนก เขียวแสงส่อง ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา ได้สั่งการ พ.ต.อ.พงษ์เดช พรหมมิจิตร รอง ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา เป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวน รับผิดชอบดูแลคดีนี้ แต่ขณะนี้รัฐบาลยังอยู่ในสมัยเปิดประชุมสภา จึงไม่สามารถเรียกตัวนายบุญจงมารับทราบข้อกล่าวหาได้

 

 

ณัฐวุฒิยันสมชายออกรายการพรุ่งนี้เปิดใจ

ไอเอ็นเอ็น - นายณัฐวุฒิ ใสเกื้อ ผู้ดำเนินรายการ"ความจริงวันนี้" เปิดเผยสำนักข่าวไอเอ็นเอ็น เกี่ยวกับรายการความจริงวันนี้สีแดง ที่จะถ่ายทอดสดในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ นี้ว่า ได้มีการเชิญ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรีมาเปิดใจในรายการสดๆ โดยเนื้อหาในรายการจะเป็นการพูดและตอบคำถาม ที่ไม่เคยตอบที่ไหนมาก่อนเช่น ความรู้สึกขณะที่ถูกกองทัพกดดัน หรือปัจจัยในการตัดสินใจทางการเมืองต่างๆ

 

 

อย่างไรก็ตาม นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อด้วยว่า สำหรับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นั้น จะยังไม่มีการโฟนอินผ่านในรายการวันพรุ่งนี้ ส่วนเรื่องของการเดินทางไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ในต่างประเทศของบรรดา สส.พรรคเพื่อไทยนั้น ตนเองไม่ได้เดินทางไปเนื่องจากทำรายกรต่อเนื่อง ส่วน สส.ท่านอื่นจะมีใครไปหรือไม่ตนคงตอบแทนไม่ได้ รวมถึงเรื่องของการหาตัวหัวหน้าพรรคคนใหม่เช่นกันที่อาจจยังไม่มีข้อสรุปในเร็ววันนี้

 

 

ทอท.เร่งฟื้นฟูภาพลักษณ์หลังเหตุไม่สงบทางการเมือง

มติชน - บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) ซึ่งเป็นผู้บริหารท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่ง ได้แก่ ท่าอากาศยานดอนเมือง ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ท่าอากาศยานหาดใหญ่ ท่าอากาศยานภูเก็ต ท่าอากาศยานเชียงราย และท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้พิจารณาแต่งตั้งคณะทำงานเพื่อศึกษาแนวทางการฟื้นฟูภาพลักษณ์ความน่าเชื่อถือของ ทอท.อันเนื่องจากเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองที่ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ความน่าเชื่อถือของการให้บริการท่าอากาศยาน และการขนส่งทางอากาศ โดยมีกำหนดระยะเวลา ในการศึกษาแนวทางแล้วเสร็จภายใน 15 พฤษภาคม 2552

 

นายเสน่ห์ เชาว์สุรินทร์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (สายอำนวยการ) ทอท.ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานเพื่อศึกษาแนวทางการฟื้นฟูภาพลักษณ์ความน่าเชื่อถือของ ทอท.เปิดเผยว่า คณะทำงานฯ มีวัตถุประสงค์ในการศึกษาเพื่อให้ทราบปัญหาข้อขัดข้องต่างๆ ในการดำเนินการของท่าอากาศยานในความรับผิดชอบ ซึ่งปัญหาข้อขัดข้องต่างๆ ที่เกิดขึ้นจะทำให้เกิดผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือเกี่ยวกับมาตรฐานความปลอดภัย และการรักษาความปลอดภัยของท่าอากาศยาน ตลอดจนเป็นโอกาสในการเสนอแนะแนวทางการแก้ไขที่เป็นรูปธรรมได้มาตรฐานความปลอดภัย และการบริการที่เป็นสากล สามารถตรวจสอบได้ และนำไปดำเนินการได้จริง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ใช้บริการท่าอากาศยานของ ทอท.ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ

 

สำหรับการศึกษาในครั้งนี้ มีแนวคิดที่จะดำเนินการให้ครอบคลุมในด้านต่างๆ ได้แก่ ความปลอดภัยสนามบิน (Airport Safety) การรักษาความปลอดภัยสนามบิน (Airport Security) งานมาตรฐานสนามบิน (Airport Standard) งานปฏิบัติการสนามบิน (Airport Operation) และการบริหารจัดการท่าอากาศยาน (Airport Administration) โดยการศึกษาใช้วิธีเปรียบเทียบข้อมูลท่าอากาศยานปัจจุบันกับมาตรฐานสากล โดยอย่างน้อยต้องไม่ต่ำกว่ามาตรฐานองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (International Civil Aviation Organization : ICAO) มาตรฐาน Federal Aviation Administration : FAA หรือมาตรฐาน Joint Aviation Authority : JAA เป็นต้น   

 

นายเสน่ห์ เชาว์สุรินทร์ กล่าวปิดท้ายว่า คณะทำงานฯ จะจัดทำรายงานการศึกษาแนวทาง การฟื้นฟูภาพลักษณ์ความน่าเชื่อถือของ ทอท.ฉบับสมบูรณ์นำเสนอผู้บริหารระดับสูง เพื่อพิจารณา ดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ จะเป็นการสร้างความเชื่อมั่น และความพึงพอใจให้แก่สาธารณชน ผู้มีส่วนได้เสีย และผู้ใช้บริการท่าอากาศยาน ตลอดจนท่าอากาศยานทุกแห่งในความรับผิดชอบของ ทอท.สามารถให้บริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ และได้มาตรฐานสากล รวมทั้งจะส่งผลให้ภาพลักษณ์ความน่าเชื่อถือเกี่ยวกับมาตรฐานความปลอดภัย การรักษาความปลอดภัย และการให้บริการที่เป็นสากลของ ทอท.กลับคืนมาโดยเร็ว และเป็นที่ยอมรับมากยิ่งขึ้น

 

 


คุณภาพชีวิต


สคบ.แฉ"ฟิตเนส" อันตรายมีสัญญาผูกมัดเข้าแล้ว ห้ามออก ระบุ"แคลิฟอร์เนีย ว้าว"ไม่ใช้สิทธิจะถูกตัดเงิน

มติชน - เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ นางชื่นสุข เมธากุลวัฒน์ ผู้อำนวยการกองคุ้มครองผู้บริโภคด้านโฆษณา สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เปิดเผยในงานเสวนาผู้บริโภค เรื่อง "ฟิตเนส สัญญาอันตราย เข้าแล้ว ห้ามออก หลอกหรือโกง" ที่โรงแรมเซ็นจูรี ปาร์คว่า ปัจจุบันธุรกิจสถานบริการออกกำลังกาย หรือฟิตเนส แพร่กระจายอย่างรวดเร็ว ทั้งๆ ที่มีค่าใช้จ่ายในการเข้ารับบริการสูงเฉลี่ยเดือนละเกือบ 2 พันบาท หรือเรียกเก็บรายปีสูงกว่า 3 หมื่นบาท แต่ปัญหาคือ ผู้บริโภคส่วนใหญ่ไม่ได้ใช้บริการอย่างต่อเนื่อง เพราะไม่มีเวลา ทำให้ต้องจ่ายค่าบริการทั้งๆ ที่ไม่ได้ใช้ รวมทั้งข้อผูกมัดในสัญญาที่หมิ่นเหม่ไม่เป็นธรรมต่างๆ

 

นางชื่นสุขกล่าวว่า จากการเก็บสถิติในปี 2548-2551 พบว่ามีผู้ร้องเรียน สคบ.เกี่ยวกับธุรกิจฟิตเนสสูงถึง 893 ราย แบ่งเป็น 9 บริษัท โดยเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ 3 แห่ง ได้แก่ แคลิฟอร์เนีย ว้าว จำนวน 576 ราย สามารถเจรจาไกล่เกลี่ยได้ 386 ราย และอยู่ระหว่างเจรจาไกล่เกลี่ย 183 ราย ฟิตเนส เฟิร์ส ร้องเรียน 74 ราย เจรจาได้ 67 ราย อยู่ระหว่างเจรจาอีก 7 ราย และทรู ฟิตเนส 180 ราย เจรจาได้ 170 ราย อยู่ระหว่างเจรจา 10 ราย

 

นอกนั้นเป็นบริษัทรายย่อยที่ยกเลิกสัญญากับผู้บริโภค เนื่องจากต้องปิดกิจการจากปัญหาถูกยึดสถานที่ ทั้งๆ ที่ผู้บริโภคยังไม่ได้ใช้บริการตามที่สัญญากำหนด และไม่มีการคืนเงิน

 

"กรณีดังกล่าวมีผู้ร้องเรียนสูงถึง 63 ราย สคบ.ดำเนินการฟ้องร้องไปแล้วเพียง 1 ราย คือ เยส! ฟิตเนส นอกนั้นอยู่ระหว่างการเจรจา อย่างไรก็ตาม ปัญหาการร้องเรียนที่เกิดขึ้น ล้วนมาจากสัญญาผูกมัด ซึ่งสาเหตุมาจากเซลส์ที่ขายแพคเกจบอกรายละเอียดสัญญาไม่หมด หรือบอกหมดแต่มีลักษณะเกินจริง จนทำให้ผู้บริโภคหลงเชื่อ ที่สำคัญในสัญญาจะพิมพ์ด้วยตัวอักษรขนาดเล็ก ไม่น่าอ่าน ส่งผลให้ผู้บริโภคหลงเชื่อ จากการพิจารณาธุรกิจเหล่านี้ โดยเฉพาะแคลิฟอร์เนีย ว้าว จะมีสัญญาที่รัดกุมมาก ยกตัวอย่าง หากผู้บริโภคไม่ยอมเข้าไปใช้สิทธิในการออกกำลังกายตามระยะเวลาที่กำหนด จะถูกตัดเงิน ซึ่งผู้บริโภคก็จะรู้สึกไม่เป็นธรรม และต้องการเรียกร้องสิทธิ แต่ในสัญญามีการระบุเช่นนั้นจึงไม่สามารถทำอะไรได้ สคบ.ก็ทำหน้าที่ได้เพียงการไกล่เกลี่ย แต่ธุรกิจพวกนี้จะไม่ยอมจ่ายคืนเงิน และจะใช้วิธีให้บริการอื่นเพิ่ม เช่น สปา หรือโอนกรรมสิทธิ์ไปให้ผู้อื่นใช้แทน" นางชื่นสุขกล่าว

 

นางชื่นสุขกล่าวว่า นอกจากนี้ผู้บริโภคยังประสบปัญหาอุปกรณ์ในการออกกำลังกายไม่เพียงพอ เนื่องจากคนใช้บริการมีจำนวนมาก ทำให้ผู้บริโภครู้สึกเสียเปรียบ แต่เมื่อต้องการยกเลิกสัญญาก็ไม่สามารถทำได้ เพราะไม่ได้อยู่ในเงื่อนไข ต้องจำยอมจ่ายเงินไปเรื่อยๆ

 

ด้านนายอิฐบูรณ์ อ้นวงษา หัวหน้าศูนย์พิทักษ์สิทธิผู้บริโภค มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าวว่า ปี 2551 มีผู้เข้าร้องเรียนกับมูลนิธิ เกี่ยวกับความไม่เป็นธรรมที่เกิดขึ้น 36 ราย แบ่งเป็น แคลิฟอร์เนีย ว้าว 14 ราย ฟิตเนส เฟิร์ส 19 ราย และทรู ฟิตเนส 3 ราย ซึ่งปัญหาส่วนใหญ่สอดคล้องกับที่ สคบ.ให้ข้อมูล

 

"ปัญหาดังกล่าวควรมีกฎหมายควบคุมสถานออกกำลังกายเหล่านี้ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมต่อผู้บริโภคอย่างแท้จริง ที่ผ่านมาประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายใดๆ ควบคุมธุรกิจนี้ ทำให้ผู้บริโภคยังคงถูกเอาเปรียบ แม้จะมีการเซ็นสัญญา แต่ก็เป็นสัญญาที่ผู้บริโภคแทบไม่รู้อะไรเลย ที่สำคัญยังถูกกลุ่มพนักงานธุรกิจเหล่านี้โทรศัพท์ตามให้จ่ายเงิน ทั้งๆ ที่ไม่ได้ใช้บริการ" นายอิฐบูรณ์กล่าว

 

ขณะที่นายชัยรัตน์ จุมวงษ์ คณะกรรมการไกล่เกลี่ยเรื่องราวร้องทุกข์ผู้บริโภค สคบ. กล่าวว่า จากการพิจารณากฎหมายที่พอจะนำมาใช้ควบคุมธุรกิจประเภทนี้ พบว่ามีเพียงพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยสัญญาที่ไม่เป็นธรรม พ.ศ.2540 ของกระทรวงยุติธรรม (ยธ.) ซึ่งมาตรา 4 ระบุว่า ข้อตกลงในสัญญาระหว่างผู้บริโภคกับผู้ประกอบธุรกิจการค้า หรือวิชาชีพ หรือในสัญญาสำเร็จรูป หากมีผลให้คู่สัญญารับภาระเกินจริง ก็สามารถยกเลิกสัญญาได้ แต่ปัญหาคือ เป็นการยกเลิกในบางข้อบางกรณีเท่านั้น ดังนั้น จึงต้องมีการปรับปรุง พ.ร.บ.ดังกล่าว โดยหากพบความไม่เป็นธรรมต้องกำหนดให้สัญญานั้นๆ เป็นโมฆะทั้งฉบับทันที รวมทั้งต้องจ่ายเงินส่วนเกินที่ผู้บริโภคไม่ได้ใช้บริการด้วย และอาจต้องมีบทลงโทษต่อการกระทำดังกล่าว คาดว่าจะมีการหารือเรื่องนี้กับกระทรวงยุติธรรมต่อไป

 

ผู้สื่อข่าว "มติชน" พยายามติดต่อขอสัมภาษณ์ผู้ให้บริการธุรกิจออกกำลังกายทั้ง 3 ราย คือ แคลิฟอร์เนีย ว้าว, ฟิตเนส เฟิร์ส และทรู ฟิตเนส แต่ไม่สามารถติดต่อได้ อย่างไรก็ตาม ในส่วนของ เยส! ฟิตเนส ที่ถูก สคบ.ดำเนินการฟ้องร้อง พบว่าเป็นธุรกิจของบริษัท เอ็กซ์เซอร์เทนเมนท์ จำกัด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2546 ทุนจดทะเบียน 30 ล้านบาท ตั้งอยู่เลขที่ 97/11 ชั้น 6 ถนนราชดำริห์ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330 ทำธุรกิจประเภทการบริการสถานกีฬา - บริการ ขนาดเล็ก ปรากฏชื่อนายวันชาติ สวนรัตน์ เป็นกรรมการผู้มีอำนาจแทนบริษัท มีผู้ถือหุ้นจำนวน 7 ราย ประกอบด้วย บริษัท อีจีวี เอ็นเตอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) 59.9% บริษัท แอลแมค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด 40% ส่วนผู้ถือหุ้นที่เหลือเป็นบุคคลธรรมดา ได้แก่ นางนลินรัตน์ พูลวรลักษณ์, นางรุ่งทิพา เกษสุวรรณ, นายวิชัย พูลวรลักษณ์, นางสุภนิดา อุตสาหะพันธ์ และนายเสริมศักดิ ขวัญพ่วง

 

ผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์ไปยังบริษัท เอ็กซ์เซอร์เทนเมนท์ ตามที่แจ้งไว้ในข้อมูลการจดทะเบียนการจัดตั้งบริษัท แต่ปรากฏว่าเป็นเบอร์ต่อของบริษัท เมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) จากการสอบถามฝ่ายประชาสัมพันธ์ พบว่า เยส! ฟิตเนส เป็นธุรกิจที่ติดมากับอีจีวี หลังจากที่เมเจอร์ฯเข้าไปควบรวมกิจการกับอีจีวี ซึ่งปัจุบันได้ขายกิจการไปแล้ว

 

 

 ความมั่นคง

มทภ.2 ลั่นขอป้องอธิปไตย ไม่คิดถอนกำลังจนกว่าเจรจาเขาพระวิหารเสร็จ

แนวหน้า - พล.ท.วิบูลย์ศักดิ์ หนีพาล แม่ทัพภาคที่ 2 ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการลับ ลวง พราง ทางสถานีวิทยุเอฟเอ็ม 100.5 ถึงการเดินทางร่วมคณะรมว.กลาโหมในการเยือนประเทศกัมพูชาว่า รมว.กลาโหมและคณะรวมถึงผู้บังคับหน่วยทหารที่อยู่ติดชายแดนไทย-กัมพูชาเข้าไปเยี่ยมคำนับ เพื่อทำความรู้จัก หลังจากที่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม เพิ่งเข้ารับตำแหน่งใหม่ ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างดีมาก และมีความสัมพันธ์ที่ดี ส่วนปัญหาบริเวณปราสาทเขาพระวิหาร ได้หารือกันว่า ควรใช้การเจรจาในระดับคณะกรรมการที่ตั้งไว้ ซึ่งกัมพูชาพร้อมที่จะเจรจาร่วมกัน

  

พล.ท.วิบูลย์ศักดิ์ กล่าวว่า สำหรับการถอนกำลังตลอดแนว และทุกจุดที่มีปัญหาบริเวณเขาพระวิหารนั้น เราจะมาร่วมกันแก้ไขปัญหาต่างๆให้หมดไป และจะพยายามคลี่คลายเพื่อให้เข้าสู่ภาวะปกติ เชื่อว่า คงมีการถอนกำลังในเร็วๆนี้ ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการประสานงานในส่วนของเลขาฯของแต่ละคณะ ทั้งนี้จะไม่ถอนกำลังในส่วนของชุดประสานงาน เพราะเราต้องดูแลอธิปไตยของเรา ซึ่งขณะนี้ยังขยับอะไรไม่ได้จนกว่าจะเจรจาในรายละเอียดกัน ซึ่งกว่าจะมีการถอนกำลังคงต้องผ่านไปหลายขั้นตอน เพราะจะติดขั้นตอนทางกฎหมาย อย่างไรก็ตามในการหารือกับกัมพูชาเมื่อวันที่ 5 ก.พ.ที่ผ่านมา ยังไม่ได้หารือในเรื่องนี้ เพียงแต่เกริ่นปัญหากันเท่านั้น ไม่ได้พูดในรายละเอียด

  

เมื่อถามถึงกรณีที่สมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ได้ตกลงกับไทยแล้วในการถอนกำลังออกจากพื้นที่ พล.ท.วิบูลย์ศักดิ์ กล่าวว่า เขาคงวาดภาพว่า บรรยากาศคงจะดี และจะได้มีการท่องเที่ยวกัน ซึ่งในการพูดคุย สมเด็จฮุน เซนเป็นผู้หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาหารือ เมื่อถามว่า หากมีการถอนกำลังบริเวณปราสาทเขาพระวิหารจริง ไทยจะเสียเปรียบหรือไม่ พล.ท.วิบูลย์ศักดิ์ กล่าวว่า ไม่เสียเปรียบ เพราะเรามีแผนและขั้นตอนของเราที่จะดูแลอธิปไตยและเส้นเขตแดนตลอดแนว ทั้งนี้เราจะเปิดให้นักท่องเที่ยว และได้ขึ้นไปผามออีแดงได้แล้ว ซึ่งเราได้บอกกับท่านผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษไป 2-3 วันแล้ว รอเพียงท่านพร้อมเท่านั้นว่า หากปลอดภัยจะ เปิดให้ชาวบ้าน อ.กันทรลักษ์ ขึ้นมาขายของ และให้นักท่องเที่ยวขึ้นมาชมผามออีแดงได้ ซึ่งที่ผ่านมา เราปิดผามออีแดง เพื่อความปลอดภัย แต่ขณะนี้สถานการณ์ปลอดภัยแล้วจึงเปิดให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปได้

  

เมื่อถามถึงกรณีที่กัมพูชาได้สร้างถนนที่จะขึ้นไปยังปราสาทเขาพระวิหาร พล.อ.วิบูลย์ศักดิ์ กล่าวว่า เขาใช้ถนนเดิมที่เขาสร้างในการขึ้นปราสาทเขาพระวิหาร แต่เมื่อเขาเข้าพื้นที่อ้างสิทธิ์เราต้องให้เขาหยุด เพราะ ต้องผ่านตรงพื้นที่ที่มีปัญหา ซึ่งเราจะยึดถือเส้นเขตแดนหากเขาเข้ามาก็บอกให้เขาหยุด เพราะต้องรอให้มีการปักปันเขตแดนเสียก่อน ซึ่งที่ผ่านมาเขาพยายามเข้ามาโดยตลอด ทั้งนี้กำลังทหารของไทยที่อยู่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชายังคงอยู่เหมือนเดิม และยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร ทั้งนี้ยืนยันว่า ไทยจะไม่เสียเปรียบแน่นอน

 

 

ภาคใต้

กองกำลังแต่งกายคล้ายทหารยิงปืนใส่ชาวบ้าน อ.ยะรัง

ปัตตานีโพสต์ - วันนี้ (6 ก.พ. 52) เวลา 8.00 น. โดยประมาณ ได้มีชาวบ้าน (ไม่ประสงค์ออกนาม) ติดต่อมายังสหพันธ์นิสิตนักศึกษาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (สนน.จชต.) เพื่อขอคำปรึกษาและขอความช่วยเหลือ โดยแจ้งมาว่า เมื่อวันพุธ ที่ 4 กุมภาพันธ์ 2552 เวลาประมาณ 18.00 น. ได้มีกองกำลังไม่ทราบฝ่ายแต่งกายคล้ายทหาร 1 คันรถ เข้ามาในหมู่บ้านบาโงกาบู ต.เมาะมาวี อ.ยะรัง จ.ปัตตานี แล้วได้เรียกชาวบ้านให้ออกมา และแจ้งว่า วันศุกร์ (6 ก.พ. 52) จะมาแจก "ยา" จากนั้นได้ยิงปืนหลายนัด ทำให้ชาวบ้านแตกตื่นตกใจ วิ่งหนีคนละทิศคนละทาง ส่วนคนร้ายได้ขับรถอย่างรวดเร็ว เลี้ยวเข้าไปในวัด ซึ่งอยู่ห่างจากสถานที่เกิดเหตุ ประมาณ 500 เมตร

 

ชาวบ้านคนดังกล่าวยังกล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า"พวกเรา(ชาวบ้าน)กลัวมากๆ พวกเรากลัวว่าจะไม่ปลอดภัย เพราะ 3 อาทิตย์ (16 ม.ค. 52) ที่แล้ว เกิดเหตุเจ้าหน้าที่วิสามัญคนพิการ โดยอ้างว่ามีการปะทะกัน ชาวบ้านไม่กล้ามาละหมาดที่มัสยิด วันศุกร์ที่ผ่านมา มีชาวบ้านมาละหมาดแค่ 2 แถวเท่านั้น ไม่ครบ 40 คน ตามกฎเกณฑ์ของการละหมาดวันศุกร์ "

 

หมายเหตุ:

เป็นที่เข้าใจของชาวบ้านในรอบๆบริเวณนั้นว่า "ยา" หมายถึง กระสุนปืน

 

ข้อสังเกต:

วัดดังกล่าว เป็นสถานที่ตั้งของค่ายทหาร หน่วยเฉพาะกิจ(ฉก.) ที่รับผิดชอบพื้นที่ ต.เมาะมาวี อ.ยะรัง จ.ปัตตานี

 

 

วธ.ให้ตำบลละ4หมื่นตั้งเวทีประชาคมวัฒนธรรมไทยดับไฟใต้

คมชัดลึก- เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2552 ที่โรงแรมซีเอส จ.ปัตตานี นายธีระ สลักเพชร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) เป็นประธานในการประชุมสัมมนานักวิชาการวัฒนธรรมและผู้นำท้องถิ่น จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยนายธีระ กล่าวมอบนโยบายเรื่องการนำมิติทางวัฒนธรรมแก้ไขและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า หลังจากที่ได้ลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ร่วมกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี รัฐบาลมีความเห็นตรงกันว่า ต่อจากนี้ไปในปีงบประมาณ 2553 จะแยกให้แต่ละกระทรวงตั้งงบประมาณในการทำงานในพื้นที่ 3จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อความสะดวกและคล่องตัว

  

ในส่วนของกระทรวงวัฒนธรรมนั้น ถือว่าเป็นหน่วยงานแรกที่ลงพื้นที่รับฟังและแก้ปัญหาความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนใต้โดยใช้มิติทางวัฒนธรรมเป็นตัวเชื่อมระหว่างชาวไทยพุทธและมุสลิม โดยใช้ยุทธศาสตร์เวทีประชาคมวัฒนธรรมไทยสายใยชุมชน เป็นตัวขับเคลื่อนงาน โดยมี 4 เสาหลัก คือ ผู้นำศาสนา เช่น โต๊ะอิหม่าม พระสงฆ์ ผู้นำท้องถิ่น เช่น องค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.) ผู้นำท้องที่ เช่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และผู้นำธรรมชาติ เช่น ปราญช์ชาวบ้าน ร่วมกันตั้งเป็นสภาวัฒนธรรมหมู่บ้าน

  

นายธีระกล่าวอีกว่า ที่สำคัญจะต้องมีอาสาสมัครวัฒนธรรมหมู่บ้าน มีมากเท่าไหรยิ่งดี เพื่อทำหน้าที่อนุรักษ์ ส่งเสริมงานด้านวัฒนธรรมในหมู่บ้านของตนเอง ผ่านศูนย์วัฒนธรรมไทยสายใยชุมชนที่จะเน้นกิจกรรมที่ส่งเสริมมิติวัฒนธรรม 5 ด้าน ได้แก่ 1.วิถีชีวิต การดำรงชีพ 2.ภาษา และวรรณกรรม 3.ศาสนา ประเพณี ความเชื่อ 4.สุนทรียศาสตร์ และ 5.ชาติพันธุ์ ซึ่งจะนำไปสู่การอนุรักษ์ สืบทอด ปลูกจิตสำนึก สร้างค่านิยมอันดี นำทุนทางวัฒนธรรมมาเพิ่มคุณค่าและมูลค่า พร้อมทั้งจัดเก็บเป็นฐานข้อมูลและองค์ความรู้ โดยกระทรวงวัฒนธรรมจะจัดสรรงบประมาณให้ตำบลใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 4 อำเภอใน จ.สงขลา รวมทั้งสิ้น 326 แห่ง แห่งละ 4 หมื่นบาท รวมทั้งสิ้นกว่า 16 ล้านบาท ซึ่งสามารถเบิกจ่ายได้ภายในเดือนมีนาคม

  

นอกจากนี้ในส่วนของรัฐบาลจะมีการจัดสรรงบประมาณจากกองทุนเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งในปีนี้แต่ละหมู่บ้านจะได้รับงบประมาณมากกว่าโครงการเอสเอ็มแอลอีกเท่าตัว รวมไปถึงงบประมาณจากศอ.บต.อีกหมู่บ้านละ 2.2 แสนบาท และในปี 2553 กระทรวงวัฒนธรรมจะจัดตั้งงบประมาณมาให้อีก เพื่อให้โครงการดังกล่าวดำเนินการให้สำเร็จและต่อเนื่อง

  

"วันนี้นายกรัฐมนตรีประกาศชัดเจนว่า จะนำมิติทางวัฒนธรรมแก้ปัญหาชายแดนภาคใต้ ดังนั้น ภาคีทุกภาคส่วนต้องมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนโครงการวัฒนธรรมไทยสายใยชุมชน อาทิ หมอ อนามัย ครู เกษตรตำบล กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ที่สำคัญต้องให้แต่ละหมู่บ้านคิดโครงการของตนเอง โดยเรียงลำดับความสำคัญก่อนหลัง และกำหนดงบประมาณ โดยมีเจ้าหน้าที่วัฒนธรรมอำเภอคอยเป็นผู้ประสานงาน ทั้งนี้หัวใจสำคัญที่จะทำโครงการนี้สำเร็จได้คือ การสร้างเวทีประชาคมวัฒนธรรมไทยสายใยชุมชน ให้เกิดความเข้มแข็ง ควบคู่ไปกับโครงการสันติสุขตำบลของกองทัพด้วย เพื่อให้พื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้กลับไปสงบสุขเหมือนปี 2542" รมว.วัฒนธรรม กล่าว

  

นายธีรเทพ ศรียะพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี กล่าวว่า ปัตตานีแบ่งการปกครองออกเป็น 12 อำเภอ 114 ตำบล 642 หมู่บ้าน 12 เทศบาล และ 101 อบต. มีประชากรทั้งสิ้น 637,855 คน ประชากรนับถือศาสนาพุทธ ร้อยละ 14.09 ศาสนาอิสลามร้อยละ 85.85 และศาสนาอื่นๆ ร้อยละ0.06 ซึ่งปัตตานีเป็นจังหวัดที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน มีหลักฐานทางโบราณคดีต่างๆ ปรากฏจนถึงปัจจุบัน การอยู่ร่วมกันท่ามกลางความแตกต่างทางชาติพันธ์ด้วยความสมานฉันท์ และความเข้าใจในการนับถือศาสนาที่แตกต่างได้สร้างความสงบสุข สันติสุขมาโดยตลอด นอกจากนี้ยังเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวทางธรรมชาติและวัฒนธรรมสูง

  

"จากประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา พบว่า จ.ปัตตานี มีการติดต่อค้าขายกับนานาอารยประเทศ เป็นศูนย์เชื่อมโยงซีกโลกตะวันตกกับตะวันออก จึงเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง ส่งผลให้ปัตตานีเป็นจังหวัดที่มีเอกลักษณ์ทางศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรมที่โดดเด่น วิถีการดำรงชีวิต ผมคิดว่า การนำนโยบายของรัฐเพื่อแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยใช้มิติทางวัฒนธรรมเป็นกระบวนการเน้นการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนจะต้องประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน สุดท้ายนี้ผมขอขอบพระคุณที่ได้ให้เกียรติมาเยียมเยียน เพื่อเป็นขวัญกำลังใจข้าราชการ ตลอดจนพี่น้องชาวจังหวัดชายแดนภาคใต้" นายธีรเทพกล่าว

  

 

รมว.ยุติธรรมลงพื้นที่ลุยคดี"ทนายสมชาย"

มติชน - เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อม พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนชุดคลี่คลายการหายตัวของนายสมชาย นีละไพจิตร อดีตประธานชมรมนักกฎหมายมุสลิม และ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พร้อมคณะ เข้าตรวจสอบพื้นที่ 2 จุดใน จ.ราชบุรี ซึ่งเป็นจุดที่ชุดสืบสวนพบเศษชิ้นส่วนโครงกระดูกมนุษย์ โดยคาดว่า จะเชื่อมโยงกับคดีการหายตัวไปของนายสมชาย โดยจุดแรกอยู่ในพื้นที่ทำลายวัตถุระเบิดของทหาร และจุดที่ 2 คือ ท่าน้ำร้านอาหารเรือนแพ ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำแม่กลอง ทั้งนี้ ช่วงที่นายพีระพันธุ์ เข้าตรวจสอบพื้นที่เผาทำลายวัตถุระเบิดเขาหลวง (โป่งอีเก้ง) ได้จุดธูปไหว้ด้วย

 

นายพีระพันธุ์กล่าวว่า จะเร่งดำเนินการอย่างเต็มที่ เพราะหลักฐานเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ชิ้นส่วนที่พบยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นชิ้นส่วนของนายสมชายหรือไม่ โดยต้องรอผลการตรวจพิสูจน์เป็นเวลา 5 วัน แต่วัตถุที่พบน่าเชื่อได้ว่าเพียงพอว่านายสมชายเสียชีวิตแล้วหรือไม่ ส่วนการจุดธูปไม่ได้อธิษฐานขออะไร แต่เป็นการเคารพผู้เสียชีวิตในบริเวณดังกล่าว เพราะได้รับรายงานว่าเป็นพื้นที่ที่มีการนำศพมาเผาทำลาย ดังนั้นจะประสานยังกองทัพบก ให้นำกำลังมาช่วยตรวจค้นอย่างละเอียด นอกจากนี้จะประสานให้กองทัพเรือนำเครื่องสแกนใต้น้ำมาช่วยตรวจพิสูจน์ในแม่น้ำแม่กลอง

 

 

ต่างประเทศ

พรรคเดโมแครตดิ้นผ่านแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจ

เดลินิวส์ - นายแฮร์รี รีด ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภา จากพรรคเดโมแครต กล่าวต่อเพื่อนสมาชิกเมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาว่า เขาหวังว่าจะสามารถอภิปราย เรื่องมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 937,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 32.79 ล้านล้านบาท) ได้ในวันศุกร์ตามเวลาในไทยและมั่นใจว่าจะผ่านสภาได้ในที่สุด

 

นายรีด ระบุด้วยว่า หากไม่มีความคืบหน้าในวันศุกร์ เขาจะยื่นญัตติขอเปิดลงมติในวันเสาร์หรือวันอาทิตย์ อย่างไรก็ตาม เขายังคงมั่นใจว่าจะระดมเสียงวุฒิสมาชิกได้ 60 เสียง จากทั้งหมด 100 เสียง เพื่อจบการอภิปรายและเปิดการลงมติต่อไป คาดว่าอาจจะเป็นวันจันทร์ นายรีด ยืนยันกับผู้สื่อข่าวว่า จะผ่านมาตรการนี้ให้ได้

 

รายงานข่าวระบุว่า วุฒิสมาชิกสายกลางของ ทั้ง 2 พรรคกำลังทำข้อตกลงลดจำนวนเงินในมาตร การลง 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3.5 ล้านล้านบาท) เหลือ 837,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 29.29 ล้านล้านบาท) ซึ่งประธานาธิบดีโอบามา อาจยอมรับตัวเลขนี้ เพราะยังอยู่ในเกณฑ์ 800,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่รัฐบาลเสนอไว้ตอนแรก

 

นายโอบามา ซึ่งก็ตอบโต้เสียงวิพากษ์ วิจารณ์ของพรรครีพับลิกันในการกล่าวสุนทรพจน์ต่อที่ประชุม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคเดโมแครต ในเมืองวิลเลียมสเบิร์ก รัฐเวอร์จิเนีย ระบุว่า ชัยชนะในการเลือกตั้งของเขาในเดือน พ.ย.ปีที่แล้ว เป็นการปฏิเสธ ของประชาชนต่อทฤษฎีที่ผิดพลาด นโยบายหยุมหยิม และข้อกล่าวอ้างที่ไร้เหตุผลของรัฐบาล ชุดก่อน

 

ส่วนนางฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศ คนใหม่ของสหรัฐ เลือกเดินทางเยือนอินโดนีเซียในการเยือนต่างประเทศครั้งแรกของเธอ เพราะเธอต้องการให้ความสำคัญกับโลกมุสลิม โดยนายโรเบิร์ต วู้ด โฆษกกระทรวงต่างประเทศ กล่าวกับผู้สื่อข่าวที่ถามว่า ทำไมนางฮิลลารีพ่วงอินโดนีเซียในการเยือนเอเชีย ว่า อินโดนีเซียเป็นประเทศสำคัญสำหรับสหรัฐ เพราะเป็นประเทศมุสลิมใหญ่ที่สุด ขณะที่ นายฮัสซัน วิราจูดา รัฐมนตรีต่างประเทศอินโดนีเซีย แสดงความยินดีต่อการตัดสินใจของนางฮิลลารีที่เยือนอินโดนีเซียเป็นประเทศแรกเพื่อปรับปรุงความสัมพันธ์กับโลกมุสลิม.

 

 

 

รัฐบาลมาเลย์เปิดศึกชิงอำนาจรัฐเประ

เดลินิวส์ - รัฐบาลผสมแห่งชาติมาเลเซีย ยึดอำนาจในรัฐเประ ซึ่งเป็นรัฐสำคัญอีกรัฐหนึ่ง จุดชนวนให้เกิดข้อกล่าวหาว่ารัฐบาลก่อรัฐประหารยึดอำนาจจากพรรคฝ่ายค้าน ซึ่งหัวหน้าฝ่ายค้านดำรงตำแหน่งมุขมนตรีอยู่ในรัฐนี้ ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวออกจากสำนักงานของเขา เพื่อบังคับให้มอบอำนาจให้สมาชิก ฝ่ายรัฐบาล

 

พรรคปาคาตัน รัคยัต ซึ่งเป็นพันธมิตรพรรคฝ่ายค้าน ยืนยันว่า พรรคยังคงควบคุมรัฐเประอยู่ ซึ่งเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งของสุลต่านแห่งรัฐเประที่ให้ฝ่ายค้านยอมมอบอำนาจให้ฝ่ายรัฐบาลควบคุมสภานิติบัญญัติของรัฐ หลังจากมีสมาชิกพรรคฝ่ายค้านแปรพักตร์ 4 คน ทำให้ไม่ได้ครองเสียงข้างมาก ส่วนพรรคร่วมรัฐบาลบาริซาน เนชั่นแนล ซึ่งปกครอง มาเลเซียเป็นเวลา 50 ปีแล้ว กล่าวว่า พรรคมีจำนวนสมาชิกมากกว่าในการควบคุมสภานิติบัญญัติของรัฐ และให้ผู้นำคนใหม่สาบานตนที่พระราชวังแล้วเมื่อวันศุกร์ (6 ก.พ.)

 

ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจมาเลเซียยิงแก๊สน้ำตาเข้าใส่กลุ่มสนับสนุนผู้นำพรรคฝ่ายค้านเกือบ 3,000 คน ซึ่งถูกพาตัวออกไปจากสำนักงาน เมื่อเขาปฏิเสธที่จะยกตำแหน่งมุขมนตรีของเขาในการแย่งชิงกันทางการเมืองว่าพรรคไหนจะได้ครอบครองสภานิติ บัญญัติของรัฐเประ โดยผู้ประท้วงมารวมตัวกันที่มัสยิดในบริเวณใกล้เคียง ก่อนถูกยิงแก๊สน้ำตาเข้าใส่เพื่อสลายการชุมนุมขัดขวางไม่ให้พวกเขาเดินขบวนไปยังพระราชวัง และทำให้สถานการณ์ตึงเครียด เมื่อมีการปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปราบจลาจลประมาณ 100 นาย

 

นายโมฮัมหมัด นีซาร์ จามาลุดดิน มุข มนตรีของรัฐ และเป็นหัวหน้าฝ่ายค้าน กล่าวหลังจากถูกตำรวจอุ้มออกไปจากสำนักงานของเขา ว่า นี้เป็นการก่อรัฐประหารยึดอำนาจ พวกเขาควรจะปฏิบัติตามกระบวนการที่เหมาะสม ไม่ควรทำอะไรที่ผิดกฎหมายอย่างนี้

 

นายโมฮัมหมัด นีซาร์ ไปทำงานตามปกติเมื่อวันศุกร์ หลังจากถูกควบคุมตัวอยู่ที่บ้านพัก อย่างเป็นทางการเมื่อคืนที่ผ่านมา ขณะที่ผู้สนับสนุนพรรคฝ่ายค้านประมาณ 6,000 คน ส่งเสียงประท้วงอยู่ด้านนอก

 

 

โตโยต้าคาดขาดทุนย่อยยับในรอบเกือบ 60 ปี

เดลินิวส์- โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่น ซึ่งประสบปัญหายอดขายดิ่งลงต่ำสุดในไตรมาสเดือน ต.ค.-ธ.ค. และยอมรับ เมื่อวันศุกร์ว่า จะประสบปัญหาขาดทุนเป็นปีแรกตั้งแต่ปี 2493 หรือในรอบเกือบ 60 ปี เพราะยอดขายทั่วโลกลดลงและค่าเงินเยนแข็ง โดยโตโยต้า คาดว่าจะขาดทุนสุทธิมหาศาลถึง 350,000 ล้านเยน หรือประมาณ 3,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 140,000 ล้านบาท) สำหรับปีการเงินที่จะสิ้นสุด เดือน มี.ค.นี้ ทั้ง ๆ ที่ปีก่อนโตโยต้าทำกำไรจากยอดขายรถยนต์พันธุ์ผสมพรีอุสและเลกซัสที่สูงถึง 1.72 ล้านล้านเยน

 

ทั้งนี้ความต้องการรถยนต์ที่ลดลงอย่างรวดเร็วเมื่อปลายปีก่อน ทำให้บรรดาผู้ผลิตรถยนต์ทั่วโลกต่างได้รับผลกระทบอย่างไม่ทันตั้งตัว โดยเฉพาะโตโยต้า ที่ได้รับความเดือดร้อนชัดเจนที่สุด จากการเร่งเพิ่มกำลังการผลิตมากเกินไป เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ยอดขายรถยนต์ของโตโยต้าทั่วโลกในไตรมาสเดือน ต.ค.-ธ.ค. ลดลง 443,000 คันจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เหลืออยู่ที่ 1.84 ล้านคัน เพราะยอดขายตกทั่วโลก รวมทั้งอเมริกาเหนือ ยุโรป ญี่ปุ่นและเอเชีย

 

ขณะที่บริษัทชาร์ป ผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าของญี่ปุ่น คาดจะประสบภาวะขาดทุนเป็นครั้งแรก ในปีนี้ เนื่องจากวิกฤติเศรษฐกิจโลกลามมาถึงสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และมูลค่าหุ้นของบริษัทฯ ลดลง โดยชาร์ป คาดว่าจะขาดทุน 300,000 ล้านเยน หรือประมาณ 335 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (11,730 ล้านบาท) ในปีงบประมาณที่จะสิ้นสุดลงในวันที่ 31 มี.ค. นี้ ลดลงจากก่อนหน้าที่คาดว่าจะได้กำไร 130,000 ล้านเยน ซึ่งจะนับเป็นการขาดทุนครั้งแรก ตั้งแต่ที่มีรายงานผลประกอบการของบริษัทฯ และทางบริษัทจะลดพนักงานลงอีก 1,500 ตำแหน่ง

 

ส่วนสายการบินเจแปน แอร์ไลน์ส ของญี่ปุ่นเผยว่า ขาดทุนในไตรมาสที่ 3 ของปีการเงินนี้เป็นเงิน 38,500 ล้านเยน (ราว 14,805 ล้านบาท) เนื่องจากจำนวนผู้ใช้บริการเดินทางและการขนส่ง ทางอากาศลดลงจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ และคาดว่าจะประสบปัญหาขาดทุนในปีการเงินที่จะสิ้นสุดในเดือน มี.ค.นี้ 34,000 ล้านเยน (ราว 13,090 ล้านบาท)

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท