21 ธ.ค.51 ศูนย์ประสานงานเยาวชนเพื่อประชาธิปไตย (YPD) จัดทำข้อเสนอต่อรัฐบาลใหม่ ภายใต้การนำของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี 8 ข้อ
รายละเอียด มีดังนี้
ข้อเสนอศูนย์ประสานงานเยาวชนเพื่อประชาธิปไตย (YPD)ในฐานะองค์กรสิทธิมนุษยชน ต่อรัฐบาลใหม่ ศูนย์ประสานงานเยาวชนเพื่อประชาธิปไตย(YPD) ในฐานะองค์กรคนหนุ่มสาวที่มีบทบาทในการทำงานด้านสิทธิมนุษยชนร่วมกับองค์กรสิทธิมนุษยชนต่างๆ ในประเทศไทยมาโดยตลอด มีข้อเสนอต่อรัฐบาลชุดใหม่ ภายใต้การนำของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ดังต่อไปนี้ 1 รัฐบาลจะต้องเร่งดำเนินการคลี่คลายความยุติธรรมและสืบสวนเหตุการณ์การใช้ความรุนแรง การละเมิดสิทธิมนุษยชนต่างๆ ในอดีตที่ผ่านมา เพื่อนำผู้กระทำผิดที่ลอยนวลมารับโทษตามกระบวนการยุติธรรม ไม่ว่าจะเป็นกรณีสงครามยาเสพติด ปัญหาสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ การเผาทำลายหมู่บ้านแม่มูนมั่นยืน สมัชชาคนจน มาจนถึงกรณีการสลายการชุมนุมที่รุนแรงเกินกว่าเหตุและการปะทะกันของมวลชนกลุ่มต่างๆ ในพื้นที่ต่างๆ โดยเฉพาะกรณีเหตุการณ์สลายการชุมนุมด้วยความความรุนแรงเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551 ด้วยความเป็นกลางและเป็นธรรม ปราศจากการเลือกปฏิบัติไม่ว่าฝ่ายใด เพื่อเยียวยาสถานการณ์ความรุนแรงและการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่ผ่านมา
2. รัฐบาลต้องเคารพในสิทธิเสรีภาพของประชาชนทุกฝ่ายอย่างเท่าเทียมกันตามหลักสิทธิมนุษยชนสากล ไม่แทรกแซงสื่อและเลือกปฏิบัติต่อฝ่ายที่มีความขัดแย้งกับรัฐบาล รัฐบาลต้องทำหน้าที่เป็นผู้ประสานรอยร้าวในสังคมโดยไม่เป็นผู้สร้างความแตกแยกเสียเอง ทั้งนี้ รัฐบาลต้องตระหนักว่า การปิดกั้นสิทธิเสรีภาพของประชาชนจะกระทำไม่ได้ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายตรงข้ามของรัฐบาลก็ตามซึ่งท้ายที่สุดรัฐบาลจะแพ้ภัยตัวเอง ดังตัวอย่างในยุครัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ยุครัฐบาลพลเอกสุรยุทธ จุลานนท์ หรือยุครัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ก็ตาม เมื่อรัฐบาลพยายามปิดกั้นพื้นที่ของฝ่ายตรงข้ามสูงมากเพียงใด กระแสการต่อต้านยิ่งสูงขึ้นเท่านั้นเป็นปฏิกริยาต่อกัน
3. รัฐบาลจะต้องดำเนินการทบทวนแก้ไขหรือยับยั้งนโยบาย กฎหมาย ที่กระทบต่อสภาพสิทธิและสิทธิมนุษยชนของประชาชน โดยเฉพาะโครงการต่างๆ ของรัฐที่ผ่านมาทั้งหมด ที่ส่งผลต่อความขัดแย้ง กระบวนการไม่ชอบธรรม มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และสร้างความเดือดร้อนต่อประชาชนหรือชุมชน หรือมีปัญหาการทุจริตคอรัปชั่น และผลประโยชน์ทับซ้อน 4. รัฐบาลจะต้องแสดงความโปร่งใส พร้อมกับการถูกตรวจสอบจากองค์กรอิสระและภาคประชาชน ในการบริหารราชการแผ่นดินและการดำเนินนโยบายต่างๆ ที่อาจเป็นข้อครหาในเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน โดยรัฐบาลจะต้องผลักดันให้เกิด "กฎหมายต่อต้านการคอร์รัปชั่น" เพื่อเอาผิดต่อนักการเมืองและข้าราชการกังฉินอย่างเด็ดขาด เช่นประเทศเกาหลีและญี่ปุ่น ซึ่งมีการเอาผิดการคอร์รัปชั่นอย่างจริงจัง เพื่อสร้างบรรทัดฐานใหม่ของการเมืองไทย 5. รัฐบาลต้องจัดให้มีการปฏิรูปการเมืองโดยการมีส่วนร่วมของประชาชนอย่างแท้จริง โดยดำเนินการจัดตั้ง สภาเพื่อการปฏิรูปการเมือง จากภาคประชาชนทุกกลุ่มสาขา เพื่อเข้ามาทำหน้าที่ในการปฏิรูปการเมือง ออกแบบรัฐธรรมนูญอย่างมีส่วนร่วม ออกแบบระบบเศรษฐกิจ สังคมที่เป็นธรรม สร้างรัฐสวัสดิการ การกระจายโอกาสที่เป็นธรรมกับประชาชน และสร้างการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชนในทุกระดับ เพื่อเป็นพื้นฐานของสังคมที่จะป้องกันวิกฤตความขัดแย้งอันเกิดจากความไม่เท่าเทียม และไม่เป็นธรรมในสังคมต่อไป 6. รัฐบาลต้องดำเนินนโยบายสังคม-ประชาธิปไตย(Social Democracy) เพื่อปฏิรูปประชาธิปไตยทางเศรษฐกิจที่เป็นธรรมแก่ภาคแรงงานและเกษตรกร สร้างโอกาสการแข่งขันทางเศรษฐกิจที่เป็นธรรมปราศจากการผูกขาด ส่งเสริมการคุ้มครองผู้บริโภคให้เข้าถึงสินค้าและการบริการที่เป็นธรรม ส่งเสริมให้มีการปฏิรูประบบภาษีและการกระจายรายได้ที่เป็นธรรม จัดเก็บภาษีทรัพย์สิน - มรดกอัตราก้าวหน้า ปฏิรูปที่ดินโดยการกระจายโอกาสให้แก่คนยากจน สร้างการกระจายรายได้และโภคทรัพย์ที่เป็นธรรม รวมถึงการสร้างโอกาสการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชน โดยแนวนโยบายสาธารณะต่างๆต้องดำเนินการโดยการมีส่วนร่วมของประชาชนทุกขั้นตอน และต้องปฏิรูปกฎหมายเพื่อให้เกิดพรรคการเมืองใหม่ๆ ที่มีความหลากหลายทางอุดมการณ์มากไปกว่าแนวทางเสรีนิยม 7. รัฐบาลต้องเร่งเดินหน้า "ปฏิรูปการศึกษา" เป็นนโยบายหลัก โดยมุ่งเน้นเรื่องการกระจายโอกาสทางการศึกษา ให้เป็นสวัสดิการที่ประชาชนทุกกลุ่มมีสิทธิเข้าถึงได้โดยไม่เป็นภาระ เน้นการศึกษาที่ส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพที่หลากหลายของผู้คน สร้างสังคมแห่งการเรียนรู้(Knowledge Base Society)ผ่านสื่อสารมวลชนและสถานที่สาธารณะต่างๆ ที่เด็ก เยาวชน ครอบครัวสามารถมาใช้ประโยชน์ได้ยามว่าง สนับสนุนภาคประชาชนในการจัดการศึกษาการเมืองภาคพลเมือง(Civic Education) และสนับสนุนการทำกิจกรรมนอกหลักสูตรของกลุ่มเครือข่ายเยาวชนต่างๆ อย่างเต็มที่ 8. ในการผลักดันร่างกฎหมายหรือดำเนินนโยบายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเด็กและเยาวชน จะต้องดำเนินการโดยการมีส่วนร่วมของเด็กและเยาวชนในทุกกระบวนการ ตั้งแต่ขั้นตอนการรับฟังความคิดเห็นจนถึงการมีตัวแทนเข้าไปทำหน้าที่ในชุดคณะกรรมการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างมีส่วนรวม รวมถึงการปฏิรูปสภาเด็กและเยาวชนในระดับต่างๆ ทั้งระบบให้สามารถทำหน้าที่เป็นผู้แทนเด็กและเยาวชนได้อย่างชอบธรรม และสามารถผลักดันกลไกการพัฒนาเด็กและเยาวชนไทยได้อย่างแท้จริง เพื่อรองรับวิกฤติปัญหาสังคมในอนาคตในโลกโลกาภิวัตน์ได้อย่างเท่าทัน วรภัทร วีรพัฒนคุปต์ |
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)