Skip to main content
sharethis

จาตุรนต์ จวกตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร ชี้หาก ปชป.เป็นรัฐบาลมีปัญหาการยอมรับ เทพไทโต้จาตุรนต์ ปชป. ตั้งรัฐบาลเองได้ ไม่ต้องมีตัวช่วย ด้านสุเทพหวั่น "ทักษิณโฟนอิน" จุดเปลี่ยนการเมือง ปชป. ยกขันหมากขอหมั้น "เพื่อแผ่นดิน" "ประชา" กั๊กอ้างต้องหารือกรรมการบริหาร ชี้ "วัฒนธรรมการเมือง" ให้พรรคอันดับ 1 มีสิทธิตั้งรัฐบาลก่อน "เพื่อไทย" อ้างการเมืองยังไม่นิ่ง จนกว่าจะถึงวันโหวตนายกฯ มั่นใจเสียงเกินครึ่งแถลงตั้งรัฐบาล 11 ธ.ค. ปูด "เพื่อนเนวิน" บินพบทักษิณ "ชัย" ดักคอ "ชวรัตน์" ไม่ยุบสภา พรรคร่วมหนีถก "รบ.เพื่อชาติ"


 


 


 


จาตุรนต์ จวกตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร ชี้หาก ปชป.เป็นรัฐบาลมีปัญหาการยอมรับ


ที่โรงแรมเรดิสัน นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย แถลงว่า ในวันที่ 10 ธ.ค.ซึ่งเป็นวันรัฐธรรมนูญ เรากำลังเห็นกระบวนการของคณะยึดอำนาจที่พยายามดำเนินการแผนบันได 4 ขั้นให้เสร็จสมบูรณ์ หลังจากที่การยุบพรรคล้มรัฐบาลสำเร็จไปแล้ว ล่าสุดคือ ความพยายามร่วมกันตั้งรัฐบาลที่เป็นพวกเดียวกับ คมช. กลุ่มพันธมิตรฯ และพรรคการเมืองบางพรรค ถือเป็นรัฐบาลที่อยู่ภายใต้อุ้งมือของกลุ่มทหารที่มีความคิดเป็นเผด็จการ เพราะเป็นการตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร ให้ผู้นำทหารข่มขู่ ส.ส.ว่า ถ้าไม่สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล จะถูกรัฐประหารอีกครั้ง โดยจะใช้วิธีรุนแรง โหดร้าย หากพรรคประชาธิปัตย์ตั้งรัฐบาลสำเร็จถือเป็นการทำลายหลักนิติธรรมร้ายแรง สังคมโลกจะเสื่อมศรัทธาต่อระบอบประชาธิปไตย และกระบวนการยุติธรรมของประเทศ เพราะจะมีการใช้กระบวนการยุติธรรมช่วยเหลือกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ก่อการร้ายยึดสนามบิน ไม่ให้ถูกลงโทษ


 



นายจาตุรนต์ กล่าวว่า ส่วนกรณีพรรคร่วมรัฐบาล และกลุ่มเพื่อนเนวิน ย้ายไปจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคประชาธิปัตย์นั้น เพราะถูกข่มขู่ ชักจูงจากผู้นำเหล่าทัพว่าจะทำรัฐประหาร และเอาผลประโยชน์ทางคดีเข้าล่อ ส่วนเงื่อนไขที่บอกว่าจะแก้รัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยมากขึ้นนั้น เป็นไปไม่ได้ เพราะพรรคประชาธิปัตย์ปฏิเสธการแก้รัฐธรรมนูญมาตลอด ซึ่งการย้ายขั้วที่น่าเกลียดแบบนี้ ทำให้ประชาชนผิดหวัง ทำให้การแก้ปัญหาความแตกแยกทางความคิดในสังคม ทำได้ยากมากขึ้น ณ วันนี้ พรรคประชาธิปัตย์ไม่ควรเป็นรัฐบาล เพราะจะมีปัญหาการยอมรับสูงมาก


 



เมื่อถามว่า การเสนอตั้งรัฐบาลเพื่อชาติ ตามข้อเสนอพรรคเพื่อไทยที่มาจากทุกพรรคการเมือง จะช่วยแก้ปัญหาความขัดแย้งได้หรือไม่ นายจาตุรนต์ ตอบว่า ถือเป็นความตั้งใจดี แต่คงเกิดขึ้นไม่ได้ เพราะพรรคประชาธิปัตย์ไม่เอาด้วย การที่พรรคเพื่อไทยเสนอแนวคิดดังกล่าวมองว่า เสนอช้าเกินไป



 


เทพไทโต้จาตุรนต์ ปชป. ตั้งรัฐบาลเองได้ ไม่ต้องมีตัวช่วย


ด้านนายเทพไท เสนพงศ์ ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายจาตุรนต์อ้างว่า ส.ส.ย้ายขั้ว เพราะถูกทหารข่มขู่ว่าจะปฏิวัติ และกล่าวหาว่า พรรคประชาธิปัตย์จัดตั้งรัฐบาลในค่ายทหารถือเป็นทำลายหลักนิติธรรมว่า อยากให้นายจาตุรนต์ ไปถามข้อเท็จจริงจากนายเนวิน ชิดชอบ ด้วยตัวเอง เพราะการตั้งรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์ ไม่จำเป็นต้องมีตัวช่วย ไม่เหมือนพรรคเพื่อไทย ที่นายใหญ่ส่งนายหญิงมาบัญชาการซื้อตัว ส.ส. โดยการเอาตำแหน่งรัฐมนตรีมาล่อ ซึ่งในที่สุดก็ไม่มีใครหลงกล


         


นายเทพไท กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์จัดตั้งรัฐบาลแบบเปิดเผย และตรงไปตรงมา โดยการแถลงข่าวที่โรงแรมสุโขทัย และให้เกียรติกับพรรคร่วมทุกพรรค ซึ่งนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และแกนนำพรรคหลายคนได้เดินสายไปทาบทามถึงบ้านหัวหน้าพรรคร่วมทุกคน ซึ่งผิดกับพรรคเพื่อไทย ที่วันนี้ก็ยังไม่ยอมแพ้ พยายามทำทุกวิถีทาง เพื่อให้ได้มาซึ่งการจัดตั้งรัฐบาล โดยไม่คำนึงถึงวิธีการว่าถูกต้อง ชอบธรรมหรือไม่ ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็จะเอาด้วยกล ไม่ได้ด้วยมนต์ ก็จะเอาด้วยคาถา อยากถามนายจาตุรนต์ว่า ยังมีจิตวิญญาณเป็นนักประชาธิปไตยหลงเหลืออยู่หรือเปล่า ที่มาทำลายความชอบธรรมของการจัดตั้งรัฐบาลในวิธีทางประชาธิปไตย


          


"วันนี้บ้านเมืองกำลังมีทางออก ต้องการรัฐบาลใหม่ เพื่อมาฟื้นฟูประเทศชาติ แต่นายจาตุรนต์ กลับไม่เห็นชอบด้วยที่มีการจัดตั้งรัฐบาลในระบบประชาธิปไตย ที่พรรคการเมืองรวบรวมเสียงข้างมากได้ และเลือกตัวแทนพรรคการเมือง มาเป็นนายกฯ 1 คน การดำเนินการแบบนี้ไปทำลายหลักนิติธรรมตรงไหน อยากให้ชี้แจงและอธิบายให้สังคมรับทราบ ไม่ใช่มีอคติเมื่อคนของฝ่ายตัวเองไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ ก็มาฟูมฟาย กล่าวหาพรรคประชาธิปัตย์ โดยปราศจากข้อเท็จจริง วันนี้ทหารอยู่ในกรม กอง ไม่มีความคิดปฏิวัติใดๆ ถ้าทหารยุคนี้ไม่ใช่ทหารประชาธิปไตยแล้ว ไม่จำเป็นต้องใช้อำนาจบาตรใหญ่ข่มขู่ใคร อยากให้นายจาตุรนต์ ไปสำรวจตัวเองว่า อยู่ในฐานะอะไรที่ออกมาวิจารณ์การเมือง ในขณะที่ตัวเองถูกตัดสิทธิทางการเมือง เพราะทำตัวเป็นปรปักษ์ต่อระบอบประชาธิปไตย เป็นคนไม่มีประชาธิปไตยในหัวใจ แล้วยังมาเรียกหาประชาธิปไตยจากคนอื่น" นายเทพไทกล่าว


 




สุเทพหวั่น "ทักษิณโฟนอิน" จุดเปลี่ยนการเมือง


นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ชี้ว่าการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 13 ธันวาคมนี้ จะเป็นจุดเปลี่ยนการเมือง ทำให้พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล แต่หากมีการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีก่อนเชื่อว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จะได้เป็นนายกรัฐมนตรี เนื่องจากขณะนี้มี ส.ส.อยู่ในมือแล้ว 260 เสียงที่จะยกมือสนับสนุน



นายสุเทพ ระบุว่า ขณะนี้ชัดเจนว่า พรรคประชาธิปัตย์จะมีเสียงทั้งหมด 260 เสียง เหลือเพียงการไปพูดคุยกับพรรคเพื่อแผ่นดิน และรอเพียงเปิดประชุมสภาเท่านั้นเอง แต่ตัวเลข 260 เสียงก็มีขึ้นมีลง แต่มั่นใจว่าเสียงพอแล้ว และจะเป็นรัฐบาลที่มีเสถียรภาพพอสมควร ส่วนพรรคประชาราช ของนายเสนาะ เทียนทอง คงไม่มาร่วมแล้ว แต่ก็ยังรออยู่ หากพร้อมเมื่อไหร่ก็จะแวะไปหา เพราะนายเสนาะเป็นผู้อาวุโส



"หากมีการโหวตนายกฯก่อนวันที่ 13 ธันวาคม เชื่อว่านายอภิสิทธิ์ จะได้เป็นนายกฯ อย่างแน่นอน แต่หากโหวตหลังจากวันที่ 13 ธันวาคมไปแล้วจะมีการพลิกขั้วให้พรรคเพื่อไทยจะได้กลับมาเป็นรัฐบาล เพราะว่าในวันที่ 13 ธันวาคมจะมีการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ตรงนี้จะเป็นจุดเปลี่ยนทางการเมือง" นายสุเทพกล่าว


 


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนที่จะมีการวางพานพุ่มสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่หน้าอาคารรัฐสภา เนื่องจากในวันฉลองวันพระราชทานรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย นายสุเทพ ได้เดินมาทักทายนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมกับจับมือและโอบกอด พร้อมกล่าวว่า "ในฐานะที่เป็นพี่เป็นน้องคนบ้านเดียวกัน จึงได้มาทักทายกัน ไม่มีอะไร"



ต่อมานายสุเทพ ให้สัมภาษณ์อีกครั้งถึงการตั้งรัฐบาลว่า แม้จะยังขาสั่นไม่มั่นใจ 100% ก็เชื่อว่าน่าจะสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ โดยจะเป็นรัฐบาลที่มีคะแนนเสียงมากกว่าฝ่ายค้านอยู่ประมาณ 40 เสียง เพื่อป้องกันการอภิปรายไม่ไว้วางใจ หลังจากที่นายเนวิน กางรายชื่อ ส.ส.ในกลุ่มให้ดูว่า มีอยู่ประมาณ 23 เสียง ขณะที่ได้ ส.ส.ในกลุ่มราชบุรีของนายสรอรรถ กลิ่นประทุม มาอีก 4 เสียง





ยกขันหมากขอหมั้น "เพื่อแผ่นดิน"


เวลา 12.00 น. นายอภิสิทธิ์ นายสุเทพ พร้อมด้วยแกนนำพรรคประชาธิปัตย์กว่า 10 คน เดินทางเข้ามอบกุหลาบสีแดงแสดงความยินดีกับ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ที่ได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน ที่บ้านพักย่านถนนวิภาวดีฯ ซอย 60 โดยนายสุเทพได้แซวว่า พรรคนี้พิเศษกว่าพรรคอื่นที่ได้แค่ 1 แจกัน แต่พรรคนี้ได้ถึง 2 แจกัน ซึ่ง พล.ต.อ.ประชากล่าวออกตัวว่า วันนี้เสียงไม่ค่อยดี นายสุเทพจึงกล่าวแซวอีกครั้งว่า "เสียงไม่สำคัญเท่ากับคะแนนเสียง วันนี้ยกคณะมาเหมือนยกขันหมากมาขอหมั้น" ทำให้ผู้อยู่ในห้องหัวเราะอย่างครื้นเครง



จากนั้นได้ปิดห้องหารือกัน โดยมีแกนนำพรรคเพื่อแผ่นดินคนอื่นๆ เข้าร่วมหารือด้วย อาทิ นายพินิจ จารุสมบัติ นายปรีชา เลาหพงศ์ชนะ แกนนำกลุ่มวังพญานาค นายมั่น พัธโนทัย แกนนำกลุ่มปากน้ำ นายพิเชษฐ์ ตันเจริญ แกนนำกลุ่มบ้านริมน้ำ นายนิมุคตาร์ วาบา ส.ส.ปัตตานี ตัวแทนกลุ่มสัจจานุภาพ และม.ร.ว.กิตติวัฒนา ไชยยันต์ ส.ส.สัดส่วน เป็นต้น



ผู้สื่อข่าวรายงาน พล.ต.อ.ประชาได้เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวันที่สั่งตรงมาจากโรงแรมอิมพีเรียล ควีนส์ปาร์ค โดยมีเมนู ก๋วยเตี๋ยวไก่ ผัดไทยกุ้งสด ไก่ย่าง หมูสะเต๊ะ เป็นต้น


 


 


"ประชา" กั๊กอ้างต้องหารือกรรมการบริหาร


พล.ต.อ.ประชาให้สัมภาษณ์ภายหลังการหารือนานกว่า 1 ชั่วโมง ถึงท่าทีของพรรคเพื่อแผ่นดินว่า ได้เรียนไปแล้วว่า ทั้ง 4-5 พรรคที่เคยทำงานร่วมกันในอดีตจะปรึกษาหารือกันก่อน วันนี้หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เดินทางมาเยี่ยมเท่านั้น ไม่มีอะไร เมื่อถามว่าจะยังกลับไปพรรคเพื่อไทยอยู่หรือไม่ พล.ต.อ.ประชากล่าวว่า ถามไกลเกินไป เมื่อถามว่าเหตุใดท่าทีไม่ชัดเจน พล.ต.อ.ประชากล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา เพราะยังไม่รู้ว่าจะเปิดสภาเมื่อไร เมื่อถามย้ำว่าเป็นเพราะเพื่อไทยเสนอตำแหน่งนายกรัฐมนตรีให้ใช่หรือไม่ จึงทำให้ตัดสินใจลำบาก พล.ต.อ.ประชากล่าวว่า ไม่มีวาสนาถึงขั้นนั้นหรอก



ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการถามตอบ พล.ต.อ.ประชา เริ่มตอบด้วยน้ำเสียงมีอารมณ์มากขึ้นเรื่อยๆ หลังถูกถามเรื่องความชัดเจนในการสลับขั้วตั้งรัฐบาล โดย พล.ต.อ.ประชากล่าวเพียงว่า เพิ่งมาเป็นหัวหน้าพรรคเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม ต้องพูดคุยกับผู้ใหญ่ในพรรค เรียกประชุมกรรมการบริหารพรรคก่อน หากมีการเรียกประชุมสภาในวันที่ 15 ธันวาคม ก็จะเรียกประชุมพรรคในวันที่ 13-14 ธันวาคมนี้



ด้านนายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เพื่อไม่ให้เกิดความไม่สบายใจ พวกเรามาคารวะในฐานะที่ พล.ต.อ.ประชาได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรค การพูดคุยวันนี้เพราะอยากให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้า ซึ่งแต่ละพรรคมีขั้นตอนภายใน ขณะที่พรรคร่วมรัฐบาลต้องการความเป็นปึกแผ่นจึงต้องหารือกัน การจัดตั้งรัฐบาลและการเลือกนายกฯเป็นเรื่องของสภาที่มีกรอบเวลาชัดเจน คิดว่าอีกไม่กี่วันทุกอย่างก็จะชัดเจน ส่วนสถานการณ์ที่แกว่งไปมาเพราะมีการเสนอผลประโยชน์กันมาก


 


 


ชี้ "วัฒนธรรมการเมือง" ให้พรรคอันดับ 1 มีสิทธิตั้งรัฐบาลก่อน


จากนั้น พล.ต.อ.ประชา และนายไชยยศ จิรเมธากร โฆษกพรรคเพื่อแผ่นดิน ได้เดินไปส่งนายอภิสิทธิ์และคณะ ขึ้นรถเดินทางกลับ และพล.ต.อ.ประชาได้เดินมาชี้แจงกับกลุ่มผู้สื่อข่าวอีกครั้งว่า ไม่อยากให้มองว่าเราปฏิเสธที่จะร่วมงานกับพรรคประชาธิปัตย์ หรือมองว่าผมไม่ยอมตัดสินใจอะไร แต่เป็นเพราะไม่สามารถตัดสินใจคนเดียวได้ พรรคการเมืองมีคณะกรรมการบริหารพรรคอยู่ จะต้องมีการหารือกันก่อน แต่เรื่องการจัดตั้งรัฐบาลถือเป็นวัฒนธรรมทางการเมืองที่ต้องให้พรรคอันดับหนึ่งมีสิทธิได้จัดตั้งรัฐบาลก่อน ถ้าทำไม่สำเร็จจึงสมควรเป็นพรรคอันดับ 2 คือพรรคประชาธิปัตย์ นี่คือข้อเท็จจริง การจะพูดจาอะไรกันต้องมีเหตุมีผล"


 


 


"เพื่อไทย" อ้างการเมืองยังไม่นิ่ง จนกว่าจะถึงวันโหวตนายกฯ
นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม ว่าเกิดจากแนวคิดว่า หากพรรคใหญ่ไม่ว่าขั้วใดจัดตั้งรัฐบาลก็อาจทำให้เกิดปัญหาเกิดความแตกแยกไม่จบสิ้น จึงเชิญนายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช ที่เป็นผู้ใหญ่ให้เป็นคนไปเจรจากับพรรคร่วมรัฐบาลเดิม เพื่อให้มาร่วมกันตั้งรัฐบาลเพื่อชาติ ซึ่งไม่จำเป็นที่นายกรัฐมนตรีจะต้องมาจากพรรคเพื่อไทย ส่วนจะผลักดันนายเสนาะ เป็นนายกฯ นั้นก็อยู่ที่ว่าทุกฝ่ายมองว่าใครเหมาะสม พรรคก็จะดำเนินการตามนั้น หากพรรคร่วมเดิมและกลุ่มเพื่อนเนวินมีจุดยืนว่า จะหนุนพรรคประชาธิปัตย์จัดตั้งรัฐบาล ก็คงไม่มีใครว่า แต่ตอนนี้ทุกคนก็ทราบดีว่าเรื่องแบบนี้มันยังไม่นิ่ง



ผู้สื่อข่าวถามว่า การเสนอแนวคิดจัดตั้งตั้งรัฐบาลเพื่อชาติ เพราะเพลี่ยงพล้ำทางการเมืองให้พรรคประชาธิปัตย์ใช่หรือไม่ นายยงยุทธกล่าวว่า พูดอย่างนั้นไม่ได้ เพราะปัญหาไม่เหมือนเดิม ต้องดูสภาพของปัญหาแบบวันต่อวัน ชั่วโมงต่อโมง



"ตอนนี้มันไม่นิ่ง จนกว่าจะถึงวันโหวตนายกฯ ซึ่งเมื่อคืนนายเนวิน ชิดชอบ หัวหนัากลุ่มเพื่อนเนวิน ก็พูดว่าหากกลุ่มเพื่อนเนวินไปหมดเหลือเพียงท่านคนเดียวก็จะอยู่ เพราะได้ตัดสินใจแล้ว ตอนนี้หากสังเกตแววตาของหลายคน ทุกคนก็กังวลใจทั้งนั้น แต่คงไม่สามารถบอกได้ว่าเพื่อนเนวินจะกลับมาอยู่เพื่อไทยกี่คน เพราะเรื่องนี้เป็นเอกสิทธิ์ของแต่ละบุคคล" นายยงยุทธกล่าว และว่า เวลา 11.00 น. วันเดียวกันนี้ จะมี ส.ส.จากพรรคอื่นมาแถลงจุดยืนอยู่กับพรรคเพื่อไทย



ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อถึงเวลานัดหมาย เจ้าหน้าที่พรรคเพื่อไทย ได้แจ้งให้สื่อมวลชนทราบว่า ขอเลื่อนการแถลงข่าวออกไปเป็นเวลา 13.30 น.แทน แต่เมื่อถึงเวลาดังกล่าว เจ้าหน้าที่ของพรรคเพื่อไทยได้แจ้งกับผู้สื่อข่าวว่า การแถลงข่าวของหัวหน้าพรรคเพื่อไทยได้เลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด





มั่นใจเสียงเกินครึ่งแถลงตั้งรัฐบาล 11 ธ.ค.


ขณะที่บรรยากาศภายในพรรคเพื่อไทย ปรากฏว่ามีแกนนำและ ส.ส.ทยอยเดินทางมาประชุมอย่างต่อเนื่องทั้งวัน อาทิ นายยงยุทธ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม



แหล่งข่าวแจ้งว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวในที่ประชุมตอนหนึ่งว่า พรรคเพื่อไทยไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีก็ไม่เป็นไร ส่วนจะเป็นใครก็ขึ้นอยู่กับมติที่ประชุมร่วมเพื่อปลดล็อคเงื่อนไขที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นนอมินี แต่ขอให้จัดตั้งรัฐบาลและให้สภาเดินหน้าต่อไปได้เพราะเรามีเสียงข้างมาก ส่วนกระทรวงที่จะได้รับผิดชอบนั้นก็ขึ้นอยู่กับที่ประชุมเหมือนกัน วันนี้ขอให้จัดตั้งรัฐบาลให้ได้เสียก่อน ส่วนการยุบสภานั้นเป็นประเด็นสุดท้าย เพราะการจะยุบสภาต้องมีข้อกฎหมายและต้องมีเหตุผลอธิบายกับสังคมได้



"ขณะที่สถานการณ์เริ่มเปลี่ยนแล้ว เพราะมีเสียงจากพรรคเพื่อแผ่นดิน ที่ถือเป็นพรรคตัวแปรสำคัญเพิ่มขึ้นมา อย่างน้อย 19 เสียงแบ่งเป็น 15 เสียงที่มาจากการรวบรวมของนายมั่น พัธโนทัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดินสายปากน้ำ บวกกับ ส.ส.สุรินทร์ อดีตพรรคพลังประชาชนอีก 4 เสียง รวมไปถึง ส.ส.อดีตสมาชิกพรรคมัชฌิมาธิปไตย 4 คน อาทิ นายอารยะ ชุมดวง ส.ส.สุโขทัย และนางกรรณิการ์ เจริญพันธ์ ส.ส.สุรินทร์ ที่ได้มาสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นพรรคเพื่อไทยจะสามารถรวบรวมเสียงได้เกินกึ่งหนึ่งอย่างแน่นอน และคาดว่าจะสามารถแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลได้ภายในวันที่ 11 ธันวาคม" แหล่งข่าวกล่าว


 


 


"สุรพงษ์" รับไม่ได้ให้คนหนีทหารนั่งนายกฯ


นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ยังมั่นใจว่าพรรคเพื่อไทยจะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เพราะขณะนี้เสียงสูสีกันอยู่ และกว่าจะถึงวันที่ 15 ธันวาคมนี้ การเมืองอะไรก็เกิดขึ้นได้ ยังมีเวลา และหากเปลี่ยนขั้วการเมืองอาจเกิดปัญหา เพราะหากพรรคฝ่ายค้านได้เก้าอี้ ส.ส.เพิ่มมากขึ้นในการเลือกตั้งซ่อม ก็ทำให้เสียงฝ่ายค้านมากกว่าเสียงรัฐบาล ส่งผลให้การบริหารประเทศก็จะมีปัญหา ดังนั้น ควรมาตั้งรัฐบาลเพื่อชาติ



"การที่ประเทศอยู่ได้คือการตั้งรัฐบาลเพื่อชาติแล้วเลือกคนกลางมาเป็นนายกรัฐมนตรี โดยไม่ใช่คนที่มาจากพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์" นายสุรพงษ์กล่าว และว่า เราจะยอมรับให้คนที่หนีทหารมาเป็นนายกฯ ได้หรือ ต่างชาติไม่ยอมรับหรอก โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา



เมื่อถามว่า ขณะนี้เช็คจำนวน ส.ส.กลุ่มเพื่อนเนวินที่ยังอยู่ในพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายสุรพงษ์กล่าวว่า คิดว่าส่วนใหญ่ยังอยู่กับพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะเมื่อเห็นภาพบาดตา นายเนวิน ชิดชอบ ไปสวมกอดนายอภิสิทธิ์ เหมือนเป็นการกลืนน้ำลายตัวเอง แต่ปากบอกว่าทำเพื่อชาติ มันไม่ใช่ สังคมไทยรับรู้ ประชาชนภาคอีสานคงยอมไม่ได้ เชื่อว่าสมาชิกกลุ่มเนวินที่อยู่ในภาคอีสาน คงทยอยเข้ามาในพรรคเพื่อไทยมากขึ้น เพราะสังคมไทยหลอกลวงกันไม่ได้เช่นในอดีต





ปูด "เพื่อนเนวิน" บินพบทักษิณ


นายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า อยากจะเตือนพรรคประชาธิปัตย์ โดยเฉพาะนายอภิสิทธิ์ ให้จับตาวันโหวตนายกรัฐมนตรี ซึ่งจะเกิด "อนาคอนดา" จากกลุ่มการเมืองที่ไปสนับสนุนให้พรรคประชาธิปัตย์จัดตั้งรัฐบาล โดยจะยกมือโหวตสวนเลือกนายกรัฐมนตรีจากพรรคการเมืองอื่นที่ไม่ใช่นายอภิสิทธิ์ ดังนั้นนายอภิสิทธิ์ควรระวังว่าจะหัวทิ่มตกจากสวรรค์ โดยเท่าที่ทราบ ส.ส.กลุ่มเพื่อนเนวินกว่า 10 คนได้เดินทางไปฮ่องกง และกลับมาพักผ่อนอยู่ที่รีสอร์ทแห่งหนึ่งของนายอนุทิน ชาญวีรกูล อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ที่เขาใหญ่ จ.นครราชสีมา ซึ่งน่าสังเกตว่าช่วงเวลาที่ ส.ส.กลุ่มเพื่อนเนวินเดินทางไปฮ่องกงนั้น เป็นห้วงเวลาเดียวกับที่ พ.ต.ท.ทักษิณพำนักอยู่ที่นั่นพอดี



"อย่าลืมว่า ส.ส.กลุ่มเพื่อนเนวินยังรักและเคารพ พ.ต.ท.ทักษิณอยู่ แต่ละคนล้วนเป็นมือขวา เป็นขุนพลข้างกาย พ.ต.ท.ทักษิณ ถือเป็นลูกรักนายใหญ่ทั้งนั้น เท่าที่ผมได้พูดคุยกับนายใหญ่ ท่านบอกว่าอย่าไปว่าคนพวกนี้ เพราะเขามีเหตุผล แต่ขอให้สมาชิกพรรคเพื่อไทยรอดูวันโหวตนายกฯจะดีกว่า และเพื่อน ส.ส.กลุ่มเพื่อนเนวินโทร.มาบอกผมว่า จะเอาของขวัญมาฝากพรรคเพื่อไทยในวันโหวตนายกฯด้วย" นายประชากล่าว



นายประชากล่าวว่า ขณะนี้แกนนำพรรคเพื่อไทยกำลังอยู่ระหว่างการรวบรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาล โดยเสียงที่สนับสนุนพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์นั้นยังก้ำกึ่งกันอยู่ อย่างไรก็ตาม ฝ่ายกฎหมายได้มีการหารือถึงช่องทางการยุบสภาไว้ด้วยว่า นายกรัฐมนตรีรักษาการมีอำนาจยุบสภาหรือไม่ เพราะถ้ายังคงดึงดันจัดตั้งรัฐบาลต่อไปบ้านเมืองก็จะเกิดความแตกแยกอย่างมาก ดังนั้นทางออกก็คือการยุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชนตัดสินใจเลือกรัฐบาลใหม่ด้วยตัวเอง


 



อ้างกลุ่ม "สรอรรถ-วาดะห์" ซบแล้ว


นายชูวิทย์ พิทักษ์พรพัลลภ ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย อดีตสมาชิกกลุ่มเพื่อนเนวิน กล่าวว่า ขณะนี้ ส.ส.กลุ่มเพื่อนเนวิน เริ่มทยอยเดินทางมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยแล้ว อาทิ นายจตุพร เจริญเชื้อ ส.ส.ขอนแก่น นายอดิศักดิ์ โภคกุลกานนท์ ส.ส.สัดส่วนกลุ่มที่ 4 นายสุทธิชัย จรูญเนตร ส.ส.อุบลราชธานี และนายจักริน พัฒนดำรงจิตร ส.ส.ขอนแก่น ส่วนนายวีระ รักความสุข ส.ส.สัดส่วนกลุ่ม 3 นายทวีวัฒน์ ฤทธิ์ฤาชัย ส.ส.สกลนคร และนายเฉลิมชาติ การุญ ส.ส.สกลนคร มีสัญญาณที่ดีซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างการติดตามตัวกลับมา



"ส.ส.กลุ่มวาดะห์ทั้ง 3 คน คือ นายซูการ์โน มะทา ส.ส.ยะลา นายนัจมุดดีน อูมา ส.ส.นราธิวาส และนายอารีเพ็ญ อุตรสินธุ์ ส.ส.สัดส่วนกลุ่ม 8 ได้มาสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยเรียบร้อยแล้วเช่นกัน รวมไปถึง ส.ส.กลุ่มของนายสรอรรถ กลิ่นประทุม อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ใน จ.ปทุมธานี ทั้ง 4 คนด้วย ขณะที่ ส.ส.ปราจีนบุรี 2 คน คือ นายชยุต ภุมมะกาญจนะ และนายคงกฤช หงษ์วิไล ทราบว่าจะย้ายไปสังกัดพรรคกิจสังคมแทน" นายชูวิทย์กล่าว



ด้าน นายมัจมุดดีน กล่าวถึงท่าทีของกลุ่มวาดะห์ว่า นายอารีเพ็ญ และตน ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะไปสังกัดพรรคการเมืองใด และยังไม่ได้มีการหารือกันอย่างเป็นทางการ เพราะสมาชิกในกลุ่มบางคนอยู่ระหว่างเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ แต่ทราบข่าวว่านายซูการ์โนเข้าสังกัดพรรคเพื่อไทยแล้ว


 



ต่อสายดึง ส.ส. "เพื่อนเนวิน" กลับ


นายนิรมิต สุจารี ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย อดีตสมาชิกกลุ่มเพื่อนเนวิน กล่าวว่า ขณะนี้พวกตนอยู่ระหว่างติดต่อชวนเพื่อนกลับบ้าน และเชื่อว่าจะมี ส.ส.กลุ่มเพื่อนเนวินมาร่วมงานกับพรรคเพื่อไทยเพิ่มอีกหลายคน สาเหตุสำคัญคือ แรงกดดันจากประชาชนในพื้นที่ เช่นตนเองแม้จะกลับมาสังกัดพรรคเพื่อไทยแล้ว แต่ยังมีประชาชนโทรศัพท์และเดินทางมาสอบถามที่บ้านพักทุกวันเพราะไม่เชื่อ เนื่องจากมีการเผยแพร่ภาพข่าวเมื่อครั้งที่ไปร่วมแถลงข่าวกับ 37 ส.ส.กลุ่มเพื่อนเนวินที่รัฐสภาอยู่ จนต้องถ่ายเอกสารใบสมัครสมาชิกพรรคเพื่อไทยไปยืนยันกับประชาชน 



"มีการต่อสายมาจากเพื่อน ส.ส.ที่ไปสนับสนุนซีกประชาธิปัตย์ ขอให้พวกผมที่เคยเป็นสมาชิกกลุ่มเพื่อนเนวินโนโหวตการเลือกนายกรัฐมนตรี ซึ่งได้ปฏิเสธไปแล้ว" นายนิรมิตกล่าว



เมื่อถามถึงกรณี พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดินปฏิเสธรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หากได้เป็นฝ่ายจัดตั้งรัฐบาล นายนิรมิตกล่าวว่า คงเสนอนายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช เป็นนายกรัฐมนตรีแทน และเชื่อว่าพรรคร่วมรัฐบาลจะรับได้ เพราะนายเสนาะเป็นผู้ใหญ่ของบ้านเมือง  





ณัฐวุฒิจวก "อภิสิทธิ์" ทำตัวน่ารังเกียจ 2 เท่า


นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รักษาการโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ที่พรรคเพื่อไทย ถึงการพยายามจัดตั้งรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์ว่า ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในความพยายามเปลี่ยนขั้ว เพื่อจัดตั้งรัฐบาลโดยการสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์และผลักดันให้นายอภิสิทธิ์เป็นนายกฯนั้น ตรงกับสิ่งที่ได้เคยแสดงความเห็นว่า ประเทศไทยกำลังเกิดวงจรอุบาทว์ในการแย่งชิงอำนาจ เพราะนับตั้งแต่ผลการเลือกตั้ง 23 ธันวาคม 2550 ที่ปรากฏชัดว่าพรรคพลังประชาชนได้รับความไว้วางใจจากประชาชนส่วนใหญ่ให้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล นับจากนั้นก็เริ่มต้นวงจรอุบาทว์ในการช่วงชิงอำนาจทางการเมืองทันที



"วันนี้พิสูจน์แล้วว่าพันธมิตร ประชาธิปัตย์ นายทหารใหญ่ เขาทำงานชิ้นเดียวกัน อยู่ในวงจรอุบาทว์แย่งชิงการเมืองด้วยกัน ซึ่งไม่ปฏิเสธการเป็นรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์ แต่ขอปฏิเสธทุกขบวนการที่เกิดขึ้นเวลานี้ ซึ่งไม่ใช่ประชาธิปไตย"



 นายณัฐวุฒิกล่าว และว่า การเดินสายพบผู้นำแต่ละกลุ่มของนายอภิสิทธิ์ แสดงให้เห็นว่า เพื่อเป็นนายกฯ นายอภิสิทธิ์ก็พร้อมทิ้งหลักการ มารยาท และความสวยงามทางการเมืองทุกอย่าง หากนายอภิสิทธิ์ เคยแสดงความเห็นเรื่องนักการเมืองที่ปฏิเสธทุกหลักการ จึงเห็นว่าสิ่งที่นายอภิสิทธิ์ทำอยู่ น่ารังเกียจกว่าคนที่เคยถูกนายอภิสิทธิ์วิจารณ์ 2 เท่า





"ชัย" ดักคอ "ชวรัตน์" ไม่ยุบสภา


ด้านนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการเปิดประชุมสภาเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรีว่า ได้นำรายชื่อเพื่อเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรนำขึ้นทูลเกล้าฯแล้ว ซึ่งถือเป็นพระราชอำนาจที่จะมีพระบรมราชวินิจฉัยลงมาเมื่อใด หากมีพระราชกฤษฎีกาเปิดประชุมสภาแล้วก็สามารถเชิญ ส.ส.มาประชุมภายใน 3 วัน แต่ไม่ทราบว่าจะมีการประชุมภายในสัปดาห์นี้หรือไม่ ส่วนที่มีกระแสข่าวการยุบสภานั้น เรื่องนี้ถือเป็นสิทธิของรักษาการนายกฯที่จะยุบหรือไม่ เพราะสภาได้รับรู้เรื่องนี้



"กรณีที่ยังมีข้อขัดแย้งเรื่องรักษาการนายกฯมีอำนาจยุบสภาหรือไม่นั้น เรื่องนี้กฎหมายไม่ได้เขียนไว้ แต่ไม่มีรักษาการนายกฯ คนไหนเขาทำกัน ยิ่งถ้ามีพระบรมราชโองการเปิดสมัยประชุมแล้ว ถ้าทำอย่างนั้นก็แสดงว่าบุคคลคนนั้นไม่มีความเที่ยงธรรม แต่ไม่ใช่ว่าไม่มีอำนาจ มั่นใจว่ารักษาการนายกฯคนนี้เขาคงไม่ทำ เพราะคนที่เป็นผู้รักษาการนายกฯ ต้องมีความเป็นธรรม ซึ่งผมได้คุยกับนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รักษาการนายกฯแล้ว ท่านก็บอกว่าไม่สามารถดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดนอกเหนือจากกฎหมายบัญญัติได้" นายชัยกล่าว





ปัดนั่งเก้าอี้ รมว.คมนาคม


ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีนายเนวิน บุตรชายสวมกอดนายอภิสิทธิ์ เพื่อสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรี นายชัยกล่าวว่า ถ้าเขากอดกันถึงขนาดนั้นก็แสดงว่ารักกันมาก และยังไม่ได้คุยกับนายเนวินเลย เขาโตแล้ว ไม่ต้องมาปรึกษาอะไรและไม่ต้องห่วงอะไร ขนาดทหารจับไปขังยังไม่ห่วง เพราะคนคนนี้เขาดวงแข็งเหมือนกับนายพลเนวิน เมื่อถามว่า หลังจากนี้นายเนวินจะมองหน้านายใหญ่ได้หรือไม่ นายชัยกล่าวว่า "เขาก็คงมองกันทุกวัน ซึ่งตอนนี้ใครเป็นนายใหญ่ ผมก็ยังไม่รู้ อีกทั้งใหญ่แค่ไหนก็ไม่รู้"



"ผมยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะย้ายไปอยู่พรรคไหน ยังเป็น ส.ส.กลุ่มเพื่อนเนวินเหมือนกัน เพราะเป็นพ่อเขา แต่หลังจากเลือกนายกฯ แล้วคงต้องหาพรรคสังกัดเช่นกัน หลังจากนี้คงทำหน้าที่ประธานสภาต่อ ไม่ได้คิดลาออกจากตำแหน่ง ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าจะได้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมนั้น ผมคงไม่รับ ขนาดเขาเอาตำแหน่งนายกฯมาให้ผมยังไม่เอา เพราะในทางการเมืองการได้เป็นประธานสภาถือว่าสูงสุดแล้ว ถ้าไม่มีความพอ กินมากๆ ท้องก็จะแตกเหมือนอึ่งอ่าง" นายชัยกล่าว





"สมชาย-ยงยุทธ" ร่วมถก "เสนาะ"


ด้านนายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช ได้ประสานกับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลเดิมมาหารือที่บ้านพักเมืองทองธานี เพื่อจัดตั้งรัฐบาลเพื่อชาติ ทั้งนี้ นายเสนาะได้ปฏิเสธกระแสข่าวที่จะเดินทางไปพบนายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตหัวหน้าพรรคชาติไทย โดยกล่าวว่า ได้คุยกันทางโทรศัพท์แล้ว จากนั้นนายเสนาะได้โทรศัพท์ติดต่อกับนางอนงค์วรรณ เทพสุทิน อดีตหัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตย แต่นางอนงค์วรรณ อ้างว่าติดธุระต้องไปทำฟัน ซึ่งนายเสนาะได้ตอบกลับไปว่า ไม่เป็นไร เสร็จแล้วให้ตามมาทีหลัง และให้พานายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำกลุ่มมัชฌิมาฯมาด้วย



นายเสนาะกล่าวถึงการจัดตั้งรัฐบาลเพื่อชาติว่า เพื่อแก้ปัญหาให้วิกฤตประเทศซึ่งเกิดจากการเมือง 2 ขั้ว ที่ส่อว่าจะรุนแรงกว่าเดิมหากพรรคประชาธิปัตย์หรือพรรคเพื่อไทย เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล



ต่อมาเวลา 15.00 น. นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้เดินทางมาถึงบ้านพักของนายเสนาะ จากนั้น เวลา 15.30 น. นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมาสมทบ และเดินทางกลับออกไปเวลา 16.40 น. โดยนายสมชายกล่าวเพียงว่า มาเยี่ยมนายเสนาะ


 


 


พรรคร่วมหนีถก "รบ.เพื่อชาติ"


ต่อมานายศรีเมือง เจริญศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายวิชาญ มีนชัยนันท์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายอุดมเดช รัตนเสถียร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาและความมั่นคงของมนุษย์ และ ส.ส.พรรคเพื่อไทยทยอยเดินทางมาถึง แต่ไม่ปรากฏแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลเดิมเดินทางมาร่วมรับประทานอาหารแต่อย่างใด จึงทำให้การนัดรับประทานอาหารเย็นและหารือการเมืองของนายเสนาะมีเพียงแกนนำพรรคเพื่อไทย และพรรคประชาราชมาร่วมงานเท่านั้น


 


เวลา 19.00 น. นายเสนาะกล่าวว่า พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน โทรศัพท์มาบอกว่ามาไม่ได้เพราะเจ็บคอ ส่วน พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร หัวหน้าพรรครวมใจชาติพัฒนา บอกว่าอยู่โรงพยาบาล แต่ได้บอกว่ายังมีจุดยืนเดียวกัน ใครไม่มาก็ไม่เป็นปัญหา แต่เท่ากับว่าคนเหล่านี้หนีการแก้ปัญหาประเทศชาติ แต่ตนจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด แต่ใครจะไปล็อบบี้กับใครเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวไม่สนใจแล้วค่อยมาวัดกันในสภา


 


นายเสนาะกล่าวว่า วันนี้เป็นวันสำคัญสำหรับชีวิตตนอีกครั้ง ในฐานะมีโอกาสมารับใช้ประเทศชาติ ได้บริหารประเทศร่วมกับนายกฯ หลายคนตั้งแต่พล.อ.เปรม จนถึงวันนี้เป็นเวลา 30 ปีแล้ว ได้รับเกียรติจากพรรคใหญ่ที่ไดรับการเลือกตั้งจากประชาชนเพื่อมาหาทางออกให้กับประเทศชาติ ซึ่งมีทางเดียว คือ รัฐบาลเพื่อชาติ


 



"ดังนั้นในวันนี้ใครจะมาไม่มาไม่มีปัญหาสำหรับผม เพราะผมไม่ได้จัดตั้งรัฐบาลแข่งกับใคร ถ้าเขาหนีป๋าเหนาะเท่ากับหนีประเทศชาติ ซึ่งกรณีของ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ก็โทร.มาบอกว่าเจ็บคอ ผมก็บอกไปว่าเจ็บคอก็มาได้ เพราะไม่ได้ให้ร้องเพลง ซึ่งเขาบอกว่า อยู่ รพ. และบอกว่าเห็นด้วยกับแนวทางที่ผมเสนอไป และพรรคเพื่อแผ่นดินก็ยังอยู่ตรงกลาง ส่วนพล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร บอกว่าเป็นตายอย่างไรก็จะมา แต่ปรากฎว่าเมื่อนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ เลขาธิการพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา ออกมาแถลงว่า ใครจะมาที่บ้านผมก็ไม่เกี่ยวกับพรรค ซึ่งผมรู้แล้วว่าอะไรเกิดขึ้น ทั้งนี้ผมได้ให้คนต่อโทรศัพท์ไปปรากฏว่า พล.อ.เชษฐาปิดมือถือ ผมเรียนตรง ๆ ว่าผมทำได้แค่นี้ " นายเสนาะ กล่าวและว่า เมื่อให้ตนหาทางออกให้กับประเทศชาติ ตนก็หาทางออกให้แล้ว ส่วนใครจะมีข้อเสนอที่ดีกว่านี้ก็เสนอมา


 



เมื่อถามว่า แกนนำพรรคร่วมรัฐบาลเดิมไม่มาในวันนี้ โอกาสที่จะตั้งรัฐบาลเพื่อชาติเหลืออยู่แค่ไหน นายเสนาะ กล่าว่า ขึ้นกับสภาฯตัดสิน ขอให้ดูวันโหวต ซึ่งถ้าตนจะจัดตั้งรัฐบาลจะไม่ไปเที่ยวล็อบบี้เอาพรรคนั้นพรรคนี้มา ซึ่งแต่ก่อนก็ด่ากันสาดเสียเทเสีย แต่พอให้ผลประโยชน์ก็มากอดกัน โอ๊ยสุภาพบุรุษประชาธิปไตยมาแล้ว ซึ่งตนทำไม่ได้ และตนก็ไม่เคยจัดตั้งรัฐบาลงูเห่า มาเที่ยวลอบบี้ ใครเคาะกะลาก็ไป



 


"ผมยืนยันว่าจะไม่เสนอนายกฯจากพรรคเพื่อไทย แต่นายกฯในใจมี 2 คน เป็นนายตำรวจใหญ่ และทหารใหญ่"นายเสนาะกล่าว


 



ต่อข้อถามว่า ควรจะมีการยุบสภาเพื่อฆ่างูเห่าหรือไม่ นายเสนาะ กล่าวว่า การยุบสภาก็เหมือนกับเจ๊งไพ่ ส่วนการปฏิบัติเหมือนกับบุคคลล้มละลาย


 



ผู้สื่อข่าวรายงานว่าด้วยว่า เมื่อนายเสนาะ กล่าวจบได้รับเสียงปรบมือจาก ส.ส.และแกนนำพรรคเพื่อไทย ขณะเดียวกันนายเสนาะได้ชวนให้ผู้สื่อข่าวนั่งรับประทานอาหารตามโต๊ะต่าง ๆ ที่จัดไว้และว่างอยู่หลายโต๊ะ



ภายหลังการรับประทานอาหารนายอุดมเดช รัตนเสถียร รักษาการรมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และนายวิชาญ มีนชัยนันท์ รักษาการรมช.สาธารณสุขได้นำกระเช้าดอกไม้ของนายเสนาะไปเยี่ยมพล.ต.อ.ประชา ที่รพ.กรุงเทพ





"ประดิษฐ์-สมศักดิ์" ยันเป็นไปตามที่แถลงกับพรรคร่วม 4 พรรค


นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ เลขาธิการพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา (รช.) กล่าวว่า ขอยืนยันว่าพรรคจะไม่ส่งบุคคลไปร่วมงานที่บ้านพักนายเสนาะแต่อย่างใด เนื่องจากทางพรรคได้แสดงจุดยืนร่วมกับพรรคร่วมรัฐบาลเดิม 4 พรรคแล้วว่าจะร่วมจัดตั้งรัฐบาลโดยมีพรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำ ซึ่งจุดยืนนี้ไม่เปลี่ยนแปลง และหากมีบุคคลของพรรคไปร่วมงานดังกล่าวถือว่าไม่ได้ไปในนามพรรค แต่ไปในนามส่วนตัว ซึ่งอาจจะมีความสนิทสนมกับนายเสนาะ



รายงานข่าวจาก รช.แจ้งว่า ขณะนี้แกนนำพรรคอาทิ นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ และนายประดิษฐ์ ได้ตัดสินใจร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคประชาธิปัตย์แล้ว และจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากนี้ มีเพียง พล.อ.เชษฐา ที่เป็น ส.ส.สัดส่วนกลุ่ม 5 คนเดียวเท่านั้นที่ยังเห็นต่าง



นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล อดีตแกนนำพรรคชาติไทย กล่าวว่า ไม่ได้รับการติดต่อจากนายเสนาะให้ไปร่วมรับประทานอาหาร แต่ถ้าติดต่อมาก็คงไม่ไป และจะไม่มีการส่งตัวแทนจากพรรคไปด้วย เพราะตอนนี้ ทุกอย่างมันจบแล้ว ได้ประกาศจุดยืนของพรรคร่วมชัดเจนไปแล้ว


 


 


 


 


...................................


เรียบเรียงจาก เว็บไซต์คมชัดลึก เว็บไซต์ ASTV ผู้จัดการ เว็บไซต์มติชน และเว็บไซต์แนวหน้า

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net