Skip to main content
sharethis





การเมือง


 


กลุ่ม 40 ส.ว. ขู่ไล่ "นิคม" รสนาเฉ่งรับใช้รัฐบาล ประสานยัน 40 ส.ว.ไม่ใช่พันธมิตร


ไทยรัฐ - ขณะเดียวกัน เมื่อเวลา 13.30 น. ที่รัฐสภา กลุ่ม 40 ส.ว. นำโดย น.ส.รสนา โตสิตระกูล ส.ว.กทม. นายไพบูลย์ นิติตะวัน  ส.ว.สรรหา  ได้หารือถึงปัญหาความแตกแยกภายในวุฒิสภาที่เกิดขึ้น รวมถึงมาตรการกดดันให้นายนิคม ไวยรัชพานิช รองประธานวุฒิสภาคนที่หนึ่ง ออกจากตำแหน่ง จากนั้นได้ร่วมแถลงข่าวภายหลังการประชุม โดยนายไพบูลย์กล่าวว่า มีการพิจารณาใน 3 เรื่องสำคัญคือ การเร่งรัดปิดการประชุมวุฒิสภาเมื่อวันที่ 24 ต.ค. กระแสข่าวการถอดถอนประธานวุฒิสภาออกจากตำแหน่ง และกรณีการเข้าร่วมประชุม 3 ฝ่ายของรองประธานวุฒิสภา ที่ประชุมกลุ่ม 40 ส.ว. ยืนยันสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ของนายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา อย่างเข้มแข็ง ส่วนกรณีของนายนิคม ทางกลุ่มจะติดตามตรวจสอบการเข้าร่วมแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อไป ส่วนการถอดถอนนายนิคมออกจากตำแหน่งนั้น ขณะนี้ยังไม่ดำเนินการอะไร เพียงแต่เห็นตรงกันในเบื้องต้นว่า การดำเนินการของนายนิคมไม่เหมาะสม  หากนายนิคมยุติพฤติกรรมดังกล่าว ทุกอย่างก็จบ แต่หากยังเดินหน้าเคลื่อนไหวอีก ทางกลุ่มจะหามาตรการดำเนินการกับนายนิคมต่อไป


 


ด้าน น.ส.รสนา โตสิตระกูล กล่าวว่า ที่มี ส.ว.ในกลุ่ม 24 ตุลาฯ บางคนให้ข่าวว่า กลุ่ม 40 ส.ว.ทำหน้าที่ เอนเอียงไปทางฝ่ายค้าน  ไม่เป็นกลางทางการเมืองนั้น ความเป็นกลางไม่ได้หมายความว่าไม่ทำอะไร การทำหน้าที่ตัดสินในสิ่งที่ไม่ถูกต้องก็ถือว่าวางตัวเป็นกลาง ความพยายามไม่ให้มีการอภิปรายเรื่อง ส.ส.ร. เพราะมีวาระซ่อนเร้น ที่พิธีกรรายการความจริงวันนี้ระบุว่า จะต้องแก้รัฐธรรมนูญเฮงซวยฉบับนี้ให้ได้ และมี ส.ส.พรรคพลังประชาชนขึ้นเวทีพูดสนับสนุนยืนยันว่ารัฐบาลจะไม่ยุบสภา ไม่ลาออก ขอเรียกว่าเป็นรัฐบาลที่ใช้เงินเพื่อยึดกุมอำนาจรัฐ เพื่อนำไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ เมื่อถูกยุบพรรคก็กลับเข้ามาสู่อำนาจอีก เป็นการปฏิวัติโดยไม่ใช้อาวุธ แต่เปลี่ยนมาเป็นการใช้เงิน กลุ่ม 40 ส.ว.เห็นว่าวุฒิสภาไม่ควรเข้าไปร่วมสนับสนุนแก้ไขรัฐธรรมนูญกับกลุ่มนี้ ซึ่งร่างแก้ไขฉบับของนายนิคมเป็นการยกร่างทั้งฉบับ  แถมยังมีบทนำกล่าวหารัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ซึ่งตรงกับความเห็นของฝ่ายรัฐบาล จึงมีคำถามว่ากลุ่ม 24 ตุลาฯที่ไปร่วมลงชื่อด้วยนั้นกำลังทำงานให้รัฐบาลหรือไม่  ส.ว.เป็นอิสระและเป็นกลาง  แต่การแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ใช่หน้าที่ของ ส.ว. เรามีหน้าที่กลั่นกรองกฎหมาย หวังว่าการประชุมวุฒิสภาวันที่ 31 ต.ค.นี้ จะไม่มีการเสนอให้นับองค์ประชุมอีก


 


ทางด้านนายประสาร มฤคพิทักษ์ ส.ว.สรรหา กล่าวว่า ทางกลุ่มเห็นตรงกันว่าจะทำหนังสือถึงประธานวุฒิสภา ให้บรรจุวาระการประชุมในวันที่ 31 ต.ค.นี้ เพื่อพิจารณากรณีการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 ต่อ เพราะเห็นว่ายังมีประเด็นที่ต้องพูดจาแลกเปลี่ยนข้อมูลซึ่งกันและกัน ว่าจะแก้ปัญหาวิกฤติของชาติได้จริงหรือไม่ ส่วนที่ ส.ว.ในกลุ่ม 24 ตุลาฯ บางคนระบุว่ากลุ่ม 40 ส.ว. วางตัวไม่เป็นกลาง  ก็อยากถามกลับว่าความเป็นกลางที่หมายถึงคืออะไร อย่างการซุกหุ้น การเอาเงิน 2 ล้านใส่ถุงขนมวางไว้ให้ศาล การเลี่ยงภาษีโอนหุ้น 500 กว่าล้านบาท การถูกตัดสินจำคุก 2 ปี และเหตุการณ์เมื่อวันที่ 7 ตุลาฯ ซึ่งรัฐบาลเหยียบย่ำรอยเลือดของประชาชนเพื่อเข้ามาแถลงนโยบาย เหล่านี้เอาอะไรมาวัดความเป็นกลางของกลุ่ม 40 ส.ว. ขอยืนยันว่าเราไม่ได้เป็นกลุ่มพันธมิตรฯ และไม่ได้เป็นฝ่ายพรรคประชาธิปัตย์ เรายึดหลักความถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญ


 


 






เศรษฐกิจ


 


อาหารสัตว์ลดราคาถุงละ 30บ. คน.นัดกล่อมสินค้าอื่นลงตาม


เว็บไซต์มติชน - นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน (คน.) เปิดเผยภายหลังการหารือกับผู้ประกอบการอาหารสัตว์ เพื่อหารือปรับลดราคาอาหารสัตว์ เมื่อวันที่ 27 ตุลาคมที่ผ่านมา ว่า ผู้ประกอบการได้ให้ความร่วมมือปรับราคาอาหารสัตว์ลงอีก 5% คาดว่าราคาใหม่จะทยอยปรับภายในสัปดาห์นี้ โดยราคาอาหารสัตว์บกสำหรับเลี้ยงไก่เนื้อ ไก่ไข่ และหมู จะลดลงมากกว่า เพราะวัตถุดิบลดมากกว่าอาหารสัตว์น้ำสำหรับเลี้ยงกุ้ง เนื่องจากวัตถุดิบหลักของอาหารสัตว์บก อาทิ ข้าวโพด มันสำปะหลัง ราคาลดลง แต่อาหารสัตว์น้ำ เช่น ปลาป่น ราคายังสูงและมักเลี้ยงด้วยอาหารสำเร็จรูป


 


ทั้งนี้ อาหารสัตว์สำหรับเลี้ยงไก่ไข่ ราคาเดือนกรกฎาคมอยู่ที่ 454 บาท/ถุง 30 กิโลกรัม (กก.) ราคาใหม่หน้าโรงงานจะอยู่ที่ 418 บาท/ถุง 30 กก. และราคาขายปลีกจะอยู่ที่ 431 บาท/ถุง 30 กก. อาหารหมูเดิม 489 บาท/ถุง 30 กก. ราคาใหม่หน้าโรงงานอยู่ที่ 435 บาท/ถุง 30 กก. และขายปลีก 460 บาท/ถุง 30 กก.


 


นายยรรยงกล่าวว่า นอกจากนี้ กรมกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาการปรับลดภาษีนำเข้ากากถั่วเหลือง จากปัจจุบันนำเข้าในอัตรา 4% เหลือ 0% กับ 2% ดูว่าการปรับลดภาษีดังกล่าวจะช่วยลดต้นทุนในการผลิตอาหารสัตว์ลงเท่าใด และจะต้องเสนอให้คณะกรรมการนโยบายวัตถุดิบอาหารสัตว์พิจารณา เพราะการปรับลดภาษีทำให้กระทรวงการคลังเสียรายได้จากภาษีประมาณ 1,300 ล้านบาท แต่การปรับลดภาษี จะช่วยให้ต้นทุนในการผลิตอาหารสัตว์ถูกลง สำหรับการปรับลดราคาในสินค้าหมวดเครื่องใช้ส่วนตัวและภายในบ้าน กำลังศึกษาว่าสินค้ากลุ่มใดได้รับอานิสงส์จากต้นทุนราคาน้ำมันและวัตถุดิบนำเข้าที่ลดลงบ้าง ก็จะเรียกมาหารือและขอความร่วมมือให้ปรับลดราคาต่อไป


 


 






คุณภาพชีวิต


 


จีนให้ 400 ล้านศึกษาระบบราง


โพสต์ทูเดย์ - นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.คมนาคม เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับหัวหน้าราชการในสังกัดว่า ขณะนี้ทางประเทศจีนได้ให้การสนับสนุนเงินกู้ดอกเบี้ยผ่อนปรนจำนวน 400 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนโครงการก่อสร้างระบบรางของไทย จึงได้มอบหมายให้ปลัดกระทรวงคมนาคม และการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ไปพิจารณาความเหมาะสมของเงินกู้ ว่าจะใช้พัฒนาโครงการระบบรางต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งแผนงานก่อสร้างระบบรางทั่วประเทศจำนวนกว่า 2,300 กม. หรือโครงการอื่นใดที่มีความสำคัญ ซึ่งเงินกู้ดังกล่าวทางกระทรวงการคลังเป็นผู้ประสานงาน


 


ขณะเดียวกัน ทางองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (ไจกา) ก็จะอุดหนุนเงินกู้ในการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้า ซึ่งจะช่วยแก้ไขปัญหาการจราจรในกรุงเทพฯ และปริมณฑล อีกทั้งยังช่วยลดค่าใช้จ่ายของประชาชนด้วย


 


ทั้งนี้ หากกระทรวงคมนาคมสามารถเร่งรัดโครงการก่อสร้างระบบรางให้มีประสิทธิภาพได้ จะเป็นการช่วยสนับสนุนอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง ลดการซื้อรถยนต์ และดึงดูดให้ประชาชนหันมาใช้ระบบรางและระบบขนส่งมวลชน ช่วยประหยัด ค่าใช้จ่ายได้เดือนละ 2-2.5 หมื่นบาท


 


นอกจากนี้ ได้สั่งให้หน่วยงานจัดทำแผนบริหารราชการแผ่นดินและงบ ประมาณปี 2552-2554 ที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงคมนาคม โดยจะนำเสนอให้ ครม.ในวันที่ 28 ต.ค.นี้ โดยคาดว่าการจัดทำแผนงบประมาณปี 2553 จะต้องแล้วเสร็จไม่เกินวันที่ 10 ก.พ. 2552 โดยการกำหนดแผนงานและโครงการต่างๆ จะต้องเกี่ยวข้องอยู่ในงบประมาณทั้ง 3 ปีที่ได้วางแผนไว้เพื่อให้สอดคล้องกัน


 


"งานบางอย่างในส่วนของคมนาคมเป็นไปด้วยดี และจัดสรรแบ่งงานออกเป็นส่วนๆ ให้รองปลัดกระทรวงเข้าไปดูแลอย่างใกล้ชิด โดยแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มงาน ได้แก่ ทางบก ทางน้ำ ทางอากาศ และระบบราง" นายสันติ กล่าว


 


 


ต้นปีหน้าคืนผิวจราจร แอร์พอร์ตลิ้งค์มักกะสัน


เดลินิวส์ - พ.ต.ท.ภูษิต วิเศษคามินทร์ รอง ผกก.จร.สน.พญาไท เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆนี้ได้รับการประสานงานจากบริษัทรับเหมาก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงค์ เรื่องการคืนผิวจราจรถนนนิคมมักกะสันกลับสู่สภาพปกติ เนื่องจากการก่อสร้างสถานีราชปรารภใกล้แล้วเสร็จ คาดว่าเริ่มทยอยคืนผิวต้นปีหน้า ซึ่งจากการหารือเบื้องต้น ผู้รับเหมาแจ้งว่า ผิวจราจรถนนนิคมมักกะสันจะเหลือเพียง 3 ช่อง จากเดิมมี 4 ช่องทาง ส่วนทางเบี่ยงที่ทำทดแทนระหว่างการก่อสร้างคงจะต้องปิดห้ามรถผ่านด้วย เพราะการรถไฟฯขอพื้นที่คืน ก็จะส่งผลกระทบต่อการจราจร เพราะเดิมรถจากดินแดงเลี้ยวซ้ายเข้าถนนนิคมมักกะสันได้ 2 ช่อง ก็จะเหลือแค่ 1 ช่อง ประกอบกับเสาตอม่อสถานีรถไฟฟ้าอยู่ชิดทางแยก รถจะเลี้ยวซ้ายลำบากต้องตีวงกว้าง ซึ่งจะมีผลกระทบต่อการจราจรจุดดังกล่าว และพื้นที่ต่อเนื่องอย่างแน่นอน จึงเสนอให้คงช่องทางเบี่ยงนี้ไว้ เพื่อแบ่งเบาปริมาณจราจร


 


พ.ต.ท.ภูษิตกล่าวว่า ผู้รับเหมาจะนำข้อมูลทั้งหมดไปเสนอการรถไฟฯ และจัดทำเป็นแผนการจัดจราจรภายหลังการคืนพื้นที่ก่อสร้าง เสนอกลับมาอีกครั้งและต้องเสนอกองบัญชาการตำรวจนครบาลพิจารณา เนื่องจากจุดดังกล่าวเป็นพื้นที่อ่อนไหว และอยู่ใกล้กับแหล่งชุมชน ห้างสรรพสินค้า หากมีปัญหาจะส่งผลกระทบวงกว้างไปยังพื้นที่ข้างเคียง ซึ่งปัจจุบันมีปัญหาติดขัดเป็นประจำทุกวันอยู่แล้ว


 


 






สิ่งแวดล้อม-ภัยธรรมชาติ


 


ฮ.ช่วยชีวิต "91 น.ศ." ไปออกค่ายอาสา หลังดินถล่มตัดขาดโลกภายนอก


เดลินิวส์ - เมื่อวันที่ 27 ต.ค. กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศประจำวัน ว่าบริเวณความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงจากประเทศจีนแผ่ปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือด้านตะวันออก ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิจะลดลง 1-2 องศากับมีลมแรง สำหรับร่องความกดอากาศต่ำกำลังปานกลางพาดผ่านภาคกลางตอนล่าง ภาคใต้ตอนบน และชายฝั่งของภาคตะวันออก ทำให้บริเวณดังกล่าวยังคงมีฝนตกหนาแน่น กับมีฝนตกหนักบางพื้นที่ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยโดยเฉพาะบริเวณจังหวัดราชบุรี เพชรบุรีและประจวบคีรีขันธ์ระวังอันตรายจาก สภาวะฝนตกหนักในระยะนี้ไว้ด้วย


 


ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมที่ จ.ตาก พ.อ. ผดุงยิ่ง พิบูลย์สุข ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 4 ได้นำเฮลิคอปเตอร์จำนวน 2 ลำ เข้าไปช่วยเหลือคณะนักเรียนนักศึกษา และอาจารย์ จากวิทยาลัยการอาชีพแม่สอดและโรงเรียนสรรพวิทยาคม รวม 91 คน ที่ไปออกค่ายอาสาพัฒนาก่อสร้างอาคารเรียน และมอบสิ่งของให้แก่ชาวบ้าน ที่โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านแม่หละคี ต.แม่หละ อ.ท่าสองยาง ซึ่งอยู่กลางป่าลึกใกล้ชายแดนไทย-พม่า โดยเมื่อวันที่ 26 ต.ค.ที่ผ่านมา หลังทำกิจกรรมเสร็จ ได้เกิดฝนตกหนัก ทำให้ดินจากภูเขาถล่มลงมา ปิดทับตัดขาดเส้นทางเข้า-ออก ขณะที่น้ำในลำห้วยไหลเชี่ยวกราด และมีระดับสูงกว่า 2 เมตร ทำให้คณะของนักศึกษาและอาจารย์ ไม่สามารถเดินทางกลับออกมาได้ เบื้องต้นเฮลิคอปเตอร์ทั้ง 2 ลำบินไปรับคณะของนักศึกษา และอาจารย์ในที่เกิดเหตุ โดยเทียวรับส่งเป็นจำนวน 10 เที่ยว มาส่งที่สนามกีฬา เทศบาล ต.แม่ระมาด ซึ่งเป็นสถานที่ที่อยู่ใกล้ที่สุดโดยปลอดภัยทุกคน


 


 


หิมะตกมีโอกาส 1 ใน 100 ปี มวลอากาศเย็นผนวกลานินญา


เว็บไซต์มติชน - ศ.ดร.อานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ผู้อำนวยการศูนย์เครือข่ายงานวิเคราะห์วิจัยและฝึกอบรมการเปลี่ยนแปลงของเปลือกโลกแห่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (START) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงโอกาสที่ประเทศไทยจะเกิดหิมะตก ว่า หากประเทศไทยจะเกิดหิมะตกก็จะเป็นแค่บางบริเวณเท่านั้น โดยอาจพบได้บริเวณแถบภูเขาสูงทางภาคเหนือของประเทศ แต่โอกาสเกิดขึ้นน้อยมาก หากภายใน 100 ปีก็จะพบเพียง 1 ครั้งเท่านั้น การจะเกิดหิมะตกได้ในประเทศไทยต้องพิจารณาจากมวลอากาศเย็นที่มีความชื้นเพียงพอกับปัจจัยด้านลานินญา ที่มีผลทำให้สภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง โดยฝนจะตกหนักถี่ขึ้น หากเกิดสองปัจจัยพร้อมกันก็มีโอกาสเกิดหิมะตกได้ แต่เป็นไปได้ยากมาก ส่วนใหญ่หากเกิดขึ้นก็จะเป็นเพียงน้ำค้างแข็ง หรือน้ำในแอ่งน้ำแข็งตัวเท่านั้น แต่แค่ระยะเวลาสั้นๆ


 


"การเกิดหิมะตกต้องอาศัยมวลอากาศเย็นที่มีความชื้นเพียงพอ และมีอุณหภูมิต่ำกว่าติดลบ ประมาณ -1 หรือ -2 องศาเซลเซียสลงไป แต่สำหรับประเทศไทยยากมาก เพราะมวลอากาศที่พัดผ่านเข้าทางตอนเหนือของประเทศไทยไม่มีความชื้น เพราะเป็นมวลอากาศเย็นที่พัดมาจากเทือกเขาหิมาลัย และแม้จะเคยมีอุณหภูมิติดลบที่ จ.เชียงราย และ จ.แม่ฮ่องสอน ที่ประมาณ -5 หรือ -7 องศาเซลเซียสก็ยังไม่เคยเกิดหิมะตกเลย เพราะเป็นแค่ช่วงกลางคืน ไม่ได้เกิดขึ้นตลอดทั้งวันทั้งคืนเหมือนในต่างประเทศ" ศ.ดร.อานนท์ กล่าว และว่า เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศเวียดนามแล้ว ถือว่ายังมีโอกาสเกิดหิมะตกมากกว่าไทย เนื่องจากมวลอากาศเย็นที่พัดผ่านเข้าประเทศมาจากตอนกลางของจีน ซึ่งเป็นบริเวณที่มีความชื้นมากกว่า อย่างไรก็ตาม ต้องพิจารณาปัจจัยลานินญาด้วย ซึ่งระหว่างปี 2551-2552 นักวิจัยด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทั่วโลกระบุว่า จะไม่เกิดปรากฏการณ์ทั้งลานินญา และเอลนินโญ ดังนั้น โอกาสเกิดหิมะตกในไทยก็คงยากด้วย


 


"อควาเรียมเชียงใหม่" ไร้ปัญหา ผอ.สวนสัตว์ฯยัน-แจงเลื่อนเปิด


เว็บไซต์มติชน - นายโสภณ ดำนุ้ย ผู้อำนวยการองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดเผยว่า เชียงใหม่ซู อควาเรียม หรืออุโมงค์ใต้น้ำภายในสวนสัตว์เชียงใหม่ไม่ได้มีปัญหาว่าจะพัง หรือจะต้องทุบให้เกิดความเสียหายอย่างใด เพียงแต่ต้องเข้าใจว่าการเปิดอควาเรียมต้องมีการปรับระบบน้ำให้มีความสมดุล เพื่อให้ปลามีการปรับตัว เพราะอควาเรียมจะต้องใช้เวลา แต่เวลายิ่งนานแค่ไหนน้ำภายในจะยิ่งใสและสวยขึ้น เมื่อนายกรัฐมนตรีทำพิธีเปิดให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้รู้จักแล้ว ระยะนี้จำเป็นต้องปิดทำการไปก่อนราว 2 สัปดาห์ หรือ 1 เดือน และจะเปิดอย่างเป็นทางการในวันที่ 15 พฤศจิกายนนี้ เพื่อรอเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยวในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน-ต้นธันวาคมนี้


 


ด้านนายธนภัทร พงษ์อมร ผู้อำนวยการสวนสัตว์เชียงใหม่ กล่าวว่า เครื่องกรองน้ำภายในขัดข้องทำให้น้ำขุ่นไม่ใสเท่าที่ควร ส่วนเครื่องจำหน่ายตั๋วมีปัญหาเล็กน้อย จำเป็นต้องตั้งโปรแกรมใหม่ จึงได้แจ้งขอเลื่อนการเปิดให้เข้าชมไปก่อนระยะหนึ่ง



 






ต่างประเทศ



จี 7เตือนเยนแข็งกระทบเศรษฐกิจ


ไทยโพสต์ - กลุ่มประเทศจี 7 ออกโรงจี้ญี่ปุ่นแก้ไขปัญหาเงินเยนแข็งค่า ขณะที่ทางการแดนอาทิตย์อุทัยกำลังจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมเป็นห่วงภาคธนาคารที่ได้รับผลกระทบจากภาวะผันผวนในตลาดหุ้น ด้านแบงก์ชาติเกาหลีใต้ตัดสินใจหั่นดอกเบี้ยครั้งประวัติศาสตร์รวดเดียว 0.75% หวังกระตุ้นเศรษฐกิจ ฝั่งรัฐบาลแดนจิงโจ้เข้าแทรกแซงค่าเงินเป็นวันที่ 2 หลังดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าต่ำสุดรอบ 5 ปี


 


แถลงการณ์ของจี 7 เตือนว่าการแข็งค่าอย่างต่อเนื่องของเงินเยนอาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่น อย่างไรก็ดี ล่าสุดวันจันทร์ค่าเงินเยนเทียบดอลลาร์สหรัฐยังเคลื่อนไหวใกล้ระดับนิวไฮรอบ 13 ปี ที่ 93.46 เยน/1 ดอลลาร์ ท่ามกลางความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น หรือบีโอเจ อาจตัดสินใจเข้าแทรกแซงค่าเงินเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปี


 


เมื่อเดือนที่แล้วเงินเยนแข็งค่าพรวดพราดถึง 12% และยังคงแข็งค่าต่อเนื่องนับจากนั้น สาเหตุสำคัญมาจากการทำธุรกรรมเพื่อเก็งกำไรค่าเงินจากส่วนต่างระหว่างอัตราดอกเบี้ยหรือผลตอบแทนจากสินทรัพย์ที่ลงทุน (Carry Trade) หยุดชะงัก นักลงทุนพากันถอนเงินจากประเทศที่ลงทุนกลับไปชำระหนี้ในญี่ปุ่น


 


ก่อนหน้านี้ ญี่ปุ่นคงอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำที่ราว 0% อยู่นานหลายปีก่อนจะทยอยปรับขยับขึ้นมาเป็น 0.5% เมื่อปีที่ผ่านมา บวกกับเงินเยนที่อ่อนค่า ทำให้มีการเก็งกำไรส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยกันอย่างกว้างขวาง


 


แม้เศรษฐกิจญี่ปุ่นจะเผชิญภาวะหดตัว แต่นับว่าระบบเศรษฐกิจโดยรวมไม่ได้รับผลกระทบรุนแรงจากวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ที่พ่นพิษจนธนาคารและสถาบันการเงินหลายแห่งทั้งในสหรัฐและยุโรปต้องล่มสลาย ทั้งนี้เนื่องจากบริษัทสินเชื่อญี่ปุ่นไม่ได้ผูกติดกับตลาดสินเชื่อบ้านในสหรัฐมากนัก แต่กระนั้นการทรุดลงของตลาดหุ้นทั่วโลกโดยเฉพาะดัชนีนิกเกอิ ตลาดหุ้นโตเกียว ที่ล่าสุดปิดตลาดวันจันทร์ ดิ่งแตะระดับต่ำสุดรอบ 26 ปี ก็เริ่มส่งผลกระทบต่อภาคธนาคารของญี่ปุ่นแล้ว ล่าสุดสื่อท้องถิ่นรายงานว่า ธนาคารพาณิชย์รายใหญ่ 3 แห่ง คือ 'มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ', 'มิซูโฮ ไฟแนนเชียล' และ 'ซูมิโตโม มิตซุย' กำลังเร่งระดมทุนเพิ่มเพื่อชดเชยราคาหุ้นที่ร่างลงอย่างหนัก


 


นายกรัฐมนตรีทาโร อาโซะ เผยว่ารัฐบาลเตรียมเพิ่มช่องทางให้ธนาคารเข้าถึงแหล่งทุนได้มากขึ้น ส่วนนายคาโอรุ โยซาโน รัฐมนตรีเศรษฐกิจ บอกว่ารัฐจะเพิ่มงบประมาณสำหรับพยุงภาคธนาคารเป็นเกือบ 1.1 แสนล้านดอลลาร์


 


ด้านธนาคารกลางเกาหลีใต้ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.75 มาอยู่ที่ 4.25% ถือเป็นการดำเนินมาตรการเศรษฐกิจฉุกเฉินครั้งที่ 2 ตั้งแต่หลังเหตุวินาศกรรมสหรัฐ 11 ก.ย. 2544 'ประธานาธิบดีลี มุงบัก' รับปากจะเร่งกระตุ้นการลงทุนภาครัฐและลดภาษีเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่กำลังเผชิญภาวะชะลอตัวอย่างหนัก


 


ฟากนักลงทุนคาดกันว่า วันพุธนี้ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) น่าจะปรับลดดอกเบี้ยลงอีก 0.50% มาอยู่ที่ 1% ระดับต่ำสุดในรอบ 4 ปี ขณะที่นักวิเคราะห์บางรายฟันธงว่าเฟดจะหั่นดอกเบี้ยลงทีเดียวถึง 0.75%


 


ที่ออสเตรเลีย แบงก์ชาติตัดสินใจเข้าแทรกแซงค่าเงินเป็นวันที่ 2 เมื่อวันจันทร์ หลังดอลลาร์ออสเตรเลียที่อ่อนค่าแตะนิวโลว์รอบ 5 ปีที่ 0.6122 ดอลลาร์ออสเตรเลีย/1 ดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ ค่าเงินออสซี่ร่วงลงแล้วราว 45% เมื่อเทียบกับเยน และ 38% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ หลังเคยแข็งค่าอย่างต่อเนื่องช่วง 3 เดือนก่อนหน้านี้


 


 


รวบ 2 อเมริกันผิวขาว วางแผนฆ่า "โอบามา"


ไทยรัฐ - สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า วานนี้ (27 ต.ค.) ตามเเวลาท้องถิ่น ทางการสหรัฐฯ ได้จับกุมชาย 2 คน ไว้ทรงผมติดหนังศีรษะและเชิดชูผิวขาว หลังพบว่าวางแผนกราดยิงชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกันไม่ต่ำกว่า 100 คน และจะลอบฆ่านายบารัค โอบามา ตัวแทนพรรคเดโมแครต ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ


 


กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ แถลงว่า นายแดเนียล โควาร์ท วัย 20 ปี และนายพอล ชเลสเซลแมน วัย 18 ปี ถูกจับกุมเมื่อวันพุธที่ผ่านมา (22 ต.ค.) ที่รัฐเทนเนสซี ในข้อหาครอบครองปืนโดยผิดกฎหมาย ข่มขู่ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี และสมคบกันจะปล้นร้านจำหน่ายปืน


 


 


นายไบรอัน วีคส์ สายลับของสำนักงานควบคุมแอลกอฮอล์ ยาสูบ และอาวุธปืน ให้การต่อศาลเมืองเมมฟิสว่า บุคคลทั้งสองคุยกันเรื่องจะกราดยิงคนไม่เลือกหน้าที่โรงเรียนซึ่งมีนักเรียนส่วนใหญ่เป็นชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกัน โดยวางแผนจะฆ่า 88 คน ตัดศีรษะ 14 คน แล้วจะปิดท้ายการก่อเหตุรุนแรงด้วยการขับรถไล่จ่อยิงนายโอบามา นอกจากนี้ ยังระบุด้วยว่า จะแต่งชุดทักซิโดสีขาว สวมหมวกสูง ในการก่อเหตุ และพร้อมยอมตาย


 


นายโควาร์ท ชาวเมืองเบลส์ รัฐเทนเนสซี รู้จักกับนายชเลสเซลแมน ชาวรัฐอาร์คันซอ ทางอินเทอร์เน็ต เมื่อ 1 เดือนก่อน ทั้งคู่มีความคิดความเชื่อฝังใจเรื่องอำนาจของคนผิวขาว และวัฒนธรรมสกินเฮด


 


ทั้งนี้ นายโอบามา ได้รับความคุ้มครองจากหน่วยราชการลับตั้งแต่ช่วงแรกๆ ของการหาเสียงเลือกตั้ง เร็วกว่าผู้สมัครคนอื่นๆ ที่เคยมีมา และเมื่อปลายเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่จับกุมชาย 3 คน ซุกซ่อนอาวุธ ที่เมืองเดนเวอร์ รัฐโคโลราโด สถานที่จัดการประชุมใหญ่พรรคเดโมแครต ต่อมาทางการแจ้งว่า ไม่เป็นอันตรายต่อนายโอบามาแต่อย่างใด


 


ขณะที่ การหาเสียงของ นายบารัค โอบามา และนายจอห์น แมคเคน ก็เข้มข้นขึ้น เมื่อทั้งคู่เร่งหาเสียงในรัฐโอไฮโอ ช่วงสัปดาห์สุดท้ายก่อนถึงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ 4 พ.ย.นี้


 


โดย นายโอบามา หาเสียงที่เมืองแคนตัน รัฐโอไฮโอ กล่าวว่า เหลืออีกเพียงสัปดาห์เดียวก็จะถึงจุดจบของการเมืองที่มีแต่การแบ่งแยกเป็นฝักฝ่าย และว่า ตลอดเวลา 22 เดือนของการหาเสียงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ นายแมคเคนไม่ได้แสดงให้ชาวอเมริกันเห็นว่า มีนโยบายเศรษฐกิจที่ต่างจากของประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช อย่างไร และความเสี่ยงที่สุด คือ การให้นายแมคเคน ดำเนินนโยบายเศรษฐกิจเช่นเดียวกับที่ประธานาธิบดีบุช ทำกับชาวอเมริกันมาตลอด 8 ปี


 


ขณะที่นายแมคเคน หาเสียงที่เมืองคลีฟแลนด์ เมืองใหญ่ที่สุดในรัฐโอไฮโอ และกล่าวว่า นายโอบามา เป็นนักการเมืองหัวเสรีนิยมที่หวังเพียงแต่การขึ้นภาษีและใช้เงินภาษีของประชาชน และไม่เห็นด้วยกับนโยบายเศรษฐกิจของประธานาธิบดีบุช เพราะต้องการเห็นการใช้จ่ายเงินของประเทศอยู่ภายใต้การควบคุมดูแล


 


สำหรับนายแมคเคน เตรียมเดินทางไปหาเสียงต่อที่รัฐเพนซิลเวเนีย ส่วนนายโอบามา มีกำหนดหาเสียงต่อในรัฐโคโลราโด

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net