Skip to main content
sharethis

นปช.ชุมนุมใหญ่"แดงทั้งแผ่นดิน" เคลื่อนล้อมทำเนียบ3ทุ่มวันเสาร์, "บุญจง"หวั่นถูกยุบพรรคไม่รับ กก.บห., กกต.คาดตั้งอนุ กก.สอบ "บุญจง" สัปดาห์หน้า, อาเซียนดันตั้งองค์กรถาวรขับเคลื่อนระบบสำรองข้าว, ไทยมีแหล่งแร่เหล็กพัฒนาเชิงพาณิชย์, สภาล่างสหรัฐผ่านแผนกระตุ้นศก., ยูเอ็นคาดสิ้นปี2552ตกงานทั่วโลกถึง51ล้าน, อิหร่านจี้สหรัฐฯขอโทษ,กษิตนำปัญหา"โรฮิงญา"ถกทุกเวที, "สุวิทย์"ตั้งกองลูกเสือสิ่งแวดล้อม, วิจัยเปลือกไข่ล้างผักหยุดเชื้อท้องร่วงชะงัด

 

การเมือง

นปช.ชุมนุมใหญ่"แดงทั้งแผ่นดิน" เคลื่อนล้อมทำเนียบ3ทุ่มวันเสาร์

นปช.ประกาศชุมนุมใหญ่ "แดงทั้งแผ่นดิน" เสาร์นี้ ชู 3 ประเด็นหลัก "กดดันดำเนินคดีพันธมิตร-ปลดกษิต-ใช้ รธน.40" พร้อมเคลื่อนปิดล้อมทำเนียบ ตอน 3 ทุ่ม แต่ยังไม่สรุปยืดเยื้อหรือไม่ "สุเทพ" สั่ง ตร.ทำหน้าที่ดูแลทำเนียบอย่างเข้มแข็ง "เสธ.หนั่น" ขู่ขอกำลังทหารควบคุมม็อบ "มท.1" กำชับผู้ว่าฯ ทั่วประเทศสกัดม็อบเข้ากรุง ลั่นใครทำดีมีปูนบำเหน็จ

คณะผู้จัดรายการความจริงวันนี้ ในฐานะแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ประกอบด้วย นายวีระ มุสิกพงศ์ นายจักรภพ เพ็ญแข นายจตุพร พรหมพันธุ์ และ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ได้ร่วมแถลงข่าว วานนี้ (29 ม.ค.) ที่ศูนย์การค้าอิมพีเรียลเวิลด์ ลาดพร้าว

โดยนายวีระ กล่าวถึงการเคลื่อนไหวชุมนุมใหญ่ของกลุ่มคนเสื้อแดง ที่ท้องสนามหลวง ในวันที่ 31 ม.ค.นี้ ว่า การชุมนุมใหญ่ครั้งนี้จะดำเนินภายใต้ชื่อภารกิจ "แดงทั้งแผ่นดิน" หรือในชื่อภาษาอังกฤษว่า "RED IN THE LAND" ตั้งแต่เวลา 16.00 น. เป็นต้นไป

เนื้อหาในการอภิปรายนอกจากจะเป็นกดดันเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินคดีกับแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) และผู้ที่เกี่ยวข้อง ในการยึดทำเนียบรัฐบาลและสนามบินนานาชาติอย่างเฉียบขาดและรวดเร็ว เรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ดำเนินการปลด นายกษิต ภิรมย์ รมว. การต่างประเทศ และผู้ที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มพันธมิตรพ้นจากตำแหน่งทางการเมืองในรัฐบาลทั้งหมด

และเรียกร้องให้นำรัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2540 มาบังคับใช้แทนรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน นอกจากนี้ยังจะเปิดโปงการทุจริตคอร์รัปชันต่างๆ ของรัฐบาลชุดนี้ให้ประชาชนได้รับทราบ จากนั้นในเวลา 21.00 น. คนเสื้อแดงทั้งหมดจะเคลื่อนขบวนไปปิดล้อมทำเนียบรัฐบาลทุกด้าน เพื่อนำข้อเรียกร้องทั้งหมดไปติดขีดเส้นตายให้รัฐบาลปฏิบัติ ส่วนจะมีการชุมนุมปิดล้อมยืดเยื้อหรือไม่ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในคืนวันดังกล่าว

ด้านนายจตุพร กล่าวว่า การเดินขบวนไปปิดล้อมทำเนียบรัฐบาลครั้งนี้ ก็เพื่อแสดงให้รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ที่เข้ามาอย่างไม่ชอบธรรมและบริหารประเทศ อย่างหิวโหยได้เห็นว่า การยึดทำเนียบอย่างที่กลุ่มพันธมิตรกระทำนั้น ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับคนเสื้อแดง แต่คนเสื้อแดงจะไปอย่างสันติ อหิงสา ไม่มีการบุกเข้าไปในทำเนียบแบบที่พันธมิตรทำเด็ดขาด

นายจักรภพ กล่าวว่า การชุมนุมครั้งนี้ถือเป็นการวัดกระแสของกลุ่มคนเสื้อแดงว่าแผ่วหรือไม่ รวมทั้งเป็นการประเมินกระแสการเรียกร้องให้เวลารัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ในการบริหารประเทศจุดติดขึ้นหรือไม่

อย่างไรก็ตาม ตนได้รับทราบรายงานว่า มีการส่งทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ ประมาณ 400 - 500 นาย ให้ใส่เสื้อสีแดงลงพื้นที่ แต่ไม่ทราบว่าเป็นพื้นที่ใด ซึ่งคาดว่าอาจจะถูกสั่งให้เข้ามาปะปนกับกลุ่มผู้ชุมนุมในวันชุมนุมใหญ่ แต่เชื่อว่าคนเหล่านั้นคงไม่รอดพ้นจากการจับตาจากคนเสื้อแดงแน่นอน เพราะไม่ใช่แดงอย่างแท้จริง

ขณะที่นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า การที่ ครม.ได้อนุมัติในหลักการร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยความปลอดภัย และการรักษาความปลอดภัย ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พ.ศ.... ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ นั้น เป็นการประจานประเทศ เนื่องจากเป็นการทำเพื่อให้ นายอภิสิทธิ์ ใช้เป็นเครื่องมือตอบข้อซักถามของนานาประเทศ ในการป้องกันท่าอากาศยานสุวรรณภูมิไม่ให้มีการปิดล้อม หลังมีการปิดสนามบินโดยพันธมิตร จึงถือว่าการดำเนินการดังกล่าวเป็นเพียงการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเท่านั้น ทั้งนี้ในวันชุมนุมใหญ่จะมีการหยิบประเด็นดังกล่าวมาวิพากษ์วิจารณ์ด้วย

"อภิสิทธิ์" ลั่นไม่ยอมให้ยึดทำเนียบ

ด้าน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่รู้สึกหนักใจกับการที่กลุ่มเสื้อแดงจะเคลื่อนมาชุมนุมปิดล้อมทำเนียบรัฐบาล เพราะได้มีการเตรียมแผนในการรับมือไว้แล้ว อีกทั้งมั่นใจการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และแม้ตนจะไม่อยู่เพราะต้องเดินทางไปร่วมประชุมในเวทีเศรษฐกิจโลกที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ แต่ก็ได้มอบหมายให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ดูแล ทั้งนี้ จะไม่มีการยอมให้ทางกลุ่มเสื้อแดงบุกเข้ามายึดภายในทำเนียบเหมือนเมื่อครั้งที่กลุ่มพันธมิตร ทำอย่างแน่นอน แต่ทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

 "สุเทพ" สั่ง ตร.ดูแลทำเนียบเข้มแข็ง

ด้าน นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการชุมนุมใหญ่ของกลุ่มเสื้อแดงที่ประกาศจะปิดล้อมทำเนียบรัฐบาล ว่า เป็นหน้าที่ของตำรวจที่จะต้องดูแลพื้นที่ โดยต้องปฏิบัติไปตามเกณฑ์ปกติ ตนเพียงแต่กำชับว่าเจ้าหน้าที่ต้องทำหน้าที่ให้เข้มแข็ง

พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวเช่นกันว่า การชุมนุมดังกล่าวต้องไม่สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน และเป็นหน้าที่ของตำรวจที่ต้องช่วยกันดูแลและวางแผนรับมือตั้งแต่ตอนนี้ คิดว่าการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงคงไม่กระทบต่อเสถียรภาพของรัฐบาล เพราะสถานการณ์ขณะนี้กำลังดำเนินไปด้วยดี

เมื่อถามว่าการชุมนุมครั้งนี้ถือเป็นการวัดกระแสของกลุ่มคนเสื้อแดงหรือไม่ พล.ต.สนั่น กล่าวว่า ก็วัดกันมาตั้งหลายครั้งแล้ว คงไม่มีอะไรน่าห่วง แต่ตำรวจต้องทำหน้าที่ให้ดี ซึ่งถ้าควบคุมไม่ได้ก็ต้องขอกำลังให้ทหารช่วย พร้อมกันนี้ฝากไปยัง ส.ส.ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลว่าต้องช่วยกันรับผิดชอบให้บ้านเมืองเดินหน้าไปด้วยดี

 "ชวรัตน์" สั่งผู้ว่าฯ สกัดเสื้อแดงเข้ากรุง

นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่กลุ่ม นปช. เตรียมเคลื่อนไหวใหญ่ในวันที่ 31 ม.ค.นี้ ว่า ในช่วงบ่ายวันที่ 29 ม.ค.จะกำชับให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ ไปชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ว่า ไม่ควรเดินทางมาชุมนุมในกรุงเทพฯ เพราะไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์อะไร และขอยืนยันไม่ได้เป็นการสกัดกั้นการแสดงความคิดเห็นของประชาชนแต่อย่างใด

"รู้สึกเป็นห่วงจังหวัดปริมณฑล เนื่องจากสามารถเดินทางมาร่วมชุมนุมได้โดยไม่ต้องพักค้างคืน ทั้งนี้จะพยายามใช้วิธีการแบบละมุนละม่อม ไม่ใช้กำลัง อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้มีรายงานเข้ามาว่า ตามจังหวัดต่างๆ มีการรวมตัวประท้วงกันบ้าง แต่ไม่มาก ประมาณ 10-20 คน"

ใครมีความดีความชอบปูนบำเหน็จให้

ต่อมา นายชวรัตน์ ได้ประชุมผ่านวีดิโอคอนเฟอเรนซ์ไปยังผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ และกล่าวถึงโครงการ "บำบัดทุกข์ บำรุงสุข สร้างรอยยิ้มให้ประชาชน" ของกระทรวงมหาดไทยที่จะเปิดเป็นทางการ ในวันที่ 6 ก.พ.ที่จังหวัดสุรินทร์ ว่า การจัดงานต้องเน้นความสะดวกของประชาชนเป็นหลัก และให้เป็นไปตามประชานิยม ให้มีการบริการแบบม้วนเดียวจบ (one stop service) ซึ่งผู้ว่าฯ ต้องประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในจังหวัดมาร่วมการจัดงานครั้งนี้ ถือเป็นความดีความชอบ และจะปูนบำเหน็จให้ท่านด้วย

 "ดีทีวีตัวจริง"โวยไม่ใช่ทีวีเสื้อแดง

วันเดียวกัน บริษัท ดีทีวี เซอร์วิส จำกัด โดย น.ส.สุธานุช สุธีรวัฒนานนท์ ผู้จัดการทั่วไป ได้ทำหนังสือถึงสื่อมวลชนทุกแขนง ขอความร่วมมือให้ระมัดระวังการใช้ชื่อ "ดีทีวี" หลังจากกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และกลุ่มคนเสื้อแดง เปิดสถานีโทรทัศน์ชื่อ "สถานีประชาธิปไตย" หรือ "ดีสเตชั่น" และสื่อใช้คำเรียกสั้นๆ ว่า "ดีทีวี" เพราะทำให้ลูกค้าจำนวนมากของบริษัท ดีทีวี เซอร์วิส ผู้จัดจำหน่ายจานดาวเทียมสีเหลือง หรือ จานเหลือง เกิดความสับสน โทรศัพท์มาต่อว่าที่ไม่สามารถรับชมรายการของกลุ่ม นปช.ได้

หนังสือดังกล่าวยังระบุว่า บริษัท ดีทีวี เซอร์วิสฯ เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ชื่อ "ดีทีวี" ทำธุรกิจจัดจำหน่ายจานเหลืองเพื่อให้ลูกค้าสามารถรับชมรายการโทรทัศน์แทนเสาอากาศก้างปลาได้คมชัดและรับได้หลายช่องมากกว่าเดิม ทั้งนี้ บริษัท ดีทีวี เซอร์วิสฯ เป็นบริษัทลูกของบริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) จดทะเบียนเมื่อปี 2543 ภายใต้ชื่อ บริษัท ชิน บรอดแบนด์ อินเตอร์เนต (ประเทศไทย) จำกัด และได้เปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท ดีทีวี เซอร์วิส จำกัด เมื่อวันที่ 23 เม.ย. 2551

ที่มา: http://www.bangkokbiznews.com

 "บุญจง"หวั่นถูกยุบพรรคไม่รับ กก.บห.

นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย และส.ส.นครราชสีมา พรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นางสดศรี สัตยธรรม กกต. ระบุว่ากรณีที่มีการแจกเงินของกระทรวงการพัฒนาสังคมฯพร้อมแนบนามบัตรรมช.มหาดไทยอาจมีโทษถึงขั้นยุบพรรคว่า ไม่ทราบ ก็ว่ากันไปตามกฎหมาย หากเรื่องไหนมีกฎหมายรองรับก็ว่ากันไป ให้กฎหมายเป็นหลักดีกว่า ส่วนกรณีในวันที่ 14 ก.พ. ที่พรรคภูมิใจไทยจะได้รประชุมใหญ่สมัยวิสามัญเพื่อเลือกคณะกรรมการบริหารชุดใหม่นั้น โดยส่วนตัวยืนยันว่าจะไม่เป็นกรรมการบริหารพรรคภูมิใจไทยแน่นอน เพราะกลัวเกิดปัญหาภายหลัง และคนที่เล่นการเมืองทุกคนตอนนี้ไม่มีใครอยากเป็นกรรมการบริหารพรรค

นายศุภชัย โพธิ์สุ ส.ส.นครพนม พรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ว่ากรณีของนายบุญจงไม่น่าจะมีความผิดถึงขั้นยุบพรรค เพราะเรื่องการยุบพรรคนั้นระบุว่าคนที่ทำผิดนั้นต้องเป็นกรรมการบริหารพรรค แต่นายบุญจงไม่ได้เป็นกรรมการบริหาร ดังนั้นคิดว่านางสดศรี สัตยธรรม กกต. น่าจะเข้าใจอะไรผิดไปแน่นอน

ที่มา: http://www.naewna.com

กกต.คาดตั้งอนุ กก.สอบ "บุญจง" สัปดาห์หน้า

ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต.ด้านบริหารการเลือกตั้ง กล่าวภายหลังการประชุมกกต.ว่า ที่ประชุม กกต.ยังไม่ได้มีการพิจารณากรณีมีผู้ร้องขอให้ตรวจสอบนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย ที่กระทำการแจกเบี้ยยังชีพแนบนามบัตรในพื้นที่ จ.นครราชสีมา เนื่องจากทางพรรคเพื่อไทยได้ยื่นเรื่องเพิ่มเติม ทำให้ทางสำนักกฎหมายคดีต้องจัดทำความเห็น โดยคาดว่าในสัปดาห์หน้าน่าจะนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมและตั้งอนุกรรมการขึ้นมาตรวจสอบได้

นายประพันธ์ กล่าวต่อว่า กรณีที่พรรคเพื่อไทยยื่นให้ตรวจสอบนายบุญจง ประเด็นให้ทรัพย์สินเพื่อจูงใจประชาชนให้มาสมัครเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทย ซึ่งขัดมาตรา 22 ของพ.ร.บ.พรรคการเมืองนั้น ถือว่าเข้าข่ายอำนาจหน้าที่ของกกต.ที่จะสืบสวนสอบสวนได้

ที่มา: http://www.naewna.com

เศรษฐกิจ

อาเซียนดันตั้งองค์กรถาวรขับเคลื่อนระบบสำรองข้าว

นายมณฑล เจียมเจริญ รองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการพิจารณาศึกษาแนวทางการดำเนินงานโครงการนำร่องเพื่อระบบการสำรองข้าวของภูมิภาคอาเซียน กับสาธารณรัฐประชาชนจีน ญี่ปุ่น และสาธารณรัฐเกาหลี ที่ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ว่า จากการดำเนินโครงการสำรองข้าวในภูมิภาคอาเซียนมาตั้งแต่ปี 2546 พบว่าได้สร้างประโยชน์ให้กับประเทศในภูมิภาคนี้มาก โดยเฉพาะการบริจาคข้าวให้กับประเทศที่ได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติได้อย่างทันท่วงที

รวมทั้งสมาชิกทุกประเทศยังเห็นชอบร่วมกันว่า โครงการนี้มีความสำคัญมากต่อความมั่นคงของอาหาร ดังนั้นที่ประชุมระดับเจ้าหน้าที่เกษตรและป่าไม้ อาเซียนจึงเห็นชอบร่วมกันที่จะยกระดับโครงการนี้ให้เป็นองค์กรถาวร จากเดิมที่โครงการนี้จะดำเนินการปีต่อปีเท่านั้น โดยจะเสนอเข้าสู่ที่ประชุมรัฐมนตรีเกษตรและป่าไม้อาเซียนในเดือน ก.พ.นี้ และ หากได้รับความเห็นชอบก็จะเสนอให้ที่ประชุมรัฐมนตรีเกษตรและป่าไม้อาเซียน + 3 ต่อไปในเดือนเม.ย.นี้ ส่วนการบริหารองค์กรสำรองข้าว หากได้รับการจัดตั้งเป็นองค์กรถาวรแล้ว ทางองค์กรจะขอรับความช่วยเหลือจากสถาบันที่มีการสนับสนุนทางด้านการเงินของโลก โดยคาดว่าจะใช้งบประมาณในการบริหารกว่า 4 แสนดอลลาร์สหรัฐ ต่อปี

ทั้งนี้ หลักการจัดตั้งองค์กรสำรองข้าวในอาเซียน +3 อย่างถาวร ดังกล่าว จะเสนอให้หน่วยงานในประเทศไทย ซึ่งเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ กำหนดให้มีการสำรองข้าวทั้งอาเซียน ไว้อย่างน้อย 35,000 ตัน รูปแบบการสำรองไม่จำเป็นจะต้องมีการสต๊อกข้าวจริง แต่ต้องหากเกิดกรณีฉุกเฉิน ทุกประเทศจะต้องหาข้าวตามที่ประกาศไว้ได้ ภายใต้เงื่อนไขที่จะต้องเป็นข้าวที่ผลิตได้เองในประเทศ หรือเป็นข้าวที่รับซื้อจากประเทศในอาเซียนด้วยกัน โดยไทยได้ผูกพันไว้ปีละ 1.5 หมื่นตัน

ที่มา: http://www.naewna.com

ไทยมีแหล่งแร่เหล็กพัฒนาเชิงพาณิชย์

นายดำริ สุโขธนัง ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมเปิดเผยกรณีที่มีการระบุว่าไทยไม่มีศักยภาพในการดำเนินโครงการโรงถลุงเหล็กเนื่องจากไม่มีแหล่งแร่ว่าประเทศไทยมีแหล่งแร่ในพื้นที่จังหวัดลำพูนและลำปางที่ยังรอการพัฒนาในเชิงพาณิชน์ และที่ผ่านมาสามารถส่งออกได้ปีละกว่า 1 แสนตัน ส่วนการนำเข้าจากประเทศออสเตรเลีย และบราซิลที่เป็นแหล่งแร่เหล็กที่สำคัญของโลกนั้น ถือเป็นความได้เปรียบในเรื่องราคามากกว่าโดยเฉพาะถ้าหากสั่งซื้อเป็นจำนวนมาก

ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมกล่าวว่า การที่โครงการเหล็กต้นน้ำจะเกิดขึ้นได้จำเป็นอย่างยิ่งที่ภาครัฐและเอกชนจำต้องเดินไปด้วยกัน เนื่องจากโครงการนี้จำเป็นต้องลงทุนก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานและระบบขนส่งสูงมากรวมทั้งยังอาจจะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และชุมชน ซึ่งถ้าชุมชนเห็นด้วย โครงการนี้ก็จะเกิดขึ้นได้นอกจากนี้ รัฐบาลต้องลุยเต็มที่ ตั้งหน่วยงานพิเศษเป็นเจ้าภาพหลักขึ้นมาดูแลเพื่อเชื่อมโยงหน่วยงานต่างๆ ให้ทำงานไปในทิศทางเดียวกัน

ไทยรัฐ ฉบับวันที่ 30 ม.ค. 2552 (กรอบบ่าย)

 

ต่างประเทศ

สภาล่างสหรัฐผ่านแผนกระตุ้นศก.

วอชิงตัน - สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ อนุมัติแผนกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 819,000 ล้านดอลลาร์ ของรัฐบาลชุดใหม่ รวมถึงการใช้จ่ายอย่างเร่งด่วน และการลดภาษี เพื่อช่วยเยียวยาวิกฤติเศรษฐกิจแดนอินทรี

สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ มีมติด้วยคะแนนเสียง 244-188 เห็นชอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 819,000 ล้านดอลลาร์ ที่รัฐบาลใหม่ ภายใต้การนำของนายบารัก โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐ นำเสนอนับเป็นความสำเร็จครั้งใหญ่ของผู้นำใหม่รายนี้ และจะมีการเสนอแผนต่อวุฒิสภา เพื่อพิจารณาต่อไป

มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจฉบับนี้ ผ่านการเห็นชอบจากสภาล่าง โดยได้รับคะแนนเสียงจากสมาชิกพรรครีพับลิกันไม่มากนัก สร้างความผิดหวังแก่นายโอบามา ที่พยายามไล่ล่าหาเสียงสนับสนุนจากทั้งสมาชิกพรรคแดโมแครต และรีพับลิกัน ขณะเดียวกัน มีสมาชิกพรรคเดโมแครต 11 คน ฝ่าฝืนมติพรรค และออกเสียงคัดค้านแผนดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม นายโอบามาแสดงความขอบคุณต่อสภาผู้แทนราษฎร ที่สนับสนุนแผนดังกล่าว หลังจากสภาลงมติรับรอง และกล่าวว่า จะนำเสนอแผนต่อวุฒิสภาต่อไป พร้อมส่งสัญญาณว่ายังไม่ล้มเลิกแนวคิดที่จะแก้ไขแผนดังกล่าว เพื่อให้ได้รับความเห็นชอบจาก ส.ส. พรรครีพับลิกัน โดยนายโอบามาเชื่อมั่นว่า แผนดังกล่าวจะช่วยกระตุ้นการสร้างงานได้ 4 ล้านอัตรา

ที่มา: http://www.bangkokbiznews.com

ยูเอ็นคาดสิ้นปี2552ตกงานทั่วโลกถึง51ล้าน

องค์การแรงงานระหว่างประเทศ หรือไอแอลโอ ขององค์การสหประชาชาติ เปิดเผย รายงานเรื่องแนวโน้มการจ้างงานทั่วโลกเมื่อวันพุธ (28 ม.ค.) ว่า จะมีผู้ตกงานถึง 51 ล้านคนภายในสิ้นปีนี้ เนื่องจากผลของภาวะชะลอตัวทางเศรษฐกิจ ซึ่งได้แปรเปลี่ยนเป็นวิกฤติการจ้างงานโลกไปเรียบร้อยแล้ว

ไอแอลโอระบุว่า หากมองโลกในแง่ดีที่สุด ในปีนี้จะมีผู้ตกงาน 18 ล้านคนมากกว่าเมื่อสิ้นปี 2550 แต่หากมองด้วยความเป็นจริงแล้ว จะมีผู้ตกงานกว่า 30 ล้านคน หากความปั่นป่วนทางการเงินยังคงยืดเยื้อไปจนผ่านปี 2552 ซึ่งจะทำให้อัตราการว่างงานทั่วโลกมาอยู่ที่ร้อยละ 6.5 เมื่อเทียบกับร้อยละ 6.0 ในปี 2551 และร้อยละ 5.7 ในปี 2550 ในขณะเดียวกัน หากมองว่าสถานการณ์เศรษฐกิจจะเลวร้ายที่สุด จะมีผู้ว่างงานมากถึง 51 ล้านคนภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งจะทำให้อัตราการว่างงานทั่วโลกขยับขึ้นเป็นร้อยละ 7.1

หากภาวะเศรษฐกิจถดถอยดำดิ่งในปี 2552 ตามที่มีหลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ วิกฤติงานโลกจะเลวร้ายอย่างรวดเร็ว สามารถคาดการณ์ได้ว่า เงื่อนไขของการจัดการ รายได้และการจ้างงานจะเลวร้ายลง เพราะบริษัทยักษ์ใหญ่ทั่วโลกจำนวนมากต่างพากันทยอยปลดพนักงาน เพื่อตอบโต้วิกฤติการเงินและเศรษฐกิจตกต่ำ ซึ่งลุกลามไป ทั่วโลก

ตามรายงานของไอแอลโอ ระบุว่า ประเทศกำลังพัฒนาจะได้รับความยากลำบากมากที่สุดจากการตกงานเพิ่ม

ส่วนแผนการฟื้นฟูเศรษฐกิจมูลค่า 825,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐของประธานาธิบดีบารัค โอบามา คาดว่าจะผ่านความเห็นชอบจากสภาคองเกรส ซึ่งถือเป็นบททดสอบครั้งแรกในรัฐ สภาเมื่อวันพุธ หลังจากญี่ปุ่นให้คำมั่นร่วมมือกับสหรัฐต่อสู้กับวิกฤติการเงินโลก ทั้งนี้ พรรคเดโมแครตและทำเนียบขาวแถลงว่า พวกเขาหวังว่าจะเร่งมาตรการในขั้นตอนสุดท้ายให้ผ่านคองเกรส และให้ประธานาธิบดีลงนามภายในกลางเดือนก.พ.นี้

แผนการกอบกู้เศรษฐกิจของประธานา ธิบดีโอบามา ได้รับการสนับสนุนจากญี่ปุ่นเมื่อ วันพุธ ซึ่งนายโชอิชิ นาคากาวะ รัฐมนตรีคลังญี่ปุ่น ให้คำมั่นว่าจะร่วมมือกับ นายทิโมธี ไกธ เนอร์ รัฐมนตรีคลังคนใหม่ของสหรัฐอย่างเต็มที่

ที่มา: http://www.dailynews.co.th

อิหร่านจี้สหรัฐฯขอโทษ

เตหะราน   -  สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า  ประธานาธิบดีมาห์มุด  อาห์มาดิเนจัด แห่งอิหร่าน ออกมาเรียกร้องให้สหรัฐฯ แสดงการขอโทษต่ออิหร่านกับข้อกล่าวหาที่ว่า อิหร่านมีภูมิหลังที่ดำมืด และเป็นชาติอาชญากร โดยการเรียกร้องครั้งนี้มีขึ้นภายหลังจากประธานาธิบดีบารัก  โอบามา  ของสหรัฐฯ แสดงท่าทีรื้อฟื้นความสัมพันธ์ทางการทูตกับอิหร่านก่อนหน้านั้น

ที่มา: http://www.siamrath.co.th

 

ความมั่นคง

กษิตนำปัญหา"โรฮิงญา"ถกทุกเวที

รมว.การต่างประเทศยกปัญหาโรฮิงญาถกเวทีอาเซียน-เออาร์เอฟและบิมส์เทค งัดแผนเวียดนามอพยพทางเรือเมื่อ 10 ปีที่แล้วมาปรับใช้

วานนี้ (29 ม.ค.) นายกษิต ภิรมย์ รมว.การต่างประเทศ กล่าวภายหลังพบปะหารือกับนายเรมอน ฮอลด์ ผู้แทนสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอชซีอาร์) ระดับภูมิภาคประจำประเทศไทย และผู้ประสานงานในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ว่า ได้มีหารือถึงการขอความร่วมมือแก้ไขปัญหากรณีชาวโรฮิงญาใน 3 ระดับ คือ 1.การดำเนินการร่วมกันระหว่างไทยกับยูเอ็นเอชซีอาร์ 2.การดำเนินการของไทยกับประเทศในภูมิภาค ทั้งประเทศต้นทาง ระหว่างทางและปลายทางของปัญหา และ 3.ความร่วมมือของประเทศในภูมิภาคกับยูเอ็นเอชซีอาร์ และประเทศให้ความช่วยเหลือ ส่วนที่ยูเอ็นเอชซีอาร์ต้องการเข้าพบชาวโรฮิงญาที่อยู่ภายใต้การดูแลของไทย ซึ่งตนได้ตอบรับแล้ว

นายกษิต ระบุว่าเตรียมที่จะหยิบยกประเด็นนี้หารือในที่ประชุมอาเซียนระดับรัฐมนตรี ที่จะมีขึ้นในปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้ และการประชุมอาเซียนว่าด้วยความร่วมมือด้านการเมืองและความมั่นคงในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (เออาร์เอฟ) ในเดือนกรกฎาคมนี้ ที่ไทยเป็นเจ้าภาพ รวมถึงในที่ประชุมความริเริ่มแห่งอ่าวเบงกอลสำหรับความร่วมมือหลากหลายสาขาทางวิชาการและเศรษฐกิจ (BIMST-EC) เนื่องจากพบว่ามีขบวนการค้ามนุษย์ขนย้ายชาวโรฮิงญาไปทำงานในไทย มาเลเซียและอินโดนีเซีย ยืนยันว่าไทยเป็นประเทศสมาชิกของยูเอ็นและมีประสบการณ์ทำงานร่วมกับยูเอ็นเอชซีอาร์ และองค์การการค้ามนุษย์ (ไอโอเอ็ม) ทั้งนี้เรามีแผนปฏิบัติการเพื่อแก้ไขปัญหาชาวเวียดนามอพยพเข้าไทยทางเรือเมื่อ 10 ปีก่อน ซึ่งอาจจะนำแผนดังกล่าวมาปรับใช้ในกรณีโรฮิงญา

วันเดียวกัน พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผู้อำนวยการกองนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรี และ รมว.ยุติธรรมให้เดินทางลงพื้นที่ระนองโดยด่วน เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีข่าวทำร้ายชาวโรฮิงญา โดยไม่พบพฤติกรรมเจ้าหน้าที่ไทยทารุณกรรม แต่ในทางกลับกันเมื่อตรวจสอบชาวโรฮิงญาที่จับกุมล่าสุด 78 คนเมื่อวันที่ 27 ม.ค.ที่ผ่านมา กลับพบร่องรอยการทำทารุณกรรม ซึ่งบาดแผลทั้งหมดเกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้ไม่ต่ำกว่า 10 วัน ดังนั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทย จากการสอบถามผ่านล่ามทุกคนพูดตรงกันว่าโดนทหารพม่าทำร้ายขณะลอยลำเรือจะเข้าฝั่งไทย และล่าสุดได้รับแจ้งจากเลขาธิการนายกรัฐมนตรีให้ชะลอส่งกลับชาวโรฮิงญากลุ่มนี้จนกว่าจะรักษาบาดแผลให้หาย

ด้าน นายวสันต์ สาทร ผู้อำนวยการสำนักบริหารแรงงานต่างด้าว กระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า กลุ่มชาวโรฮิงญาได้ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายมาโดยตลอด ขณะนี้มีอยู่ในประเทศกว่า 50,000 คน ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

ที่มา: http://www.bangkokbiznews.com

สิ่งแวดล้อม

"สุวิทย์"ตั้งกองลูกเสือสิ่งแวดล้อม

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตั้งกองลูกเสืออนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นำร่องอบรมนักเรียนโรงเรียนรอบเขาใหญ่ 250 คน เริ่มสถาปนา 1-3 ก.พ.นี้

วานนี้ (29 ม.ค.) นายสุวิทย์ คุณกิตติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) พร้อมด้วยนายบุญรัตน์ วงศ์ใหญ่ รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะเลขาธิการสำนักงานลูกเสือแห่งชาติ ร่วมลงนามบันทึกความร่วมมือในการสถาปนากองลูกเสืออนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยนายสุวิทย์ และนายบุญรัตน์ ได้ผูกผ้าพันคอสีเขียวอ่อน ขลิบขาว และมีตราสัญลักษณ์ประจำของ ทส.

นายสุวิทย์ เปิดเผยว่า หลังจากได้หารือกับนายบุญรัตน์เกี่ยวกับโครงการนี้เมื่อสัปดาห์ก่อน ก็ได้รับการขานรับทันที โดยทางสำนักงานลูกเสือแห่งชาติ จะสถาปนากองลูกเสืออนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมขึ้นมาใหม่ ขณะที่ ทส.ก็จะผลักดันให้เป็นกิจกรรมถาวร โดยตั้งเป็นกองในสังกัดกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม (สส.) และทุกปีจะมีการตั้งงบประมาณ เพื่อจัดอบรมลูกเสือและเนตรนารีทั่วประเทศอีกด้วย รวมทั้งจะให้อุทยานแห่งชาติทั้ง 100 กว่าแห่ง เปิดเป็นพื้นที่ค่ายลูกเสือ เพื่อให้ลูกเสือและเนตรนารีได้เข้าไปฝึกและทำกิจกรรม

"ผมคิดมานานว่าจะทำอย่างไรให้การทำงานด้านการดูและทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และการป้องกันปราบปรามมลพิษทำได้ง่ายขึ้น มาคิดถึงลูกเสือ เนตรนารี และมั่นใจว่า กิจกรรมลูกเสือที่มีอยู่เดิมหากเพิ่มความรู้ ความเข้าใจ และประสบการณ์สิ่งแวดล้อมเข้าไป ความรู้ความเข้าใจในเรื่องนี้จะปลูกฝังเด็กไปจนโต

เบื้องต้นเราจะมีหลักสูตรอบรมเพื่อให้เด็กๆ เข้าใจสถานการณ์สิ่งแวดล้อม และมลพิษ ให้เด็กคอยเป็นหูเป็นตาและแจ้งเบาะแสการเกิดมลพิษ การทำลายสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ตัวเองด้วยกองลูกเสือสิ่งแวดล้อม แต่ละพื้นที่นั้นจะฝึกไม่เหมือนกัน เพราะแต่ละพื้นที่ก็จะมีปัญหาที่แตกต่างกันไป จะมีการสถาปนากองลูกเสือสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นทางการที่เขาใหญ่ระหว่างวันที่ 1-3 ก.พ. นี้ นำร่องโรงเรียนรอบเขาใหญ่มาอบรมประมาณ 250 คนก่อน" นายสุวิทย์กล่าว

นายบุญรัตน์ กล่าวว่า สำนักงานลูกเสือแห่งชาติ จะพยายามผลักดันให้โรงเรียนต่างๆ ทั่วประเทศมีการตั้งกองลูกเสือกองอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีปัญหาทางด้านสิ่งแวดล้อมมากเป็นพิเศษน่าจะได้รับการส่งเสริมก่อนเป็นอันดับแรก สำหรับการฝึกอบรมจะร่วมกับทาง ทส. เน้นความรู้ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ อาทิเช่น รู้จักป่าจากภาพถ่ายทางอากาศ รอยเท้านิเวศ ปรับตัวสู้โลกร้อน ไฟป่า เป็นต้น

ที่มา: http://www.bangkokbiznews.com

คุณภาพชีวิต

วิจัยเปลือกไข่ล้างผักหยุดเชื้อท้องร่วงชะงัด

หน่วยปฏิบัติการเซรามิกขั้นสูงจุฬาฯ เพิ่มค่าเปลือกไข่ให้เป็นผลิตภัณฑ์ผงล้างผักทดแทนสารโซเดียมไบคาร์บอเนต ทดสอบพบฤทธิ์ทำลายแบคทีเรียก่อโรคอุจจาระร่วง 100% ขอเวลาศึกษาผลตกค้างในสัตว์ทดลองและสิ่งแวดล้อม หากปลอดภัยพร้อมผลักดันสู่ตลาด เพิ่มความปลอดภัยให้ผู้นิยมสินค้าเกษตรอินทรีย์

ดร.ดุจฤทัย พงษ์เก่า คะชิมา หน่วยปฏิบัติการวิจัยเซรามิกขั้นสูง คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้รับทุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย และสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา ระยะเวลา 2 ปี (2551-2552) พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติกำจัดแบคทีเรียหรือจุลินทรีย์ก่อโรคทางเดินอาหารสำหรับใช้ในครัวเรือน โดยต้องใช้งานง่ายและปลอดภัยสูง จึงนำมาสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ผงล้างผักที่มีแคลเซียมเป็นส่วนประกอบหลัก โดยมี รศ.ดร.สุพัตรา จินาวัฒน์ เป็นอาจารย์พี่เลี้ยง

นักวิจัยศึกษาเปรียบเทียบแคลเซียมจากเปลือกไข่ เปลือกหอยแครงและกระดูกวัว มาตั้งแต่ปี 2551 โดยนำวัสดุดังกล่าวไปเผาด้วยความร้อนสูง เพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรียหรือจุลินทรีย์ จากนั้นบดเป็นผงละเอียดและละลายน้ำ หลังจากทดสอบแช่ผักผลไม้เพื่อดูศักยภาพยับยั้งแบคทีเรียอี.โคไล ซึ่งก่อโรคอุจจาระร่วงพบว่า ผงแคลเซียมจากเปลือกไข่มีประสิทธิภาพในการยับยั้งถึง 100% โดยเริ่มจับตัวกับแบคทีเรียหลังแช่ผักได้ 15 นาที และทำลายแบคทีเรียจนหมดใน 6 ชั่วโมง

ส่วนแคลเซียมเปลือกหอยแครงพบประสิทธิภาพอยู่ที่ 98% ขณะที่แคลเซียมกระดูกวัวไม่พบประสิทธิภาพยับยั้งแบคทีเรีย แต่ดูดซึมสารฆ่าแมลงได้ดีมาก จึงอยู่ระหว่างศึกษาเพิ่มว่า สามารถดูดสารพิษชนิดใดบ้าง เพื่อเป็นแนวทางพัฒนาเป็นผงล้างผักสำหรับกำจัดสารเคมีทางการเกษตร

"ผงล้างผักที่ใช้ทั่วไปเป็นโซเดียมไบคาร์บอเนต หรือที่เรียกกันว่า เบคกิงโซดา ทำหน้าที่ฆ่าแบคทีเรียที่ปนเปื้อนในผักผลไม้ก่อนนำไปบริโภค ขณะที่เราใช้แคลเซียมเป็นวัตถุดิบแทนโซเดียมไบคาร์บอเนต หากต่อยอดเชิงพาณิชย์สำเร็จจะสร้างมูลค่าให้แก่ทรัพยากรเหลือทิ้ง รวมทั้งช่วยลดการนำเข้าผงล้างผักจากต่างประเทศ ซึ่งราคาขายอยู่ที่ 300 - 400 บาทต่อซองขนาดประมาณ 30 กรัม" นักวิจัย กล่าว

นอกจากการพัฒนาประสิทธิภาพของผงแคลเซียมแล้ว ทีมงานยังศึกษาเพิ่มว่าแคลเซียมที่พัฒนาได้ จะมีฤทธิ์ยับยั้งแบคทีเรียชนิดที่ก่อโรคบิดได้หรือไม่ คาดว่าจะใช้เวลา 3 - 4 เดือน รวมทั้งศึกษาการตกค้างของผงแคลเซียมในสัตว์ทดลอง และผลกระทบต่อระบบนิเวศน์ พร้อมกันนี้ยังวางแผนจะต่อยอดงานวิจัยไปถึงผงล้างเนื้อสัตว์ ผงล้างเครื่องครัว เพื่อเป็นทางเลือกให้แก่แม่บ้านในอนาคตด้วย

"ผงล้างผักนี้จะเพิ่มความปลอดภัยให้แก่ผู้บริโภค โดยเฉพาะผู้ที่นิยมบริโภคผักผลไม้จากเกษตรอินทรีย์ ซึ่งใช้ปุ๋ยหมักชีวภาพที่ทำขึ้นเอง แม้ว่าจะทำให้ผู้บริโภคปลอดภัยจากสารเคมี แต่ในทางกลับกันก็พบเชื้อแบคทีเรียปนเปื้อนเพิ่มขึ้น" นักวิจัย กล่าว

ที่มา: http://www.bangkokbiznews.com

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net