หนี้ท่วม 4 พันล้าน ศาลสั่งล้มละลาย ปิดตัว นสพ.เครือ "ผู้จัดการ"

"จำลอง" ชี้ "สนธิ" หมดตัวจึงประกาศ "สงครามครั้งสุดท้าย"

พล.ต.จำลอง  ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวบนเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อคืนวันที่ 19 พฤศจิกายนถึงกรณีศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งให้บริษัท แมเนเจอร์ มีเดีย กรุ๊ป ล้มละลาย ทำให้นสพ.ผู้จัดการ ออกจำหน่ายในวันที่ 19 พ.ย.เปลี่ยนหัวจาก "ผู้จัดการ" เป็น "ผู้จัดการ 2551" ชั่วคราว จนกว่าจะจดหัวใหม่เสร็จในนามของบริษัท "เอเอสทีวี" ว่า  พันธมิตรฯ มีเป็นแสนๆล้านคน แต่คนที่เสี่ยงการสูญสิ้นทรัพย์สินมากที่สุดคือ นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ ทั้งที่ไม่มีใครมาบังคับไม่มีใครมาขอร้องแต่เห็นว่าเป็นหน้าที่ที่ตัวเองเข้ามาเสี่ยง คงไม่แปลกใจทำไม นายสนธิบอกว่าเป็นสงครามครั้งสุดท้ายเพราะเสี่ยงจนหมดแล้วจะมีครั้งหน้าเหลือที่จะไปสู้ได้อย่างไร

 

 

"สนธิ" เผย นสพ.ผู้จัดการล้มละลายแล้ว

นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวบนเวทีพันธมิตรฯ เมื่อเวลา 20.00 น. ว่า "ผมเคยพูดกับพี่น้องว่า คนที่ต่อสู้เพื่อชาติบ้านเมืองนั้นยิ่งเป็นเป้าใหญ่ยิ่งต้องทนเจ็บ เขาเรียกว่าต้องอมเลือดตลอดเวลา" และได้เปิดเผยต่อไปว่า เมื่อวันที่ 18 พ.ย. ศาลแพ่งได้มีคำสั่งให้บริษัท แมเนเจอร์มีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นเจ้าของหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน รายสัปดาห์ รายเดือนล้มละลายแล้ว และให้พิทักษ์ทรัพย์โดยเด็ดขาด นายสนธิได้เล่าถึงการประสบภาวะวิกฤตในปี 2540 ที่บริษัทมีหนี้สิน 3 พันกว่าล้านบาท และต่อมาเข้าสู่แผนฟื้นฟูกิจการในปี 2542 มีการพักชำระหนี้และเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟู 5 ปี

 

จนถึง พ.ศ. 2547 กิจการก็พอไปได้ เจ้าหนี้กับบริษัทแมเนเจอร์มีเดียกรุ๊ปซึ่งผมเป็นที่ปรึกษา ก็ตกลงกันว่าจะโอนหนี้บางส่วนเป็นทุนและโอนหนี้บางส่วนเป็นตราสารหนี้ระยะยาวเพื่อคอยชำระให้ แต่มีเงื่อนไขเพิ่มทุนจำนวน 200 ล้านบาท

 

 

อ้าง "ทักษิณ" และ "โทรศัพท์ลึกลับ" ทำเจ๊ง เพราะไม่มีใครกล้ามาเพิ่มทุน

นายสนธิกล่าวต่อไปว่า "2547 คุณทักษิณ กลางปีประกาศภายในว่า จะต้องฆ่าไอ้สนธิมัน ไม่ให้มันเกิดในทุกวงการ เพราะฉะนั้นแล้วคนที่เอาเงินมาเพิ่มทุน ตอนนั้นเพิ่มมาแล้ว 140 ล้านบาท เหลืออีก 60 ล้านบาทจะครบเงื่อนไข จะทำให้เรามีทุนทำงานต่อไป ปรากฏว่ามีโทรศัพท์ลึกลับโทไปหาคนที่ซื้อหุ้นเพิ่มทุน ไปบอกว่าถ้าคุณยังซื้อหุ้นแมเนเจอร์มีเดียกรุ๊ปทำหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ คุณต้องมีเรื่องกับรัฐบาลชุดนี้ หลายคนโทรศัพท์มาหาผมเล่าให้ฟัง ผมก็บอกว่างั้นเอา 140 ล้านบาทคืนไปเพราะผมไม่อยากให้พวกคุณต้องมาเดือดร้อน ผมไม่อยากให้พี่น้องคุณเดือดร้อน ผมไม่อยากให้บริษัทคุณเดือดร้อน เราก็เลยยังเพิ่มทุนไม่ได้ ก็ขาดเงินหมุนเวียนอยู่ เราก็กระท่อนกระแท่นหาเช้ากินค่ำไปด้วยจิตใจที่เป็นนักสู้

 

ทั้งๆ ที่ในขณะนั้นก็มีการเสนอเงินมา 500 ล้านบาท โดยคนที่ชื่อ "สมคิด" จำได้ใช่ไหมพี่น้อง ผมเคยพูดให้พี่น้องฟัง เราไม่เอา เพราะเราขายจิตวิญญาณเราไม่ได้ เราก็สู้ต่อไป เมื่อเราสู้ต่อไปแล้ว เงื่อนไขการเพิ่มทุนนั้นยังเหลืออีก 2 ปี นับจากวันนี้เป็นต้นไป คือเราต้องเพิ่มให้เสร็จใน 2 ปีข้างหน้า ปรากฏว่าทุกเงื่อนไขเราปฏิบัติตามหมดทุกอย่างตามแผนฟื้นฟู เจ้าหนี้ไม่เคยไปร้องต่อศาลเลยว่าเราปฏิบัติผิดแผน"

 

 

ยันทำตามแผนฟื้นฟู แต่ศาลสั่งล้มลาย

"ถูกต้องหมด ทุกอย่างหลักฐานมีหมด ปัญหามันเกิดตรงที่ว่าแผนฟื้นฟูมันหมดอายุ เขาต่ออายุมาแล้ว 3 ครั้ง ก็เลยไปขอต่อครั้งที่ 4 การขอต่อครั้งที่ 4 ขอต่อว่าถ้าศาลไม่ให้ต่อ ก็ขอให้ศาลให้เราออกจากแผนฟื้นฟู ก็เป็นเรื่องของเรากับเจ้าหนี้ต้องตกลงกันเอง ปรากฏว่าเจ้าหนี้เห็นด้วยกับการขอต่ออายุหรือออกมาก็ได้เจ้าหนี้ไม่ขัดข้อง ศาลกลับสั่งให้ล้มละลาย พี่น้องหลายคนค้าขายต้องรู้ ว่าพี่น้องจะถูกศาลสั่งล้มละลายต้องมีเจ้าหนี้ไปฟ้องใช่ไหม ก็ในเมื่อเจ้าหนี้ก็ไม่ได้ฟ้องแล้วเขาร่วมมือกับลูกหนี้ แล้วศาลมาสั่งให้ล้มละลาย พี่น้องเห็นการอมเลือดของผมหรือยัง ผมยิ้มให้พี่น้องวันนี้ ผมพูดปราศรัยให้พี่น้อง ผมไม่มีอาการ ไม่ใช่ไม่มีอาการ เพราะผมบอกพี่น้องมานานแล้วไม่ใช่หรือ ว่าถ้าจะจุดเทียนติด มันต้องเอาหลังบังลม เจอก้อนอิฐก้อนหินเจอสังกะสี หัวร้างข้างแตกก็ต้องยอม พนักงานบริษัทแมเนเจอร์มีเดียกรุ๊ปที่ทำหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน รายสัปดาห์ รายเดือน ตกงานไปเรียบร้อยแล้วเมื่อวานนี้ แต่ว่าเลือดนักสู้มันมี"

 

 

เตรียมออกฉบับพิเศษ รายงานข่าวการชุมนุมของพันธมิตรผ่านเอเอสทีวีโดยทีมงาน "ผู้จัดการ"

"เพราะเรารู้ว่าถึงแม้หนังสือพิมพ์ผู้จัดการไม่สำคัญเท่า "เอเอสทีวี" แต่เรารู้ว่ายังไง ถ้าไม่ตาย มีลมหายใจมันต้องคลานเข้าไปและก็ต้องสู้จนกว่าชีวิตจะหาไม่ เพราะฉะนั้นวันพรุ่งนี้หนังสือพิมพ์ผู้จัดการก็ออกเหมือนเดิม" พอนายสนธิพูดถึงตรงนี้ทำให้ผู้ชุมนุมปรบมือโห่ร้อง นายสนธิกล่าวต่อว่า "แต่เราออกเป็นฉบับพิเศษ เขียนว่าตัวเล็กๆ "รายงานข่าวการชุมนุมของพันธมิตรผ่านเอเอสทีวีโดยทีมงาน "ผู้จัดการ" ตัวใหญ่" คือเขียนคำว่า "ผู้จัดการ" ตัวใหญ่

 

นายสนธิ กล่าวว่า ขณะนี้มีรายได้จากค่าโฆษณาประมาณหลายสิบล้านบาทจะหมุนเข้ามาในอีก 30-60 วันข้างหน้า แต่วันนี้เก็บไม่ได้แม้แต่บาทเดียวต้องเริ่มจากศูนย์

 

 

เปรียบเทียบต้องอมเลือด ส่วนเจ้าหนี้ไม่มีกระทั่งขี้ให้กำ

"ทุกคนมีเลือดนักสู้เข้มข้นไม่มีใครยอมแพ้แม้แต่คนเดียว ผมโดนอาวุธทุกรูปแบบเลยใช่ไหม เลือดมันไหลอยู่ข้างในอมเลือดไว้ตลอด ยังไงเราก็ต้องออก ภายใต้หัวหนังสือใหม่ ต้องออก ต้องไปกราบกรานเจ้าของโรงพิมพ์ เจ้าของร้านกระดาษ เพื่อขอติดหนี้ติดสินก็ต้องทำ เพราะว่า "เจ๊งเป็นเจ๊งตายเป็นตาย" ใช่ไหมพี่น้อง พี่น้องเคยเห็นหรือเปล่า ล้มละลายโดยที่เจ้าหนี้ไม่ได้ฟ้อง เคยเห็นไหมพี่น้อง" นายสนธิพูดปนหัวเราะ

 

เขากล่าวต่อว่า เรายื่นคำร้องขอให้พิจารณาขยายแผนฟื้นฟู หรือไม่ก็ให้เราออกจากแผนฟื้นฟูเป็นเรื่องลูกหนี้กับเจ้าหนี้คุยกันใช่ไหม ปรากฏว่าวันนี้เจ้าหนี้วันนี้น้ำตายตกใน ฉิบหายละ ไม่มีแม้กระทั่งขี้จะให้กำ หมดไปเลยไม่เหลือแม้แต่บาทเดียว ทนายความของธนาคารเจ้าหนี้ พอฟังคำพิพากษาเหวอเลย เอ๋อกันทุกคนไม่เข้าใจ นายสนธิกล่าว

 

 

ลั่นล้มละลายแล้วเป็นยังไง ไม่ล้มละลายแล้วยังไง ขอให้ชาติอยู่ได้ โอเคแล้ว

"แต่ผมเข้าใจ เพราะอะไรพี่น้องรู้ใช่ไหม ผมก็นึกในใจมีอีกไหม มาอีกสิ มาเรื่อยๆ ไม่มีอะไรจะห้ามเลือดทุกหยดที่จะเสียสละให้ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ได้หรอก ไม่มีทาง ที่ต้องพูดให้พ่อแม่พี่น้องฟัง พี่น้องจะได้รู้ ไม่อยากพูด เดี๋ยวจะหาว่าไอ้สนธิทำอะไรก็ทวงบุญคุณตลอดเวลา แต่ต้องให้พี่น้องรู้ว่าการต่อสู้ของพวกเรายากเย็นแสนสาหัสแค่ไหน เมื่อวานก็พูดให้ฟังแล้ว วันนี้มีตัวอย่างทันทีเลย ไม่เป็นไรพี่น้อง ยังไงก็ต้องสู้จะกัดก้อนเกลือกินก็ต้องสู้"

 

"ผมไม่ได้เหนื่อยหน่ายท้อใจหรอก ใจผมไม่ท้อเลยแม้แต่นิดเดียว แต่มันยิ่งทำให้ฮึกเหิม ทำให้ผมรู้ว่าชัยชนะใกล้เข้ามาแล้ว ชัยชนะมันใกล้เข้ามาแล้วพี่น้องเอ้ย ไม่ต้องกลัวพี่น้อง ถ้าตราบใดที่พี่น้องยังให้ใจกับ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย มันจะเป็นอะไรไปกับอีแค่ความลำบากแค่นี้ และพี่น้องจะเห็นเองว่าบีบกันแค่ไหนจุดยืนของหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน รายสัปดาห์ รายเดือน เอเอสทีวี จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงเด็ดขาด ล้มละลายแล้วยังไง ไม่ล้มละลายแล้วยังไง ขอให้ชาติอยู่ได้ โอเคแล้วพี่น้อง" ซึ่งพอนายสนธิปราศรัยจบ ทำให้ผู้ชุมนุมกล่าวตอบว่า "สนธิสู้ๆ สนธิสู้ๆ"

 

 

ศาลสั่งล้มละลายเหตุไม่สามารถทำตามแผนฟื้นฟูกิจการ

ด้านหนังสือพิมพ์มติชนออนไลน์ รายงานข่าวว่า ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งเมื่อบ่ายวันที่ 18 พฤศจิกายนที่ผ่านมาให้บริษัท แมเนเจอร์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ล้มละลายเนื่องจากไม่สามารถดำเนินการตามแผนฟื้นฟูกิจการที่ศาลเห็นชอบได้ โดยศาลไม่เห็นชอบไม่ขยายระยะเวลาการดำเนินการตามแผนฟื้นฟูตามที่ผู้บริหารแผนยื่นคำร้อง

 

รายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนหน้านี้ศาลนัดพิจารณาเรื่องคำร้องขอขยายระยะเวลาดำเนินการตามแผนฟื้นฟู ในวันที่ 29 ตุลาคม 2551 ที่ผ่านมา แต่เนื่องจากผู้บริหารแผนได้รับรายงานข้อเท็จจริงของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เพื่อให้โอกาสผู้บริหารแผนได้ทำคำชี้แจงเกี่ยวกับรายงานของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ จึงเลื่อนการพิจารณามาเป็นบ่ายวันที่ 18 พฤศจิกายน 2551

 

 

ผู้จัดการแก้สถานการณ์เตรียมเปลี่ยนหัวหนังสือพิมพ์

แหล่งข่าวจากบริษัท แมเนเจอร์ มีเดีย กรุ๊ป กล่าวว่า ผลจากคำสั่งศาลดังกล่าว ทำให้หนังสือพิมพ์ผู้จัดการที่ออกจำหน่ายในวันที่ 19 พฤศจิกายน ต้องเปลี่ยนหัวจาก "ผู้จัดการ" เป็น "ผู้จัดการ 2551" เป็นการชั่วคราว จนกว่าจะจดหัวหนังสือพิมพ์ใหม่เสร็จในนามของบริษัท เอเอสทีวีหรือไทยเดย์ ดอทคอมซึ่งเป็นเจ้าของโทรทัศน์เอเอสทีวีในปัจจุบัน

 

แหล่งข่าวกล่าวว่า สำหรับพนักงานบริษัทซึ่งมีอยู่ประมาณ 500 คน ฝ่ายบริหารได้เรียกประชุมชี้แจงทำความเข้าใจเมื่อเช้าวันที่ 19 พฤศจิกายนว่า บริษัท แมเนเจอร์ มีเดีย กรุ๊ป จะทำหนังสือเลิกจ้างอย่างเป็นทางการและให้พนักงานเขียนใบสมัครเป็นพนักงานบริษัทใหม่ในเครือของนายสนธิ ลิ้มทองกุลโดยพนักงานจะทำงานในตำแหน่งเดิมและเงินเดิมเท่าเดิมทุกอย่างรวมถึงกองบรรณาธิการด้วย

 

อย่างไรก็ตามประเด็นที่ยังไม่สามารถชี้แจงให้ชัดเจนได้คือ เงินชดเชยจากการเลิกจ้างของบริษัทเดิมจะได้รับหรือไม่ เพราะการเข้าทำงานกับบริษัทใหม่ต้องนับเวลาใหม่ซึ่งจะทำให้พนักงานเสียสิทธิ์ แหล่งข่าวกล่าว

 

ก่อนหน้านี้ ศาลล้มละลายมีคำสั่ง เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2542 เห็นชอบด้วยแผนฟื้นฟูกิจการบริษัท แมเนเจอร์ มีเดีย กรุ๊ป ตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483 และแต่งตั้ง น.ส.เสาวลักษณ์ ธีรานุจรรยงค์ เป็นผู้บริหารแผน โดยมีเจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ในการฟื้นฟูกิจการ 359 ราย เป็นจำนวนหนี้ที่ขอรับชำระหนี้กว่า 4,726 ล้านบาท แต่ไม่สามารถดำเนินการตามแผนได้จนศาลสั่งให้ล้มละลายในที่สุด

 

 

ที่มาของข่าว: เรียบเรียงจากเอเอสทีวีและมติชนออนไลน์

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท