Skip to main content
sharethis

วันนี้ (29 พ.ย.) ที่สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) นายเสน่ห์ จามริก ประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ นางสุนีย์ ไชยรส กรรมการคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และนายวีรวิทย์ วีรวรวิทย์ รองเลขาธิการคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ร่วมกันแถลงข่าวปฏิเสธที่จะเป็นคนกลางในการเจรจาระหว่างตำรวจกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย


 


หลังจากที่เมื่อวันที่ 28 พ.ย.ที่ผ่านมา มีกระแสข่าวว่าตำรวจได้ทาบทามให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เป็นคนกลางร่วมเจรจากับกลุ่มพันธมิตรฯ ที่สนามบินสุวรรณภูมิ


 


ในการการแถลงข่าว นางสุนีย์ เป็นผู้อ่านแถลงการณ์ซึ่งมีเนื้อหาระบุว่า กสม.ไม่อยู่ในฐานะที่จะเป็น "คนกลาง" ระหว่างรัฐบาลและกลุ่มพันธมิตรฯ กรณีนี้ขึ้นอยู่กับการตกลงและตัดสินใจของทั้งสองฝ่ายซึ่ง กสม.ยินดีที่จะร่วมรับฟังการตกลงดังกล่าว โดยขอเรียกร้องให้รัฐบาลโดยเฉพาะนายกรัฐมนตรีเป็นผู้ริเริ่มในการหารือ ที่ผ่านมานายกรัฐมนตรีบอกว่ายินดีเจรจาแต่สุดท้ายคนที่เจรจากลับเป็นตำรวจหรือคนอื่นไม่ใช่นายกรัฐมนตรี 


 


ทั้งนี้ในการพูดคุยกันระหว่างรัฐบาลและกลุ่มพันธมิตรฯ จะต้องไม่ใช้คำว่า "เจรจา" แต่ต้องเป็นการ "หารือ" และต้องไม่ใช่เป็นการยื่นคำขาดให้กลุ่มพันธมิตรฯ สลายการชุมนุมหรือออกจากสถานที่ใด รวมทั้งสถานที่ในการพูดคุยดังกล่าวต้องเป็นที่สำนักงาน กสม.เท่านั้น ซึ่งการหารือต้องกระทำโดยเปิดเผยและโปร่งใส


 


นางสุนีย์ กล่าวต่อว่า กสม.มีความยินดีและพร้อมเสนอถ้าหากทุกฝ่ายและทุกภาคส่วนเห็นว่า กสม.อยู่ในฐานะที่จะให้สถานการณ์คลี่คลายขึ้น และหวังว่ารัฐบาลและกลุ่มพันธมิตรฯ จะได้ตระหนักถึงพันธะร่วมกันในฐานะประชาชนคนไทย เพื่อปกป้องไม่ให้สถานการณ์บ้านเมืองต้องตกต่ำและกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของประชาชน


 



ด้านนายเสน่ห์ กล่าวยอมรับว่า มีการติดต่อมาจากทางตำรวจมาตั้งแต่เมื่อวานนี้ (28 พ.ย.) ให้ไปเป็นคนกลางร่วมเจรจากับกลุ่มพันธมิตรฯ ที่สนามบินสุวรรณภูมิ แต่ได้ปฏิเสธไป เนื่องจากไม่ได้ถือว่าเป็นการเจรจาแต่ต้องการเชิญ กสม.ไปร่วมสังเกตการณ์การปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งไม่รู้ว่าตำรวจจะปฏิบัติการอะไร และไม่ต้องการไปเป็นพยานในเหตุการณ์ ทั้งนี้เห็นว่าการเจรจาจะต้องค่อยๆ สร้างความเข้าใจไปจนถึงขั้นตอนการยุติความขัดแย้งในที่สุด


 



"ข่าวที่ทางตำรวจออกไปว่า กสม.รับปากจะเจรจากับกลุ่มพันธมิตรฯ ก่อนเที่ยงวันนี้ ไม่เป็นความจริง เพราะสถานการณ์เช่นนี้มีความอ่อนไหวอย่างยิ่ง กสม.ต้องระมัดระวังท่าที เกรงว่าการกระทำบางอย่างอาจจะซ้ำเติมสถานการณ์เหมือนเอาน้ำมันไปราดบนกองไฟ" นายเสน่ห์ กล่าว



 


 


แถลงการณ์คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ


เพื่อทำความเข้าใจแก่ประชาชน


 


ตามที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติได้มีหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี และแกนนำ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเรียกร้องให้ทุกฝ่ายยึดถือและปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ โดยอยู่บน หลักการของสิทธิมนุษยชน และไม่ใช้ความรุนแรงใดๆ ทั้งขอให้เร่งพิจารณาดำเนินการประสานความร่วมมือกับทุกภาคส่วน เพื่อหาแนวทางสันติวิธีในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น นั้น


 


โดยที่ต่อมาได้มีกระแสข่าวว่าทางตำรวจได้ประสานขอให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชน แห่งชาติไปร่วมหารือกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เพื่อแก้ไขสถานการณ์ในเรื่องนี้ รวมทั้งบางแหล่งข่าวยังชวนให้เข้าใจไปในทำนองว่า คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ จะตั้งตนเป็น "คนกลาง" ซึ่งอาจก่อให้เกิดความสับสน


 


ดังนั้น คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ จึงขอชี้แจงถึงจุดยืนและบทบาทของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติในเรื่องนี้ เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบและเข้าใจถูกต้อง ดังนี้


 


 


1. คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติมีบทบาทและหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ในอันจะส่งเสริมการเคารพและการปฏิบัติตามหลักสิทธิมนุษยชนทั้งในระดับประเทศ และระหว่างประเทศ และปกป้องหลักการเคารพต่อสิทธิในชีวิตและร่างกายอันจะละเมิดไม่ได้ โดยต้องไม่ใช้ความรุนแรงต่อประชาชน


 


 


2. จากกรณีข้างต้น คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติไม่อยู่ในฐานะที่จะเป็น "คนกลาง" ระหว่างรัฐบาลและกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กรณีจึงขึ้นกับการตกลงและการตัดสินใจของรัฐบาลและกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติยินดีที่จะร่วมรับฟังการตกลงกันดังกล่าว โดยขอเรียกร้องให้รัฐบาล โดยเฉพาะท่านนายกรัฐมนตรีเป็นผู้ริเริ่มการหารือ


 


 


3. ในการพูดคุยกันระหว่างรัฐบาล และกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยตามข้อ 2. นั้น ประการที่หนึ่งจะต้องไม่ใช้คำว่า "เจรจา" ประการที่สองจะต้องมิใช่เป็นการยื่นคำขาดให้กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยสลายการการชุมนุม หรือออกจากสถานที่ใด ประการที่สามสถานที่ที่ใช้ในการพูดคุยกันดังกล่าวจะต้องเป็นสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และประการที่สี่ การหารือนี้จะต้องกระทำโดยเปิดเผยและโปร่งใส


 


 


คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ มีความยินดีและพร้อมเสมอถ้าหากทุกฝ่ายและภาคส่วนเห็นว่าคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ อยู่ในฐานะที่จะมีส่วนช่วยให้สถานการณ์คลี่คลายขึ้น และหวังเป็นอย่างยิ่งว่ารัฐบาลและกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จะได้ตระหนักถึงพันธะร่วมกันในฐานะประชาชนคนไทย ในอันที่จะปกป้องมิให้สถานการณ์บ้านเมืองต้องตกต่ำ และกระทบต่อสิทธิและ เสรีภาพของประชาชน ทั้งนี้เพื่อประโยชน์สุขของประชาชนทุกคนต่อไป


 


คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ


29 พฤศจิกายน 2551


 


 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง


-"สมชาย" ออกอากาศสดอีกครั้ง ย้ำเจ้าหน้าที่จะใช้วิธีละมุนละม่อมจัดการม็อบยึดสนามบิน


-กรรมการสิทธิฯ ส่งจม.เปิดผนึกถึงรัฐบาล-แกนนำพันธมิตรฯ วอนใช้หลักสันติวิธีแก้วิกฤตการเมือง


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net