Skip to main content
sharethis

"เสื้อแดง" แถลงคัดค้าน "มาร์ค" นั่งนายกฯ


นายวีระ มุสิกขพงศ์ นายจักรภพ เพ็ญแข  นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ  นายจตุพร พรหมพันธุ จัดแถลงข่าวถึงท่าทีของกลุ่มเสื้อแดงหลังนายอภิสิทธิ์ เวชาชีวะ ดำรงตำแหน่งว่าที่นายกรัฐมนตรี ที่บริเวณชั้น 6 ศูนย์การค้าอิมพีเรียล ลาดพร้าว


 


นายวีระ เปิดเผยว่า เมื่อพิจราณาพฤติกรรมโดยรอบด้านแล้วไม่สามารถเห็นด้วยกับการจัดตั้งรัฐบาล ของนายอภิสิทธิ์ ว่าที่นายกฯ และไม่อาจยอมรับในการบริหารงานของนายอภิสิทธิ์ เนื่องจากเป็นการยกเลิกประเพณีการเปิดโอกาสให้พรรคอันดับหนึ่งจัดตั้งรัฐบาลก่อน ทั้งที่พรรคที่อันดับหนึ่งไม่ได้สละสิทธิ์ในการจัดตั้งรัฐบาล นอกจากนั้นนายอภิสิทธิ์ยอมรับการแทรกแซงอำนาจนอกรัฐสภามาจัดตั้งรัฐบาล รวมถึงนายอภิสิทธิ์ไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศ ที่ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข



นายวีระกล่าวว่า การดำเนินการคัดค้านหรือต่อต้านรัฐบาลใหม่ของกลุ่มคนเสื้อแดง จะดำเนินไปในกรอบของกฎหมายและสิทธิเสรีภาพอันมีอยู่ตามรัฐธรรมนูญ แต่ในขณะเดียวกันเคารพสิทธิเสรีภาพของประชาชนที่จะเคลื่อนไหวโดยอิสระ  ขอเรียกร้องผู้รักษากฏหมายปฏิบัติต่อเขาเหล่านั้นให้เป็นไปตามมาตรฐานอย่างเดียวกันกับกลุ่มบุคลอื่นๆ 


 


ทั้งนี้ก่อนจัดตั้งคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธ์ ต้องตอบคำถาม คนไทยและสังคมโลก ดังต่อไปนี้ว่า บุคคลที่หนีการเกณฑ์ทหาร และยังใช้เอกสารราชการอันเป็นเท็จ ไปสมัครเข้ารับราชการทหาร มีความเหมาะสมที่จะเป็นผู้นำประเทศเพียงใด  การจัดตั้งคณะรัฐมนตตรีมีคนใน คมช. หรือผู้อยู่เบื้องหลัง คมช.หรือ ผู้สนับสนุน คมช.อย่างเด่นชัด  เข้ามาเป็นองค์ประกอบนั้น มีความเหมาะสมเพียงใด ต้องตอบคำถาม สองข้อนี้ให้ได้ก่อน โดยกลุ่มคนเสื้อแดงจะเฝ้าดูสถานการณ์ไปก่อนโดยไม่ลงมือมากไปกว่าที่แถลงในวันนี้ การกำหนดการปฏิการใดๆ จะเกิดขึ้นต่อเมื่อช่วงเวลาที่มีการจัดตั้งคณะรัฐมนตรี  ทั้งนี้ รายการความจริงวันนี้ ด้วยท่าทีที่สถานนีโทรทัศน์ เอ็นบีที ไม่เป็นมิตรติอกัน และไม่มีประโยชน์อะไรที่จะทำงานร่วมกันต่อไป ก็ขอให้ยุติกันลงเมื่อสัญญาสิ้นสุดลงในช่วงสิ้นเดือนนี้



 


ถามจะจัดการ "พันธมิตร" อย่างไร


นายจตุพร  กล่าวว่า การจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้มีความน่าเกลียดกว่าเมื่อครั้งเหตการณ์กลุ่มงูเห่าเมื่อสมัยรัฐบาลชวนหลายเท่า มีการซื้อนักการเมืองเหมือนการขายวัวควาย มีการแทรกแซงการจัดตั้งรัฐบาล การที่ทหารเลือกเอาคนที่หนีการเกณฑ์ทหารมามีอำนาจในการบริหารประเทศ เพราะต้องการใช้เป็นตัวประกันในการกุมอำนาจทั้งหมด นอกจากนั้นขอฝากถามถึงนายอภิสิทธิ์ว่า จะดำเนินการกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และลูกพรรคอย่างไร ในการกระทำที่เป็นการก่อการร้าย เพราะนายอภิสิทธิ์ไม่เคยแสดงอาการอะไรในเรื่องดังกล่าว ดังนั้นจากเหตุการณ์ทั้งหมดประชาชนมีสิทธิในการคลื่อนไหวตามเสรีภาพได้เช่นเดียวกันกลุ่มพันธมิตรฯ เพราะไม่อาจนิ่งเฉยต่อวิธีการสกปรกในการจัดตั้งรัฐบาลสกปรกเข้าปกครองประเทศ



 


ท่าทีไม่เป็นมิตร "ความจริงวันนี้" ยุติสัมพันธ์ NBT


ด้านนายจักรภพ  กล่าวว่า แม้การจัดตั้งรัฐบาลปัจจุบันเปลี่ยนเป็นอีกขั้วหนึ่ง กลุ่มคนเสื้อแดงจะไม่หยุดการเคลื่อนไหว เพราะกลุ่มคนเสื้อแดงไม่ได้ออกมาปกป้องรัฐบาลใด แต่เป็นการปกป้องระบอประชาธิปไตยในองค์รวม โดยต่อจากนี้จะยกระดับการเคลื่อนไหวจากภาพในประเทศไปสู่ระดับนานาชาติ ด้วยการจัดตั้งกลุ่มคนเสื้อแดงในต่างประเทศ ขอให้ประชาชน ที่อยู่ต่างประเทศคอยฟังข่าวการจัดตั้งกลุ่มคนเสื้อแดง และขอให้เข้าร่วมเป็นจำนวนมาก



 


นายจักรภพ  ยังฝากถึงอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ และผู้อำนวยการสถานีวิทยุโทรทัศน์ เอ็นบีทีว่า อย่าเปลี่ยนสีเร็วเกินไป เพราะการปฏิรูปเอ็นบีที ไม่ใช่เพื่อการรับใช้รัฐบาลใด แต่เป็นการรับใช้ระบอบประชาธิปไตย เมื่อใดที่ระบอบประชาธิปไตยมีปัญหาต้องออกมาปกป้อง ไม่ควรห่วงแต่ตำแหน่งหรือเก้าอี้เท่านั้น ในส่วนของรายการความจริงวันนี้ เมื่อมีการส่งสัญญาณที่ไม่เป็นมิตรมาจากเอ็นบีที จึงต้องยุติการจัดรายการตามสัญญญาที่มี โดยคนเสื้อแดงจะพัฒนาระบบสื่อสารของประชาชนขึ้นมาเอง ด้วยการรวบรวมเว็บไซต์ วิทยุชุมชน สถานีโทรทัศน์ผ่านเว็บไซต์ รวมถึงสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม



 


นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า  พรรคประชาธิปัตย์ได้ทำสิ่งที่ง่ายสำเร็จไปแล้ว คือการผลักดันให้นายอภิสิทธิ์ขึ้นเป็นนายกฯ แต่ต่อไปจะมีแต่เรื่องยุ่งยากมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นการแก้ปัญหาเรื่องการหนีทหาร หรือการตอบปัญหาเรื่องที่พล.อ.ประวิตร นัดกลุ่มนักการเมืองเข้าปรึกษาที่บ้านนายพลคนหนึ่งเพื่อเปลี่ยนขั้วรัฐบาล ถามว่ารายชื่อครม.ชุดนี้จะมีชื่อของพล.อ.ประวิตรหรือไม่ นอกจากนั้นยังขอให้ระวังงูเห่าที่แปรภัตร์ไปเข้าร่วมเพราะไม่ใช่งูธรรมดา แต่เป็นงูพิษทั้งนั้น นายอภิสิทธิ์ที่ไม่เคยผ่านการฝึกทหารจะรับมือได้มากแค่ไหน



 


ชี้ชุมนุมแสดงพลังเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ


นายวีระกล่าวถึงข่าวการนัดชุมนุมในแถลงนโยบายของคนเสื้อแดงว่า แกนนำทุกคนไม่สนับสนุนการชุมนุมให้ไปปิดกั้นการปฏิบัติหน้าที่ของใคร โดยเฉพาะที่รัฐสภา เพราะเชื่อมั่นว่าการชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธจะประสบผลสำเร็จมากกว่าการก่อการร้าย แต่ไม่อาจไปห้ามประชาชนที่อาจสวมเสื้อแดงไปแสดงพลังได้ เนื่องจากเป็นสิทธิของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ



 


นายวีระยังกล่าวถึงการจัดงาน ระดมทุนอุ้มรายการความจริงวันนี้ ที่โรงแรมแกรมมิราเคิล ถนนวิภาวดีรังสิต ในเวลา 18.00 น. วันพรุ่งนี้  (17ธ.ค. 51)เพื่อใช้ในการต่อสู้ของกลุ่มคนเสื้อแดง โดยเตรียมโต๊ะจีนไว้ทั้งสิ้น 70 ตัว ราคาโต๊ะละ 5 แสนบาท



 


ชมรมแท็กซี่หมอชิตบุกวางหรีดหน้า ปชป.


เวลา 10.45 น. ของ 16 ธ.ค. กลุ่มแท็กซี่ใช้ชื่อ "ชมรมศาลาแท็กซี่มิเตอร์ บขส.หมอชิต 2" กว่า 100 คัน นำโดยนายนิกร มาฆะสุข เลขาธิการกลุ่ม และนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข แกนนำ นปช. รุ่น 2 ได้ขับรถแท็กซี่มุ่งหน้าจากถนนพระราม 5 ตรงมายังที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อมาวางพวงหรีดต่อต้านรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ว่าที่นายกรัฐมนตรี แต่ปรากฏว่าถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางซื่อ กว่า 200 นาย นำแผงเหล็กมากั้นบริเวณสามแยก ถนนเศรษฐศิริ ตัดกับพระราม 5 และแยกพระราม 6 หน้าโรงพยาบาลวิชัยยุทธ ส่งผลให้ต้องปิดการจราจรถนนหน้าที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ตลอดแนว



 


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากถูกเจ้าหน้าที่สกัดกั้นไม่ให้เข้ามาถึงหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กลุ่มดังกล่าวได้นำรถแท็กซี่มาจอดรวมตัวกันอยู่ริมถนนกำแพงเพชร 5 บริเวณเชื่อมต่อกับถนนเศรษฐศิริ ทำให้การจราจรบริเวณดังกล่าวติดขัด โดยรถแท็กซี่ทั้งหมดติดป้ายข้อความโจมตีนายอภิสิทธิ์และพรรคประชาธิปปัตย์ เช่น "ตำแหน่งนายกฯ ยังปล้นมา แล้วชาวประชาจะอยู่สุขได้อย่างไร" และ "นายกวิ่งราว ขโมยตำแหน่ง"


 


ทั้งนี้ กลุ่มผู้ชุมนุมขู่จะขับแท็กซี่ฝ่าแนวกั้นของตำรวจเพื่อเข้ามาวางพวงหรีดและบีบแตรรถเพื่อขับไล่นายอภิสิทธิ์ แต่เจ้าหน้าที่ไม่ยอมให้เข้าและมีการเสริมกำลังตำรวจเป็นจำนวนมาก ขณะที่แกนนำกลุ่มไม่พอใจท่าทีของตำรวจโดยขีดเส้นตายให้เจ้าหน้าที่เปิดทางภายใน 30 นาที ไม่เช่นนั้นจะบีบแตรและขับรถบุกเข้าไป



 


ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เพิ่มกำลัง 2 กองร้อย ตรึงกำลังอยู่ที่ปากถนนเศรษฐศิริ โดยสนธิกำลังจาก สน.บางซื่อ และ สน.พญาไท เพื่อปิดกั้นกลุ่มผู้ชุมนุมเข้ามาชุมนุมที่หน้าพรรคประชาธิปัตย์ แต่แกนนำกลุ่มดังกล่าวประกาศขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเปิดทางให้ไปชุมนุมที่หน้าพรรคโดยจะวางพวงหรีดและบีบแตรประท้วง แล้วจากนั้นจะอ่านแถลงการณ์ "คัดค้านรัฐบาลหุ่นเชิดเผด็จการ พรรคประชาธิปัตย์ขาดความชอบธรรมจัดตั้งรัฐบาล" และจะเดินทางกลับทันทีเพราะไม่มีวัตถุประสงค์ร้ายแต่อย่างใด



 


พ.ต.อ.เจริญ ศรีศศลักษณ์ รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 (รอง ผบก.น.2) เข้ามาเจรจากับแกนนำกลุ่มดังกล่าว และอนุญาตให้กลุ่มผู้ชุมนุมส่งตัวแทน 5 คน เข้ามาวางพวงหรีดและอ่านแถลงการณ์ได้ จากนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมได้ส่งตัวแทน 5 คน มาวางพวงหรีดข้างพรรคประชาธิปัตย์ และได้อ่านแถลงการณ์โดยจะต่อต้านรัฐบาลประชาธิปัตย์ทุกรูปแบบ ก่อนที่จะสลายตัวในเวลา 11.30 น.



อย่างไรก็ตาม แกนนำกลุ่มแท็กซี่ยืนยันว่าจะมารวมตัวกันทำกิจกรรมแบบนี้ที่หน้าพรรคประชาธิปัตย์อย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง



 


นปช.ลั่นชุมนุมสนามหลวง 3 วัน


เวลา 13.00 น. ที่สำนักงานวิทยุชุมชนคนแท็กซี่ เอฟเอ็ม 92.75 ถนนวิภาวดีรังสิต ซอย 3 มีการประชุมกรรมการบริหารกลุ่ม นปช. เช่น นายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ นายจรัล ดิษฐาอภิชัย นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไทย นายชินวัฒน์ หาบุญพาด และนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข เพื่อกำหนดท่าทีการเคลื่อนไหวหลังมีการเปลี่ยนขั้วทางการเมือง



 


จากนั้นแกนนำ นปช.ร่วมกันแถลงว่า หลังจากเหตุการณ์กลุ่มคนเสื้อแดงก่อเหตุปิดล้อมรัฐสภาและทุบรถ ส.ส.ที่สนับสนุนนายอภิสิทธิ์เป็นนายกรัฐมนตรี ปรากฏว่า ยังมีกลุ่มคนเสื้อแดงจากจังหวัดต่างๆ เช่น จ.เชียงใหม่ และอุดรธานี ทยอยเดินทางมาชุมนุมกับที่ท้องสนามหลวงเป็นจำนวนมาก ดังนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้มีเหตุวุ่นวายขึ้นอีก ที่ประชุมแกนนำ นปช.จึงมีมติให้จัดการชุมนุมใหญ่ที่ท้องสนามหลวงเป็นเวลา 3 วัน คือตั้งแต่เย็นวันที่ 16 ธันวาคมนี้เป็นต้นไป เพื่อเป็นการลดอุณหภูมิอารมณ์ของพี่น้องประชาชนที่ยังรู้สึกไม่พอใจ และป้องกันมือที่สามเข้ามาปลุกปั่นนำกลุ่มคนเสื้อแดงจากต่างจังหวัด



 


ส่วนในวันแถลงนโยบายต่อรับสภาของรัฐบาล นปช.ยืนยันจะไปจัดการชุมนุมเพื่อวิพากษ์นโยบายของรัฐบาล ชำแหละโฉมหน้า ครม.มาร์ค 1 รวมทั้งจะเปิดโปงเบื้องหลังการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์ให้ประชาชนทั่วไปได้ทราบข้อเท็จจริง



 


ด้านความเคลื่อนไหวของกลุ่มมวลชนเสื้อแดงที่ จ.เชียงใหม่ นายเพชรวรรต วัฒนพงศ์ศิริกุล ประธานที่ปรึกษากลุ่มรักเชียงใหม่ 51 กล่าวว่า กลุ่มรักเชียงใหม่ 51 และกลุ่มเสื้อแดงใน 11 จังหวัดภาคเหนือ มีมติให้สมาชิกทยอยเดินทางเข้ากรุงเทพฯ อย่างต่อเนื่อง โดยวันที่ 15 ธันวาคม ส่งชุดแรกไปแล้ว 200 คน เพื่อรวมชุมนุมกับ นปช.ที่ท้องสนามหลวง เพื่อต่อต้านนายอภิสิทธิ์และพรรคประชาธิปัตย์ และจะทยอยเดินทางไปกรุงเทพฯ วันละ 200-300 คน คาดว่าจะระดมพลได้กว่า 1 หมื่นคน



 


"จากนี้ไปจะอยู่ชุมนุมยาวจนกว่าจะถึงวันที่มีการเปิดสภาผู้แทนราษฎรแถลงนโยบายของฝ่ายรัฐบาล ซึ่งจะนำกลุ่มคนเสื้อแดงไปปิดล้อมรัฐสภาไม่ให้รัฐบาลที่นำโดยนายอภิสิทธิ์เข้าแถลงนโยบายได้" นายเพชรวรรต กล่าว



 


"จงรัก" เล็งเอาผิดเสื้อแดงทุบรถ ส.ส.


ที่ สน.ดุสิต พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.ต.ดำริห์ โชติเศรษฐ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) พล.ต.ต.อนันต์ ศรีหิรัญ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 (รอง ผบก.น.1) และ พ.ต.อ.จักรภพ สุคนธ์ราช ผู้กำกับการ (ผกก.) สน.ดุสิต ร่วมประชุมเพื่อดำเนินการเอาผิดต่อผู้กระทำผิดกฎหมายหลังผู้ชุมนุมกลุ่ม นปช.ก่อเหตุวุ่นวายที่บริเวณรัฐสภาเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม ที่ผ่านมา



 


พล.ต.อ.จงรัก กล่าวว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม กลุ่มผู้ชุมนุมได้นำแผงเหล็กไปปิดกั้นประตูทางเข้า-ออกของรัฐสภา ทำให้ ส.ส.ไม่สามารถเดินทางออกมาได้ ซึ่งการกระทำดังกล่าวถือว่าเป็นความผิดฐานหน่วงเหนี่ยวกักขังกระทำให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย นอกจากนี้ยังมีการทุบกระจกรถของ ส.ส.ที่เดินทางออกมาจากรัฐสภาทำให้ได้รับความเสียหายจำนวนมาก การกระทำดังกล่าวมีมูลความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์



 


"ส่วนการทำร้ายร่างกาย ผู้เสียหายสามารถมาร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีได้ ผมได้สั่งการให้ พล.ต.ต.อนันต์ จัดเตรียมพนักงานสอบสวนเพื่อรอรับแจ้งความไว้แล้ว หากมีใครบาดเจ็บมาแจ้งความไม่ได้ พนักงานสอบสวนก็พร้อมที่จะไปสอบปากคำที่โรงพยาบาลที่มีผู้เสียหายรักษาตัวอยู่" พล.ต.อ.จงรัก กล่าว



 


แฉใช้ "เสื้อแดง" หลอกดูดเงินนายใหญ่


ด้านนายพรหมศักดิ์ แสงโพธิ์ ประธานเครือข่ายคนรากหญ้าภาคเหนือ กลุ่มคนเสื้อแดง กล่าวว่า คนเสื้อแดงในส่วนของเครือข่ายถึงขณะนี้จะไม่มีการเคลื่อนไหว เพราะดิ้นมากไปในตอนนี้ก็ไม่ทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กลับมาบริหารประเทศได้ แต่ยอมรับว่าตอนนี้กลุ่มคนเสื้อแดงกำลังมาแรงจนอาจถูกใช้เป็นเครื่องมือของนักการเมืองบางคนในการหาผลประโยชน์ให้ตัวเอง จึงอยากเตือนสติให้คนเสื้อแดงกลับมาทบทวนถึงเป้าหมายหลักของการเคลื่อนไหวอีกครั้ง



 


ส่วนนายขวัญชัย สาราคำ หรือ ขวัญชัย ไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดร กล่าวว่า จะไม่ระดมพลเข้ากรุงเทพฯ เพราะไม่อยากเป็นผู้ร้ายในสายตาชาวบ้าน



 


ที่ จ.อุบลราชธานี กลุ่มคนเสื้อแดงกว่า 500 คน นำโดยนายธีรภัทร์ วัชระพล นักจัดรายการวิทยุชุมชน ขี่รถจักรยานยนต์และรถยนต์ติดเครื่องขยายเสียง เคลื่อนขบวนไปรอบตัวเมืองอุบลราชธานี พร้อมทั้งกล่าวปราศรัยโจมตีนายเนวิน ชิดชอบ และ ส.ส.อุบลราชธานี ที่เข้าไปร่วมรัฐบาลกับพรรคประชาธิปัตย์ว่าที่ทรยศแผ่นดินอีสาน ทำลายบ้านเมือง เนื่องจากพรรคประชาธิปัตย์สนับสนุนกลุ่มคนเสื้อเหลือง ไม่สมควรที่จะเข้ามาบริหารประเทศ จากนั้นได้เผาหุ่นและโลงศพที่บริเวณหน้าบ้านนายวิฑูรย์ นามบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่บริเวณถนนแจ้งสนิท ต.ในเมือง อ.เมือง จ.อุบลราชธานี และประกาศให้คนเสื้อแดงทั้ง 25 อำเภอ ออกมาต่อต้านพรรคประชาธิปัตย์


   


"พันธมิตร" ฟ้อง "รองโฆษกสตช.-ข่าวสด" หมิ่นประมาท


ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันที่ 16 ธ.ค.51 นายชิงชัย อุดมเจริญกิจ หรือ ตี๋ ชิงชัย ผู้ชุมนุมกลุ่มพันธมิตรซึ่งได้รับบาดเจ็บมือขวาขาด จากเหตุการณ์สลายการชุมนุมที่บริเวณอาคารสภา วันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา มอบอำนาจ ให้ทนายความ เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รองโฆษก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) , บริษัทข่าวสด จำกัด , นายฐากูร บุนปาน  บรรณาธิการ ผู้พิมพ์ ผู้โฆษณา นสพ.ข่าวสด และ นายเผด็จ ภูรีปติภาน คอลัมนิสต์ นสพ.ข่าวสด เป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และร่วมกันหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา



 


ตามฟ้องโจทก์ฟ้องสรุปว่า โจทก์เป็นผู้ได้รับบาดเจ็บจากการสลายการชุมนุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เมื่อวันที่ 7 ต.ค.51 โดยเมื่อวันที่ 8 - 9 ต.ค.51 จำเลยที่ 1 ได้แถลงข่าวทำนองว่า ผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าวพกพาอาวุธเข้าไปเอง โดยมีภาพผู้บาดเจ็บถือระเบิดอยู่ในมือ ประกอบการแถลงข่าว ต่อมาวันที่ 9 ต.ค. 51 จำเลยที่ 1-3 ร่วมกันตีพิมพ์ข้อความใน นสพ.ข่าวสด ฉบับวันที่ 9 ต.ค. 51



 


โดยข้อความดังกล่าวเป็นความเท็จทั้งสิ้น เพราะความจริงโจทก์ไม่ได้กำระเบิดตามที่จำเลยที่ 1 ให้สัมภาษณ์ ซึ่งตามคำให้สัมภาษณ์ของ นพ.ดิเรก  ภาคกุล ผอ.รพ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา ระบุว่า ภาพผู้บาดเจ็บมือขวาขาด แต่แขนซ้ายกำวัตถุคล้ายระเบิดนั้น เมื่อนำตัวไปรักษาที่ รพ.รามาธิบดี เมื่อแกะมือออกดูปรากฏว่าเป็นพวงกุญแจหนัง สีน้ำตาล และพวงกุญแจถูกเก็บรวมไว้กับถุงใส่ของคนไข้ การที่จำเลยที่ 1-3 หมิ่นประมาทโจทก์ด้วยการโฆษณา ทำให้ผู้อื่นเข้าใจผิดคิดว่าโจทก์ มีนิสัยเป็นอันธพาล จำเลยที่ 1-3 มีเจตนามุ่งใส่ความโจทก์ ทำให้โจทก์เสื่อมเสีย ถูกดูหมิ่น เกลียดชัง ทั้งที่โจทก์เป็นศิลปินวาดภาพ มีความซื่อสัตย์ รักครอบครัว การกระทำของจำเลยที่ 1 นั้น ในฐานะรองโฆษก สตช. จึงถือว่าเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ซึ่งจำเลยที่ 1 ทราบดีว่าโจทก์ไม่ได้กำระเบิดไว้ในมือ และโจทก์ได้รับบาดเจ็บจากการยิงแก๊สน้ำตายของเจ้าหน้าที่ตำรวจ



 


ต่อมาวันที่ 11 ต.ค. 51 จำเลยที่ 4 เขียนบทความลงในคอลัมน์ "ข่าวข้น คนเข็ม" หน้าที่ 14 ของ นสพ.ข่าวสด มีข้อความว่า "อีก 1 ภาพ ที่เป็นปัญหาระเบิดในมือ ของพันธมิตรท่านหนึ่งที่กำระเบิดไว้ในมือซ้าย ขณะที่มือขวาโดนระเบิดนั้นเป็นระเบิดชนิดใด และเข้าไปอยู่ในกำมือทำไม" ซึ่งข้อความดังกล่าวเป็นเท็จทั้งสิ้น ทั้งที่จำเลยที่ 4 ทราบดีว่าไม่ใช่ระเบิด ตามที่ นพ.ดิเรก ได้ให้สัมภาษณ์ เมื่อวันที่ 9 ต.ค.51 หลังเกิดเหตุ สำหรับจำเลยที่ 1 เป็นจำเลยเดียวกับคดีหมายเลขดำที่ 4167/2551 ของศาลนี้ ขอให้ศาลนับโทษจำเลยที่ 1 ต่อจากคดีดังกล่าวด้วย



 


ศาลรับคำฟ้องไว้เป็นคดีดำหมายเลขที่ อ.4884/2551 และนัดไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ในวันที่ 2 มี.ค.52 เวลา 13.30 น.



 


"สนธิ" ฟ้องหมิ่น "3 เกลอ-ผอ.เอ็นบีที.- อธิบดี ปชส." กล่าวหาเป็นกบฏ


ขณะเดียวกันนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ มอบอำนาจให้ทนายความเป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายวีระ มุสิกพงศ์ , นายจตุพร พรหมพันธุ์ , นายก่อแก้ว พิกุลทอง ผู้ดำเนินรายการ "ความจริงวันนี้" , บริษัท เพื่อนพ้อง น้องพี่ จำกัด , นายสุริยงค์ หุณฑสาร รักษาการ ผอ. สถานีโทรทัศน์ เอ็นบีที. , นายเผชิญ ขำโพธิ์ อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ และกรมประชาสัมพันธ์ ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-7 ในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา



 


ตามฟ้องโจทก์ สรุปว่า เมื่อวันที่ 28-29 ต.ค. 51 จำเลยที่ 1-3 ได้จัดรายการ "ความจริงวันนี้" ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์ เอ็นบีที. ได้กล่าวข้อความหมิ่นประมาทใส่ความโจทก์ทำนองว่า โจทก์เป็นบุคคลล้มละลายมีหนี้สินกับธนาคารมากมาย ไม่รู้ว่าจะมีปัญญาชำระหรือไม่ เป็นคนที่ถูกศาลพิพากษาจำคุกอย่างน้อย 5 ปี 9 เดือน ตอนนี้ยังมีคดีเข้าคิวรออยู่อีกประมาณ 60 คดี บิดาก็เป็นคนล้มละลายเหมือนกันมา 2 ชั่วอายุคน ทั้งสร้างความเสียหาย บุกยึดทำเนียบรัฐบาลเป็นกบฏ กลายเป็นคนที่สามารถทำร้ายทุกคนในประเทศนี้ คนชนิดนี้เป็นนักเลงโต ข่มขู่คนนั้นข่มขู่คนนี้ ใช้วิธีการแบล็กเมล์ ความเป็นนักเลงโตแบบนี้ ท้ายที่สุดทุกคนเหมือนตกอยู่ในเมืองขึ้นของโจทก์แทบทั้งสิ้น และข้อความอื่นๆ ซึ่งล้วนเป็นเท็จ ทั้งที่ความจริงแล้วโจทก์ไม่เคยข่มขู่ หรือทำตัวเป็นอันธพาล หรือนักเลงกลั่นแกล้งบุคคลอื่น โจทก์ประกอบอาชีพสื่อมวลชนด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต การที่โจทก์ถูกฟ้องร้องหลายคดีก็สืบเนื่องจากโจทก์ได้พูดเปิดเผยความจริงเกี่ยวกับการทุจริตคอรัปชั่น การซื้อเสียง การแสวงหาผลประโยชน์ของบุคคลใกล้ชิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี สร้างความเกลียดชังจึงฟ้องคดีโจทก์เป็นจำนวนมาก จึงขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยตามความผิดด้วย



 


ศาลรับคำฟ้องไว้เป็นคดีดำที่ อ.4883 / 2551 และนัดไต่สวนมูลฟ้องโจทก์วันที่ 2 มี.ค. 52 เวลา 09.00 น.



 


"พระพยอม" แนะรัฐแก้ความเกลียดชังก่อน


วันเดียวกันนี้ พระราชธรรมนิเทศ หรือ "พระพยอม กัลยาโณ" เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว จ.นนทบุรี ซึ่งมารับบิณฑบาตและรับบริจาคสิ่งของจากประชาชน จ.ขอนแก่น


 


พระพยอม ได้กล่าวและแสดงพระธรรมเทศนา ว่า ด้วยสภาวะเศรษฐกิจ สังคม การเมืองที่ยุ่งเหยิงเกิดขึ้นในประเทศไทยขณะนี้ ได้ส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจและการดำรงชีวิตของประชาชนทั่วไป ทำให้เกิดความท้อแท้ และสับสนกับจิตใจ เบื่อหน่ายในการดำรงชีวิต ก่อให้เกิดความประมาทและขาดสติในการครองตน ครองคน และครองงาน



 


นอกจากนี้ ขอฝากไปยังรัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามาทำงานเพื่อบ้านเมือง อันดับแรกต้องแก้ไขปัญหาเรื่องความเกลียดชังก่อน อย่าพยายามให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเกลียดชังกัน



"กลุ่มเสื้อแดงว่าอย่าไปเรียนแบบมหาวิทยาลัยราชดำเนิน มหาวิทยาลัยอื่นๆ มีตั้งเยอะแยะให้ไปเรียน และอย่าพึ่งไปไล่เขาเนื่องจากรัฐบาลใหม่เขาพึ่งเข้ามายังไม่ได้ทำงานเลยให้เขาทำงานก่อน ซึ่งขอให้มีแค่รัฐบาลฝ่ายค้านเท่านั้นอย่าให้มีฝ่ายแค้นเลย"



 


เรียบเรียงจาก : คมชัดลึกและกรุงเทพธุรกิจ

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net