Skip to main content
sharethis

นายสุรชัย ธารสิทธิพงษ์ ปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยภายหลังการประชุม เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม ว่า ที่ประชุมได้หารือเรื่องการแก้ปัญหาของการบินไทย และการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จากกรณีที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ปักหลักชุมนุมที่สนามบินสุวรรณภูมิ โดยมีมติให้ฝ่ายกฎหมายของบริษัทพิจารณาฟ้องร้องทางแพ่ง เพื่อเรียกค่าเสียหายกับผู้ที่ทำให้เกิดความเสียหาย



นายสุรชัยกล่าวว่า สำหรับความเสียหายที่คาดการณ์ในเบื้องต้นทั้งช่วงที่เกิดเหตุการณ์ชุมนุมและผลกระทบต่อเนื่องอีก 6 เดือน (ถึงครึ่งปีแรก 2552) คาดว่าไม่ต่ำกว่า 20,000 ล้านบาท และส่งผลกระทบต่อผลประกอบการบริษัท ปี 2551 ที่จะขาดทุน รวมถึงกระทบต่อแผนการใช้เงินของบริษัท โดยเฉพาะเงินกู้ระยะสั้นที่อาจต้องรีไฟแนนซ์ประมาณ 10,000 ล้านบาท และแผนการชำระค่าเครื่องบิน ดังนั้น จะเสนอให้รัฐบาลพิจารณาหาเงินอุดหนุนให้หรือหาแหล่งเงินกู้ประมาณ 20,000 ล้านบาท



นายสุรชัยกล่าวถึงยอดการจองของนักท่องเที่ยวว่า ยังไม่สามารถเช็คได้ว่ามีการยกเลิกเท่าไร อย่างไรก็ตาม ได้ประเมินจำนวนผู้โดยสารหรืออัตราบรรจุผู้โดยสารของปีหน้าว่า จะเหลือเพียง 50% จากเดิมคาดว่าจะไม่ต่ำกว่า 75% ทั้งนี้ การบินไทยคงต้องจัดทำโปรแกรมส่งเสริมการขายหรือโปรโมชั่น ลด-แลก-แจก-แถม เพื่อเชิญชวนนักท่องเที่ยวให้กลับมา



พล.อ.อ.ณรงค์ศักดิ์ สังขพงศ์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ปฏิบัติหน้าที่กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย กล่าวว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นคนที่ทำให้เกิดความเสียหายต้องรับผิดชอบ แต่คงไม่ใช่การท่าอากาศยานแน่นอน และแม้ว่าสถานการณ์การเมืองจะคลี่คลายแล้ว แต่สถานการณ์ยังไม่นิ่งในขณะนี้อาจกระทบต่อความมั่นใจของผู้โดยสารที่อาจยกเลิกตั๋วเดือนทางมากกว่า 50%


วันเดียวกัน นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้ประชุมร่วมกับผู้บริหารที่เกี่ยวข้องกับการบิน และสายการบิน รวมทั้งการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)



แหล่งข่าวจากที่ประชุมกล่าวว่า ได้มีการประเมินตัวเลขความเสียหายเบื้องต้นที่เกิดขึ้นไม่ต่ำกว่าวันละ 5 พันล้านบาท เหตุการณ์ปิดสนามบินในช่วง 7 วัน ทำให้ได้รับความเสียหายไม่น้อยกว่า 35,000 ล้านบาท ส่วนความเสียหายที่แท้จริงจะต้องรอผลสรุปจากแต่ละหน่วยงานอีกครั้ง



นางพรศิริ มโนหาร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ยอมรับว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นจะต้องส่งผลกระทบทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวลดลง จากปกติมีนักท่องเที่ยวเข้ามาวันละ 30,000-40,000 คน ดังนั้น ททท.จะเร่งจัดทำแผนส่งเสริมการขายเพื่อดึงนักท่องเที่ยวกลับมา โดยเน้นความคุ้มค่าของเงินเป็นหลัก



นายวุฒิ วิชัยรัตน์ ประธานคณะกรรมการบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.เร่งเคลียร์พื้นที่สนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อเปิดการบินอย่างเต็มรูปแบบ ภายหลังกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ยุติการชุมนุมและคืนพื้นที่ให้กับ ทอท.อย่างเป็นทางการแล้ว เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 3 ธันวาคม ให้สัมภาษณ์ว่า ทอท.จะเร่งตรวจสอบความเรียบร้อยทั้งในส่วนระบบการเดินอากาศ การรักษาความปลอดภัย รวมถึงสรุปความเสียหายเบื้องต้น และจะเร่งประสานสายการบินต่างๆ เพื่อให้เตรียมความพร้อม สำหรับเปิดการบินตามปกติเต็มรูปแบบ ซึ่งจะเร่งดำเนินการอย่างเร็วที่สุด



"ในวันนี้ (3 ธันวาคม) จะมีเที่ยวบิน ทีจี 2109 นำผู้โดยสารจากภูเก็ตมาลงที่สุวรรณภูมิ ซึ่งถือเป็นเที่ยวบินเที่ยวแรกหลังการปิดให้บริการ ส่วนเที่ยวบินแรกที่จะบินขึ้น คือในช่วงเวลา 00.01 น. เส้นทางกรุงเทพฯ-โรม และกรุงเทพฯ-ซิดนีย์" นายวุฒิพันธ์กล่าว และว่า เรื่องความปลอดภัย และการป้องกันการบุกยึดในอนาคตนั้น จะต้องมีการหารือกัน รวมถึงระเบียบข้อกฎหมายต่างๆ ด้วย



รายงานข่าวจาก บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) แจ้งว่า นอกจากเที่ยวบินแรกทีจี 2109 ลงที่สุวรรณภูมิแล้ว ยังมีเที่ยวบินพิเศษ 6 เที่ยวบินขนส่งผู้โดยสารออกจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิใน 6 เส้นทาง คือ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ-ซิดนีย์ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ-เดลลี ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ-นาริตะ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ-แฟรงก์เฟิร์ต ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ-โซล และท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ-โคเปนเฮเกน



จากนั้นเวลา 13.00 น. เจ้าหน้าที่การท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นำขณะสื่อมวลชนตรวจสอบความเรียบร้อยการลงจอดของเครื่องบินโบอิ้ง 747-400 เที่ยวบิน ทีจี 2109 ซึ่งนำผู้โดยสารจำนวน 307 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติมาลงจอดเวลา 14.00 น. มีนายเสรีรัตน์ ประสุตานนท์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัทท่าอากาศยานไทย (ทอท.) พล.อ.อ.ณรงค์ศักดิ์ สังขพงศ์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ปฏิบัติหน้าที่กรรมการผู้อำนวยการใหญ่การบินไทย นายชัยศักดิ์ อังค์สุวรรณ รองปลัดกระทรวงคมนาคม และพนักงานการบินไทย ต้อนรับและมอบของที่ระลึกเป็นกล่องใส่นามบัตรของการบินไทยแก่ผู้โดยสารทุกคน แต่นักท่องเที่ยวบางส่วนไม่ยอมรับ เนื่องจากอยู่ในอารมณ์ไม่พอใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น  



ด้านนายเสรีรัตน์กล่าวว่า เบื้องต้นจะพยายามเปิดให้บริการประชาชนแบบไม่เต็มรูปแบบให้ใช้การได้ไปก่อน ส่วนกรณีผู้โดยสารที่ได้รับผลกระทบและต้องการเรียกร้องค่าชดเชย คงต้องให้ฟ้องร้องกลุ่มพันธมิตร สำหรับตัวเลขความเสียหายโดยรวมทั้งในด้านการบิน นักท่องเที่ยวและสนามบิน การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จะเป็นผู้รวบรวมความเสียหายทั้งหมด



วันเดียวกัน นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้ประชุมร่วมกับผู้บริหารที่เกี่ยวข้องกับการการบิน และสายการบิน รวมทั้งการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และเปิดเผยภายหลังว่า ได้รับการยืนยันล่าสุดว่าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิพร้อมจะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการ ตั้งแต่เวลา 11.00 น. วันที่ 5 ธันวาคม โดยเวลา 09.30 น. ได้เชิญตัวแทนองค์กรการบินระหว่างประเทศ ICAO, IATA และตัวแทนทูตจากประเทศต่างๆ รวมทั้งผู้เกี่ยวข้องเข้าไปตรวจสอบความพร้อมของสนามบิน ส่วนสนามบินดอนเมืองพร้อมเปิดให้บริการได้ตั้งแต่เวลา 06.00 น. วันที่ 4 ธันวาคม



"ในวันที่ 4 ธันวาคมจะทดสอบระบบการทำงานของสนามบินทุกระบบ ทั้งสายพานลำเลียง เครื่องซีทีเอ็กซ์ ระบบเช็คอิน และระบบไอทีต่างๆ ทั้งหมด เพื่อให้พร้อมสำหรับการเปิดให้บริการเต็มรูปแบบภายใน วันที่ 5 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันที่สำคัญที่ทำให้คนไทยและนักท่องเที่ยวได้เฉลิมฉลองในการกลับมาใช้สนามบินสุวรรณภูมิอีกครั้ง กรมการขนส่งทางอากาศ (ขอ.) จะเริ่มเปิดให้แต่ละสายการบินจองช่วงเวลาการบินหรือสลอทไทม์ ตั้งแต่วันที่ 4 ธนวาคม เช่นกัน"



นายสันติกล่าว และว่า สำหรับในส่วนของหน่วยงานที่ได้รับผลกระทบ และมีค่าใช้จ่ายในการช่วยเหลือผู้โดยสารตกค้างที่เกิดขึ้นจริง ให้รวบรวมนำเสนอรัฐบาลให้ความช่วยเหลือหรือชดเชยได้ เช่น บริษัท ขนส่ง จำกัด (บ.ข.ส.) ที่จัดรถบริการผู้โดยสารไปยังสนามบินอู่ตะเภา



นายโชคชัย ปัญญายงค์ ผู้อำนวยการใหญ่ โครงการสุวรรณภูมิ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การบินไทยได้จัดเตรียมเที่ยวบินเพื่อเปิดให้บริการโดยเร็วที่สุด แต่ยอมรับว่าช่วงแรกอาจรองรับเที่ยวบินได้ประมาณ 50% ของจำนวนเที่ยวบิน หรือจากวันละ 200 เที่ยว รองรับได้ประมาณ 100 เที่ยวบิน ที่สำคัญจะต้องเร่งขนย้ายอุปกรณ์และเครื่องมือที่ย้ายไปสนามบินอู่ตะเภา ไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 ซึ่งจะระดมดำเนินการขนย้ายอย่างเต็มที่ตั้งแต่คืนวันที่ 3 ธันวาคม เพื่อให้ทันการเปิดใช้สนามบินวันที่ 5 ธันวาคม



นายโชคชัยกล่าวว่า ในวันที่ 4 ธันวาคม เดิมจะมีเที่ยวบินที่จะขึ้นจากสนามบินอู่ตะเภารวม 8 เที่ยวบิน แต่จะเปลี่ยนมาขึ้นที่สนามบินสุวรรณภูมิแทน แต่จะต้องเช็คอินที่ศูนย์ไบเทคบางนาก่อน ส่วนเที่ยวบินอื่นๆ ที่มีการสำรองที่นั่งก่อนวันที่ 5 ธันวาคม จะเป็นไปตามแผนเดิม ส่วนผู้โดยสารที่ได้รับผลกระทบก่อนวันที่จะเปิดใช้สนามบินสุวรรณภูมินั้น จะต้องขอคืนเงินหรือยกเลิกเที่ยวบิน รวมทั้งเปลี่ยนเส้นทางบิน ก่อนวันที่ 5 ธันวาคมเท่านั้น



นางพรศิริ มโนหาร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 4 ธันวาคม เป็นต้นไป ททท.จะประสานกับสำนักงานท่องเที่ยวไทยในต่างประเทศ และบริษัทนำเที่ยวต่างเพื่อแจ้งข่าวว่า สนามบินสวรรณภูมิสามารถกลับมาใช้ได้ตามปกติแล้ว ส่วนจำนวนนักท่องเที่ยวตกค้างกว่าแสนคนจะเร่งดำเนินการขนกลับภายใน 10 วัน หลังจากนี้



นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดพิเศษมีมติเห็นชอบให้นายโอฬาร ไชยประวัติ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานคณะกรรมการเยียวยาและพลิกฟื้นความเชื่อมั่นเศรษฐกิจ มีกระทรวง ทบวง กรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม เพื่อหาแนวทางในการแก้ไขผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจากการปิดสนามบินให้กับธุรกิจโรงแรม และการท่องเที่ยวเป็นกรณีเร่งด่วน



นายโอฬารกล่าวว่า รัฐบาลไม่สามารถอนุมัติงบประมาณหรือโครงการต่างๆ ที่สำคัญได้ แต่สามารถดูแลเรื่องฉุกเฉินคือ การอนุมัติงบกลางเพื่อดูแลนักท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากกรณีปิดสนามบินได้



น.ส.ศศิธารา พิชัยชาญณรงค์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ที่ประชุม ครม.นัดพิเศษมีมติอนุมัติหลักการให้ตั้งคณะกรรมการเยียวยานักท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากกรณีปิดสนามบิน โดยมอบหมายกระทรวงการท่องเที่ยวรับผิดชอบดูแลนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ยังตกค้างอยู่ในเมืองไทย และให้กระทรวงการต่างประเทศรับผิดชอบคนไทยที่ตกค้างอยู่ในต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ได้รับอนุมัติงบฯแล้วเพียง 10 ล้านบาท



"กระทรวงการท่องเที่ยวฯเสนอขอไปอีกกว่า 1,000 ล้านบาท ส่วนกระทรวงการต่างประเทศขอเพิ่ม 200 ล้านบาท ทั้งนี้ ทั้งสองหน่วยงานจะต้องประชุมตกลงกับสำนักงบประมาณอีกครั้ง หากยังไม่ได้รับงบประมาณตามที่เสนอไปอาจจะทำให้เกิดปัญหากับนักท่องเที่ยวได้ เนื่องจากโรงแรมอาจจะไล่นักท่องเที่ยวออกจากโรงแรม เพราะไม่มั่นใจเรื่องค่าใช้จ่าย"



น.ส.ศศิธารากล่าวว่า ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวต่างชาติตกค้างอยู่ในไทยประมาณ 3.5 แสนคน คิดเป็นจำนวนห้องพัก 1.5-1.7 แสนห้อง กระทรวงการท่องเที่ยวฯจะเริ่มเบิกจ่ายงบประมาณ และจ่ายให้ย้อนหลังนับตั้งแต่วันที่ 25 พฤศจิกายน และจะเชิญภาคเอกชนร่วมประชุมหารืออีกครั้ง ในวันที่ 4 ธันวาคม



นายสุพล ฟองงาม รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันที่ 11 ธันวาคม จะประชุม ครม.นัดพิเศษอีกครั้ง เพื่อให้คณะกรรมการเยียวยานักท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากการปิดสนามบินทั้ง 2 แห่ง เสนอของบประมาณ เพราะยังไม่มีการกำหนดตัวเลขงบประมาณ เพิ่งเป็นเพียงการอนุมัติในหลักการ



ที่ทำเนียบเอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย เวลา 13.30 น. ควินตัน เควลย์ เอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย ให้สัมภาษณ์ว่า รู้สึกดีใจที่ได้กลับมาประเทศไทยในวันนี้ เพราะพึ่งกลับจากไปพักผ่อนที่นิวซีแลนด์ การกลับมาใช้ระยะเวลาเดินทางถึง 3 วัน โดยลงเครื่องบินที่ประเทศสิงคโปร์ และนั่งเครื่องบินมาลงที่ จ.ภูเก็ต และเมื่อคืนนี้ก็ได้ค้างคืนที่ จ.ชุมพร และขับรถมาถึงที่พักในเวลา 11.00 น. ในเช้าวันนี้ (3 ธันวาคม)



"การเตรียมเปิดสนามบินใหม่ ต้องตรวจสอบให้มีมาตรฐานรักษาความปลอดภัยสอดคล้องกับมาตรฐานนานาชาติ อาจจะต้องใช้ระยะเวลาสักพัก หวังว่าจะเปิดให้เร็วที่สุด ความเชื่อมั่นของนักลงทุนชาวต่างชาตินั้นจะต้องดูผลกระทบที่ออกมา เพราะไม่สามารถเดินทางมาที่ไทยได้ในขณะนี้ ที่สำคัญจะสร้างปัญหาทางเศรษฐกิจเพราะการท่องเที่ยวมีส่วนในจีดีพีถึง 10 เปอร์เซ็นต์ ของไทย หวังว่าทุกฝ่ายจะพยายามประนีประนอมหาทางออกที่สอดคล้องกับสถาบันประชาธิปไตยและหลักนิติธรรม" ควินตันระบุ



นายภานุ วรมิตร ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า ททท.ร่วมกับบริษัท ทุย นอร์ดิค (Tui Nordic) ผู้ประกอบการธุรกิจนำเที่ยวรายใหญ่กลุ่มตลาดนักท่องเที่ยวยุโรป จัดเที่ยวบินเช่าเหมาลำ นำนักท่องเที่ยวกลุ่มสแกนดิเนเวีย คือ สวีเดน ฟินแลนด์ เดนมาร์ก และนอร์เวย์ มาท่องเที่ยว อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี อ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช และ จ.ชุมพร ช่วงฤดูหนาว เดือนธันวาคม 2551-เดือนเมษายน 2552 ใช้เส้นทางสตอกโฮล์ม (สวีเดน)-เฮลซิงกิ-สุราษฎร์ธานี โดยเที่ยวบินแรกจะมาถึงท่าอากาศยานสุราษฎร์ธานี วันที่ 5 ธันวาคม เวลา 11.00 น. ซึ่งตามแผนการท่องเที่ยวมีทั้งหมด 8 เที่ยวบิน จะมีนักท่องเที่ยวเข้าทั้งหมด 2,000 คน มีการใช้จ่ายสูงเฉลี่ยคนละ 4,000 บาทต่อวัน คาดมีรายได้สะพัดร่วม 200 ล้านบาท


 


 


ที่มา : มติชน


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net