เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2552 ที่ผ่านมาชาวบ้าน ต.ปริก และ ต.สะเดา อ.สะเดา จ.สงขลา กว่า 500 คน ร่วมประท้วงปิดถนนกาญจนวณิชย์ สายหาดใหญ่ - สะเดา หน้าบริษัท เซฟสกิน เมคดิคอล แอนด์ ไซเอนทิฟิก (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายถุงมือยางรายใหญ่ เพื่อคัดค้านการใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิง โดยเรียกร้องให้ยุติการนำถ่านหินมาเป็นเชื้อเพลิงในการผลิตถุงมือยางแทนพลังงานชนิดอื่น ทำให้ถนนสายดังกล่าวเป็นอัมพาต รถทุกชนิดไม่สามารถผ่านได้
โดยตัวแทนชาวบ้านได้ยื่นข้อเสนอขอเจรจากับ นาย
นาย
นายสหัส กล่าวต่ออีกว่า ได้ทราบข่าวมาว่า จะมีการเริ่มใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลงอย่างเป็นทางการในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ นี้ และขณะนี้ในโรงงานมีถ่านหินมากองอยู่แล้วประมาณ 600 ตัน ดังนั้น หากผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ไม่มาเจรจากับชาวบ้านก็จะมีการชุมนุมประท้วงยืดเยื้อจนกว่าทางจังหวัดจะดำเนินการให้บริษัท เซฟสกินฯ ยกเลิกการใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิง
ส่วนรถบรรทุกสินค้าที่จะข้ามไปส่งสินค้ายังฝั่งประเทศมาเลเซียต้องจอดติดยาวเป็นอัมพาตบนถนน ซึ่งเป็นเส้นทางหลักที่สามารถเดินทางไปยังด่านตรวจคนเข้าเมืองสะเดาได้ ขณะที่ชาวบ้านยังคงทยอยมาชุมนุมกันอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม การชุมนุมได้ยืดออกไปในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2552 โดยกลุ่มผู้ชุมนุมไม่ยอให้รถยนต์ขับผ่านไปได้ ยกเว้นรถรับส่งนักเรียนเท่านั้น ขณะเดียวกับตัวแทนผู้ชุมนุม 4 คน นำโดยนาย
โดยในการไต่สวนคำฟ้องนั้น นอกจากนายบัญญัติ ที่ได้เบิกความในฐานะตัวแทนชาวบ้านซึ่งเป็นผู้ฟ้องแล้ว ศาลได้มีหมายเรียกนาย
นายบัญญัติได้เบิกความสรุปว่า เหตุที่ยื่นคำร้องดังกล่าวเนื่องจากเกรงว่าการใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยของชาวบ้านและมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
ในขณะที่นาย
ทั้งนี้การไต่สวนใช้เวลาถึง 7 ชั่วโมง โดยเสร็จสิ้นเวลา20.00น. โดยศาลแถลงว่า จะเสนอให้องค์คณะตุลาการพิจารณาโดยเร็วที่สุด และได้นัดฟังคำสั่งศาลปกครองภายใน 2 วัน
นายบัญญัติ กล่าวหลังการไต่สวนว่า ทางกลุ่มก็ต้องรอคำสั่งของศาลปกครองและจะเคารพในคำตัดสิน ส่วนจะหยุดการปิดถนนประท้วงหรือไม่นั้นต้องปรึกษากับทางแกนนำก่อน
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)