ข่าวมอนิเตอร์ประจำวันที่ 3 มกราคม 2552





การเมือง - สังคม

 

รองโฆษกสำนักนายกฯ เตือน"อภิสิทธิ์" ต้องระวังตัว หลังมีโทรศัพท์ปองร้าย
เว็บไซต์แนวหน้า - นายศุภชัย ใจสมุทร รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ออกมายอมรับว่าได้รับโทรศัพท์ข่มขู่พร้อมทั้งประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบเบอร์โทรศัพท์ว่า ตอนนี้ต้องยอมรับว่าสถานการณ์การเมืองยังมีความขัดแย้งแตกแยกและมีกระแสต่อต้านนายกฯ อยู่มาก จึงมีการข่มขู่เอาชีวิต คงเป็นประเด็นการเมืองแน่นอน รวมทั้งนายกฯควรจะระมัดระวังตัวเองให้มากเมื่อฝ่ายรักษาความปลอดภัยแนะนำให้ทำอะไรนายกฯก็ควรดำเนินการตามนั้น อย่าคิดว่าเป็นการข่มขู่เล่นๆ นอกจากนี้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคงจะมีความเข้มงวดมากขึ้น รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเพิ่มมาตรการและติดตามหาข้อมูลให้กับนายกฯด้วย

เผยนายกฯ พักผ่อนแบบส่วนตัวไม่ขอ รปภ.ติดตาม
เว็บไซต์คมชัดลึก
- หลังจากที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี พร้อมครอบครัว เดินทางไปพักผ่อนที่ จ.กระบี่ โดยเดินทางถึง จ.กระบี่ เมื่อช่วงบ่ายของวันที่  1 ม.ค.ที่ผ่านมา และจะเดินทางกลับในวันพรุ่งนี้ (3 ม.ค.)

นายอาคม เอ่งฉ้วน ส.ส.ปชป.กระบี่ กล่าวว่า การเดินทางมาครั้งนี้ของนายกรัฐมนตรี เป็นการวางแผนการเดินทางไว้ล่วงหน้าก่อนที่จะได้เป็นนายกรัฐมนตรี  โดยตั้งใจจะพาครอบครัวมาพักผ่อน  ซึ่งการเดินทางครั้งนี้เป็นการเดินทางมาเหมือนนักท่องเที่ยวทั่วไป

"ไม่มีการวางระบบ รปภ.เป็นทางการ มีเพียงเจ้าหน้านอกเครื่องแบบไม่น่าจะเกิน 10 นาย ที่ทางผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดจัดให้ หลังจากที่ทราบว่าท่านเดินทางมาเที่ยวกระบี่จากผม และผมเองก็ไม่ได้ทำหน้าที่ดูแลท่าน" นายอาคม กล่าวและว่า สำหรับการเดินทางมาเที่ยวกระบี่ครั้งมากับครอบครัว และครอบครัวที่เป็นเพื่อนของลูกจำนวน 16 คนน โดยเข้าพักที่โรงแรมเซ็นทาร่ากระบี่ ต.อ่าวนาง อ.เมือง  โดยเวลาส่วนใหญ่ของนายกรัฐมนตรีและครอบครัวอยู่ในทะเล ไปดูปะการัง ให้อาหารปลา ซึ่งมีหลายแห่ง เช่น อ่าวไร่เลย์ ทะเลแหวก เกาะต่างๆซึ่งมีอยู่จำนวนมาก  สำหรับอ่าวนางนั้นเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ถือว่าดีที่สุดของจ.กระบี่  โดยมีที่พักตั้งแต่คืนละ 2,000 บาทไปจนถึงคืนละ 200,000 บาท

เพื่อไทยเตรียมถกก่อนยื่นศาล รธน.เอาผิดรัฐบาบย้ายที่แถลงนโยบาย
เว็บไซต์แนวหน้า
- นายพีรพันธุ์ พาลุสุข ส.ส.ยโสธร พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงความคืบหน้าการยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้ตีความเรื่องการย้ายสถานที่และเวลาการประชุม แถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐบาล ว่า หลังจากช่วงปีใหม่คณะทำงานกฎหมายของพรรคจะประชุมเพื่อพูดคุยก่อนสรุปความชัดเจนว่าจะยื่นต่อศาลรัฐ รรมนูญได้เมื่อไหร่ ซึ่งเนื้อหาเบื้องต้นนอกจากขอให้ศาลตรวจสอบเกี่ยวกับข้อบังคับการประชุมแล้ว จะมีประเด็นเรื่องที่มาของรัฐบาลเพิ่มเติมเข้าไปด้วย   และเมื่อยื่นไปแล้วผลการพิจารณาของศาลจะออกมาเป็นอย่างไร พรรคก็พร้อมที่จะยอมรับ เนื่องจากไม่ได้คาดหวังว่าศาลจะต้องพิจารณาเพื่อให้เป็นคุณกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่ที่ต้องออกมาเรียกร้องเพราะอยากให้การดำเนินการต่างๆของรัฐบาลเป็นไปตามขั้นตอนที่ถูกต้อง ไม่ใช่รัฐบาลนึกจะแถลงนโยบายหรือทำอะไรที่ไหนก็สามารถทำได้ตามใจชอบ

"สมชาย"หยัน ทอ.หวังเป็นเบอร์หนึ่งของอาเซียน ห้ามการเมืองแทรกยังไม่ได้
เว็บไซต์แนวหน้า - พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ส่วนกรณี พล.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผบ.ทอ.ประกาศจะพัฒนากองทัพอากาศให้เป็นเบอร์หนึ่งของประเทศกลุ่มอาเซียนนั้น จะทำได้อย่างไร แค่กองทัพปฏิบัติตามข้อบังคับกระทรวงกลาโหมที่ห้ามแทรกแซงการเมืองยังทำไม่ได้ ยังคิดจะพัฒนากองทัพอากาศให้เป็นเบอร์หนึ่งของอาเซียน จะหางบประมาณจำนวนมหาศาลมาสนับสนุนแผนพัฒนากองทัพอากาศได้อย่างไร ยิ่งในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจ ประเทศชาติไม่มีเงิน นายอภิสิทธิ์ก็ไม่ได้เก่งด้านเศรษฐกิจ เงินที่หามาได้ต้องนำไปแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจเพื่อแก้ไขปัญหาปากท้องของชาวบ้านก่อน ไม่ใช่นำงบประมาณไปให้กองทัพอากาศ สุดท้ายรัฐบาลจะไปไม่รอด เพราะไม่สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ โดยเฉพาะการเป็นรัฐบาลพรรคร่วม ส่วนใหญ่เป็นพวกกระสือหิว จ้องกินกันอย่างเดียว

"เด็กเจ๊แดง" เชื่อ รัฐบาล ปชป.เจอกระแสต้าน อยู่ได้ไม่นาน
เว็บไซต์แนวหน้า - นายวรวัจน์  เอื้ออภิญญกุล  ส.ส.แพร่ พรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นคนสนิทของนายสมชายและนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ให้สัมภาษณ์ว่า ประชาชนในภาคเหนือและอีสาน ยังไม่ยอมรับรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์เท่าที่ควร และปฏิเสธไม่ได้ว่า มีการซื้อตัว ส.ส.  และแต่งตั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ที่ไม่เหมาะสม จะส่งผลให้ความสัมพันธ์กับต่างประเทศลดถอยลง ขณะที่ นโยบายรัฐบาลไม่มีความชัดเจน จากนี้ไปพรรคประชาธิปัตย์จะได้รับกระแสต่อต้านจากประชาชนเพิ่มขึ้น

วรวัจน์ ยังกล่าวถึง การทำหน้าที่ในฐานะพรรคฝ่ายค้านด้วย ว่า พรรคจะไม่ค้านในเรื่องที่ไม่ควร และเรื่องที่จะทำให้เกิดความเสียหายกับประเทศชาติ  แม้ว่าพรรคจะไม่ถนัดเรื่องการตรวจสอบมากนัก แต่ก็เชื่อว่าพรรคประชาธิปัตย์ ก็ไม่คุ้นเคยกับการเป็นรัฐบาลที่มีคุณภาพ  โดยเฉพาะปัญหาวิกฤติทางเศรษฐกิจ ยิ่งเป็นเรื่องยากสำหรับพรรคประชาธิปัตย์ จึงเชื่อว่ารัฐบาลชุดนี้จะอยู่ได้ไม่นาน เนื่องจากจะเจอศึกทั้งภายในและนอกพรรค

รมว.สธ. เผยเหยื่อ "ซานติก้า" ผับนอนรักษาตัว 86 รายไอซียู 38 คน
เว็บไซต์สยามรัฐ - เมื่อวันที่  2 มกราคม 2552  นายมานิต  นพอมรบดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายแพทย์จักรธรรม  ธรรมศักดิ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ตรวจเยี่ยมซานติก้า ผับ ถนนเอกมัย ซอย  9  กทม. เพื่อดูสภาพพื้นที่เกิดเหตุทำให้มีผู้เสียชีวิตมากถึง 59 ราย บาดเจ็บ 229 ราย

นายมานิตกล่าวว่า  จากการตรวจเยี่ยมสภาพที่ซานติก้าผับ ลักษณะเป็นอาคารพาณิชย์ มีหน้าต่างหลายบาน แต่ไม่สามารถเปิดออกได้ เนื่องจากมีลูกกรงเหล็กดัดและมีประตูเข้าออกเพียงทางเดียว  ซึ่งหากสามารถเปิดหน้าต่างใช้การเพิ่มขึ้นอีก   คาดว่าจะไม่ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากขนาดนี้  เหตุการณ์ครั้งนี้ หากได้มีการซ้อมแผนรับมือเหตุฉุกเฉินให้กับพนักงานประจำผับ จะสามารถให้การช่วยเหลือผู้ใช้บริการได้อย่างทันท่วงทีและเป็นระบบมากขึ้น โดยหากพนักงานทุกคนรู้หลักการช่วยชีวิตผู้ประสบเหตุเพลิงไหม้ โดยเสื้อผ้าที่อยู่ใกล้ตัว ชุบน้ำและปิดปาก จมูก จะสามารถป้องกันการสูดควันได้ประมาณ ครึ่งชั่วโมง    สำหรับเรื่องที่ทางการจีนได้ยื่นมือที่จะช่วยเหลือไทยในเรื่องเวชภัณฑ์ยาสมุนไพร รักษาผู้บาดเจ็บจากการถูกไฟครอกมูลค่าประมาณ  500,000  เหรียญสหรัฐ หากไทยตอบรับในเบื้องต้นทางการจีนจะส่งเวชภัณฑ์ยาและแพทย์ที่มีความชำนาญรักษาบาดแผลจากไฟไหม้มาให้คำปรึกษาทันที ขณะนี้ไทยยังอยู่ระหว่างการหารือกับผู้เชียวชาญของไทย ไทยเคยส่งทีมแพทย์ไทยไปช่วยรักษาผู้บาดเจ็บจากเหตุแผ่นดินไหวที่มณฑล     เสฉวนเมื่อปีที่ผ่านมาเช่นกัน เนื่องจากทีมแพทย์ไทยมีความพร้อมในการดูแลรักษาผู้บาดเจ็บได้อย่างดี

ทางด้าน นายแพทย์จักรธรรม  ธรรมศักดิ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า  สรุปผลจากเหตุเพลิงไหม้ที่ซานติก้าผับเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2552 มีผู้บาดเจ็บทั้งสิ้น 229 ราย ล่าสุดนอนรักษาในโรงพยาบาลทั้งหมด 86 ราย เป็นชาย 35 ราย ที่เหลือเป็นหญิง ในจำนวนนี้ มีอาการสาหัส นอนไอซียู ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ   จำนวน  38 ราย  เป็นชาย  21 ราย หญิง 17 ราย   ซึ่งในการดูแลรักษาพยาบาลผู้บาดเจ็บ ซึ่งส่วนใหญ่มีบาดแผลไฟไหม้ตามร่างกาย   จะเน้นการป้องกันการติดเชื้อ ในช่วง 72 ชั่วโมงแรก

ทั้งนี้ มีชาวต่างชาติได้รับบาดเจ็บทั้งหมด  41 ราย   ในจำนวนนี้ นอนรักษาตัวในโรงพยาบาล 21 ราย ดังนี้ อยู่ที่ร..พ.จุฬาฯ 1  ราย  ร.พ. รามา 1 ราย ร.พ.คามิลเลียน 1 ราย ร.พ.ปิยะเวช 1 ราย ร.พ.กล้วยน้ำไท 1 ราย ร.พ.บำรุงราษฎร์ 4 ราย ร.พ.กรุงเทพ 6 ราย ร.พ.สมิติเวชสุขุมวิท 4 ราย และร.พ.วิภาราม 2 ราย โดยกระทรวงสาธารณสุขจะนำรายชื่อของผู้บาดเจ็บทั้งหมด และผู้เสียชีวิตซึ่งมี 59 ราย ซึ่งขณะนี้สามารถตรวจสอบชื่อได้แล้ว  23  ราย  ขึ้นเวปไซต์ของสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ  ประชาชนสามารถตรวจสอบที่ http:// narendhorn.moph.go.th ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

เรือล่มที่อ่างเก็บน้ำสียัดสูญหาย 5 เจ็บ 4 ราย
เว็บไซต์คมชัดลึก
- เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 2 มกราคม เจ้าหน้าที่ สภ.ท่าตะเกียบ จ.ฉะเชิงเทรา รับแจ้งอุบัติเหตุเรือล่มที่อ่างเก็บน้ำสียัด อ.ท่าตะเกียบ ไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยพนมสารคาม พบผู้บาดเจ็บ 4 คน และจมน้ำผู้สูญหาย 5 คน

จากการสอบสวนในเบื้องต้น ทราบว่าในช่วงบ่ายของวันเดียวกัน นักท่องเที่ยว 9 คน เดินทางมาจาก จ.ชลบุรี ได้ว่าจ้างเรือประมงพื้นบ้านให้ขับเรือข้ามฟากจากอ่างเก็บน้ำสียัดไปส่งที่วัดเขาตลาดฝั่งตรงข้าม เมื่อเรือแล่นมาได้สักระยะเกิดล่ม จากนั้นกลุ่มนักท่องเที่ยวพยายามเกาะขอบเรือและลอยคออยู่กลางอ่างเก็บน้ำกว่า 4 ชั่วโมง จึงมีชาวบ้านมาช่วยเหลือและนำผู้บาดเจ็บ 4 คน ส่งโรงพยาบาลท่าตะเกียบ

ต่อมาเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยพยายามค้นหาผู้สูญหายอีก 5 คน ได้แก่ นางพยอม นพโสภณ นางธนากร นพโสภณ นายสมควร นพโสภณ นายศิริโรจน์ (ไม่ทราบนามสกุล) และ ด.ช.วัย 7 ขวบ (ไม่ทราบชื่อและนามสกุล) แต่การช่วยเหลือเป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากจุดที่เรือล่มระดับน้ำลึกกว่า 15 เมตร และน้ำเย็นมาก ประกอบกับเป็นช่วงเวลาใกล้ค่ำ ทำให้ไม่พบบุคคลดังกล่าว

โจรใต้วางระเบิด ตร.-ชาวบ้าน เจ็บ 6
เว็บไซต์สยามรัฐ - เมื่อเวลา 12.20 น.วันที่ 2 มกราคม 52 ร.ต.ต.นนทกร เตียงตระกุล ร้อยเวร สภ.ระแงะ ได้รับแจ้งจากพนักงานวิทยุ สภ.ระแงะ ว่า มีเหตุระเบิดคาร์บอมส์ขึ้นบนถนนเทศบาล 8 เขตเทศบาลตำบลตันหยงมัส อ.ระแง (ถนนหน้าสถานีรถไฟตันหยงมัส) จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.นิตินับ หลังยาหน่าย ผกก.และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง จำนวนหนึ่ง รุดเดินทางไปตรวจสอบยังจุดเกิดเหตุ พร้อมกันชาวบ้านออกห่างในรัศมี 100 เมตร ตรวจสอบพบไฟกำลังลุกไหม้รถยนต์

ในจุดเกิดเหตุจำนวนหลายคัน ที่บริเวณหน้าบ้านพักเลขที่ 20 ถนนเทศบาล 8 ซึ่งตั้งอยู่ฝั่งตรงกันข้ามกับสถานีรถไฟตันหยงมัส ห่างกัน ประมาณ 60 เมตร โดยเฉพาะรถยนต์เก๋งยี่ห้อมิตซูบีชิ รุ่นแลนเซอร์ สีเทา ทะเบียน กข - 2223 นราธิวาส ซึ่งเป็นรถที่คนร้ายใช้บรรจุวัตถุระเบิดและจุดชนวน อย่างรุ่นแรงอยู่ในสภาพพังทั้งคันกลางเป็นเศษเหล็กในพริบตา และนอกจากนั้นแล้ว ยังมีรถยนต์โตโยต้า รุ่น วีโก้ สีแดงเลือดนก ตราโล่กันกระสุน หมายเลข 9311 ของเจ้าหน้าที่เก็บกู้วัตถุระเบิดชุดเหยี่ยวดง หน่อย นปพ.จ.นราธิวาส ถูกแรงระเบิดอัดจนได้รับความเสียหายทั้งคัน โดยเฉพาะด้านซ้ายถูกไปไหม้ทั้งแถบ และรถยนต์ตู้ยี่ห้อโตโยต้าของเจ้าหน้าที่ชุดกองวิทยาการ จ.นราธิวาส ซึ่งวิ่งตามหลังคันแรกมาด้วยกัน ถูกแรงระเบิดอัดจนพรุน กระจกแตกละเอียดทั้งคัน

และนอกจากนั้นแล้วยังมีรถยนต์กระบะยี่ห้อมาสด้า รุ่นแค๊ป สีเทา ทะเบียน ขฉ - 2121 นราธิวาส ซึ่งเป็นของชาวบ้านที่จอดอยู่ให้กับรถยนต์เก๋งมิตซูบีชิ ถูกแรงระเบิดและสะเก็ดระเบิดได้รับความเสียหายไปอีก 1 คัน โดยรัศมี 50 เมตร พบมีเศษสะเก็ดระเบิด และเศษรถยนต์ปลิวว่อนไปทั่วพื้นปะปะกันกับเศษดินระเบิด เศษเหล็กหุนตัดสั้น เกลื่อนพื้น ส่งพื้นผิวถนนในบริเวณจุดเกิดเหตุถูกแรงระเบิดอัดจนแตกเป็นชิ้นๆ ส่วนประตูเหล็กของบ้านที่คนร้ายนำรถยนต์มาจอดนั้นพังทั้งแถบ รวมไปถึงบ้านเรืองใกล้เคียงได้รับผลกระทบกระจกแตก ประตู หน้าต่าง และเฟอร์นีเจอร์ที่เป็นกระจกได้รับความเสียหายไปด้วย

ส่วนเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้ที่ได้รับบาดเจ็บ รวม 4 นาย คือ 1.ด.ต.แชน วรงคไพสิฐ อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 75/1 ม.11 ต.ลำภู อ.เมือง จ.นราธิวาส 2.ด.ต.พลวัฒน์ เทพษร อายุ 40 ปี 3.ส.ต.ท.เกษมสุข ทองบัวแก้ว อายุ 29 ปี และ 4.ส.ต.อ.สุรกิจ ไชยลาภ อายุ 34 ปี ทั้ง 4 นาย ถูกส่งตัวไปรักษายังโรงพยาบาลระแงะ โดยมีอาการแน่นหน้าอก และจุก หูอื่อ บาดเจ็บเล็กน้อย ส่วนชาวบ้านที่ขับรถจักรยานยนต์แล่นผ่านมาถูกลูกหลังบาดเจ็บเล็กน้อย 3 ราย คือ ด.ญ.เอเดียนา แม ไม่ทราบอายุ  2.นางบือรือกิ๊บ สะอุ ไม่ทราบอายุ และ 3.นางวินิดา บือซา อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 3 ม.7 ถ.เทศบาล 2 ต.ตันหยงมัส อ.ระแงะ จ.นราธิวาส ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย อาการแน่นหน้าอก หูอื้อ จากการกระแทกพื้นถนน ถูกส่งโรงพยาบาลระแงะ ซึ่งหลังหมอตรวจสอบอาหารแล้วได้ปล่อยให้กลับบ้านได้ทั้งหมด

จากการตรวจสอบยังจุดเกิดเหตุของเจ้าหน้าที่พบว่า คนร้ายนำระเบิดชนิดแสวงเครื่องน้ำหนัก ประมาณ 40 กก.บรรจุไว้ในถังดับเพลิงจำนวน 2 ลูก พ่วงติดกัน แล้วนำมาซุกไว้ใต้เบาะรถยนต์ด้านหลังจุดชนวนระด้วยโทรศัพท์มือถือ จากนั้นแล้วจึงนำมาจอดไว้ที่หน้าบ้านพักเลขที่ 20 ถ.เทศลาบ 8 เขตเทศบาลตันหยงมัส เพื่อรอดักสังหารขบวนรถของเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดที่จะเดินทางกลับที่ตั้งยังตังเมืองนราธิวาส หลังจากที่กลับมาจากเก็บกู้วัตถุระเบิดที่บ้านกำลปงปาเซ ม.2 ต.เฉลิม อ.ระแงะ ซึ่งได้เกิดระเบิดขึ้นก่อนหน้านั้น และเมื่อขบวนรถแล่นผ่าน คนร้ายจึงกดจุดชนวนระเบิดขึ้นทันทีจนเสียงดังสนั่นหวั่นไหวด้วยความแรงของระเบิดจนเกิดไฟลุกท่วม แต่โชคดีที่รถยนต์กระบะโตโยต้าตราโล่ที่นำหน้าขบวนนั้นเป็นรถยนต์หุ้มเกราะ จึงไม่มีใครได้รับบาดเจ็บสาหัส ส่วนสาเหตุเป็นการสร้างสถานการณ์ใต้รายวัน

 





เศรษฐกิจ

 

คาดวิกฤต ศก.ทำญี่ปุ่นย้ายฐานการผลิตรถมาไทย
เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์
- ผู้อำนวยการสถาบันยานยนต์ คาด วิกฤติเศรษฐกิจจะทำให้ญี่ปุ่นมีโอกาสย้ายฐานการผลิตรถมาไทยอีกระลอก   นายวัลลภ เตียศิริ ผู้อำนวยการสถาบันยานยนต์ เชื่อว่าท่ามกลางวิกฤติของอุตสาหกรรมยานยนต์อันเนื่องมาจากวิกฤติเศรษฐกิจโลก อุตสาหกรรมรถยนต์ไทยน่าจะได้รับโอกาสจากการที่นักลงทุนต่างประเทศที่ได้รับผลกระทบฐานการผลิตในต่างประเทศมีต้นทุนสูงก็อาจพิจารณาย้ายฐานการผลิตเข้ามาในประเทศไทยเพิ่มขึ้นก็มีแนวโน้มเป็นไปได้เช่นกัน เพราะประเทศไทยมีการปรับตัวมาตั้งแต่ปี 2540 ทำให้โรงงานไทยมีความเข้มแข็ง ประกอบกับขณะนี้อัตราแลกเปลี่ยนเงินของเงินเยนญี่ปุ่นแข็งค่าค่อนข้างมาก จะเป็นตัวเสริมที่ทำให้นักลงทุนญี่ปุ่นย้ายฐานการผลิตมาไทยเพิ่มเติมอีกก็มีความเป็นไปได้สูงเช่นกัน เพราะต้นทุนการผลิตในประเทศไทยได้เปรียบกว่าต้นทุนการผลิตในญี่ปุ่นมาก

สำหรับประเภทรถยนต์ที่น่าสนใจเข้ามาลงทุนตั้งโรงงานผลิตในประเทศไทยก็คือ รถยนต์ขนาดเล็ก และรถยนต์ขนส่งขนาดเล็กอย่างเช่นรถกระบะขนาด 1 ตันของไทยที่ขายไปกว่า 100 ประเทศในขณะนี้จะเป็นสินค้ารถยนต์ที่ได้เปรียบในการแข่งขัน แต่ประเทศไทยจะต้องดำเนินการบางอย่างโดยเฉพาะเรื่องความมั่นคง ความปลอดภัย และการรักษากฎหมาย เพื่อให้ต่างชาติมั่นใจ จะช่วยกระตุ้นให้ต่างชาติตัดสินใจเข้ามาลงทุนในไทยได้มากยิ่งขึ้น

ผู้อำนวยการสถาบันยานยนต์ กล่าวสรุปภาพรวมอุตสาหกรรมรถยนต์ไทยในปี 2551 ว่า ยอดการผลิตและจำหน่ายรถยนต์จะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้แม้มีสถานการณ์วิกฤติเศรษฐกิจโลกเข้ามากระทบก็ตาม เพราะในช่วง 10 เดือนแรกปีนี้ที่มียอดการผลิตและจำหน่ายค่อนข้างดี ทำให้ตลอดปี 2551 ที่ผ่านมา ไทยมียอดการผลิตรถยนต์รวม 1.4 คัน ได้ตามเป้าหมาย ผลิตเพิ่มขึ้นจากปี 2550 จำนวน 110,000 คัน โดยปี 2550 มียอดผลิตรถยนต์รวม 1.29 ล้านคัน ส่วนยอดขายรถยนต์ในประเทศปี 2551 ทำยอดรวมได้ 620,000 คันใกล้เคียงกับปี 2550 ที่มียอดขายในประเทศรวม 630,000 คัน ในขณะที่ยอดส่งออกปี 2551 ได้เพิ่มจากปี 2550 ที่มียอดส่งออกรวม 690,000 คัน เพิ่มเป็น 780,000 คัน ยอดส่งออกรถยนต์ขายต่างประเทศเพิ่มขึ้นร้อยละ 20

นายวัลลภ กล่าวว่า ผลพวงจากการวิกฤติเศรษฐกิจโลกย่อมส่งผลกระทบต่อยอดส่งออกรถยนต์ของไทย โดยผลกระทบจะรุนแรงในช่วงไตรมาสแรกปี 2552 เนื่องจากยังมีรถยนต์ค้างสตอกอยู่จำนวนหนึ่งในต่างประเทศและยังไม่ได้ขายจะต้องมีระยะเวลาที่จะระบายรถยนต์ออกไป ส่งผลให้ยอดคำสั่งซื้อยังไม่เข้ามาในช่วงไตรมาสแรกปีนี้ ทำให้คาดว่ายอดการผลิตรถยนต์ของไทยในช่วงไตรมาสแรกปีนี้จะลดลงมาก อย่างไรก็ตาม ยังหวังว่า มาตรการดูแลเศรษฐกิจของประเทศขนาดใหญ่ ๆ หลายประเทศในโลก น่าจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจ และช่วยทำให้มีความต้องการรถยนต์เพิ่มมากขึ้นและทำให้ยอดสั่งซื้อรถยนต์ของไทยกลับมาดีขึ้นได้ในช่วงไตรมาส 2 ปีนี้ จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดจึงคาดการณ์ว่า ยอดขายการผลิตรถยนต์ของไทยในปีนี้ จะลดลงมาเหลือเพียง 1.2 ล้านคน จากที่ปีที่แล้ว มียอดรถยนต์รวม 1.4 ล้านคัน ปีนี้ยอดขายในประเทศจะลดลงเหลือประมาณร้อยละ 10 หรือมียอดขายรวม 650,000 คัน ที่เหลืออีกประมาณ 600,000 คัน เป็นยอดส่งออกขายต่างประเทศ





ต่างประเทศ

 

ชี้มะกันส่วนใหญ่ชื่นชมโอบามา
เดลินิวส์
- โพลของสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นที่สำรวจความเห็นผู้มีสิทธิออกเสียงชาวอเมริกันจำนวน 1,013 คน ระหว่างวันที่ 19-21 ธ.ค.ที่ผ่านมาระบุเมื่อวันพุธว่า ชาวอเมริกันถึง 3 ใน 4 บอกว่า นายบารัค โอบามา ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ เป็นผู้นำที่แข็งแกร่งและเฉียบขาด ซึ่งถือเป็นตัวเลขสูงสุดที่สนับสนุนว่าที่ประธานาธิบดีในรอบเกือบ 30 ปี

โดยชาวอเมริกันร้อยละ 76 กล่าวว่า นายโอบามา เป็นผู้นำที่แข็งแกร่งและเฉียบขาด เพิ่มขึ้นจากเมื่อกลางเดือน มี.ค. ซึ่งตอนนั้น มีแค่ร้อยละ 59 เท่านั้น ที่ระบุว่า นายโอบามาเป็นผู้นำที่แข็งแกร่ง ทั้งนี้ เมื่อครั้งที่ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช เข้ารับตำแหน่งผู้นำสหรัฐเมื่อปี 2544 มีชาวอเมริกันเพียง 6 ใน 10 คนที่บอกว่า ประธานาธิบดีบุช เป็นผู้นำที่แข็งแกร่ง

ส่วนครอบครัวโอบามาเตรียมอำลานครชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ เพื่อย้ายไปพำนักในกรุงวอชิงตัน เมืองหลวงในวันอาทิตย์นี้ หลังจากวันหยุดช่วงเทศกาลคริสต์มาสในฮาวายสิ้นสุดลง  ซึ่งเป็นเวลา 2 สัปดาห์ก่อนที่นายโอบามา ประธานาธิบดีคนที่ 44 ของสหรัฐจะเข้าสาบานตนรับตำแหน่งในวันที่ 20 ม.ค.

ซึ่งนายโอบามา และนางมิเชล ภริยา พร้อมด้วยบุตรสาว 2 คนคือ ซาชาวัย 10 ขวบและมาเรียวัย 7 ขวบ จะย้ายไปพักที่โรงแรม  เฮย์-อดัมส์ ที่อยู่ใกล้ทำเนียบขาว ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจในกรุงวอชิงตันเปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ใกล้ทำเนียบขาว ได้จับกุมชายต้องสงสัยคนหนึ่งชื่อนายแอนดรู มาร์ติน วัย 20 ปีชาวเมืองเดลาแวร์ หลังจากขับรถมาจอดใกล้จุดตรวจ อย่างไรก็ตาม ภายหลังสอบปากคำและตรวจค้นพบเครื่องกระสุน กับรถยนต์ที่ไม่ได้ลงทะเบียน

ขุนคลังมะกันปัดสวะ "วิกฤติ ศก.โลก"
เว็บไซต์สยามรัฐ  - สำนักข่าวต่างประเทศรายงานอ้างการเปิดเผยของนายเฮนรี พอลสัน รัฐมนตรีคลังของสหรัฐฯ ที่ให้สัมภาษณ์ต่อนิตยสารไฟแนนเชียล ไทมส์ของอังกฤษว่า ผลจากการที่กลุ่มประเทศเศรษฐกิจเฟื่องฟูใหม่หรือจี 20 เช่น จีน ตลอดจนกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน มีอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจไม่สมดุลย์กับกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว  คือ รากเหง้าหรือต้นเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจโลกที่กำลังดำเนินไปอยู่นี้อย่างแท้จริง นอกจากนี้ นายพอลสัน ยังให้สัมภาษณ์อีกว่า กองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือไอเอ็มเอฟ ได้เคยออกมาเตือนต่อความไม่สมดุลย์ดังกล่าวมาครั้งหนึ่งแล้วเมื่อหลายปีก่อน แต่ไม่ได้รับความสนใจจากประเทศต่างๆ แต่ประการใด

นักวิทย์จิงโจ้ใช้แบคทีเรียต้านไข้เลือดออก
เว็บไซต์สยามรัฐ
- สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า คณะนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยควีนส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลีย ประสบความสำเร็จในการทดลองใช้แบคทีเรียที่ชื่อว่าโวลบาเคีย มายับยั้งการแพร่ระบาดโรคไข้เลือดออกที่มียุงลายเป็นพาหะ โดย ศ.สก็อตต์ โอนีล หนึ่งในคณะนักวิจัยครั้งนี้ กล่าวว่า จากการทดลองให้ยุงลายติดแชื้อแบคทีเรียโวลบาเคีย ปรากฏว่า เชื้อแบคทีเรียดังกล่าวทำให้ยุงลายลดความสามารถในการเป็นพาหะโรคไข้เลือด ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสชนิดหนึ่งออกมายังมนุษย์ได้

อย่างไรก็ตาม ศ.โอนีล ระบุว่า คณะนักวิจัยยังคงหาวิธีที่จะทำให้เชื้อแบคทีเรียโวลบาเคีย มีประสิทธิภาพยับยั้งเชื้อไข้เลือดออกนอกห้องทดลองทางวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่มีประสิทธิภาพแต่ในเฉพาะห้องทดลองทางวิทยาศาสตร์เท่านั้น รวมทั้งยังหาวิธีที่จะทำให้เชื้อไวรัสไข้เลือดออกในตัวยุงลาย ไม่สามารถปรับตัวมาต่อต้านกับเชื้อแบคทีเรียดังกล่าวด้วย

สำหรับคณะนักวิจัยชุดนี้ ได้รับทุนวิจัยต่อสู้กับโรคไข้เลือดออกและไข้มาเลเรียจากนายบิลล์ เกตส์ ราชาไมโครซอฟต์ อดีตมหาเศรษฐีหมายเลขหนึ่งของโลก ที่ตั้งกองทุนสำหรับต่อสู้กับโรคร้ายดังกล่าว ซึ่งแต่ละปีมีผู้ล้มป่วยด้วยโรคนี้หลายล้านคน

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท