(SHAN - 04/02/52) - แม้ว่าการปลูกฝิ่นในรัฐฉานในช่วงฤดูปลูกล่าสุดที่ผ่านมา จะมีปริมาณมากกว่าฤดูก่อนๆ แต่ผลผลิตกลับลดลงหลายเท่าตัว เหตุเนื่องจากเผชิญกับฝนตกชุกและอากาศหนาวจัด แหล่งข่าวรายงานว่า ในช่วงฤดูปลูกฝิ่นล่าสุดที่ผ่านมาคือ ระหว่างปลายปี 2551 ถึงต้นปี 2552 ในพื้นที่ภาคกลาง ภาคใต้ และภาคตะวันออกของรัฐฉาน พบมีการปลูกฝิ่นกันอย่างแพร่หลาย ซึ่งรวมแล้วมีปริมาณมากกว่าฤดูปลูกปีผ่านๆ มาเกือบสองเท่าตัว

มีการคาดกันว่า หากทำการกรีดแล้ว เฉพาะในพื้นที่ทางตอนใต้รัฐฉาน ซึ่งได้แก่ เมืองปางโหลง / เมืองดอยแหลม / เมืองลายค่า / เมืองกึ๋ง และเมืองเกซี อาจได้ผลผลิตเพิ่มถึง 30 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับปีผ่านมา

ทว่า การปลูกฝิ่นฤดูล่าสุดกลับสร้างคามผิดหวังแก่นักลงทุนเป็นอย่างมาก เนื่องจากการปลูกต้องประสบกับอุปสรรคหลายอย่างทั้งฝนตกชุก และอากาศหนาวจัด ส่งผลให้ผลผลิตลดลงหลายเท่าตัว

เจ้าของไร่ฝิ่นคนหนึ่งกล่าวว่า ฤดูปลูกฝิ่นล่าสุดนี้ ตนใช้เงินลงทุนกว่า 4 ล้านจั๊ต (ประมาณ 1.2 แสนบาท) แต่หลังจากเก็บกรีดแล้วเสร็จ ได้ผลผลิตไม่ถึง 5 กก. ซึ่งก่อนหน้านี้คาดว่าจะได้มากกว่านี้หลายเท่าตัว พร้อมกับกล่าวอีกว่า ขณะนี้เจ้าของไร่ฝิ่นต่างมีความกังวลกันว่า จะไม่มีเงินพอสำหรับจ่ายค่าภาษีให้กับเจ้าหน้าที่

ทั้งนี้ ก่อนปี 2540 การปลูกฝิ่นในรัฐฉานพบแพร่หลายในพื้นที่ทางตอนเหนือของรัฐฉาน และในเขตโกกั้ง และว้า ที่อยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือรัฐฉานเป็นส่วนใหญ่ แต่หลังจากที่ทางการพม่าถูกทางการจีนกดดันให้มีการปราบปรามอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้การปลูกแพร่ขยายสู่พื้นที่ทางตอนกลาง และตอนใต้ของรัฐฉานแทน

ขณะที่สำนักงานสหประชาชาติว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรม UNODC เปิดเผยเมื่อวันที่ 3 ก.พ. 52 นี้ว่า ในปีผ่านมา บริเวณรอยต่อระหว่างพม่า ลาว ไทย มีการปลูกฝิ่นเพิ่มขึ้น 3.3 เปอเซ็นต์ และการผลิตฝิ่นในพื้นที่ดังกล่าวมี 424 ตัน หรือร้อยละ 5 ของการผลิตฝิ่นทั้งหมดของโลก ส่วนราคาฝิ่นดิบในภาคกลางรัฐฉานปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 750,000 จั๊ต (ประมาณ 22,500 บาท) ต่อ 1 จ๊อย หรือ 1.6 กก.