Skip to main content
sharethis

การเมือง


 


"ชวน" เจอม็อบเสื้อแดงไล่-ปาไข่ไก่ใส่คณะ ปชป.


มติชนออนไลน์ - ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการหาเสียงเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ลำปางเขต 1 แทนนายกิตติกร โล่ห์สุนทร พรรคพลังประชาชน ที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปี การหาเสียงเลือกตั้งในสัปดาห์สุดท้ายเมื่อวันที่ 6 ม.ค. ตั้งแต่เวลา 09.00 น. นายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์และอดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนางศิริวรรณ ปราศจากศัตรูและส.ส.ภาคเหนือของพรรคได้เดินทางมาช่วยหาเสียงให้ นายมัธยม นิภาเกษม เบอร์ 2 หลังการพบปะกับตัวแทนชาวบ้านใน อ.ห้างฉัตร ประมาณ 300 คน ที่ศูนย์การเรียนรู้ "ร่มฉัตรหัตถกรรม" อำเภอห้างฉัตรแล้ว คณะของนายชวนฯได้ขึ้นรถตระเวนพบปะกับชาวบ้านในเขตตัวเมือง อ.ห้างฉัตร ก่อนเข้าสู่เขต อ.เมืองลำปาง ที่บ่านน้ำโท้ง ปรากฎว่าได้มีกลุ่มเสื้อแดง จำนวนประมาณ 50 คน ได้มาดักรอพร้อมด้วยตีนตบ โดยตะโกนด่าทอให้ออกไปจากจังหวัดลำปางด้วยถ้อยคำหยาบคาย พร้อมกันนี้ได้มีการขว้างไข่ไก่เข้าใส่จนถูกใบหน้ากลุ่มของนายชวนฯ ที่ยืนอยู่บนรถหาเสียง
 


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อแดง ใช้รถยนต์ปิคอัพและรถจักรยานยนต์ พร้อมด้วยตีนตบ ติดตามขบวนหาเสียงของนายชวนและพวกทุกเส้นทางและต่อเนื่อง โดยคลื่นวิทยุชุมชน 90.25 เม็กกะเฮิร์ซ ที่มีนายณัฐชัย อินทราย เป็นเจ้าของคอยแจ้งเส้นทางและจุดที่คณะเดินทางผ่าน นอกจากนี้ยังได้มีการปิดล้อมขบวนหาเสียงของนายชวนอีกครั้งที่บริเวณห้าแยกหอนาฬิกา หน้าสำนักงานเทศบาลนครลำปาง ท่ามกลางการอารักขาของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และชุด รปภ.ของทีมงานอย่างเข้มแข็ง



อย่างไรก็ตาม คณะของนายชวนฯ ไม่สามารถที่จะเปิดจุดปราศรัยและรับประทานอาหารกลางวันได้ ตามที่กำหนด เนื่องจากมีกลุ่มเสื้อแดงขับไล่ให้ออกจากลำปาง กระทั่งไปสิ้นสุดที่บริเวณกาดทุ่งเกวียน เขต อ.ห้างฉัตร ก็ถูกกลุ่มเสื้อแดงปิดล้อมอีกครั้งแต่ไม่มีเหตุรุนแรงเกิดขึ้น กระทั่งเวลา 12.00 น. คณะของนายชวนได้เดินทางต่อไปยังจังหวัดลำพูนและเชียงใหม่ โดยมีกลุ่มเสื้อแดงคอยติดตามขับไล่ตลอดเส้นทางเช่นกัน


 


"เหลิม" ควง "โอ๊ค" เดินสายหาเสียงอ้อนคนอีสานขอเป็นนายกฯ


เว็บไซต์คมชัดลึก - เมื่อเวลา 12.45 น.วันที่ 6 มกราคม ที่ศูนย์โอท็อป ริมถนนอุดร-สกล อ.หนองหาน จ.อุดรธานี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้อำนวยการเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย ได้เดินมาปราศรัยหาเสียงช่วย นายเกียรติอุดม เมนะสวัสดิ์ ผู้สมัครเลือกตั้งซ่อม เขต 2 อุดรธานี โดยมี นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เดินทางร่วมด้วย แต่ไม่ได้ขึ้นเวทีแสดงตัว โดยก่อนหน้านี้มีแกนนำพรรคฯ เช่น นายจตุพร พรมพันธ์ และนายณัฐวุฒิ ใสเกื้อ เดินทางปราศรัยล่วงหน้าทุกจุด โดยมี ส.ส.ของหลายจังหวัดมาร่วมให้การต้อนรับ


 


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนที่ ร.ต.อ.เฉลิม จะไปทำการปราศรัยที่ อ.หนองหาน นั้น ในช่วงเช้าได้เดินทางไปทำการปราศรัยที่สนามหน้าที่ว่าการ อ.วังสามหมอ โดยมีประชาชนกว่า 500 คน มารับฟังการปราศรัย และต่อมาเมื่อเวลา 10.00 น.เศษ ก็เดินทางไปทำการปราศรัยที่บริเวณสวนธรรมชาติ อ.กุมภวาปี ซึ่งก็มีประชาชนประมาณ 500 คน มารับฟังการปราศรัย ก่อนจะเดินทางมาปราศรัยที่ อ.หนองหาน


 


ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวปราศรัยว่า รัฐบาลของนายอภิสิทธ์ เวชชาชีวะ ขึ้นมาบริหารประเทศขณะนี้เป็นรัฐบาลที่ตั้งขึ้นมาอย่างไม่ถูกต้อง เป็นรัฐบาลที่ตั้งขึ้นมาอย่างไม่สวยงาม นโยบายของรัฐบาล


 


หลายอย่างเป็นการลอกเลียนแบบมาจากนโยบายของรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ขอให้พี่น้องชาวอีสานช่วยกันเลือกเอาผู้สมัครพรรคเพื่อไทย เข้าไปให้หมดทุกคนในอีสาน เพื่อที่พรรคเพื่อไทยจะได้เป็นรัฐบาลและผมเองก็จะขอเป็นนายกรัฐมนตรี ขอให้พี่น้องประชาชนที่รัก พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ขอให้รัก ร.ต.อ.เฉลิม ด้วย และเมื่อรัก เฉลิม ก็ขอให้รักผู้สมัครของพรรคเพื่อไทยทุกคน และในการเลือกตั้งซ่อมนี้ก็ขอให้เลือกผู้สมัครของพรรคเพื่อไทยทุกเขต เมื่อพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล งก็จะขอเป็นนายกรัฐมนตรี


 


"ก่อนหน้านี้ผมไม่เคยนึกอยากที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีแต่อย่างใด แต่มาถึงเวลานี้ผมขอเป็นนายกรัฐมนตรี และก็จะให้ดำเนินการให้คดีทุกที่เกิดขึ้นหลังการปฏิวัติ ก็จะขอให้มีการนิรโทษกรรมทุกคดี รวมทั้งคดีที่ยังไม่ได้มีการตัดสินอีกด้วย และจะดำเนินการนำเอาตัวของ พ.ต.ท. ทักษิณ กลับประเทศไทย ซึ่งหลังจากนั้นเมื่อมีการเลือกตั้งครั้งใหม่ ก็จะส่งมอบตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ อีกครั้งหนึ่ง"


 


ภายหลังการกล่าวปราศรัย ร.ต.อ.เฉลิม ได้ให้สัมภาษณ์ว่า ในการออกช่วยผู้สมัครของพรรคฯ หาเสียงในเขตภาคอีสาน จะใช้การปราศรัยอย่างเดียว เน้นนโยบายที่ พ.ต.ท.ทักษิน ชินวัตร เคยทำเอาไว้ที่มีผลงานชัดเจน ประโยชน์ตกอยู่กับประชาชนคนรากหญ้า คนยากคนจนได้ประโยชน์ จึงเป็นที่มาของรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ลอกเลียนแบบ


 


ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ออกมาช่วยผู้สมัครพรรคอื่นหาเสียงในเขตภาคอีสานเช่นกัน จะเป็นการแย่งที่นั่ง ส.ส.ในเขตภาคอีสานหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม ตอบว่า เรื่องนี้ตนไม่ทราบ แต่ก็เป็นสิทธิของท่าน เป็นการแข่งกันด้วยการสร้างความเชื่อมั่นกับประชาชน ถ้าประชาชนเชื่อมั่นผู้สมัครพรรคใด พรรคนั้นก็ชนะไป แต่ตนมั่นใจว่าในพื้นที่ภาคอีสาน พื้นฐานพรรคเพื่อไทยยังดีอยู่


 


 


เศรษฐกิจ


 


นายกฯ ให้นโยบายหัวหน้าส่วนราชการเร่งใช้เงินอปท.-รัฐวิสาหกิจ


เว็บไซต์คมชัดลึก - เมื่อเวลา 14.00 น. ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการมอบนโยบายให้แก่หัวหน้าส่วนราชการทั่วประเทศ ผบ.เหล่าทัพ โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การเข้ามาทำงานของรัฐบาลชุดนี้มีความคาดหวังจากประชาชนที่อยากเห็นการแก้ไขปัญหาของประเทศที่อยู่ในภาวะวิกฤติ รวมทั้งการแก้ไขปัญหา ที่เป็นความเดือดร้อนของประชาชนให้สำเร็จและลุล่วง ซึ่งถือเป็นความคาดหวังที่สูงมาก ซึ่งชัดเจนว่าการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ลำพังฝ่ายการเมืองคงไม่สามารถดำเนินการให้ประสบความสำเร็จได้ ถ้าไม่ได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย ไม่ใช่จากภาครัฐเพียงอย่างเดียว


 


อย่างไรก็ตามตนอยากเรียนกับข้าราชการทุกคนว่าลำพังเพียงฝ่ายการเมืองเราทำได้ก็เพียงการกำหนดทิศทางและนโยบาย แต่ความสำเร็จของงานต้องขึ้นอยู่กับฝ่ายปฏิบัติที่จะนำเอานโยบายไปดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพ โปร่งใส เพราะฉะนั้นวันนี้ถือเป็นการทำความเข้าใจให้ตรงกันถึงความมุ่งหมายของรัฐบาล และการซักซ้อมแนวทางการทำงานต่อจากนี้ไป ซึ่งฝ่ายการเมืองและฝ่ายประจำต้องร่วมมือกันเพื่อผลักดันให้บ้านเมืองเดินไปสู่เป้าหมายและก้าวพ้นจากวิกฤติ นำไปสู่การตอบสนองในการแก้ปัญหาของประชาชน


 


นายกรัฐมนตรี กล่าวทำความเข้าใจเกี่ยวกับนโยบายรัฐบาลว่า 1 ปีที่ผ่านมาที่ทุกคนได้รับทราบการชี้แจงนโยบายถึง 3 ครั้ง และแม้จะมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง แต่โดยระบบนโยบายที่ถูกกำหนดไว้นั้นถือเป็นวาระแห่งชาติ ไม่ว่าใครจะเข้ามาเป็นรัฐบาลต้องดำเนินการต่อ ซึ่งหัวหน้าส่วนราชการ และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ต่างก็ทราบดีในการสานต่อให้เกิดความต่อเนื่อง การกำหนดนโยบายของฝ่ายการเมืองที่เกิดขึ้นกำหนดโดยสถานการณ์ปัญหาของประเทศ เราต้องแก้ให้ตรงจุด


 


ดังนั้นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลที่กำหนดกรอบเวลาในการดำเนินการโดยการเริ่มต้นและทำให้สำเร็จในเวลา 1 ปี ถือเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งโดยสภาพของสถานการณ์ไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจ หรือการเมือง ถ้าไม่ร่วมมือทำงานอย่างหนักก็ยากที่จะสำเร็จ ซึ่งปัญหาพื้นฐานในปัจจุบันคือปัญหาวิกฤติทางการเมืองและสังคม กับปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจ ซึ่งการกำหนดนโยบายเร่งด่วนในปีแรกคือการแก้ไขปัญหาหรือคลี่คลายวิกฤติให้ได้ ซึ่งแนวทางแก้ไขปัญหาเร่งด่วนทุกปัญหารัฐบาลถือเป็นเรื่องสำคัญว่าจะต้องไม่กระทบต่อการแก้ปัญหาระยะยาวของประเทศ หรือทำลายระบบหรือโครงสร้างสำคัญของประเทศเพียงเพื่อจะแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า


 


สำหรับนโยบายเศรษฐกิจนั้น ปัจจุบันต้องยอมรับว่าเราประสบปัญหาที่เป็นผลกระทบจากวิกฤติทางการเงินของโลก ซึ่งปัญหาในขณะนี้แตกต่างจากสภาพวิกฤติที่เคยประสบมาในอดีต โดยเฉพาะวิกฤติในปี 2540 ที่เกิดจากตัวเราคือเรื่องการเงิน กองทุนสำรอง และคนไม่เชื่อมั่นในสถาบันการเงิน ซึ่งการแก้ไขปัญหาในขณะนั้นคือการรักษาวินัยและการกอบกู้ฐานะทางการเงินการคลังของประเทศ แต่วิกฤติเศรษฐกิจครั้งนี้เหมือนกับสวนทางกัน


 


โดยปัญหาเริ่มมาจากข้างนอกและผลกระทบที่เกิดขึ้นไม่ใช่ทางการเงินโดยตรง แต่เป็นผลกระทบทางเศรษฐกิจจริง ซึ่งในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาก็เห็นแล้วว่ากระทบกับชีวิตและเศรษฐกิจจริงของประชาชน แนวทางของการแก้ไขปัญหาขณะนี้สิ่งสำคัญคือการรักษากำลังซื้อของประชาชนให้คนมีเงินใช้จ่าย มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจเพื่อรักษาทั้งการขยายตัวทางเศรษฐกิจ เรื่องการจ้างงาน การรักษาระดับรายได้ของประชาชน ซึ่งเราจำเป็นต้องมีแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งอย่างน้อย 1 แสนล้านบาทกระบวนการการจัดทำงบประมาณกว่าจะนำไปสู่การใช้จ่ายได้จริงต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 2 เดือน


 


"รัฐบาลจึงต้องเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณทั้งขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) รัฐวิสาหกิจ ที่ยังมีเงินค้างท่อหลักแสนล้าน รวมทั้งต้องดูแลให้สภาพคล่อง หรือการมีสินเชื่อ มีเงินหมุนเวียน จึงต้องมีการทำงานผ่านธนาคารของรัฐที่เป็นธนาคารเฉพาะกิจ และกลไกในสังคมโดยแข่งขันกับเวลา ซึ่งเห็นใจส่วนราชการแต่จำเป็นจริง ๆ ว่าวันนี้เราต้องเดินให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ อะไรที่เป็นข้อติดขัดก็พยายามเต็มที่ที่จะเดินหน้า ซึ่งวันที่ 7 ม.ค.นี้ ครม.เศรษฐกิจจะกำหนดกรอบแผนกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อให้หน่วยงานต่าง ๆ ได้ดูกรอบและนำเสนอเพื่อประกอบการจัดทำแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจและงบประมาณกลางปีต่อไป ซึ่งแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจนั้นเราเน้นให้ครอบคลุมประชาชนทุกกลุ่มเพื่อรักษาการขยายตัว กำลังซื้อและคุณภาพชีวิตของประชาชน ขณะเดียวกันนโยบายระยะยาวก็ต้องเริ่มดำเนินการควบคู่กันไป" นายกรัฐมนตรี กล่าว


 


นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า นโยบายการช่วยเหลือผู้ว่างงาน เพราะการปิดโรงงาน การเลิกจ้างมีแนวโน้มสูงขึ้นในหลายเดือนข้างหน้า ภาครัฐต้องทำงานเชิงรุกมากขึ้น เพื่อสร้างแรงจูงใจหรือลดการเลิกจ้าง และในภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ดีที่เริ่มมีปัญหาเรื่องแรงงานสัมพันธ์ซึ่งส่งผลต่อความเชื่อมั่นของต่างประเทศ หากเกิดความขัดแย้งระหว่างผู้ใช้แรงงานกับผู้ประกอบการก็จะเป็นตัวปัญหาความเชื่อมั่นของต่างประเทศหรือสายตาของนักลงทุน ส่วนการเลิกจ้างที่อาจเกิดขึ้นรัฐบาลมีมาตรการรองรับและอยู่ในแผนการฟื้นฟู นอกจากนี้รัฐบาลจะมีมาตรการทางภาษี มาตรการของสินเชื่อหรือสิทธิประโยชน์ รวมถึงการบริหารจัดการหน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ อปท.เพื่อตอบสนองทุกฝ่าย


 



นโยบายสำคัญในการเพิ่มรายได้และลดภาระค่าใช้จ่าย กลุ่มแรกที่รัฐบาลเน้นคือเด็กและผู้ปกครอง ซึ่งตนตั้งใจมาตลอดในเรื่องของการเรียนฟรีซึ่งจะทำให้เสร็จก่อนเดือน พ.ค.หรือก่อนเปิดเทอมอย่างแน่นอน ซึ่งทั้งกระทรวงศึกษาฯและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องผลักดันนโยบายให้เป็นจริง และกลุ่มผู้สูงอายุจะต้องได้รับเบี้ยยังชีพโดยถือเป็นสิทธิที่พึงได้รับแต่ในอนาคตเรื่องเบี้ยยังชีพไม่ใช่เป็นกลไกหลักในการดูแลผู้สูงอายุ ต่อไปจะต้องมีระบบสวัสดิการที่ยั่งยืน โดยการตั้งกองทุนขึ้นมาส่งเสริมการออมและรัฐบาลมีส่วนสมทบอนาคตก็จะกลายเป็นกองทุนของชุมชนหรือประชาชนเป็นกองทุนสวัสดิการและเป็นไปได้ว่าเราไม่จำเป็นต้องเป็นข้าราชการก็สามารถมีบำนาญในการดำรงชีวิตได้


 



"ส่วนการลดภาระค่าใช้จ่ายไม่ว่าจะเป็นค่าน้ำ ไฟฟ้า รถเมล์ รถไฟหรือก๊าซหุงต้มในหลักการรัฐบาลจะดำเนินการต่อ แต่อะไรที่จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนในรายละเอียดเพื่อให้สอดคล้องกับการใช้พลังงานอย่างประหยัดก็ต้องดำเนินการ ซึ่งคงมีเพียงมาตรการเดียวที่ต้องปรับเปลี่ยนคือกรณีของน้ำมัน เพราะปัจจุบันราคาน้ำมันในในตลาดโลกเปลี่ยนแปลงไป และการที่เราต้องการช่วยเหลือประชาชนรัฐบาลจำเป็นต้องมีรายได้ วันนี้การคืนกลับไปสู่ระบบการเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมัน ก็จำเป็นต้องปรับเพื่อเป็นฐานรายได้ของรัฐบาล" นายกรัฐมนตรี กล่าว


 


ถกสุดยอดอาเซียนปลาย กพ.


เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์ - ปลัด ก.ต่างประเทศ เผยประชุมสุดยอดผู้นำเฉพาะชาติอาเซียนปลาย ก.พ. นายกฯ แจง จีนไม่ร่วมประชุม เหตุติดภารกิจ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ (6 ม.ค.) กรณีจีน ไม่สามารถเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมขึ้นได้ ว่า สาเหตุมาจากจีนติดภารกิจและได้แจ้งล่วงหน้าไว้แล้ว แต่ประเทศสมาชิกอาเซียนอื่นๆ จะเข้าร่วมประชุม ดังนั้น จึงมั่นใจว่า ประเทศไทยจะสามารถทำหน้าที่เจ้าภาพได้ แม้กลุ่มคนเสื้อแดงยังคงเคลื่อนไหว


 



นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า ขอให้คำนึงว่า การประชุมอาเซียนครั้งนี้ รัฐบาลไม่ได้เป็นเจ้าภาพ แต่ประชาชนชาวไทยเป็นเจ้าภาพ อย่างไรก็ตาม ยังเชื่อมั่นมิตรประเทศของไทยในอาเซียนและฝ่ายเลขาธิการอาเซียนยังต้องการให้ไทยเป็นประธานอาเซียนและเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม


 



นายวีระศักดิ์ ฟูตระกูล ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ เผยการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนจะมีขึ้นในวันที่ 27-28 ก.พ.และ 1 มี.ค.นี้ โดยจะมีเฉพาะผู้นำกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียนเท่านั้น ยังไม่มีผู้นำประเทศซึ่งเป็นคู่เจรจาอีก 6 ประเทศ เนื่องจากติดขัดเรื่องช่วงเวลาว่างไม่ตรงกัน ซึ่งคงต้องรอนัดหมายกันอีกครั้ง



 


"ขณะนี้เป็นเรื่องยากที่(ผู้นำ) 16 ประเทศจะว่างตรงกัน...อาจมีการประชุม 10 ประเทศ (อาเซียน) ก่อน" นายวีระศักดิ์ กล่าว


 



สำหรับ 6 ประเทศซึ่งเป็นคู่เจรจาของกลุ่มอาเซียน ได้แก่ จีน, ญี่ปุ่น, อินเดีย, ออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์ และเกาหลีใต้


 



ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า กรณีที่กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) ประกาศที่จะขัดขวางการประชุมดังกล่าวนั้นจะไม่ส่งผลต่อการประชุม เพราะผู้นำประเทศสมาชิกอาเซียนทุกคนตอบรับที่จะเดินทางมาร่วมประชุมแล้ว


 



ส่วนกรณีที่มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่า นายกษิต ภิรมย์ ไม่เหมาะสมที่จะเป็น รมว.ต่างประเทศ เพราะเคยร่วมชุมนุมปิดสนามบินกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยนั้น นายวีระศักดิ์ กล่าวว่า ไม่มีปัญหาในเรื่องการทำงานร่วมกัน เพราะเคยเป็นอดีตข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศและเป็นรุ่นพี่


 



ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวด้วยว่า การเดินทางไปเยือนประเทศเพื่อนบ้านของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในโอกาสที่รับตำแหน่งใหม่จะเริ่มจากประเทศลาวเป็นประเทศแรก แล้วต่อด้วยประเทศกัมพูชา


 


 


คุณภาพชีวิต


 


ก.แรงงาน เตรียมอพยพคนงานไทยในอิสราเอล หลังเหตุปะทะในฉนวนกาซา


เว็บไซต์แนวหน้า - ที่กระทรวงแรงงาน นายสุภัท กุขุน ผู้อำนวยการสำนักประสานความร่วมมือระหว่างประเทศ กระทรวงแรงงาน กล่าวถึงมาตรการในการช่วยเหลือแรงงานไทยที่ไปทำงานในประเทศอิสราเอล โดยเฉพาะย่านฉนวนกาซา ซึ่งเป็นพื้นที่การสู้รบระหว่างอิสราเอลกับฝ่ายปาเลสไตน์ ว่า กระทรวงแรงงานมีความเป็นห่วงแรงงานไทยที่ทำงานในอิสราเอลซึ่งมีอยู่จำนวนกว่า 20,000 คน ในสถานประกอบการทั้งหมด 27 แห่ง โดยมีแรงงานไทยที่อยู่บริเวณโดยรอบฉนวนกาซาจำนวน 2,600 คน ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีการรายงานเข้ามาว่าแรงงานไทยได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตแต่อย่างไร


 


"ตอนนี้นายไพฑูรย์ แก้วทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานได้จัดส่งเจ้าหน้าที่ประสานงานอยู่ในสถานประกอบการทั้ง 27 แห่งแล้ว และประกาศเตือนวิธีการในการช่วยเหลือตัวเอง สถานที่หลบภัย กรณีที่มีการเคลื่อนย้ายคนงานและคนงานมีความความประสงค์ที่จะทำงานจะมีการติดต่อกับหน่วยงานที่มีตำแหน่งงานรองรับ ซึ่งในขณะนี้ได้มีผู้แจ้งความประสงค์ที่ย้ายสถานทำงานแล้วกว่า 150 คน และพร้อมที่จะส่งกลับไปยังสถานประกอบการเดิมด้วยหากมีแรงงานมีความแน่ใจที่จะกลับไปยังสถานประกอบการเดิมแต่จะไม่มีการบังคับ"นายสุภัท กล่าว



นายสุภัท กล่าวด้วยว่า กระทรวงแรงงานได้มีแผนรองรับเหตุการณ์ดังกล่าว 2 กรณี คือ หากมีเหตุฉุกเฉินจะทำการเคลื่อนย้ายแรงงานไปอยู่ในที่ปลอดภัยทันที ซึ่งมีการประสานงานกับหน่วยงานท้องถิ่น ตัวแทนนายจ้าง และทางราชการของอิสราเอลที่ให้ความสะดวกในการเคลื่อนย้ายคนงาน และหากถึงขั้นวิกฤตรุนแรงในพื้นที่ดังกล่าวขึ้นจะมีการเคลื่อนย้ายคน โดยคนที่อยู่ทางตอนใต้ของอิสราเอลจะให้ย้ายไปอยู่ที่อียิปต์ และคนที่อยู่ตอนบนจะให้มีการย้ายไปอยู่ที่ เลบานอน แต่ขณะนี้ยังไม่มีความจำเป็นในการเคลื่อนย้ายคนออกเขตพื้นที่



ทุกปั๊มขึ้นราคาน้ำมัน 60 สต.ยกเว้น E85 มีผลพรุ่งนี้
มติชนออนไลน์ - ผู้ค้าน้ำมันทุกราย ประกาศปรับขึ้นราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศลิตรละ 60 สตางค์ ยกเว้นแก๊สโซฮอล์ อี 85 โดยมีผลตั้งแต่เวลา 05.00 น. วันพรุ่งนี้ (7 ม.ค.) เป็นต้นไป


 


ทั้งนี้ ราคาขายปลีกน้ำมันในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลของบางจากฯ วันพรุ่งนี้จะเป็นดังนี้ เบนซิน 91 อยู่ที่ลิตรละ 21.39 บาท, แก๊สโซฮอล์ 95 อยู่ที่ลิตรละ 16.89 บาท, แก๊สโซฮอล์ 91 อยู่ที่ลิตรละ 16.09 บาท และดีเซลอยู่ที่ลิตรละ 18.94 บาท


 


เตือนสมัคร A-NET ให้ทันเวลา


เดลินิวส์ - นางศศิธร อหิงสโก ผอ.สำนักส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพนักศึกษา ปฏิบัติหน้าที่ ผอ.กลุ่มรับบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาของ สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) เปิดเผยว่า จากที่ สกอ.เปิดรับสมัครทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นสูงหรือ A-NET ประจำปีการศึกษา 2552 ทางเว็บไซต์ www.cuas.or.th ตั้งแต่วันที่ 22 ธ.ค. 51 ถึงวันที่ 12 ม.ค. 52 และชำระค่าสมัครผ่าน 7 ธนาคาร หรือ ที่ทำการไปรษณีย์ไทยทั่วประเทศ นั้น ล่าสุด วันที่ 5 ม.ค. 52 พบว่า มีผู้สมัคร 120,781 คน โดยชำระเงินแล้ว 22,396 คน


 


"ขณะนี้ต้องถือว่าจำนวนผู้ชำระเงินแล้วยังน้อยมาก ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่าช่วงที่ผ่านมาอยู่ในเทศกาลปีใหม่ธนาคารจึงยังไม่ได้แจ้งข้อมูลเข้ามาก็ได้ อย่างไรก็ตามยังมีเวลาเหลืออีกหลายวัน คิดว่าผู้สมัครก็คงจะทยอยไปชำระเงินเพิ่มขึ้น แต่หากใครที่สมัครแล้วยังไม่ได้ชำระเงินก็ขอให้รีบดำเนินการ เพื่อให้การสมัครสมบูรณ์ ส่วนปัญหาที่พบว่า ในการสมัครที่ผ่านมามีบางคนสมัครไม่ได้ เนื่องจากกรอกเลขบัตรประจำตัวประชาชนผิด ทำให้เข้าไปในระบบการสมัครไม่ได้นั้น เนื่องจาก สกอ.มีเลขบัตรประจำตัวประชาชนของนักเรียนหรือผู้ที่จบการศึกษาไปแล้วอยู่ หากผู้สมัครกรอกข้อมูลผิดก็จะสมัครไม่ได้ ดังนั้นจึงขอให้แจ้งข้อมูลที่ถูกต้องมาที่ สกอ. โทร.0-2354-5451-2 โดยด่วน เพื่อจะได้ดำเนินการแก้ไขข้อมูลให้ใหม่" นางศศิธรกล่าว


 


วิกฤติการเงินส่งผลเด็กยากไร้ทั่วโลก


เว็บไซต์สยามรัฐ - นางอนุปามา ราว ซิงห์ ผู้อำนวยการศูนย์เอเชียตะวันออกและแปซิฟิก ขององค์กรเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติหรือยูนิเซฟ ออกมาเปิดเผยว่า วิกฤติเศรษฐกิจโลกที่กำลังลุกลามอยู่ในขณะนี้ ส่งผลกระทบต่อเด็กหลายล้านคน จากผลการสำรวจพบว่า มีเด็กเสียชีวิตจากความอดอยาก และเผชิญกับภาวะขาดสารอาหารเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งอัตราการเกิดโรคโลหิตจางเพิ่มขึ้นร้อยละ 5 - 10 ในขณะที่หญิงตั้งครรภ์มีโอกาสคลอดบุตรน้ำหนักต่ำกว่ามาตรฐานเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 10



ทั้งนี้นางซิงห์ ได้กล่าวเตือนไปยังรัฐบาลของประเทศต่างๆ ว่าไม่มีเหตุผลใดที่จะตัดค่าใช้จ่ายด้านสังคมเหล่านี้


 


 


ต่างประเทศ


 


ทัพยิวบุกกาซารบเดือดฮามาส-ยอดตายครึ่งพัน


เดลินิวส์ - คืบหน้าสถานการณ์การสู้รบที่ฉนวน กาซา ในดินแดนปาเลสไตน์ ล่าสุดเมื่อวันจันทร์ กองกำลังทหารอิสราเอลและกลุ่มนักรบฮามาส ต่อสู้กันอย่างดุเดือดในเมืองกาซา ท่ามกลางรถถัง ปืนใหญ่ และการโจมตีทางอากาศ ขณะที่ เหล่าผู้นำโลกเพิ่มความพยายามที่จะหยุดสงครามครั้งนี้


 


ประธานาธิบดีนิโกลาส์ ซาร์โกซี แห่งฝรั่งเศส มีกำหนดเดินทางมาถึงอิสราเอลเมื่อ วันจันทร์ เพื่อเจรจากับนายกรัฐมนตรีเอฮูด โอล เมิร์ต ของอิสราเอล และประธานาธิบดีมาห์มูด อับบาส แห่งปาเลสไตน์ ในการหาทางยุติการสู้รบอย่างหนักหน่วงในรอบหลายสิบปีที่เมืองกาซา ซึ่งคร่าชีวิตชาวปาเลสไตน์ไปแล้วกว่า 515 ศพ ในจำนวนนี้เป็นเด็กหลายสิบราย โดยกองพลทหารราบของอิสราเอล ที่ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยรถถังและเฮลิคอปเตอร์ เข้ายึดครองฐานที่มั่นรอบ ๆ เมืองกาซา หลังจากตัดเส้นทางตามแนวชายฝั่งด้วยการเข้าควบคุมถนนสายหลักที่มุ่งหน้าสู่เมืองเอก


 


ด้านเจ้าหน้าที่แพทย์ในเมืองกาซา บอกว่า ตั้งแต่ที่อิสราเอลโจมตีทางอากาศ ชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตไปแล้วไม่น้อยกว่า 517 ศพ รวมทั้งเด็ก 87 ราย และบาดเจ็บกว่า 2,500 คน ขณะเดียวกัน กลุ่มบรรเทาทุกข์บอกว่า สงครามที่เกิดขึ้น ทำให้วิกฤติด้านมนุษยธรรมในเมือง กาซา ซึ่งมีประชากร 1.5 ล้านคน เลวร้ายยิ่งขึ้น เพราะส่วนใหญ่พึ่งพาความช่วยเหลือจากต่างประเทศ และขณะนี้ ชาวเมืองกาซา แทบจะไม่มีไฟฟ้าใช้ และขาดแคลนน้ำ


 


นอกจากประธานาธิบดีซาร์โกซี เดินทางมายังตะวันออกกลางแล้ว ผู้แทนสหภาพยุโรป (อียู) และรัสเซีย คาดว่า จะเดินทางมาภูมิภาคดังกล่าวเช่นกัน เพื่อพยายามยุติความขัดแย้งครั้งนี้ ภายหลังคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ล้มเหลวในการออกแถลงการณ์เรียกร้องให้หยุดการสู้รบ เนื่องจากสหรัฐ ให้การสนับสนุนอิสราเอล อย่างแข็งขัน ทำให้นายฟาว์ซี บาร์ฮูม โฆษก กลุ่มฮามาส ออกแถลงการณ์ประณามการกระทำครั้งนี้ของคณะมนตรีความมั่นคงฯ ว่า เป็นเรื่องที่น่าหัวเราะ ที่องค์กรโลกถูกสหรัฐครอบงำ


 


"โอบามา" แจงเหตุปิดปากเงียบเรื่องสงครามฉนวนกาซา


เว็บไซต์คมชัดลึก - (6ม.ค.) โอบามา ซึ่งตอนนี้อยู่ที่กรุงวอชิงตันเพื่อเตรียมตัวสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 20 มกราคมนี้ ให้สัม ภาษณ์ผู้สื่อข่าวเมื่อวานนี้ หลังร่วมประชุมกับทีมเศรษฐกิจที่รัฐสภา ยืนยันอีกครั้งถึงจุดยืนของตัวเองที่ว่า สหรัฐมีประธานาธิบดีได้เพียงคราวละหนึ่งคนโดยเฉพาะนโยบายต่างประเทศซึ่งต้องยึดมั่นหลักการของผู้นำเพียงหนึ่งคน ยิ่งตอนนี้กำลังมีการเจรจาที่ละเอียดอ่อนจึงไม่เหมาะที่จะมีสองเสียงแสดงความคิดเห็นพร้อมกัน แต่ก็ยอมรับว่าได้รับรายงานสรุปเกี่ยวกับสถานการณ์ในฉนวนกาซ่าทุกวัน


 


โอบามายืนยันแสดงจุดยืนของตัวเองท่ามกลางเสียงเรียกร้องทั้งจากอิสราเอลและปาเลสไตน์ที่อยากได้ยินมุมมองของโอบามาเกี่ยวกับสถานการณ์ในฉนวนกาซ่า โดยเฉพาะปาเลสไตน์ซึ่งแสดงความผิดหวังต่อท่าทีนิ่งเงียบของโอบามา ทั้งที่เมื่อครั้งเกิดเหตุโจมตีนครมุมไบในอินเดียซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 164 คน โอบามารีบออกแถลงการณ์แสดงจุดยืน แต่ความรุนแรงในกาซ่าซึ่งมีผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 550 คน โอบามากลับนิ่งเงียบ


 


ขณะที่กลุ่มนักวิเคราะห์สถาบันบรูคกิ้งส์ในวอชิงตัน เรียกร้องให้รัฐบาลใหม่สหรัฐปรับเปลี่ยนนโยบายการทูตที่ใช้กับภูมิภาคนี้ โดย ชิบลีย์ เทลฮามี นักวิเคราะห์ด้านตะวันออกกลาง มองว่า ผู้นำไม่มีโอกาสหนที่สองที่จะสร้างความประทับใจครั้งแรก (ถ้าพลาดแล้วก็พลาดเลย) ยิ่งโอบามาไม่พูดอะไร ความคาดหวังต่อสิ่งที่เขาจะทำและพูดก็ยิ่งเพิ่มากขึ้น และเป็นเรื่องสมควรแล้วที่โอบามาเลือกที่จะไม่พูดอะไรในเวลานี้ จนกว่าจะถึงวันรับตำแหน่ง


 



ด้านอดีตทูตสหรัฐประจำอิสราเอล มาร์ติน อินดิ๊ค ซึ่งปัจจุบันเป็นนักวิชาการประจำสถาบันบรูคกิ้ง มองว่าโอบามาไม่น่าจะช่วยให้สถานการณ์ในตะวันออกกลางดีขึ้น เพราะความล้มเหลวของสหรัฐในการสร้างสันติภาพตะวันออกกลางในช่วง 16 ปีที่ผ่านมาทำให้อิทธิพลและบทบาทของสหรัฐในภูมิภาคนี้ลดน้อยถดถอยลงไป สหรัฐจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องลดความคาดหวังของทั่วโลกว่าสหรัฐจะสามารถสร้างสำเร็จในภูมิภาคนี้ได้


 



ทั้งคู่เชื่อตรงกันว่าแถลงการณ์ฉบับแรกเกี่ยวกับตะวันออกกลางของโอบามา น่าจะออกมาในลักษณะของการแสดงความคิดเห็นกว้างๆ มากกว่าจะเจาะจงไปที่เหตุรุนแรงในฉนวนกาซ่า


 


มหาธีร์ออกโรงวอนนานาชาติคว่ำบาตรดอลลาร์ประท้วงหนุนยิว


แนวหน้า - กัวลาลัมเปอร์- อดีตนายกรัฐมนตรีมหาเธร์ โมฮัมหมัด ของมาเลเซีย เรียกร้องทั่วโลกคว่ำบาตรเงินดอลลาร์และสินค้าที่ผลิตในสหรัฐ รวมทั้งเครื่องดื่มโคคา-โคลา เพื่อประท้วงการที่รัฐบาลสหรัฐสนับสนุนอิสราเอล


 


ดร.มหาเธร์ เรียกร้องให้ประชาชนเคลื่อนไหวต่อต้านสหรัฐที่ให้การสนับสนุนอิสราเอลที่ปฏิบัติการทางทหารโจมตีฉนวนกาซ่า ด้วยการไม่รับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ เพื่อให้สหรัฐไม่สามารถค้าขายและทำเงินได้ จนกลายเป็นประเทศยากจนและต้องหยุดการผลิตอาวุธสังหารผู้คนในที่สุด นอกจากนี้ ยังแนะว่าไม่ควรซื้อเครื่องดื่มโคคา-โคลา และอาวุธจากสหรัฐ แต่ควรหันไปซื้ออาวุธและเครื่องบินจากรัสเซียแทน


 


ดร.มหาเธร์ วิพากษ์วิจารณ์การที่สหรัฐยับยั้งมติสหประชาชาติที่เรียกร้องให้อิสราเอลยุติปฏิบัติการทางทหารทั้งภาคพื้นดินและอากาศจนทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 510 คน นอกจากนี้ อดีตผู้นำมาเลเซียยังระบุว่า ไม่คิดจะใกล้ชิดกับรัฐบาลชุดใหม่ของสหรัฐภายใต้การนำของนายบารัค โอบามา เพราะคิดว่ารัฐบาลของนายโอบามา ไม่น่ามีการเปลี่ยนแปลงในนโยบายเกี่ยวกับอิสราเอลมากนัก


 


ด้านนายกรัฐมนตรีอับดุลลาห์ อาหมัด บัดดาวี ผู้นำคนปัจจุบันของมาเลเซีย เรียกร้องให้สหประชาชาติ (ยูเอ็น) เรียกประชุมฉุกเฉินเรื่องอิสราเอลโจมตีฉนวนกาซาวันนี้ ระบุว่า ยูเอ็นมีภารกิจทางจริยธรรมในการยุติความรุนแรงที่เกิดขึ้น


 


"เกาหลีใต้" ร้องยูเอ็น เจรจาสันติภาพ "เกาหลีเหนือ"


บางกอกทูเดย์ - ประธานาธิบดี "อีมยองบัก" แห่ง "เกาหลีใต้" ขอให้นาย "บันคีมุน" เลขาธิการสหประชาชาติ ช่วยฟื้นฟูสายสัมพันธ์ที่ตึงเครียดกับ "เกาหลีเหนือ"


 


โฆษกประธานาธิบดี "อี" เปิดเผยว่า นาย "บัน" ซึ่งเป็นอดีตรัฐมนตรีต่างประเทศ "เกาหลีใต้" ได้กล่าวกับประธานาธิบดี "อี" ระหว่างการสนทนาทางโทรศัพท์ว่า เขาจะให้ความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับเกาหลีใต้ เพื่อช่วยปรับปรุงความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ชาติเกาหลี แต่ไม่ได้ชี้แจงรายละเอียดอื่นๆ


 


ทั้งนี้ ความสัมพันธ์ระหว่าง "เกาหลีเหนือ" กับ "เกาหลีใต้" เข้าสู่ภาวะตึงเครียดนับแต่ประธานาธิบดี "อี" เข้าบริหารประเทศเมื่อต้นปีที่แล้ว โดยประกาศจะดำเนินนโยบายที่แข็งกร้าวต่อ "เกาหลีเหนือ" ส่งผลให้ "เกาหลีเหนือ" ตอบโต้ด้วยการระงับการเจรจาสร้างความปรองดองและโครงการร่วมที่สำคัญบางโครงการ ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศ ดำดิ่งลงสู่จุดต่ำสุดในรอบ 10 ปี


 


อย่างไรก็ดี ผู้นำ "เกาหลีใต้" เปิดเผยว่า เขาพร้อมจะเปิดการเจรจากับ "เกาหลีเหนือ" เพื่อปรับปรุงความสัมพันธ์ที่ร้าวฉาน แต่ก็ไม่ได้เสนอแนวทางใหม่ๆ แต่อย่างใด


 


โสมแดงปลดหน.เจ้าหน้าที่ ดูแลนโยบายกับเกาหลีใต้


แนวหน้า - โซล (เอพี/บีบีซี นิวส์) - หนังสือพิมพ์จุงอัง เดลี่ ของเกาหลีใต้รายงานวันนี้ว่า เกาหลีเหนือสั่งปลดเจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายระดับสูง 2 คน ฐานทำให้ความสัมพันธ์กับเกาหลีใต้ย่ำแย่ลง คนแรกคือ นายโช ซุง-ชอล ถูกปลดจากตำแหน่งรองผู้อำนวยการแผนกแนวร่วมของพรรคแรงงานเกาหลีเหนือ ซึ่งเป็นหน่วยงานรัฐที่ทรงอิทธิพล แล้วให้นายยู ยอง-ซัน ผู้นำศาสนาพุทธ วัย 68 ปีรับตำแหน่งดังกล่าวแทน เนื่องจากนายโช ประเมินผลการเลือกตั้งของเกาหลีใต้เมื่อปี 2550 รวมทั้งแนวทางความสัมพันธ์ระหว่างสองเกาหลีผิดพลาด ซึ่งครั้งหนึ่งนายโช เคยเป็นบุคคลที่ผู้นำเกาหลีเหนือให้ความไว้วางใจอย่างมาก ทั้งยังมีบทบาทสำคัญในการจัดประชุมสุดยอดระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ครั้งที่ 2 เมื่อปี 2550 นอกจากนี้ยังมีข่าวว่า เกาหลีเหนือยังสั่งปลดนายควอน โฮ-อุง หัวหน้าคณะเจรจาของเกาหลีเหนือในการเจรจาระดับสูงกับเกาหลีใต้ และสั่งควบคุมตัวไว้ในบ้านพัก


 

ด้านสำนักข่าวเคซีเอ็นเอของเกาหลีเหนือ รายงานวันนี้ว่า นายคิม จอง-อิล ผู้นำสูงสุดเดินทางตรวจเยี่ยมกองพันทหารปืนใหญ่ โดยนายคิม ได้ชมการซ้อมยิงปืนใหญ่จากเวทีสังเกตการณ์ที่จัดไว้ให้ หลังจากนั้นได้พบปะพูดคุยกับคณะนายทหาร แต่ไม่มีการเปิดเผยว่า การตรวจเยี่ยมครั้งนี้มีขึ้นเมื่อใด รายงานที่เกิดขึ้นนับเป็นครั้งที่ 2 ในปีนี้ หลังจากมีรายงานว่า นายคิมเดินทางตรวจเยี่ยมกองพันรถถัง

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net