Skip to main content
sharethis


"จาตุรนต์" เสนอ "สมชาย" ลาออก ตัดหน้าถูกศาล รธน.สั่งยุบพรรค พปช. เพื่อเร่งตั้งรัฐบาลใหม่ตัดหน้า พธม.เหตุถูกยุบพรรคตั้งรัฐบาลยาก และเข้าทาง พธม. ระบุมีเป้าหมายร่วมมือกับทหาร นักวิชาการตั้ง "รัฐบาลแห่งชาติ" ล้มประชาธิปไตย


 


โรงแรมเดิสัน พระราม 9 วันที่ 1 ธค. 51   -  นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์การเมืองที่เกิดขึ้นในขณะนี้ว่า วิกฤติการเมืองกำลังซ้ำเติมให้ปัญหาหนักยิ่งขึ้นจากการที่ศาลรัฐธรรมนูญได้รวบรัดที่จะพิจารณาและมีแนวโน้มที่จะตัดสินคดีเร็วขึ้นมาก โดยเฉพาะอาจจะมีการตัดสินใจในช่วงวิกฤติกำลังเข้มข้น ซึ่งจะทำให้การแก้ปัญหาของรัฐบาลรวมถึงการแก้ปัญหาการยึดสนามบินสุวรรณภูมิยากยิ่งขึ้น ซึ่ง "ประชาไท" จะได้นำเสนอในแบบคำต่อคำ ดังนี้


 


0 0 0


 


เรื่องการยุบพรรค ผมได้แสดงความเห็นมาตลอดว่า รัฐธรรมนูญนี้เขียนไว้เพื่อที่จะทำลายพรรคการเมืองและระบบพรรคการเมือง รัฐธรรมนูญนี้มีเนื้อหาที่ไม่เป็นประชาธิปไตยขัดหลักนิติธรรม รัฐธรรมนูญได้กำหนดไว้ว่า มีคนทำผิดเพียงคนเดียวก็สามารถยุบพรรคการเมืองทั้งพรรค และกรณีที่เกิดขึ้นนี้คนทำผิด 3 คนจะยุบพรรคการเมือง 3 พรรค และจะมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลอย่างขนานใหญ่ ซึ่งเป็นเรื่องขัดต่อหลักนิติธรรมอย่างร้ายแรง


 


ขอพูดในฐานะอดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทยที่มีประสบการณ์โดยตรงจากการถูกยุบพรรคมาแล้วว่า สองกรณีนี้ต่างกัน ในกรณีการยุบพรรคไทยรักไทยนั้นรัฐธรรมนูญไม่ได้เขียนไว้เลวร้ายอย่างนี้ แต่เกิดการยุบขึ้นเพราะ คปค.ตั้งคณะตุลาการรัฐธรรมนูญขึ้นโดยไม่ชอบ ด้วยกฎหมายเผด็จการ นั่นคือคำสั่ง คปค. และยังให้กฎหมายนั้นมีผลย้อนหลังเป็นโทษต่อกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย อันนั้นเป็นความไม่ชอบธรรมต่อพรรคไทยรักไทย 


 


มาครั้งนี้กรณีพรรคพลังประชาชน มัชฌิมาธิปไตย และพรรคชาติไทย รัฐธรรมนูญได้เขียนไว้ โดยเอาความเลวร้ายมาใส่ในรัฐธรรมนูญอย่างเป็นระบบ เพราะฉะนั้นจึงวิเคราะห์ได้ล่วงหน้าว่า การตัดสินก็ต้องออกมาจะเป็นไปในทางที่จะให้ยุบพรรคทั้ง 3 พรรค


 


ที่แย่กว่านั้น ตุลาการรัฐธรรมนูญปัจจุบันยังมีปัญหาในเรื่องคุณสมบัติ จึงยิ่งทำให้สถานการณ์แย่ลงไปอีก และที่สำตัญที่ทำให้ความเป็นประชาธิปไตยแย่ลงไปอีก ก็คือการที่เอาการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญมาใช้ในการให้คุณให้โทษทางการเมือง โดยเฉพาะการทำให้รัฐบาลนี้ล้มไปในช่วงเวลาที่เราต้องการรัฐบาลไว้แก้ไขปัญหา เพราะฉะนั้น ในขณะนี้ประเทศเราจึงเจอปัญหาของการใช้รัฐธรรมนูญเผด็จการและกลไกตามรัฐธรรมนูญนั้นทางหนึ่ง ประสานกับการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯ  ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวนอกรัฐธรรมนูญประสานกันเพื่อล้มล้างรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน และก้าวต่อไปก็จะเป็นการล้มล้างประชาธิปไตย 


 


โดยการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯ คือความพยายามที่จะไม่ให้มีรัฐบาลใหม่ แล้วการบังคับให้มีรัฐบาลแห่งชาติก็จะตามมา จึงเป็นการประสานกันระหว่างการใช้รัฐธรรมนูญเผด็จการและการเมืองนอกรัฐธรรมนูญ เพื่อสุดท้ายจะนำไปสู่การล้มล้างรัฐธรรมนูญ 50 นี่คือสภาพที่กำลังเกิดขึ้น


 


กรณีอย่างนี้จะทำกันอย่างไร เมื่อพรรคการเมืองทั้ง 3 พรรคถูกยุบ รัฐบาลและนายกฯสมชาย วงค์สวัสดิ์ก็จะพ้นไปด้วย ต้องมีการตั้งรัฐบาลใหม่ ขณะนี้เริ่มมีข้อเสนอบ้างแล้วว่าให้ตั้งรัฐบาลแห่งชาติ ซึ่งเป็นข้อเสนอของกลุ่มพันธมิตรฯ เราก็จะเห็นว่า สังคมไทยกำลังใช้รัฐธรรมนูญเพื่อจัดการกับรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ซึ่งทำมาแล้วสองรอบ จากเรื่องเล็กๆ ชิมไปบ่นไป จัดการกับนายกฯสมัคร  ล้มรัฐบาลนายกฯสมัครโดยรัฐธรรมนูญ   มาครั้งนี้กำลังจะล้มรัฐบาลสมชายโดยรัฐธรรมนูญ   เสร็จแล้วพอจะตั้งรัฐบาล กลายเป็นว่าจะไม่ให้ใช้รัฐธรรมนูญ คือให้ยกเว้นรัฐธรรมนูญอีก ทั้งหมดนี้จึงเป็นเคลื่อนไหวโดยมีเนื้อหาและจุดมุ่งหมายที่เป็นเผด็จการอย่างมากและชัดเจน


 


เราจะทำกันอย่างไร เรื่องที่สำคัญประการแรกคือ สังคมไทยต้องยืนยันว่า เมื่อมีการยุบพรรคการเมืองจนทำให้รัฐบาลล้มไปแล้ว ต้องมีการตั้งรัฐบาลใหม่ตามกระบวนการของรัฐธรรมนูญ คือต้องเปิดโอกาสให้มีการเลือกนายกรัฐมนตรีกันในสภาฯ เพื่อให้มีนายกฯใหม่ และมีการตั้ง ครม. ตั้งรัฐบาลใหม่ตามกระบวนการรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่ไปใช้วิธีการนอกรัฐธรรมนูญ เช่น การตั้งรัฐบาลแห่งชาติ หรือเอาคนนอกมาเป็นนายกฯ ซึ่งเท่ากับการล้มล้างระบอบประชาธิปไตย สังคมไทยต้องช่วยกันยึดหลักประชาธิปไตยให้มั่น เรื่องนี้จะต้องเกิดแน่ 


 


ผมประเมินหรือคาดว่า แม้นายกฯสมชายจะพ้นจากความเป็นนายกฯไปแล้ว กลุ่มพันธมิตรฯก็จะยังยึดสนามบินสุวรรณภูมิต่อไป ซึ่งเราก็จะได้เห็นความไม่เป็นเหตุเป็นผล เห็นจุดมุ่งหมายที่ชัดเจนที่ต้องการให้บ้านเมืองเป็นเผด็จการของกลุ่มพันธมิตรฯกันในคราวนี้


 


และหากกลุ่มพันธมิตรฯออกจากสุวรรณภูมิเมื่อรัฐบาลสมชายล้มไป ก็จะเป็นเรื่องแปลกประหลาดมากว่า แล้วไปยึดสนามบินสุวรรณภูมิทำไม เพราะเมื่อกลุ่มพันธมิตรรู้อยู่แล้วว่า ศาลรัฐธรรมนูญจะต้องยุบพรรคพลังประชาชน รู้อยู่แล้วว่า ถึงอย่างไรนายกฯสมชายก็ต้องออกด้วยเหตุคดียุบพรรค โดยกลุ่มพันธมิตรได้รู้ล่วงหน้ามานานแล้ว ได้พูดกันบนเวทีกลุ่มพันธมิตรฯ แล้วยังไปยึดสนามบินทำไม ดังนั้นการยึดสนามบินสุวรรณภูมิจึงต้องมีเหตุผลอื่นไม่ใช่แค่ล้มรัฐบาลสมชาย แต่ต้องการเปลี่ยนประเทศ  ต้องการนำประเทศสู่การรัฐประหารและนำไปสู่การเมืองใหม่นั่นเอง  


 


อันนี้ต้องเข้าใจว่าถ้าแค่นายกฯสมชายออกแล้วเขาพอใจ เขาไม่ต้องยึดสนามบินสุวรรรณภูมิก็ได้ เพราะเขารู้อยู่แล้วว่า ศาลรัฐธรรมนูญต้องจัดการให้เขา และเขาก็คุยกับศาลรัฐธรรมนูญได้อยู่แล้ว เขารู้และพูดล่วงหน้ามาหลายวันแล้ว


 


ในฐานะที่ได้เคยไปนั่งฟังตัดสินคดีพรรคไทยรักไทยมาก่อน ผมอยากเสนอต่อพรรคพลังประชาชนและพรรคการเมืองอื่นที่จะต้องไปฟังคำตัดสิน รวมทั้งประชาชนผู้ห่วงใยพรรคการเมือง ผู้ห่วงใยพรรคพลังประชาชน ผมเสนอว่า เนื่องจากในครั้งนี้ปัญหาอยู่ที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ล่วงหน้าเพื่อให้เกิดสิ่งนี้เพื่อให้ยุบพรรคพลังประชาชนและล้มรัฐบาล จึงไม่มีประโยชน์อะไรเลยที่จะไปฟังคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญที่ศาลรัฐธรรมนูญ การแถลงปิดคดีก็ไม่มีประโยชน์  ดังนั้นผมคิดว่าไม่ต้องไปแถลงปิดคดี ไม่ต้องไปฟังสักคนเดียว  


 


ขณะเดียวกัน ก็เห็นว่าไม่มีประโยชน์เช่นเดียวกันที่จะไปกดดันศาลรัฐธรรมนูญ เพราะไม่มีผลอะไร  การใช้การชุมนุมเพื่อกดดันหวังจะให้ศาลรัฐธรรมนูญเปลี่ยนคำตัดสิน เป็นไปไม่ได้ และไม่เป็นประโยชน์ ควรจะใช้วิธีแสดงให้เห็นว่า ไม่ยอมรับเนื้อหาสาระรัฐธรรมนูญว่าด้วยการยุบพรรคการเมืองที่ขัดต่อหลักนิติธรรม ต้องอธิบายให้ประชาชนเข้าใจว่า นี่คือปัญหาของรัฐธรรมนูญเผด็จการ และถ้าจะแก้ปัญหาลักษณะนี้ สำหรับพรรคพลังประชาชนนั้นแก้ไม่ได้แล้ว อย่างไรเสียก็ถูกยุบแน่ เพิกถอนสิทธิ์แน่ ถ้าใครต้องการให้เกิดความถูกต้องขึ้นในเรื่องการยุบพรรคการเมือง ต้องการให้เกิดหลักนิติธรรมขึ้นในรัฐธรรมนูญ ในอนาคตต้องช่วยกันผลักดันให้เกิดการแก้รัฐธรรมนูญให้ได้   ไม่ให้มีการขัดหลักนิติธรรมร้ายแรงอย่างนี้ ประเทศจะต้องไปแก้รัฐธรรมนูญกันในอนาคต


 


ฉะนั้นเรื่องชุมนุมกดดัน ผมคิดว่าไม่มีประโยชน์ และเกรงว่าจะถูกสร้างให้เป็นเงื่อนไขในการรัฐประหารโดยไม่จำเป็น ในขณะนี้ ถ้าจะมีการชุมนุม จะต้องจำกัดเนื้อหาอยู่ที่การต้านรัฐประหาร สนับสนุนการแก้ปัญหาของรัฐบาล และหลีกเลี่ยงการปะทะให้ดีที่สุด


 


ผมเคยวิเคราะห์และเสนอความเห็นไปยังพรรคพลังประชาชนมาเป็นลำดับ ผมบอกว่ารัฐบาลสมชายอยู่ประมาณ 2 เดือนบวกลบเล็กน้อยเท่านั้น ขณะนี้กำลังจะเป็นจริงแล้วจากกรณีการยุบพรรค ผมได้เสนอไว้นานแล้วว่า ควรจะมีการตั้งรัฐบาลใหม่ขึ้นก่อนการยุบพรรค แต่บังเอิญฝ่ายกฎหมายของพรรคพลังประชาชนทั้งหลายมีความเชื่อว่า จะต้องมีการฟังพยานอีก 140 ปาก ยังต้องใช้เวลาอีกนาน และยังหวังว่า ยุบพรรคแต่ไม่เพิกถอนสิทธิ์ หรือเพิกถอนสิทธิ์เพียงบางคน จึงไม่ได้มีการเตรียมการอะไร มาตอนนี้อยากจะอธิบายว่า ถ้ายุบพรรคไปแล้ว การตั้งรัฐบาลจะยากมาก การตั้งรัฐบาลโดยพรรคร่วมรัฐบาลเดิมจะยากมาก แม้จะยังมีเสียงข้างมากอยู่ แต่ก็จะเป็นการตั้งรัฐบาลที่ส.ส.ส่วนใหญ่ของพรรคร่วมรัฐบาล 3 พรรคที่ถูกยุบพรรค ไม่ได้สังกัดพรรค


 


ผมจึงเสนอว่า พรรคพลังประชาชนและพรรคร่วมรัฐบาล ควรพยายามตั้งรัฐบาลใหม่เสียก่อนที่จะมีการยุบพรรค ซี่งขณะนี้เรายังไม่รู้ว่าจะยุบพรรคเมื่อไร นับไปหลังปิดคดีวันที่ 2 ธ.ค. อาจจะอีกหนึ่งหรือสองสัปดาห์ หรือวันรุ่งขึ้นอย่างที่นายกฯสมัครเคยโดนมาแล้ว เราไม่ทราบชัดเจน อาจจะยังมีเวลาที่จะตั้งรัฐบาลให้เสร็จก่อนการยุบพรรคก็ได้ เพราะฉะนั้นควรจะตั้งรัฐบาลเสียก่อน


 


แล้วจะตั้งอย่างไร เสนอว่า นายกฯสมชายสามารถเลือกใช้วิธีลาออก การลาออกไม่ใช่เป็นการแสดงการยอมแพ้กลุ่มพันธมิตรฯ ไม่ใช่การยอมรับนับถือรัฐธรรมนูญในเนื้อหาที่เกี่ยวกับการยุบพรรคการเมือง ไม่ยอมรับในแง่ว่า รัฐธรรมนูญไม่เป็นประชาธิปไตย ไม่ต้องไปฟังคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ และไม่ใช่ยอมตามกลุ่มพันธมิตรฯ ยังคงยืนยันว่า ไม่เอาตามกลุ่มพันธมิตรฯ  แต่ลาออกเพื่อให้สามารถตั้งรัฐบาลได้เร็วขึ้นและมีหลักประกันมากขึ้นในการที่ ส.ส.ที่มาจากการเลือกตั้งจะตั้งรัฐบาลใหม่ได้ เพราะถ้าลาออกและพยายามตั้งรัฐบาล ส.ส.ยังสังกัดพรรคอยู่ก็จะพูดคุยกันได้ง่ายการตั้งรัฐบาลก็จะทำได้ง่ายขึ้น แล้วเมื่อยุบพรรคก็จะไม่กระทบกระเทือนกับรัฐบาล เพราะว่าตั้งคนที่ไม่ได้เป็นกรรมการบริหาร ควรตั้งรัฐมนตรีที่ไม่ใช่เป็นกรรมการบริหารพรรคทั้ง 3 พรรค ส่วนศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสินยุบพรรคก็ยุบไป  หลังจากนั้น ส.ส.ก็หาพรรคสังกัดในเวลาที่ รธน.กำหนด แล้วแก้ปัญหากันต่อไป


 


แต่เรื่องนี้จะมีปัญหาสำคัญคือ เมื่อมีการยุบพรรค กลุ่มพันธมิตรฯจะไม่ออกจากสุวรรณภูมิ กรณีนายกฯสมชายลาออกแล้วกลุ่มพันธมิตรฯก็ยังไม่ออก จะมีการเรียกร้องรัฐบาลแห่งชาติ ซึ่งนั่นคือการเคลื่อนไหวที่เป็นเผด็จการหรือเท่ากับรัฐประหารนั่นเอง ซึ่งสังคมต้องช่วยกันตั้งรัฐบาลตามกระบวนการประชาธิปไตยให้ได้ ไม่ใช่ไปยอมตามกลุ่มพันธมิตรฯไปหมด เวลานี้ ถ้าไปยอมตามกลุ่มพันธมิตรฯไปเรื่อยๆ จนกระทั่งต้องไปตั้งรัฐบาลแห่งชาติตามที่กลุ่มพันธมิตรฯต้องการหรือเกิดรัฐประหารแล้ว คณะรัฐประหารเขาจะไปชูกลุ่มพันธมิตรฯเป็นผู้ชนะ บ้านเมืองจะอยู่ไม่เป็นสุขไปอีกนานหลายๆ ปี  จะเสียหายยับเยิน เพราะคนไม่พอใจจะมีมากมายและจะเกิดการต่อสู้กัน พัฒนาไปกลายเป็นการความขัดแย้งในสังคมที่รุนแรงอย่างไม่เคยปรากฎมาก่อน ซึ่งที่พูดเป็นการแก้ปัญหาในระบบทั้งนั้น ไม่ใช่เสนอให้ทำอะไรนอกกฎหมาย ไม่ได้เสนอให้ทำอะไรที่ไม่ทำตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งทั้งหมดเป็นความหวังว่า จะแก้ปัญหาในระบอบประชาธิปไตย และรักษาประชาธิปไตย และถ้ามีการรัฐประหารประชาชนก็ต้องช่วยกันคัดค้านการทำรัฐประหาร


 


0 0 0


 


ในช่วงท้ายการแถลง สื่อมวลชนได้ซักถาม


 


ได้พูดคุยกับนายกฯสมชายแล้วหรือไม่  


นายจาตุรนต์กล่าวว่า ใน 2 - 3วันนี้ยังไม่ได้คุย แต่คุยกับรัฐมนตรีของพรรคพลังประชาชน และมีบางช่วงเห็นด้วยกันแล้ว แต่ไปคิดว่าอีกนานกว่าจะมีการยุบพรรค เพราะฉะนั้นจึงไม่ต้องรีบร้อน  และความที่ไม่ได้รีบร้อนก็เลยมาถึงวันนี้ ไม่รู้จะยุบพรรคเมื่อไร และดีไม่ดีอาจจะไม่ทัน


 


การเรียกร้องให้นายกฯลาออกแล้วเลือกนายกฯใหม่ในสภาฯขณะนี้ทำได้ยาก เพราะกลุ่มพันธมิตรฯจะไปปิดสภาฯ ทำให้การเรียกประชุมสภาฯเป็นเรื่องยาก


นายจาตุรนต์ กล่าวว่า จะต้องเลือกให้ได้ เพราะหากไม่ลาออกก็จะพ้นจากตำแหน่งโดยการประหารของศาลรัฐธรรมนูญ ต้องมีการเลือกนายกฯใหม่อยู่ดี เพียงแต่บอกว่า อย่าไปรอตอนนั้นเลย รีบตั้งรัฐบาลใหม่เสียก่อน นี่เป็นการคิดวิธีที่ไม่ทำให้กลุ่มพันธมิตรฯประสบความสำเร็จได้ง่ายๆ กลุ่มพันธมิตรฯ ต้องการให้ตั้งรัฐบาลไม่ได้ และต้องการให้มีรัฐบาลแห่งชาติ คือการฉีกรัฐธรรมนูญ เราก็ต้องพยายามตั้งรัฐบาลให้ได้ การตั้งรัฐบาลให้ได้ ถ้าไปรอยุบพรรค ส.ส.ก็ไม่ได้สังกัดพรรค จะคุยกันอย่างไร ก็จะกลายเป็นกลุ่มการเมือง ไม่ใช่พรรคการเมือง แล้วนายกฯจะตั้งรัฐบาลอย่างไร อันนี้ก็จะทำให้ตั้งได้ยาก


 


แต่เรื่องนายกฯจะยากแน่นอน  ไม่ว่านายกฯจะลาออกก่อนหรือจะถูกศาลรัฐธรรมนูญให้พ้น กลุ่มพันธมิตรฯก็จะมาล้อมสภาฯไม่ให้เลือกนายกฯ ก็ต้องมาคิดว่า จะหาที่ประชุมที่ไหน แต่ไม่ใช่ยอมแพ้ไปเลย ถ้ายอมแพ้ก็เท่ากับเรายอมกลุ่มโจรก่อการร้ายเป็นคนคุมบ้านเมืองได้หมด ต่อไปบ้านเมืองจะอยู่กันอย่างไร คือต่อไปใครตั้งกองกำลังมีอาวุธและสามารถคุยกับทหารรู้เรื่องก็ตกลงปกครองประเทศไปเลย จะยอมอย่างนี้ไม่ได้ ที่ผมเสนอให้ออกก่อน ไม่ใช่ต้องการทำตามกลุ่มพันธมิตรฯ เป็นการพยายามที่จะไม่ให้บ้านเมืองเป็นไปตามที่กลุ่มพันธมิตรฯกำหนด 


 


อย่าลืมว่าผลที่ได้ไม่ต่างกัน อย่างไรเสียนายกฯสมชายก็ต้องพ้นแน่นอน ถ้าขณะนี้ยังเชื่อว่าจะไม่ยุบพรรคก็ต้องเพ้อฝันอย่างรุนแรงแล้ว ผมเชื่อว่าเท่าที่คุยมา ส.ส.ของพรรคก็เห็นด้วยว่า ควรลาออกก่อนยุบพรรค แต่อาจจะลืมไป พอถึงตอนนี้ก็อาจจะกลัวว่า เมื่อลาออกแล้วเหมือนกับไปทำตามกลุ่มพันธมิตรฯ เราก็พูดให้ชัดๆ ว่า ไม่ได้ทำตามกลุ่มพันธมิตรฯ ถ้าไม่รีบลาออกเสียเร็วๆ การตั้งรัฐบาลจะยากและจะถูกบีบโดยกลุ่มพันธมิตรฯ กับผู้นำเหล่าทัพให้ไปสู่รัฐบาลแห่งชาติ และประชาชนก็ไม่ยอมจนกลายเป็นความขัดแย้งในสังคม เพราะคนไม่ยอมรับเนื่องจากขัดต่อรัฐธรรมนูญ


 


พรุ่งนี้ (2ธค.) จะมีการพิจารณาคดียุบพรรคแล้วอาจจะตัดสินใจลาออกไม่ทัน เพราะอาจจะมีการตัดสินยุบพรรคไปเลย


นายจาตุรนต์ กล่าวว่า เป็นไปได้ คือถ้าเป็นอย่างนั้นก็จะไม่ทัน แต่อย่างน้อยก็จะได้ดูว่า สมมุติว่านายกฯสมชายประชุม ครม.จัดเรียงลำดับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีให้ดีแล้วลาออก อีกชั่วโมงเดียว สื่อมวลชนต้องไปถาม พล.ต.จำลอง ศรีเมือง - นายสนธิ ลิ้มทองกุล ว่า จะออกจากสนามบินหรือยัง เพราะว่านายกฯสมชายออกแล้ว คำตอบจะเป็นอย่างไร อย่างน้อยสังคมจะได้รู้ว่า กลุ่มพันธมิตรฯต้องการอะไรกันแน่  และผมเชื่อว่ากลุ่มพันธมิตรฯจะไม่ออกจากสนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อนายกฯสมชายออกจากตำแหน่ง เราจะได้รู้ อย่างน้อยสังคมจะได้เห็นความเลวร้ายของกลุ่มพันธมิตรฯ


 


ที่ผ่านมากลุ่มพันธมิตรฯได้มีการประสานกับนักวิชาการบางส่วนให้มีรัฐบาลแห่งชาติ นักวิชาการบางคนก็ออกมาเสนอแล้วว่า จะต้องมีรัฐบาลแห่งชาติ จะต้องมีนายกรัฐมนตรีคนนอก จะต้องจัดรูปแบบการปกครองประเทศชั่วคราวขึ้นมาซึ่งไม่ใช่เป็นแบบปกติ แต่ไม่ว่าเป็นอย่างไรก็เป็นรูปแบบการปกครองที่ไม่ใช่ระบอบประชาธิปไตย และจะซ้ำเติมเศรษฐกิจ การปิดสุวรรณภูมิเสียหายไปแล้วไม่ต่ำกว่าสองแสนล้าน ถ้ามีรัฐประหารอีก โลกจะไม่ยอมรับ  การแก้ปัญหาเศรษฐกิจก็จะยิ่งยาก และเสียหายยับเยินแน่นอน


 


ได้มีการคุยกับแกนนำ นปช.ที่จะไม่ให้เคลื่อนไหวปิดล้อมศาล รธน.หรือไม่


ได้คุยกับคุณวีระ มุสิกพงศ์ แล้ว คุณวีระเห็นด้วยว่า ไม่ได้ต้องการกดดันศาลรัฐธรรมนูญ แต่หลังจากนั้นไม่ได้คุย เพราะไม่ได้ไปร่วมชุมนุม เนื่องจากได้แถลงแล้วว่า อยากเรียกร้องให้ประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับกลุ่มพันธมิตรฯ ไม่ว่าสีอะไร อย่าเพิ่งชุมนุมใน กทม. เพราะเกรงว่าจะนำไปสู่เงื่อนไขการทำรัฐประหาร หรือถ้าจำเป็นที่จะต่อต้านรัฐประหาร หรือถ้าเกิดการทำรัฐประหารจริงๆ ผมก็พร้อมไปร่วมกับกลุ่มใดก็ตามที่ต้องการต่อต้านรัฐประหาร

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net