Skip to main content
sharethis

การเมือง


ทุ่มแสน ล.ช่วย 9 กลุ่ม-ต่อ 6 มาตรการ 6 เดือน


โพสต์ทูเดย์- นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี แถลงว่า คณะกรรมการรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจวันนี้มีมติจะจัดสรรงบกลางปี 52 ราว 1 แสนล้านบาท เพื่อช่วยในการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศให้ครอบคลุม 9 กลุ่ม ทั้งกลุ่มแรงงาน, ผู้สูงอายุ, เกษตรกร, ภาคธุรกิจเอกชน, โครงการเรียนฟรี, ผู้มีรายได้น้อย, ภาครัฐ, ผู้มีรายได้ประจำ และการประชาสัมพันธ์ประเทศอย่างบูรณาการ โดยคาดว่างบประมาณดังกล่าวจะเริ่มใช้จ่ายได้อย่างช้าที่สุดในวันที่ 1 เม.ย.52


 


พร้อมกันนั้นยังให้ต่ออายุมาตรการส่วนใหญ่ใน "6 มาตรการ 6 เดือน" ออกไปอีก 6 เดือนนับตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.52 ยกเว้นการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันที่จะยกเลิกทันทีที่สิ้นสุดมาตรการในช่วงแรก(31 ม.ค.52) แต่ให้หาแนวทางดูแลไม่ให้ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นในทันทีเพื่อลดผลกระทบต่อประชาชน ขณะที่จะมีการปรับปรุงมาตรการลดรายจ่าย ทั้งค่าน้ำค่าไฟ ค่ารถเมล์ ค่ารถไฟ เพื่อเน้นไปที่ผู้มีรายได้น้อยอย่างแท้จริง


 


"(คณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจ)ได้มอบหมายให้แต่ละกระทรวงกำหนดกลุ่มเป้าหมายผู้ที่ได้รับผลประโยชน์ ซึ่งที่ประชุมเห็นตรงกันว่ามี 7 กลุ่ม แต่นายกรัฐมนตรีอยากให้เพิ่มอีก 2 กลุ่ม...ช่วงวิกฤติเศรษฐกิตมีเพียงตำราเดียวเท่านั้นที่จะทำอย่างไรให้เงินถึงมือประชาชนเร็วที่สุด" นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี กล่าว


 


โดยในภาคการเกษตรจะเข้าไปดูแลเรื่องการแทรกแซงราคาสินค้าเกษตร ซึ่งมีงบประมาณเหลือจากรัฐบาลก่อนราว 6 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นงบที่ใช้ในโครงการรับจำนำพืชผลเกษตร ข้าว ข้าวโพด และมันสำปะหลัง วงเงิน 1.1 แสนล้านบาท โดยรัฐบาลนี้มีแนวคิดจะขยายประเภทการรับจำนำพืชผลเกษตรให้ครอบคลุมไปถึงยางพารา และปาล์มน้ำมันด้วย ส่วนโครงการเรียนฟรีจะมีงบประมาณราว 3 หมื่นล้านบาท ซึ่งสามารถช่วยเหลือเด็กนักเรียนได้ราว 13 ล้านคน


 


สำหรับการต่ออายุ 6 มาตรการฯ จะเริ่มดำเนินการต่อเนื่องไปได้ทันทีตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.52 แต่จะยกเลิกการลดภาษีสรรพสามิต ซึ่งมีมาตรการดูแลไม่ให้ราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่วนค่าไฟฟ้าฟรีนั้นจะปรับลดปริมาณมาที่ 80-100 ยูนิต และรถโดยสารประจำทางจะให้บริการฟรีตามเดิม ทั้งนี้รัฐบาลยังไม่มีแนวคิดเรื่องการปรับลดภาษีมูลค่าเพิ่ม และภาษีเงินได้นิติบุคคล


 


รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลจะเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น โดยคาดว่าจะมีความชัดเจนในวันที่ 9 ม.ค.นี้ ส่วนการประชาสัมพันธ์ประเทศอย่างบูรณาการนั้น จะให้กระทรวงการต่างประเทศ ประสานงานกับกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง และบีโอไอ เพื่อดำเนินการร่วมกัน


 


ทั้งนี้ คาดว่า มาตรการต่างๆ จะสามารถเริ่มทยอยดำเนินการได้ทันที และอย่างช้าไม่เกินวันที่ 1 เม.ย.52 โดยจะใช้งบกลางมาใช้ไปพลางก่อน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะจัดทำรายละเอียดมาเสนอให้ที่ประชุมพิจารณาอีกครั้งในสัปดาห์หน้า เพื่อนำเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีต่อไป


 


ด้านนายพุฒิพงษ์ ปุณกันต์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่า มาตรการที่รัฐบาลจะช่วยเหลือภาคเอกชนซึ่งได้หารือในที่ประชุมครม.เศรษฐกิจวันนี้ จะมีมาตรการให้ความช่วยเหลือเรื่องสภาพคล่องผ่านการให้สินเชื่อ โดยที่รัฐบาลจะรับภาระดอกเบี้ยแทนภาคเอกชนด้านการท่องเที่ยว และกลุ่มธุรกิจ SMEs ในเบื้องต้นที่ 2-3%


 


ส่วนภาคการส่งออกนั้น รัฐบาลจะให้ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย(EXIM BANK) ค้ำประกันเงินกู้ด้านการส่งออก รวมถึงธุรกิจ SMES จะมีการค้ำประกันเงินกู้ให้ด้วย แต่คงไม่ใช่รูปแบบการให้สินเชื่อ Soft Loan เนื่องจากธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)มีข้อจำกัดด้านกฎหมาย


 


พร้อมกันนี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปศึกษาปัญหาที่เกิดขึ้นจากการที่มีนักลงทุนที่เข้ามาขอรับส่งเสริมการลงทุนจาก BOI ที่มีวงเงินลงทุนสูงมากแต่กลับพบว่าการลงทุนจริงยังไม่เกิดขึ้น รวมทั้งจะมีการวางแนวทางเพื่อเอื้อประโยชน์แก่นักลงทุนโดยตรง ทั้งที่มีการลงทุนแล้วและเตรียมที่จะเข้ามาลงทุน


 


ส่วนภาคแรงงานนั้นรัฐบาลจะจัดงบประมาณเข้าไปช่วยเหลือแรงงานที่ตกงานและบัณฑิตจบใหม่ภายใน 6 เดือน โดยวางเป้าการช่วยเหลือไว้ที่ 5 แสนคน โดยคาดว่าการประชุมคณะรัฐมนตรีวันที่ 13 ม.ค.จะมีรายละเอียดของการจัดสรรงบกลางปี 1 แสนล้านบาทที่แยกมาตรการความช่วยเหลือออกเป็น 9 กลุ่ม มีเป้าหมายการใช้งบประมาณภายใน 3-6 เดือน


 


ด้าน นายไพฑูรย์ แก้วทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า วันนี้ที่ประชุมครม.เศรษฐกิจได้อนุมัติแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะแรงงานส่วนที่ว่างงาน ซึ่งจะแบ่งการช่วยเหลือ 3 กลุ่ม คือ แรงงานตกงาน ภาคเกษตรในการพัฒนาเพื่อให้มีงานทำ และนักศึกษาที่กำลังจบการศึกษา โดยได้รับวงเงินอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ จำนวน 5,200 กว่าล้านบาท ซึ่งเชื่อว่าจะรองรับแรงงานว่างงานได้ 500,000 คน ซึ่งจะใช้เงินงบประมาณกลางปี 2552 เพราะจะเบิกจ่ายแก้ปัญหาได้รวดเร็วกว่ารองบประมาณประจำปี 2553


 


นอกจากนี้ ในวันที่ 17 มกราคม กระทรวงแรงงานจะจัดงานพบแรงงาน พร้อมกับมีผู้ประกอบการที่ต้องการแรงงานเป็นจำนวนมากมางานนี้ เชื่อว่าจะรองรับแรงงานได้กว่า 130,000 คน


 


 


ทักษิณท้าปชป.เปิดหลักฐานล็อบบี้ยิสต์


โพสต์ทูเดย์- นายวิชิต ปลั่งศรีสกุล ทนายความของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แถลงข่าวปฎิเสธข้อกล่าวหาของนายบุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กรณีระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ว่าจ้างบริษัทล็อบบี้ยิสต์ต่างประเทศ ทำลายความน่าเชื่อถือของประเทศและสถาบันเบื้องสูง โดยยืนยันว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่เคยว่าจ้างบริษัทใดๆมาดิสเครดิตของประเทศ เชื่อว่าโฆษกพรรคประชาธิปัตย์มีเจตนามุ่งใส่ร้าย พ.ต.ท.ทักษิณ ให้ได้รับความเสียหาย ทั้งนี้จะให้เวลา 7 วัน ในการหาหลักฐานมายืนยันการว่าจ้างล็อบบี้ในต่างประเทศของพ.ต.ท.ทักษิณ หากไม่สามารถหาหลักฐานมาได้ ก็จะดำเนินการฟ้องร้องทั้งทางแพ่งและอาญา


         


นายวิชิต ยังเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ออกมาแสดงความรับผิดชอบต่อโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เพราะถือเป็นคนในพรรคเดียวกัน เนื่องจากเชื่อว่าการกระทำของโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้ทำเพียงลำพัง น่าจะเป็นเครื่องมือของบุคคลใดบุคคลหนึ่งในพรรค



 


 


พท.ร้องศาลฎีกาเอาผิด "ชัย-อภิสิทธิ์-กษิต" ย้ายที่ประชุม


มติชน - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศาลฎีกา สนามหลวง พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ และนายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.เขต 2 และ 3 จ.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนายพร้อมพงษ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย เดินทางเข้ายื่นคำร้องขอให้ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา แต่งตั้งผู้ไต่สวนอิสระไต่สวนนายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ผู้ถูกร้องที่ 1-3 กระทำผิดต่อหน้าที่


 


สืบเนื่องจากกรณีเปลี่ยนสถานที่ที่ประชุมรัฐสภา เพื่อแถลงนโยบายของรัฐบาล จากอาคารรัฐสภาไปเป็นสถานที่อื่น เพราะขัดต่อรัฐธรรมนูญและข้อบังคับการประชุมรัฐสภา งผู้ถูกร้องที่ 1 ในฐานะประธานรัฐสภา ย่อมทราบดีว่า ครม.ของผู้ถูกร้องที่ 2 สามารถแถลงนโยบายได้ภายใน 15 วันนับแต่วันเข้ารับตำแหน่ง ดังนั้น ในวันสุดท้ายที่ ครม.จะแถลงนโยบายได้จึงไม่ใช่วันที่ 30 ธ.ค. แต่สามารถเลื่อนระยะเวลาออกไปได้อีก การที่ผู้ถูกร้องที่ 1 ยินยอมให้เปลี่ยนแปลงสถานที่ประชุม โดยผู้ถูกร้องที่ 2 และที่ 3 ยินยอม ทำให้ผู้ร้องทั้งสอง ซึ่งมีความตั้งใจในการอภิปรายท้วงติงและแสดงความคิดเห็นต่อ นโยบายของรัฐบาลอันเป็นการทำหน้าที่ ตามรธน.ของผู้ร้องทั้งสองได้รับความเสียหาย


 


ศาลฎีกาได้รับคำร้องไว้เพื่อเสนอที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาพิจารณาว่า จะมีคำสั่งรับคำร้องและแต่งตั้งผู้ไต่สวนอิสระหรือไม่ โดยศาลฎีกาจะกำหนดวันนัดประชุมใหญ่ศาลฎีกาต่อไป


 


 


ชทพ.เฮ!ศาลสั่งคืนสิทธิ์ให้ "อดุลย์"


โพสต์ทูเดย์ - ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งมีคำสั่งคืนสิทธิให้นายอดุลย์ เหลืองบริบูรณ์ ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. จ.อุทัยธานี จากพรรคชาติไทยพัฒนา สามารถลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.อุทัยธานี เขตเลือกตั้งที่ 1 ได้ โดยวันนี้ศาลฎีกาได้ใช้วิธีการปิดประกาศแทนการอ่านคำสั่ง  


 


"มีคำสั่งว่านายอดุลย์ เหลืองบริบูรณ์ ผู้ร้องเป็นผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งในการเลือกตั้ง ส.ส.อุทัยธานี เขตเลือกตั้งที่ 1 และให้ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้งที่ 1 จ.อุทัยธานี ประกาศชื่อผู้ร้องเป็นผู้มีสิทธิรับเลือกตั้ง" ประกาศของศาลฎีกา ระบุ  


 


ก่อนหน้านี้ นายอดุลย์ ได้ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกา เพื่อขอให้ศาลตัดสินกรณีที่ถูก กกต.จ.อุทัยธานี วินิจฉัยให้ว่าเป็นผู้ขาดคุณสมบัติลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ในวันที่ 11 ม.ค.52 เพราะเป็นสมาชิกพรรคชาติไทยพัฒนาไม่ครบ 90 วัน


 


ในการพิจารณาศาลเห็นว่า ผู้ร้องไม่ได้ขาดคุณสมบัติการเป็นสมาชิกพรรคการเมือง เพราะได้สมัครเป็นสมาชิกพรรคชาติไทยพัฒนาตั้งแต่วันที่ 8 ต.ค.51 เมื่อนับถึงวันเลือกตั้งจะเกิน 90 วัน ดังนั้น การที่ กกต.อ้างเรื่องของการส่งหลักฐานแจ้งการสมัครเข้าเป็นสมาชิกนั้น ไม่มีกฎหมายบัญญัติไว้ว่าต้องจะส่งให้นายทะเบียนพรรคการเมืองเมื่อใดจึงจะทำให้การสมัครมีความสมบูรณ์  


 


"ผู้คัดค้านอ้างว่า(ผู้ร้อง)มีพฤติกรรมส่อแสดงว่าไม่สุจริต และอาจลงวันที่ในใบสมัครเป็นสมาชิกพรรคชาติไทยพัฒนาย้อนหลังนั้น ก็ไม่มีพยานหลักฐาน...เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าผู้ร้องเป็นสมาชิกพรรคชาติไทยพัฒนาตั้งแต่วันที่ 8 ต.ค.51 เมื่อนับถึงวันเลือกตั้ง คือวันที่ 11 ม.ค.52 เป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่า 90 วัน ผู้ร้องจึงไม่ขาดคุณสมบัติ" ประกาศของศาลฎีกา ระบุ


 


 


ศาลสั่งคืนสิทธิ์ผู้สมัครส.ส.ปชป.


โพสต์ทูเดย์ - ศาลฎีกา แผนกคดีเลือกตั้ง มีคำสั่งคืนสิทธิการลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ให้กับ น.ส.สรชา วีรชาติวัฒนา ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.เขต 1 จังหวัดสมุทรปราการ พรรคประชาธิปัตย์ หลังจากที่ ผู้อำนวยการการเลือกตั้ง ประจำเขตเลือกตั้งที่ 1 จังหวัดสมุทรปราการ ยื่นคำร้องขอให้ศาลเพิกถอนสิทธิการลงสมัคร ส.ส.ของ น.ส.สรชา เนื่องจากในฐานข้อมูลของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ไม่พบชื่อ น.ส.สรชา เป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ทำให้ขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 101 (3)


 


ศาลตรวจสำนวนประชุมแล้วเห็นว่า นายทะเบียนพรรคประชาธิปัตย์ ได้ยืนยันว่า น.ส.สรชา สมัครเป็นสมาชิกพรรค ตั้งแต่วันที่ 10 ก.ย.2547 และเคยลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.จังหวัดสมุทรปราการ ในนามพรรคประชาธิปัตย์มาแล้ว 2 ครั้ง ประกอบกับที่ผ่านมาพบมีรายชื่อสมาชิกพรรคตกหล่นจากฐานข้อมูล กกต. หลายคน รวมถึง น.ส.สรชา ด้วย พยานหลักฐานของ น.ส.สรชา จึงมีน้ำหนักรับฟังได้ ว่ามีสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. โดยไม่มีลักษณะต้องห้าม ตามรัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 101 (3) จึงมีคำสั่งยกคำร้องของ ผู้อำนวยการการเลือกตั้ง และให้ น.ส.สรชา มีสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.เขต 1 จังหวัดสมุทรปราการ ได้


 


 


'เสื้อแดง' ประมาณ30คน รวมตัวจี้นายกฯยุบสภา


เดลินิวส์ - (7 ม.ค.) เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา มีกลุ่มคนสวมเสื้อสีแดงและผูกผ้าพันคอสีแดง ประมาณ 30 คน เดินทางมารวมตัวกันที่บริเวณเชิงสะพานชมัยมรุเชษฐ์ ติดกับรั้วหน้าทำเนียบรัฐบาล โดยชูป้ายสีแดงเขียนโจมตีรัฐบาล และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี นอกจากนี้ ยังมีผู้ปราศรัยผ่านโทรโข่งขนาดเล็กโจมตีนายกฯ โดยเฉพาะประเด็นหนีทหาร และการนำนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ มาร่วมรัฐบาล พร้อมเรียกร้องให้นายกฯ ยุบสภา หรือลาออกพร้อมทั้งประกาศจะเดินทางไปชุมนุมขับไล่รัฐบาลทุกที่


 


 


ขอเวลา1สัปดาห์ตั้งกลไกพิเศษสะสางคดีความ


คมชัดลึก - นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ ให้สัมภาษณ์ถึงการตั้งกลไกพิเศษเพื่อดูแลคดีต่างๆให้เกิดความเป็นธรรมตามกฎหมาย ว่า ขณะนี้กำลังดูอยู่ขอเวลาประมาณ 1 สัปดาห์เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดกับหลายๆ ฝ่ายว่าวิธีที่ดีที่สุดจะเป็นอย่างไร ซึ่งจะเป็นกลไกที่จะช่วยทำให้ทุกฝ่ายมีความมั่นใจมากขึ้นว่าจะได้รับความเป็นธรรม และจะมีการประมวลเหตุการณ์ ที่มาที่ไป ซึ่งจะเป็นกรอบการทำงานของเจ้าหน้าที่ ที่ผ่านมีหลายเหตุการณ์มีคดีความจำนวนมากและหลายรูปแบบ จึงพยายามหาทางที่จะทำให้มุมมองสำหรับคนที่มีความเชี่ยวชาญเพื่อให้ความเป็นธรรมต่อการสะสางปัญหาความขัดแย้งที่มีการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้องเข้ามาช่วยทำงาน ก็ต้องขอเวลาในการหากลไกตรงนี้ก่อน


  


ผู้สื่อข่าวถามว่ากลไกพิเศษที่จะตั้งขึ้นมาจะพิจารณาเกี่ยวกับคดีของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ด้วยหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนนึกถึงเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับประชาชน ส่วนกรณีของอดีตนายกรัฐมนตรีก็เป็นคดีเฉพาะต่างหากอยู่แล้ว แต่ถ้าเป็นการเมืองก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เมื่อถามว่าจะเป็นเรื่องการยอมในบางคดีเพื่อให้เกิดความสมานฉันท์หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ได้คิดถึงเรื่องอย่างนั้น คิดแต่เรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับประชาชนและมีแง่มุมทางการเมืองและสิทธิเสรีภาพ ต้องดูว่าจะสะสางกันอย่างไร


  


นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม การดำเนินการต่างๆเพื่อสะสางคดีนั้น ไม่มีผลกระทบอะไรกับรัฐบาล เพราะรัฐบาลจะอยู่ได้หรือไม่ต้องสามารถที่จะบริหารจัดการได้อย่างมีความเป็นธรรม ถ้ามีปัญหากระทบกระทั่งกันบ้างก็ต้องทำความเข้าใจกัน สุดท้ายต้องยืนยันหลักการที่จะทำให้รัฐบาลตอบคำถามได้ ถ้าจะกระทบกันบ้างก็ต้องแก้ไขกันโดยการเมือง


 


 


ล่าเบอร์โทรขู่ฆ่านายกฯสั่งสอบพบโยงกลุ่มป่วน


คมชัดลึก -ภายหลังนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ออกมาระบุว่า หน่วยงานด้านการข่าวเตือนให้ระวังถูกลอบปองร้าย สอดคล้องกับการที่นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ออกปากเตือนนายกรัฐมนตรีให้ระวังตัวนั้น ล่าสุดเมื่อวันที่ 2 มกราคม 2552 มีรายงานว่านายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ตรวจสอบหมายเลขโทรศัพท์ที่โทรเข้ามาข่มขู่แล้ว



  


รายงานข่าวเปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีถูกโทรศัพท์หลายสายโทรเข้าไปข่มขู่ต่างๆ นานา ซึ่งจากการตรวจสอบหมายเลขโทรศัพท์ส่วนใหญ่เป็นโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบเติมเงิน แต่มีบางหมายเลข ที่เป็นเบอร์ส่วนตัว ซึ่งนายกรัฐมนตรีสั่งให้ตรวจสอบแล้ว เนื่องจากมีรายงานว่าหมายเลขโทรศัพท์ดังกล่าว เกี่ยวข้องกับกลุ่มคนที่พยายามก่อความวุ่นวายในบ้านเมืองขณะนี้ด้วย



  


ขณะที่นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์เพียงสั้นๆ ระหว่างเดินทางมาพักผ่อนกับครอบครัวที่ จ.กระบี่ ว่า สิ่งสำคัญที่รัฐบาลจะเร่งดำเนินการเป็นอันดับแรกหลังจากช่วงวันหยุดเทศกาลปีใหม่คือเรื่องการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งจะต้องให้ความสำคัญมากเป็นพิเศษ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะเดินทางมาพักผ่อน แต่ก็ยังคงต้องทำงานและไม่ได้รู้สึกเหนื่อยเพราะต้องการที่จะทำงานให้แก่บ้านเมืองอยู่แล้ว



  


นายอาคม เอ่งฉ้วน ส.ส.กระบี่ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการเดินทางมาพักผ่อนที่ จ.กระบี่ ของนายกรัฐมนตรีและครอบครัว ไม่มีการวางระบบ รปภ.เป็นทางการ มีเพียงเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบไม่น่าจะเกิน 10 นาย ที่ผู้ว่าราชการจังหวัด และผบก.ภ.จว.กระบี่ จัดให้ ทั้งนี้ นายนายอภิสิทธิ์มาพร้อมครอบครัวและกลุ่มเพื่อนของลูกจำนวน 16 คน โดยเข้าพักที่โรงแรมเซ็นทาร่า กระบี่ ต.อ่าวนาง อ.เมือง โดยเวลาส่วนใหญ่ของนายกรัฐมนตรีและครอบครัว จะอยู่ในทะเล ดูปะการังและให้อาหารปลา ซึ่งมีหลายแห่ง เช่น อ่าวไร่เลย์ ทะเลแหวก และเกาะต่างๆ ซึ่งมีอยู่จำนวนมาก


 



พ.ต.อ.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผกก.สน.ทองหล่อ กล่าวถึงกรณีที่ทางนายอภิสิทธิ์ ถูกโทรศัพท์หลายสายโทรมาข่มขู่ว่า ยังไม่ได้รับแจ้งว่าเป็นอย่างไรแต่หากว่านายกรัฐมนตรีถูกโทรศัพท์โทรมาข่มขู่จริง ก็เชื่อว่าหน่วยงานที่รับผิดชอบไม่ว่าจะเป็นฝ่ายความมั่นคง และฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ดูแลรักษาความปลอดภัย จะคอยตรวจสอบข้อเท็จจริงและดูแลรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดอยู่แล้ว แต่ในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ทองหล่อ นั้น มีเจ้าหน้าที่คอยดูแลรับผิดชอบรักษาความปลอดภัยบริเวณรอบบ้านพักของนายกรัฐมนตรี ในซอยสุขุมวิท 31 เขตวัฒนา อยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม ได้สั่งกำชับให้เจ้าหน้าที่เพิ่มความระมัดระวัง ตรวจตราดูแลอย่างเข้มงวดในการรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง


 



นายศุภชัย ใจสมุทร รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และสมาชิกกลุ่มเพื่อนเนวิน กล่าวว่า สถานการณ์การเมืองยังมีความขัดแย้งแตกแยกและมีกระแสต่อต้านนายกรัฐมนตรีอยู่มาก จึงมีการโทรศัพท์ข่มขู่เอาชีวิต สาเหตุนั้นน่าจะมาจากประเด็นการเมืองแน่นอน รวมทั้งนายกรัฐมนตรีควรจะระมัดระวังตัวเองให้มาก เมื่อฝ่ายรักษาความปลอดภัยแนะนำให้ทำอะไร นายกฯ ก็ควรดำเนินการตามนั้น อย่าคิดว่าเป็นการข่มขู่เล่นๆ นอกจากนี้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคงจะมีความเข้มงวดมากขึ้น รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเพิ่มมาตรการและติดตามหาข้อมูลให้นายกฯ ด้วย



  


 


นปช.ซัดนายกฯสร้างภาพเรียกสงสาร


คมชัดลึก- นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.พรรคเพื่อไทย แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวว่า ไม่เชื่อว่านายอภิสิทธิ์กำลังตกอยู่ในอันตราย ตามที่มีรายงานอ้างหน่วยข่าวทางลับว่าจะมีคนลอบทำร้าย



  


"นายอภิสิทธิ์ไม่มีความสำคัญจนเป็นสาเหตุให้มีกระบวนการลอบทำร้าย ข่าวที่ออกมาน่าจะเป็นเพียงการสร้างภาพของนายอภิสิทธิ์ เพื่อเรียกคะแนนสงสาร" นายจตุพรกล่าว



  


นายจตุพรยังย้ำแนวทางการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงว่าจะต่อต้านรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ต่อไปอย่างเปิดเผย ไม่ว่านายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ จะพยายามขอเจรจากับแกนนำกลุ่ม หรือแม้กระทั่ง พ.ต.ท.ทักษิณ เพื่อขอให้ยุติการเคลื่อนไหวก็ตาม ดังนั้น หลังจากนี้ไป กลุ่ม นปช.จะเพิ่มแรงกดดันต่อรัฐบาลมากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อให้นายกรัฐมนตรียุบสภาเร็วที่สุด



  


 


เพื่อไทยจี้ ตร.สอบข่าวนายกฯ ถูกโทรขู่


คมชัดลึก - พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ถูกโทรศัพท์ข่มขู่ว่า ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการทหาร สภาผู้แทนราษฎร ไม่เชื่อว่าจะเป็นความจริง แต่อาจเป็นไปได้เหมือนกัน เพราะบ้านเมืองแตกแยกออกเป็นหลายกลุ่ม ดังนั้นอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริง



  


พ.ต.ท.สมชายกล่าวว่า ในส่วนของคณะกรรมาธิการการทหาร จะตรวจสอบกรณีการหนีทหารของนายอภิสิทธิ์ โดยในวันที่ 8 มกราคม จะเชิญเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงเพื่อคลายข้อสงสัยให้สังคม นอกจากนี้ ในวันที่ 5-6 มกราคม พรรคได้จัดอภิปรายนโยบายของรัฐบาลนอกที่ประชุมรัฐสภา โดยมีการถ่ายทอดสดผ่านสถานีโทรทัศน์ช่องเอ็มวี 5 ให้ประชาชนทั่วประเทศได้รับฟังด้วย



 


 


สภาทนายขอ"จรัญ"งดไปเชียงใหม่ หนี"เสื้อแดง"ล้อม


มติชน - ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อวันที่ 7 ม.ค. ถึงกรณีที่สภาทนายความ ภาค 5-6 เตรียมจัดประชุมประจำปีในวันที่ 8 มกราคม ที่โรงแรมโลตัสปางสวนแก้ว อ.เมือง จ.เชียงใหม่ โดยมีนายจรัญ ภักดีธนากุล ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เป็นประธานเปิดในพิธีว่า ล่าสุดทางโรงแรมแจ้งว่า สภาทนายความได้แจ้งยกเลิกการเปิดงานโดยนายจรัญมาให้ทราบแล้ว พร้อมทั้งระบุว่า ไม่ต้องการสร้างความเดือดร้อนให้กับโรงแรมและนักท่องเที่ยวที่เข้าพัก หลังจากทราบว่า จะมีกลุ่มเสื้อแดง จ.เชียงใหม่ นำมวลชนมาปิดล้อมในวันดังกล่าว และที่สำคัญไม่ต้องการให้เกิดภาพที่ไม่ดีต่อเมืองท่องเที่ยวของเชียงใหม่ด้วย


 


 


พระสงฆ์ 8 ชาติ ร่วมสวดให้ไทยคืนสู่สงบ เลิกขัดแย้ง


มติชน -เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม พระสงฆ์จากวัดตะล่อมนานาชาติ เขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯ จำนวน 62 รูป จาก 8 ประเทศ ประกอบด้วยไทย ศรีลังกา เนปาล อินเดีย พม่า ลาว เวียดนามและกัมพูชา ในนามสภาธรรมาธิปไตยแห่งชาติ นำโดย พระมหาบุญถึง ชุตินังธโร ประธานสภาธรรมธิปไตย เจ้าอาวาสวัดตะล่อมนานาชาติ เและฆราวาส 20 คน ภายใต้การนำของนายสมาน ศรีงาม รวมตัวกันที่วัดบึง ข้างศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา จากนั้นเดินขบวนไปตามถนนสายต่างๆ ในเขตเทศบาลนครนครราชสีมา พร้อมป้ายข้อความเรียกร้องให้จัดตั้งรัฐบาลเฉพาะกาลขึ้นมาบริหารประเทศชาติ จากนั้นพระสงฆ์ และกลุ่มธรรมยาตรา เข้าสักการะอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ย่าโม) พร้อมกับสวดมนต์และนั่งภาวนาจิต ช่วยดลบันดาลให้ประเทศไทยกลับสู่ความสงบปราศจากความขัดแย้งโดยเร็ว ก่อนเดินเท้าต่อไปยังกรุงเทพฯ เพื่อนำอัฐิ ของ อส.ทพ.บุญฤทธิ์ ขันตี วีรบุรุษอาสาทหารพรานที่เสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ปกป้องเขาพระวิหาร จ.ศรีสะเกษ ไปบรรจุไว้ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ กรุงเทพฯ


 


 


เศรษฐกิจ


ม็อบคนงานปิดโรงงานอยุธยาซ้ำ


มติชน -เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 7 มกราคม อดีตคนงานเกือบ 300 คน รวมตัวกันปิดทางเข้าออกโรงงานผลิตของบริษัท ซิงเกิ้ล พอยท์ พาร์ท (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ S.P.P. ในสวนอุตสาหกรรมโรจนะ ต.คานหาม อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา ประท้วงผู้บริหารบริษัทที่ไม่จ่ายเงินชดเชยกรณีเลิกจ้างคนงานแบบกะทันหันตั้งแต่เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2551 แม้นายไพฑูรย์ แก้วทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานรับปากจะช่วยเจรจานายจ้างให้จ่ายเงิน และนัดหมายเจรจา 3 ฝ่ายในวันที่ 7 มกราคมนี้ ที่สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน จ.พระนครศรีอยุธยา ปรากฏว่า นายจ้างไม่ยอมไปตามนัด พร้อมประกาศจะเคลื่อนไหวให้ถึงที่สุด


 


เวลา 16.00 น. รถสองแถวรับส่งคนงานของบริษัทได้ขับพุ่งชนรถจักรยานยนต์และกลุ่มอดีตคนงานที่ประตูทางเข้าโรงงาน ทำให้ น.ส.สุนันท์ เต็มรัก อายุ 29 ปี บาดเจ็บ คนขับอ้างว่า โรงงานสั่งให้ขับรถชนได้เลยหากอดีตคนงานปิดทางเข้าออก


 


คุณภาพชีวิต-การศึกษา


กยศ.แจงเหตุผู้กู้ปี51ยังไม่ได้รับเงิน


เดลินิวส์ - นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.ศึกษาธิ การ (ศธ.)เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) ในวันที่ 8 ม.ค.ตนจะมอบนโยบายให้ กกอ.ช่วยดูแลและหาทางช่วยเหลือนิสิต นักศึกษา ชั้นปีที่ 2-4 ที่ไม่ได้กู้ยืมเงินจากกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ตั้งแต่เรียน ในชั้นปีที่ 1 ให้ได้มีโอกาสกู้ยืมด้วย เพราะทราบว่าขณะนี้ กยศ.ยังมีเงินเหลืออยู่เกือบ 10,000 ล้านบาท จึงน่าจะนำมารองรับเด็กกลุ่มนี้ให้กู้ยืมเรียนได้ โดยต้องเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด


 


ดร.สุเมธ แย้มนุ่น เลขาธิการ กกอ. กล่าวว่า ตนได้หารือในเบื้องต้นกับ รศ.นพ.ธาดา มาร์ติน ผู้จัดการกยศ. เกี่ยวกับการเพิ่มจำนวนผู้กู้ กยศ. และ การเปิดโอกาสให้นิสิต นักศึกษา ชั้นปีอื่นนอกเหนือจากปี 1 กู้ได้ด้วย โดยเห็นตรงกันว่า สามารถทำได้ถ้ามีงบฯเพิ่มขึ้น และเป็นนโยบายของ รมว.ศธ. ส่วนข้อกำหนดของ กยศ.ที่ให้ผู้จะกู้ กยศ. หรือ กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาที่ผูกกับรายได้ในอนาคต (กรอ.) ได้ต้องเป็นผู้กู้ต่อเนื่องจากตั้งแต่ชั้นปีที่ 1 นั้น เนื่องจากที่ผ่านมางบฯมีจำกัด และ ให้ความสำคัญกับผู้ที่เรียนปี 1 ก่อน อย่างไรก็ตามตนจะนำเรื่องนี้หารือ กับ รมว.ศธ.อีกครั้ง เพื่อขอความชัดเจนรวมถึงข้อเสนอแนะต่างๆ ด้วย  


 


ด้าน รศ.นพ.ธาดา มาร์ติน ผู้จัดการ กยศ. กล่าวถึงกรณีที่นักเรียน นิสิต นักศึกษา ร้องเรียนว่า ยังไม่ได้รับเงินกู้ในปีการศึกษา 2551 ว่า เนื่องจากปีการศึกษา 2551 มีผู้กู้ยืม กยศ.กว่า 730,000 ราย ซึ่งเป็นผู้กู้ระดับอุดมศึกษา 400,000 ราย โดยบางสถานศึกษาก็มีจำนวนผู้กู้เกินโควตาที่ได้รับจัดสรร ทำให้ผู้ กู้บางรายไม่ได้รับการคัดเลือก กยศ.จึงอยากขอให้สถานศึกษาให้ข้อเท็จจริงแก่นักเรียน นิสิต นักศึกษาถึงโควตาที่สถานศึกษาได้รับด้วย เพื่อไม่ให้เกิดการเข้าใจว่า เมื่อยื่นกู้แล้วจะได้รับเงินกู้ทุกรายตามที่ร้องเรียนมา แต่สำหรับปีการศึกษา 2552 นั้น กยศ.จะเปิด ให้ยื่นกู้ได้ตั้งแต่กลางเดือนมกราคมเป็นต้นไป ดังนั้น ผู้ที่ประสงค์จะขอกู้ยืมควรยื่นกู้ไว้แต่เนิ่นๆ เพื่อที่สถานศึกษาจะได้ดำเนินการคัดเลือกได้อย่างรวดเร็ว เพราะสถานศึกษาจะทราบจำนวนโควตาภายในเดือนกุมภาพันธ์ ทั้งนี้หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามได้ที่ 0-2610-4888 หรือ www.studentloan.or.th


 


 


ต่างประเทศ


เลขาฯUN เรียกร้องอิสราเอล-ปาเลสไตน์หยุดยิง


แนวหน้า - นายบัน คี มุน เลขาธิการใหญ่องค์การสหประชาชาติ (UN Secretary General) ชาวเกาหลีใต้ วัย 64 ปี ได้ออกมาเรียกร้องให้มีการยุติการสู้รบแบบทันทีทันใดในฉนวนกาซา ในระหว่างการประชุมของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UN Security Council) ที่มหานครนิวยอร์ก พร้อมตำหนิอิสราเอลที่ก่อเหตุระดมโจมตีฉนวนกาซาอย่างหนักโดยไม่ฟังนานาชาติ และก็ได้ตำหนิกลุ่มฮามาสที่ไม่ยุติการระดมยิงจรวดเข้าไปในดินแดนอิสราเอล พร้อมเรียกร้องให้คณะมนตรีความมั่นคงฯและประเทศสมาชิกเร่งหาทางยุติวิกฤตการณ์ครั้งนี้โดยเร็ว



  


ทางด้านรัฐมนตรีสาธารณสุขของปาเลสไตน์ออกมาเปิดเผยว่า มีชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตไปแล้ว 595 รายในจำนวนนี้เป็นเด็ก 195 ราย จากการโจมตีของอิสราเอลตลอด 11 วันที่ผ่านมา



  


ขณะที่ นายเอฮุด โอลเมิร์ท นายกรัฐมนตรีของอิสราเอล วัย 63 ปี ได้เปิดเผยว่าอิสราเอลเห็นชอบที่จะให้มีการจัดเส้นทางพิเศษ สำหรับการขนส่งลำเลียงคนเจ็บ และสิ่งของบรรเทาทุกข์ต่างๆ เข้าไปยังฉนวนกาซาและทางกองทัพอิสราเอลจะอนุญาตให้มีการส่งความช่วยเหลือที่จำเป็นเข้าไปยังฉนวนกาซาในพื้นที่ที่กำหนด และในบางช่วงเวลาของวัน


 


 


ยิวปะทะเดือดหลายเมืองกาซา-เสียชีวิตพุ่ง


เดลินิวส์- กองทัพอิสราเอลยังคงปะทะกับนัก รบกลุ่มหัวรุนแรงฮามาสอย่างหนักหน่วง ใน หลายเมืองสำคัญของฉนวนกาซาเมื่อวันอังคาร (6 ม.ค.) ขณะเดียวกัน อิสราเอลก็ปฏิเสธข้อเรียกร้องให้ยุติสงครามกับฮามาส ซึ่งมีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 580 คน เกือบ 100 คนในจำนวนดังกล่าวเป็นเด็ก และบาดเจ็บอีกกว่า 2,700 คน โดยรถถังอิสราเอลยิงปืนใหญ่และได้รับการสนับสนุนจากเฮลิคอปเตอร์ เคลื่อนกำลังเข้าสู่เมืองคานยูนิส ทางตอนใต้ของกาซาช่วงรุ่งเช้า ซึ่งก็ถูกยิงตอบโต้จากฮามาสและกลุ่มหัวรุนแรงอื่น ๆ


  


นอกจากนี้ การยิงต่อสู้กันอย่างดุเดือดยังเกิดขึ้นในภาคเหนือรอบเมืองจาบาลิยา และเบต ลาฮิยา และในภาคกลางของกาซารอบเมืองเดียร์ อัล-บาลาห์ จากการสู้รบดังกล่าว ทำให้ชาวปาเลสไตน์อย่างน้อย 20 คนเสียชีวิตช่วงเช้าวันอังคารอิสราเอลไม่สนใจเสียงเรียกร้องจากนานาชาติที่หนาหูมากขึ้นให้หยุดยิง และระบุว่า อิสรา เอลจะไม่ยุติการโจมตีที่ยืดเยื้อมาแล้ว 10 วัน จนกว่า "สันติภาพและความสงบร่มเย็น" จะเกิดขึ้นในหลายเมืองทางตอนใต้ของอิสราเอล ซึ่งถูกกลุ่มฮามาสยิงจรวดข้ามชายแดนถล่มอยู่เป็นประจำ ส่วนทหารอิสราเอลเสียชีวิต 5 นาย


  


ด้านประธานาธิบดีนิโกลาส์ ซาร์โกซี ของฝรั่งเศสเดินหน้าดำเนินความพยายามไกล่เกลี่ยเหตุรุนแรงตะวันออกกลาง โดยเมื่อวันจันทร์ ผู้นำฝรั่งเศสได้เข้าพบประธานาธิบดีมาห์มุด อับบาส ของปาเลสไตน์ ที่เมืองรามัลลาห์ ในเขตเวสต์แบงก์ โดยแจ้งต่อผู้นำปาเลสไตน์ว่า ยุโรปต้องการให้ทั้ง 2 ฝ่ายหยุดยิงโดยเร็ว หลังจากนั้น ซาร์โกซีก็เดินทางต่อไปยังกรุงเยรูซาเลม เพื่อพบหารือกับประธานาธิบดีชิมอน เปเรส และนายกรัฐมนตรีเอฮุด โอลเมิร์ต ของอิสรา เอล เพื่อขอให้ยุติการใช้ความรุนแรงในฉนวนกาซาเช่นกัน แต่กลับได้รับการปฏิเสธจากนาย โอลเมิร์ต ซึ่งย้ำหนักแน่นว่า ปฏิบัติการของอิสราเอลไม่เพียงแต่ต้องการให้เกิดผล คือ ฮามาสต้องหยุดยิงเท่านั้น แต่ฮามาสจะต้องไม่สามารถยิงโจมตีอิสราเอลได้อีกต่อไปด้วย


 


 


จีนพร้อมรับมือคลื่นความไม่สงบวิกฤติศก.กระทบเด็กหลายล้านคน


เดลินิวส์ - นิตยสารเอาท์ลุคของทางการจีน ฉบับสัปดาห์นี้ รายงานเมื่อวันอังคาร โดยอ้างคำให้สัมภาษณ์ของนายหวง เฮา ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวซินหัวที่คาดการณ์ว่า จีนอาจเข้าสู่ช่วงเวลาสุกงอมที่จะยิ่งเกิดความขัดแย้ง และการปะทะกัน เช่นการจลาจล และการชุมนุมประท้วง ซึ่งจะเป็นบททดสอบความสามารถในการปกครองของพรรคคอมมิวนิสต์ และรัฐบาลทุกระดับ  


 


โดยมีชนวนเหตุจากปัญหาว่างงานในหมู่ นักศึกษามหาวิทยาลัยที่เผชิญกับตลาดงานและรายได้ที่ลดลง ตลอดจนกลุ่มนักศึกษาจบใหม่เมื่อปีที่แล้ว ที่หางานทำไม่ได้ เพราะคาดว่า จะมีกลุ่มนักศึกษาจบใหม่ทะลักเข้าสู่ตลาดแรงงานมากถึง 7 ล้านคน รวมทั้งกลุ่มแรงงานอพยพตกงาน เนื่องจากโรงงานสินค้าส่งออกปิดตัวลง ทั้งที่เป้าการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ของรัฐบาลจีนในปีนี้ที่ร้อยละ 8 สามารถสร้างตำแหน่งงานใหม่ทั่วประเทศได้เพียง 8 ล้านอัตราเท่านั้น  


 


ความตึงเครียดเรื่องงานและรายได้ของประชาชน เกิดขึ้นในช่วงที่จีนกำลังก้าวเข้าสู่วาระครบรอบ 20 ปีของเหตุการณ์ใช้กำลังปราบปรามผู้ประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยที่จัตุรัสเทียนอันเหมินเมื่อปี 2532  


 


นางอนุพามา เรา ซิงห์ ผอ.กองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ(ยูนิเซฟ)ประจำเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก ระบุในการประชุมที่สิงคโปร์ว่า ภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยหนัก มีส่วนเพิ่มอัตราการเสียชีวิตและภาวะขาดแคลนโภชนาการในทารกถึงร้อยละ 10 พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลประเทศต่าง ๆ ในเอเชียช่วยดูแลเด็กในกลุ่มเสี่ยงหลายล้านคนด้วย นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยูนิเซฟ กล่าวอีกว่า การลดงบประมาณแห่งชาติ อาจทำให้รัฐต้องลดค่าใช้จ่ายด้านสังคม ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเด็กจำนวนมาก


 


 



หุ้นโลกปี08มูลค่าลด17ล้านล้านดอลลาร์


ASTV ผู้จัดการรายวัน - เอเอฟพี - ตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลกในปี 2008 มีผลประกอบการที่ย่ำแย่ยิ่งกว่าฝันร้าย โดยมูลค่าหุ้นสูญหายไปรวมแล้วราว 17 ล้านล้านดอลลาร์ ทั้งนี้ตามรายงานของบริษัทเครดิตเรตติ้งชื่อก้อง สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ส (เอสแอนด์พี) ที่นำออกเผยแพร่ในวันอังคาร(6)


  


การประเมินของเอสแอนด์พีนี้ คำนวณจากมูลค่าของดัชนีตลาดทั่วโลก "Global Broad Market Indices" ของบริษัทเอง ซึ่งประกอบด้วยดัชนีหุ้นของตลาดสำคัญๆ 46 แห่งในโลก


  


ตามรายงานของเอสแอนด์พี ในปีที่แล้วดัชนีหุ้นของพวกตลาดประเทศเศรษฐกิจเฟื่องฟูใหม่ ได้ตกลงมา 54.72% ส่วนของตลาดพวกประเทศพัฒนาแล้วลดต่ำลง 42.72%


  


ความสูญเสียในรอบปีที่ผ่านมา สำหรับประเทศจำนวนมากแล้วถือเป็นการติดลบครั้งหนักหน่วงที่สุดนับแต่วิกฤตเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ (Great Depression) ในทศวรรษ 1930 ยังโชคดีที่ตลาดมีการกระเตื้องฟื้นตัวได้พอสมควรในเดือนธันวาคม โดยที่ตลาดเฟื่องฟูใหม่ 19 จาก 21 แห่ง และตลาดพัฒนาแล้ว 22 จาก 25 แห่ง รายงานมูลค่าดัชนีเป็นบวกในเดือนดังกล่าว


  


สำหรับตลาดหลักทรัพย์ที่มีผลประกอบการย่ำแย่ที่สุดประจำปี 2008 รายงานของเอสแอนด์พีระบุว่า ได้แก่พวกประเทศ "BRIC" ทั้ง 4 ซึ่งก็คือ บราซิล (ติดลบ 57.35%), รัสเซีย (-73.67%), อินเดีย (-64.51%), และจีน (-53.21%)


  


ส่วนตลาดหลักทรัพย์ที่มีผลประกอบการดีที่สุดทางฝ่ายประเทศเศรษฐกิจเฟื่องฟูใหม่ในปีที่แล้ว ได้แก่ โมร็อกโก ซึ่งจำกัดการติดลบของตนให้อยู่ในระดับ 15.85% และอันดับสองคือ อิสราเอล (-34.68%)


  


ด้านประเทศพัฒนาแล้ว ในเรื่องผลประกอบการย่ำแย่ที่สุด ไอร์แลนด์มาที่หนึ่ง (-69.94%) ตามมาด้วย กรีซ (-66.50%), และ นอร์เวย์ (-66.07%) ส่วนประเทศที่ผลประกอบการดีที่สุด คือ ญี่ปุ่น ซึ่งติดลบเพียง 29.22% ถัดมาคือ สวิตเซอร์แลนด์ (30.60%) สหรัฐฯนั้นเป็นผู้ประกอบการดีที่สุดอันดับ 3 สำหรับตลาดพัฒนาแล้ว และคิดรวมตลาดหุ้นทั่วโลกก็จะอยู่อันดับ 5


  


เมื่อจำแนกเป็นรายอุตสาหกรรม หุ้นของภาคการเงินทรุดฮวบแรงที่สุดคือ 53.77% และภาควัสดุต่างๆ -52.9% ขณะที่ภาคพลังงานก็หล่นวูบ 44.5%


 


 


จีนประกาศสงครามล้างบางเว็บโป๊ กูเกิล-ไป๋ตู้หนาวโดนหางเลขด้วย


ASTV ผู้จัดการรายวัน - เอเอฟพี - ทางการจีนประกาศกวาดล้างเว็บไซต์ไม่เหมาะสมครั้งใหญ่ซึ่งรวมถึง กูเกิล (google) และ ไป๋ตู้ (Baidu) ยักษ์ใหญ่ด้านเสิร์ชเอนจิน ซึ่งถูกกล่าวหาว่า เผยแพร่ภาพลามกและเนื้อหาที่เป็นภัยต่อเยาวชน


  


เมื่อวันจันทร์ 5 ม.ค.52 กระทรวงพิทักษ์สันติราษฎร์และหน่วยงานราชการอีก 6 แห่งของทางการจีน ประกาศร่วมกันกวาดล้างเว็บไซต์ที่เป็นพิษเป็นภัย


  


"สำหรับเว็บไซต์ที่ละเลยต่อคำเตือน เราจะประกาศประจาน ,ลงโทษ และอาจถึงกับสั่งปิดเว็บ" ไช่ หมิงเจ้า รองหัวหน้าสำนักงานข่าวสารประจำคณะรัฐมนตรี กล่าว โดยเขายังบอกด้วยว่า มีเว็บไซต์จำนวนหนึ่งอาศัยประโยชน์จากนโยบายของรัฐบาล และช่องโหว่ทางกฎหมาย เผยแพร่เนื้อหาที่มีรสนิยมต่ำ หยาบคาย และเป็นภัยต่อสังคม ซึ่งเป็นอันตรายต่อจิตสำนึกของสาธารณชนอย่างร้ายแรง


  


"เนื้อหาอันต่ำทรามนั้นทำร้ายเยาวชนทั้งทางร่างกายและจิตใจ จนผู้ปกครองหลายคนเรียกร้องให้ ปกป้องเด็กๆ โดยต้องการให้รัฐบาลปฏิบัติการอย่างจริงจังต่อเว็บไซต์ที่ไม่เหมาะสม" ไช่ หมิงเจ้า กล่าว


  


พร้อมกันนี้ จีนได้ขึ้นบัญชีดำผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตและเว็บไซต์ 19ราย ที่ไม่ยอมลบเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมออก และเพิกเฉยต่อการเซ็นเซอร์ ซึ่งหนึ่งในนั้น ก็รวมถึง "กูเกิ้ล" ยักษ์ใหญ่วงการเสิร์ชเอนจิ้น ซึ่งรัฐบาลจีนบอกว่า เพิกเฉยต่อคำเตือนของรัฐบาลจีน ที่เตือนว่า เสิร์ชเอนจิ้นนี้มีลิงก์ไปยังเว็ปไซต์ลามกจำนวนมหาศาล


  


ข้างฝ่ายโฆษกของกูเกิ้ล ได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวเอเอฟพีว่า "กูเกิ้ลมีนโยบายที่ชัดเจน ในการปกป้องเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น โดยที่จะไม่อนุญาตให้มีเนื้อหาที่ผิดกฎหมายสำหรับเว็บไซต์ของเรา ทั้งในจีนและทั่วโลก แต่ในฐานะที่เป็นเสิร์ชเอนจิ้น เราก็ไม่สามารถควบคุมเนื้อหาหลายพันล้านหน้าในดัชนีของเราได้ทั้งหมด"


  


ไป๋ตู้ยักษ์ใหญ่ในวงการเสิร์ชเอนจิ้นของจีน ก็ตกอยู่ในที่นั่งเดียวกับ กูเกิ้ล เมื่อรัฐบาลจีนบอกว่ามีลิงก์ไปยังเว็บไซต์ลามก และบริการ บล็อก (พื้นที่เขียนข้อความบนเว็บไซต์) ของไป๋ตู้ ยังถูกประชาชนบางส่วนใช้เพื่อโพสต์ภาพที่ไม่เหมาะสมอีกด้วย


  


ก่อนหน้านี้ ทางการจีนเคยกวาดล้างเว็บไซต์ที่มีภาพโป๊ รวมทั้งศิลปินและกลุ่มรณรงค์ที่เป็นปฏิปักษ์กับรัฐบาล แต่เจ้าหน้าที่รัฐเตือนว่า การรณรงค์ครั้งล่าสุดนี้จะมีมาตรการที่เข้มงวดกว่าเดิม


  


นอกจากการประกาศว่าจะกวาดล้างเว็บไซต์ที่ไม่เหมาะสมในครั้งนี้แล้ว ปกติแล้วรัฐบาลจีนก็มีการควบคุมอินเตอร์เน็ตอย่างเข้มงวดอยู่แล้ว โดยได้ปิดกั้นการเข้าถึงเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาอ่อนไหวทางการเมืองจำนวนมาก จนองค์การผู้สื่อข่าวไร้พรมแดน (Reporters Without Borders) เรียกรัฐบาลจีนว่าเป็น "ศัตรูของอินเตอร์เน็ต" เพราะนโยบายเซ็นเซอร์อันเข้มงวดนั่นเอง


  


ทั้งนี้การประกาศกวาดล้างเว็บไซต์ที่ไม่เหมาะสมครั้งล่าสุดนี้ อาจเนื่องจากปีนี้อาจมีการปลุกกระแสประเด็นที่จีนไม่พึงปรารถนาต่างๆ ในวาระครบรอบของเหตุการณ์ที่มีความอ่อนไหวหลายอย่าง เช่น ครบรอบ 50 ปีที่ทะไล ลามะ ลี้ภัยออกจากทิเบต,ครบรอบ 20 ปีของเหตุการณ์ปราบปรามประชาชนที่เรียกร้องประชาธิปไตยอย่างนองเลือดที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน เมื่อปี 1989 เป็นต้น


  


จีน เป็นประเทศที่มีผู้ใช้อินเตอร์เน็ตมากที่สุดในโลก ถึงกว่า 250 ล้านคน ตามตัวเลขอย่างเป็นทางการ และมีแนวโน้มที่จะมีผู้ใช้อินเตอร์เน็ตเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ตามระดับรายได้ของชาวจีนที่สูงขึ้น


 


 


พบศพชาวเยอรมัน1.8พันคาดถูกฆ่าสงครามโลกII


มติชน- บิลด์ ดอทคอม เว็บไซต์ เยอรมนี รายงานว่า คนงานก่อสร้างในเมืองวัลบอร์กของโปแลนด์ต้องตกตะลึง เมื่อขุดไปเจอซากศพพลเรือนชาวเยอรมนีประมาณ 1,800 รายที่คาดว่าจะเสียชีวิตระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยครั้งแรกของการขุดพบโครงกระดูกเกิดขึ้นในเดือนตุลาคม ปีกลาย แต่ล่าสุดวันที่ 6 มกราคมรวมแล้วมีทั้งสิ้น 1,800 ศพ บางศพบว่าโดนจากอาวุธปืน


 


เจ้าหน้าที่ของพิพิธภัณฑ์มัลบอร์กของโปแลนด์ กล่าวว่า คาดว่าพลเรือนชาวเยอรมนีดังกล่าวจะถูกฆ่าตาย ระหว่างการสู้รบของทหารเยอรมนีกับรัสเซีย ในช่วงต้นค.ศ.1945


 


บิลด์ รายงานว่า กองทหารเยอรมนีได้ประกาศให้ประชาชนในเมืองอพยพออกจากเมืองในช่วงปลายปี 1944 แต่มีหลายพัน


 


 


โสมแดงเตรียมเลือกตั้งมี.ค.นี้


คมชัดลึก - เปียงยาง-สำนักข่าวกลางเกาหลีเหนือประกาศเมื่อวันพุธ (7 ม.ค.) ว่าทางการจะจัดการเลือกตั้งสภาประชาชนสูงสุดในวันที่ 8 มี.ค.นี้ ท่ามกลางความคาดหมายของนักวิเคราะห์ที่มองว่าการเลือกตั้ง และการปรับคณะรัฐมนตรีครั้งใหญ่สำหรับจัดการเรื่องปัญหาเศรษฐกิจนี้ มีขึ้นเพื่อเตรียมรับมือกับการปกครองยุคหลังจากที่ไม่มีนายคิม จอง อิล ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือซึ่งมีข่าวว่ากำลังป่วยเป็นโรคเส้นเลือดในสมองตีบ



  


อันวาร์ประกาศโค่นรัฐบาลอีกรอบ


คมชัดลึก -กัวลาตรังกานู-นายอันวาร์ อิบรอฮิม ผู้นำพรรคฝ่ายค้านมาเลเซีย ประกาศอีกครั้งเมื่อวันพุธ (7 ม.ค.) ว่าจะยึดอำนาจจากรัฐบาลผสม ซึ่งนำโดยพรรคอัมโน ของนายกรัฐมนตรีอับดุลเลาะห์ อาหมัด บาดาวี โดยพรรคฝ่ายค้านหวังว่าจะสามารถประคองตัวต่อไปได้ด้วยการคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งกลางเทอมที่รัฐตรังกานู ทางตอนเหนือของประเทศ ซึ่งได้รับการมองว่าเป็นเหมือนการลงประชามติทิศทางการเมือง นับแต่มีการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อต้นปีที่แล้ว


คนปฏิเสธโดยยืนยันจะอยู่ต่อไป


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net