Skip to main content
sharethis

สืบเนื่องจากกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่ากระบวนการสรรหาคณะกรรมการสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (พอช.) และผู้อำนวยการ พอช. ไม่โปร่งใส พอช. ชี้แจงผ่าน http://www.codi.or.th/ โดยระบุว่า พอช. ได้ดำเนินการสรรหาคณะกรรมการสถาบันฯ และผู้อำนวยการอย่างเป็นขั้นตอนตามระเบียบและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องแล้ว รายละเอียดมีดังนี้


 


 


(ขั้นตอนการสรรหาคณะกรรมการและผู้อำนวยการ)


ตามที่ได้มีการลงข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์เกี่ยวกับการสรรหาคณะกรรมการสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน และผู้อำนวยการซึ่งอาจทำให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนเกี่ยวกับกระบวนการสรรหาคณะกรรมการสถาบันฯ และผู้อำนวยการ เนื่องจากกระบวนการสรรหาเกิดขึ้นในระยะใกล้เคียงกันและมีรายละเอียดขั้นตอนที่เกี่ยวข้องเป็นอันมาก พอช.ขอชี้แจงเกี่ยวกับกระบวนการสรรหาเพื่อให้เกิดความเข้าใจทั่วกัน ดังนี้


 


๑. ตามพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) พ.ศ. ๒๕๔๓ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๐ กำหนดให้วาระการดำรงตำแหน่งของกรรมการสถาบันฯ และผู้อำนวยการเหลื่อมกัน ๑ ปี คือ กรรมการมีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละ ๓ ปี และผู้อำนวยการมีวาระการดำรงตำแหน่ง ๔ ปี ทั้งนี้ เพื่อมิให้มีการสรรหาคณะกรรมการสถาบันฯ และผู้อำนวยการในเวลาเดียวกัน แต่เนื่องจากมีเหตุให้การสรรหาคณะกรรมการสถาบันฯ ชุดปัจจุบันล่าช้ากว่ากำหนดทำให้วาระการดำรงตำแหน่งของคณะกรรมการสถาบันฯ ชุดปัจจุบันจึงใกล้เคียงกับการครบวาระของผู้อำนวยการ คือ คณะกรรมการสถาบันฯ สิ้นสุดวาระการดำรงตำแหน่งในเดือนสิงหาคม ๒๕๕๑ และผู้อำนวยการสิ้นสุดวาระการดำรงตำแหน่งในวันที่ ๙ มกราคม ๒๕๕๒ ฝ่ายจัดการได้รายงานให้คณะกรรมการสถาบันฯ พิจารณาตั้งแต่เดือนธันวาคม ๒๕๕๐ เพื่อจะได้มีเวลาเพียงพอในการสรรหาผู้อำนวยการและเตรียมส่งมอบงานให้ผู้อำนวยการคนใหม่ ซึ่งกระบวนการสรรหาจะใช้เวลาประมาณ ๓-๕ เดือน โดยคณะกรรมการสถาบันฯ พิจารณาว่าเนื่องจากคณะกรรมการสถาบันฯ จะสิ้นสุดวาระการดำรงตำแหน่งก่อน จึงควรสรรหาคณะกรรมการสถาบันฯ ก่อน โดยน่าจะสรรหาคณะกรรมการสถาบันฯ ชุดใหม่ได้แล้วเสร็จภายในเดือนสิงหาคม ๒๕๕๑ และคณะกรรมการสถาบันฯ ชุดใหม่จะใช้เวลาที่เหลืออีก ๔ เดือนสรรหาผู้อำนวยการคนใหม่ ดังนั้น จึงได้เริ่มกระบวนการสรรหาคณะกรรมการสถาบันฯ และพักการสรรหาผู้อำนวยการไว้ก่อน


 


๒. ในการสรรหา กรรมการสถาบันจะต้องดำเนินการตามระเบียบกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการสรรหาประธานกรรมการ กรรมการผู้แทนองค์กรชุมชน และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสาบันพัฒนาองค์กรชุมชน พ.ศ. ๒๕๔๗ ซึ่งระเบียบนี้กำหนดว่า ให้มีคณะกรรมการสรรหาชุดหนึ่งเป็นผู้สรรหาประธานกรรมการและกรรมการสถาบัน คณะกรรมการชุดนี้ประกอบด้วยผู้แทนองค์กรชุมชน ๕ คน ผู้ทรงคุณวุฒิ ๕ คน และผู้แทนส่วนราชการ ๕ คน รวม ๑๕ คน โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เป็นผู้แต่งตั้งคณะกรรมการสรรหาและให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน ๓๐ วัน หากไม่สามารถดำเนินการได้แล้วเสร็จสามารถเสนอต่อรัฐมนตรีฯ ขอขยายเวลาออกไปอีกไม่เกิน ๓๐ วัน


 


๓. เพื่อให้ได้มาซึ่งคณะกรรมการสรรหา คณะกรรมการสถาบันฯ ได้แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อสรรหาคณะกรรมการสรรหาจำนวน ๑๕ คน และได้เสนอให้คณะกรรมการสถาบันฯ เห็นชอบในเดือนมีนาคม ๒๕๕๑ และนำเสนอรัฐมนตรีฯ เมื่อวันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๑ เพื่อลงนามในคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสรรหา แต่เนื่องจากรัฐมนตรีฯ ขณะนั้น (นายสุธา ชันแสง) ลาออกจากตำแหน่ง หลังจากนั้นมีการเปลี่ยนแปลงรัฐมนตรีฯ อีก คือ นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล นายอนุสรณ์ วงศ์วรรณ และนายอุดมเดช รัตนเสถียร ทำให้การแต่งตั้งคณะกรรมการสรรหาไม่สามารถดำเนินการได้


 


๔. เมื่อการแต่งตั้งกรรมการสรรหาต้องล่าช้าออกไปมากเนื่องจากความไม่แน่นอนของการเมืองทำให้ไม่สามารถคาดได้ว่าจะสามารถดำเนินการสรรหาคณะกรรมการสถาบันฯ ได้เมื่อใด คณะกรรมการสถาบันฯ ชุดปัจจุบันจึงมีมติให้ดำเนินกระบวนการสรรหาผู้อำนวยการควบคู่ไปโดยได้แต่งตั้งคณะทำงานเมื่อเดือนสิงหาคม ๒๕๕๑ ทบทวนข้อกำหนด เรื่องหลักเกณฑ์และวิธีการสรรหาผู้อำนวยการ พร้อมพิจารณาวัตถุประสงค์ เป้าหมาย ตัวชี้วัด ผลงานและกรอบวงเงินค่าตอบแทน และต้องนำเรียนรัฐมนตรีฯ เห็นชอบก่อนแจ้งให้ กพร. ทราบ ก่อนประกาศรับสมัครผู้อำนวยการ


 


ทั้งนี้ เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ กันยายน ๒๕๔๗ ซึ่งให้ถือปฏิบัติว่า ในการสรรหาผู้อำนวยการองค์การมหาชนเห็นควรให้รัฐมนตรีที่กำกับดูแล กำหนดวัตถุประสงค์ เป้าหมาย ตัวชี้วัด ผลงาน ตลอดจนกรอบวงเงินค่าตอบแทนแล้วแจ้งให้ กพร. ทราบก่อนประกาศรับสมัครผู้อำนวยการ ขณะเดียวกันคณะกรรมการสถาบันฯ ได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการสรรหาผู้อำนวยการ ประกอบด้วยผู้แทนจากชุมชน ๓ คน ผู้แทนจากหน่วยงานและคณะกรรมการสถาบันฯ ๒ คน และผู้ทรงคุณวุฒิ ๒ คน รวม ๗ คน ประกอบด้วย นายประสิทธิ์ ตันสุวรรณ นางกานดา วัชราภัย นางสาวสมสุข บุญญะบัญชา ผศ.ดร.จิตติ มงคลชัยอรัญญา นายบัณฑร อ่อนดำ นายสังคม เจริญทรัพย์ และนางศิริวรรณ บุตราช เพื่อเริ่มดำเนินการในส่วนที่ดำเนินการได้ไปก่อน เช่น การกำหนดวิธีการประกาศรับสมัครและเสนอชื่อ ใบรับสมัคร/ใบเสนอชื่อ ฯลฯ ทั้งนี้ รัฐมนตรีฯ ได้ลงนามในหนังสือถึง กพร. เมื่อวันที่ ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๑ และได้ส่งเรื่องให้ กพร. ทราบเมื่อวันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๕๑


 


๕. ในกระบวนการสรรหาผู้อำนวยการได้มีการประกาศรับสมัครและรับการเสนอชื่อผู้เข้ารับการสรรหาเป็นผู้อำนวยการระหว่างวันที่ ๔-๑๕ ธันวาคม ๒๕๕๑ โดยลงประกาศในเว็บไซต์ของ พอช. หนังสือพิมพ์ ๔ ฉบับ คือ มติชน ประชาชาติ โพสท์ทูเดย์ และกรุงเทพธุรกิจ รวมทั้งการแจ้งประกาศผ่านสถานีวิทยุชุมชนประมาณ ๒๐๐ สถานี เมื่อครบกำหนดรับสมัคร ปรากฏว่ามีผู้สนใจสมัครและได้รับการเสนอชื่อรวม ๑๖ คน ซึ่งในรอบแรกคณะอนุกรรมการสรรหาฯ ได้พิจารณาประสบการณ์จากใบสมัครและรายละเอียดตลอดจนเอกสารที่ผู้เข้ารับการสรรหาจัดส่งมายังคณะอนุกรรมการสรรหาฯ ว่าเป็นไปตามเงื่อนไข คุณสมบัติทั่วไป และคุณสมบัติที่จะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษหรือไม่อย่างไร จากนั้นจึงพิจารณาการแสดงวิสัยทัศน์และแนวทางการดำเนินงานต่อแผนยุทธศาสตร์ของ พอช. ว่าผู้ใดมีคุณสมบัติและศักยภาพมากกว่ากัน จากนั้นจึงคัดเลือกผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมเทียบเคียงกับภารกิจของ พอช. รวม ๕ คน แล้วเชิญผู้ผ่านการสรรหารอบนี้มาแสดงวิสัยทัศน์และสัมภาษณ์อีกครั้งหนึ่งเมื่อวันที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๕๑ ที่ผ่านมา จากนั้นจะได้นำเสนอรายชื่อให้คณะกรรมการสถาบันฯ พิจารณาอีกครั้งหนึ่ง


 


๖. ในการสรรหาคณะกรรมการสถาบันฯ รัฐมนตรีฯ (นายอุดมเดช รัตนเสถียร) ได้ลงนามแต่งตั้งคณะกรรมการสรรหาจำนวน ๑๕ คน เมื่อวันที่ ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๑ โดยในคำสั่งดังกล่าวระบุให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน ๓๐ วัน หากไม่สามารถดำเนินการได้แล้วเสร็จ สามารถนำเสนอขอขยายระยะเวลาได้อีก ๓๐ วัน ซึ่งคณะกรรมการสรรหาได้กำหนดขั้นตอนวิธีการในการสรรหาแล้ว ไม่สามารถดำเนินการได้แล้วเสร็จภายใน ๓๐ วัน จึงได้นำเรียนรัฐมนตรีฯ ขอขยายเวลาอีก ๓๐ วัน และได้รับอนุมัติให้ขยายเวลาแล้ว


 


เนื่องจากคณะกรรมการสถาบันฯ ประกอบด้วยผู้แทนจาก ๓ ภาคส่วน จึงมีวิธีการสรรหาแตกต่างกัน ดังนี้


๖.๑ ภาคราชการจำนวน ๔ คน ใช้วิธีส่งหนังสือให้หน่วยงานที่กำหนดไว้ในพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันฯ เสนอชื่อ

๖.๒ ภาคชุมชน จำนวน ๓ คน มีกระบวนการสรรหาโดยเครือข่ายองค์กรชุมชนที่ทำงานร่วมกับ พอช. ในทุกจังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งครอบคลุมทั้งภาคเมืองและชนบท คือ คณะอนุกรรมการประสานงานองค์กรชุมชน (คปอ.) คณะกรรมการบริหารศูนย์อำนวยการขจัดความยากจนและพัฒนาชนบทตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง (ศจพ.ปชช.) และคณะประสานงานองค์กรชุมชนระดับภาค ร่วมกันจัดกระบวนการในแต่ละภาค เพื่อสรรหาผู้แทนองค์กรชุมชนภาคละ ๕ คน รวม ๕ ภาค เป็น ๒๕ คน แล้วจัดประชุมร่วมกันให้ผู้ที่ได้รับการคัดเลือกทั้ง ๒๕ คน พิจารณาคัดเลือกกันเองเหลือภาคละ ๑ คน เพื่อเสนอเป็นคณะกรรมการสถาบันฯ ๓ คน ที่เหลืออีก ๒ คนจะเสนอให้คณะกรรมการสถาบันฯ แต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาคณะกรรมการสถาบันฯ ต่อไป


 


๖.๓ ผู้ทรงคุณวุฒิ ประกอบด้วยประธานกรรมการ ๑ คน และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๒ คน ในการสรรหาผู้ทรงคุณวุฒิได้ใช้วิธีการประกาศในเว็บไซต์ และหนังสือพิมพ์ให้มีการสมัครและเสนอชื่อระหว่างวันที่ ๘-๑๗ ธันวาคม ๒๕๕๑ ซึ่งเมื่อครบกำหนดรับสมัคร ปรากฏว่ามีผู้สมัครและเสนอชื่อรวม ๔๒ คน ซึ่งคณะกรรมการสรรหาได้ประชุมร่วมกันเพื่อกำหนดเกณฑ์การคัดเลือกประธานและผู้ทรงคุณวุฒิที่เหมาะสมอีก ๒ คน จากนั้นคณะกรรมการสรรหาจะนำรายชื่อคณะกรรมการสถาบันฯ ที่ได้รับการสรรหาจากทั้ง ๓ ส่วนเสนอรัฐมนตรีฯ เพื่อพิจารณานำเสนอคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งต่อไป


 


จากขั้นตอนดังกล่าวจะเห็นได้ว่ากระบวนการสรรหาคณะกรรมการสถาบันฯ และผู้อำนวยการได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องเป็นขั้นตอนตามระเบียบและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง มีกระบวนการที่มีส่วนร่วมจากกลไกที่เกี่ยวข้องอย่างกว้างขวาง อย่างไรก็ตาม การสรรหาคณะกรรมการสถาบันฯ และผู้อำนวยการต่างก็มีห้วงเวลาตามกฎหมายกำหนดไว้ จึงจำเป็นต้องดำเนินการให้กระชับ แต่ต้องดำเนินการอย่างเปิดเผยละเอียดรอบคอบโดยชุมชนและผู้ทรงคุณวุฒิที่มีประสบการณ์เป็นที่ยอมรับของวงการพัฒนา รวมทั้งหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง มีกระบวนการพิจารณาที่เป็นกลางอย่างดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ภายใต้กรอบเวลาจำกัด


 จึงชี้แจงมาเพื่อโปรดทราบ


     


สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน)


 


 


 


.................................


ข่าวที่เกี่ยวข้อง


เครือข่ายองค์กรประชาชนชุมชน 27 องค์กร ร้องหยุดสรรหา ผอ.พอช. ชี้ไม่โปร่งใส-มีเจตนามิชอบ


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net