ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ ได้สัมภาษณ์นายคริส เบเกอร์ นักวิชาการอิสระผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์และการเมืองไทย ระบุว่าการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ เพื่อประกาศ "สงครามครั้งสุดท้าย" ไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่คาดไว้ โดยสังเกตจากจำนวนผู้ชุมนุมที่มาเข้าร่วมน่าจะมีประมาณ 20,000 คนเท่านั้น ซึ่งนายเบเกอร์กล่าวเพิ่มเติมด้วยว่าการบุกยึดสนามบินดอนเมืองและสนามบินสุวรรณภูมิเป็นความพยายามยั่วยุให้เจ้าหน้าที่รัฐใช้กำลังรุนแรงเข้าปราบปรามเพื่อเป็นเหตุผลให้ทหารออกมาทำการรัฐประหารอีกครั้ง แต่นายเบเกอร์ระบุว่าข้อเท็จจริงประการหนึ่งซึ่งพันธมิตรฯ ควรรับรู้ไว้ก็คือพวกเขาไม่อาจใช้จำนวนผู้ชุมนุมบนท้องถนนบีบบังคับให้ใครทำอะไรก็ได้

นอกจากนี้ สำนักข่าวคริสเตียน ไซน์ มอนิเตอร์ (ซีเอสมอนิเตอร์) นำเสนอบทวิเคราะห์ระบุว่า ผู้ได้รับประโยชน์จากการบุกยึดสนามบินมีจำนวนน้อย แม้แต่กลุ่มพันธมิตรฯ เองก็ได้รับผลกระทบมากกว่าจะเรียกได้เต็มปากว่าเป็นชัยชนะ เพราะการบุกยึดสถานที่ราชการเพื่อจัดการชุมนุมยืดเยื้อหมายถึงเงินค่าใช้จ่ายที่เพิ่มมากขึ้น โดยได้อ้างอิงคำให้สัมภาษณ์ของนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำคนสำคัญของกลุ่มพันธมิตรฯ ซึ่งเคยประเมินคร่าวๆ ออกสื่อว่าค่าใช้จ่ายในการชุมนุมในแต่ละวันเป็นเงินสูงถึง 1 ล้านบาท เพื่อใช้เป็นค่าจ้างผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคและค่าบริการรถส่งสัญญาณดาวเทียมเพื่อถ่ายทอดการชุมนุมออกอากาศอย่างต่อเนื่องตลอด 24 ช.ม.

..................

ที่มา :