Skip to main content
sharethis

รายงานข่าวจากการประปาส่วนภูมิภาคแจ้งว่า นายมนตรี อารีรัตน์ รองผู้ว่าการการประปาส่วนภูมิภาค (ปฏิบัติการ 5) ได้มีบันทึกที่ มท 55500/6 เรื่องการจ้างเอกชนบริหารจัดการผลิตน้ำประปาและบำรุงรักษาระบบน้ำประปาที่ สำนักงานประปาหาดใหญ่ ลงวันที่ 13 มกราคม 2552 ถึงผู้ว่าการการประประปาส่วนภูมิภาค รายงานความคืบหน้าการจ้างเอกชนบริหารจัดการผลิตน้ำประปาและบำรุงรักษาระบบประปา สำนักงานประปาหาดใหญ่ สำนักงานประปาสุราษฎร์ธานี สำนักงานประปาชุมพร

เนื้อหาในบันทึกฉบับดังกล่าวระบุว่าได้จัดประชุมชี้แจงพนักงานสำนักงานประปาหาดใหญ่ และตัวแทนสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการประปาส่วนภูมิภาค เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2552 โดยแจ้งให้พนักงานทราบว่า ไม่มีนโยบายโยกย้ายพนักงานหรือเลิกจ้างลูกจ้าง ในส่วนของพนักงานผลิตน้ำประปาจะมอบหมายให้ไปปฏิบัติหน้าที่งานบริการและลดน้ำสูญเสีย ส่วนผู้ที่ประสงค์จะขอย้ายไปสังกัดสำนักงานประปาอื่นๆ การประปาส่วนภูมิภาคจะพิจารณาให้เป็นกรณีพิเศษ

พนักงานสำนักงานประปาหาดใหญ่ และตัวแทนสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการประปาส่วนภูมิภาค เห็นว่าควรยุติโครงการจ้างเอกชนบริหารจัดการผลิตน้ำประปา และบำรุงรักษาระบบประปาของสำนักงานหาดใหญ่ และสำนักงานอื่นๆ ทั้งหมด

เพื่อเป็นการรักษาความสัมพันธ์อันดีระหว่างผู้บริหารและพนักงาน เห็นควรชะลอการจ้างเอกชนบริหารจัดการผลิตน้ำประปา และบำรุงรักษาระบบน้ำประปาของสำนักงานประปาหาดใหญ่ไว้ก่อน จนกว่าจะได้ชี้แจงทำความเข้าใจกับพนักงานสำนักงานประปาหาดใหญ่ และสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการประส่วนภูมิภาคเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ส่วนการจ้างเอกชนบริการจัดการผลิตน้ำประปา และบำรุงรักษาระบบประปา ที่สำนักงานประปาสุราษฎร์ธานี และสำนักงานประปาชุมพร จะดำเนินการตามที่ได้รับมอบหมายต่อไป โดยขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการร่างข้อกำหนดขอบเขตของงาน และชี้แจงพนักงานสำนักงานประปาสุราษฎร์ธานี พนักงานสำนักงานประปาชุมพร พร้อมตัวแทนสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการประปาส่วนภูมิภาค

วันเดียวกัน นายชวลิต สารันต์ ผู้ว่าการการประปาส่วนภูมิภาค ลงนามรับทราบ พร้อมกับแทงหนังสือให้นำกรณีดังกล่าว แจ้งคณะกรรมการกิจการฯ พิจารณา

ต่อมา เมื่อเวลาประมาณ 18.00 น. วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2552 ที่บ้านพักคณาจารย์มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ นายวิรุฬห์ สะแกคุ้ม รองเลขาธิการฝ่ายปฏิบัติการสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ สาขาหาดใหญ่ ตัวแทนพนักงานสำนักงานประปาหาดใหญ่ และตัวแทนกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจังหวัดสงขลาประมาณ 20 คน ได้เข้าพบนายประเสริฐ ชิตพงศ์ สมาชิกวุฒิสภา จังหวัดสงขลา ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาและติดตามการแก้ไขปัญหาพื้นที่ลุ่ม น้ำทะเลสาบสงขลา วุฒิสภา

จากนั้น ได้ยื่นหนังสือ ที่ พธม.สข./001/2552 ลงที่อยู่ 4/1 ถนนรถไฟ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา 90110 เรื่องคัดค้านการว่าจ้างเอกชนผลิตน้ำประปาของการประหาดใหญ่ ลงวันที่ 26 มกราคม 2552 ลงนามโดยนายสุมิตร นวลมณี รองประธานฝ่ายการปฏิบัติการพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และนายวิรุฬห์ สะแกคุ้ม พร้อมกับแนบเอกสารประกอบจำนวน 8 ชุด นายประเสริฐรับว่า จะนำเสนอคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา พิจารณาต่อไป

สำหรับเนื้อหาในหนังสือฉบับดังกล่าว ระบุว่าโครงการว่าจ้างเอกชนบริหารจัดการผลิตน้ำประปา และบำรุงรักษาระบบประปาของสำนักงานประปาหาดใหญ่ ชุมพร และสุราษฎร์ธานี ทำให้รัฐและประชาชนได้รับความเสียหาย เข้าข่ายการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ซึ่งขัดต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มาตรา 84 (10) จึงขอให้ทางวุฒิสมาชิกหาทางยับยั้งและยกเลิกโครงการดังกล่าว เพื่อผลประโยชน์ของชาติและประชาชน

สำหรับมาตรา 84 (10) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 อยู่ในส่วนที่ 7 แนวนโยบายด้านเศรษฐกิจมีความว่า รัฐต้องดำเนินการตามแนวนโยบายด้านเศรษฐกิจ ดังต่อไปนี้ (10) จัดให้มีสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานอันจำเป็นต่อการดำรงชีวิตของประชาชน เพื่อประโยชน์ในการรักษาความมั่นคงของรัฐในทางเศรษฐกิจ และต้องมิให้สาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน อันจำเป็นต่อการดำรงชีวิตของประชาชนอยู่ในความผูกขาดของเอกชน อันอาจก่อความเสียหายแก่รัฐ

นายประเสริฐ เปิดเผยว่าเขาจะหารือกับประธานวุฒิสภา เพื่อผลักดันให้ส่งเรื่องนี้ไปยังคณะกรรมาธิการศึกษาตรวจสอบการทุจริตและ เสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา มีนางสาวรสนา โตสิตระกูล สว. กรุงเทพฯ เป็นประธาน และคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา มีนายสมชาย แสวงการ สว. สรรหา เป็นประธาน ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง

"สิ่งที่ต้องทำก่อน คือ ตั้งกระทู้ถามรัฐบาล ไม่ว่ารัฐบาลจะตอบอย่างไร ก็ต้องประกาศในราชกิจนุเบกษา ถือเป็นพันธสัญญาต่อประชาชน จากนั้นมาดูคำตอบกันอีกทีว่า รัฐบาลจะปรับปรุงเปลี่ยนแปลง ยกเลิก หรือจะเดินหน้าต่อ ซึ่งหน้าที่ของวุฒิสภาที่จะต้องตรวจสอบติดตามกันต่อไป โดยยึดประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก ไม่ให้ประชาชนถูกเอาเปรียบ" นายประเสริฐ กล่าว

ต่อมา วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2552 คณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาและติดตามการแก้ไขปัญหาพื้นที่ลุ่มน้ำทะเลสาบ สงขลา วุฒิสภา ได้เดินทางไปยังสำนักงานประปาหาดใหญ่ เพื่อเยี่ยมชมโรงกรองน้ำและรับฟังบรรยายสรุปการแก้ปัญหาและแนวทางแก้ไขปัญหา น้ำเสียในคลองอู่ตะเภา แนวทางการแก้ปัญหาคุณภาพน้ำประปาหาดใหญ่ และแนวทางจัดการน้ำเสียที่ไหลลงสู่ทะเลสาบสงขลา

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net