Skip to main content
sharethis

พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร อดีต คมช. เสนอ "ผ่าตัดชาติ" เพื่อจบ อย่ากลัวเจ็บ หากปฏิวัติเพื่อผลประโยชน์ประเทศจำเป็นต้องทำ "พัชรวาท" ยันไม่ถูกใครบังคับออกทีวี "ผบ.ทัพเรือ-ผบ.ทัพอากาศ" ปัดไม่เกี่ยวคำพูด "อนุพงษ์" ชี้เป็นความเห็นส่วนตัว ผบ.ทร.ยันปฏิวัติไม่ดีชาติเสียหาย เรียกร้องทุกฝ่ายถอยคนละก้าว ต้องร่วมกันพูดคุยหาทางออก


 


 


พัชรวาทยันไม่ถูกใครบังคับไปออกรายการ


เมื่อวันที่ 20 ต.ค. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. ให้สัมภาษณ์กรณีออกรายการ "เรื่องเด่นเย็นนี้" ร่วมกับ ผบ.เหล่าทัพ เมื่อวันที่ 16 ต.ค. ว่า ไม่มีใครบังคับให้ไปออกรายการ เมื่อถูกถามว่า ผบ. เหล่าทัพออกมาแถลงผ่านสื่อโทรทัศน์ถือว่าเป็นการปฏิวัติเงียบหรือไม่ ผบ.ตร.ตอบว่า คงไม่ใช่ เป็นเรื่องไปตอบข้อเท็จจริงบางส่วนให้ประชาชนได้รับทราบ ส่วนเรื่องที่ พล.ต.อ.สล้าง บุนนาค อดีต รอง อ.ตร. แถลงจะยึดทำเนียบรัฐบาลคืนจากลุ่มพันธมิตรฯนั้น คิดว่าเป็นความเห็นส่วนตัว ตนไม่มีความเห็นในเรื่องนี้


                                  


 


ผบ.ทร.ชี้ปฏิวัติไม่ดีชาติเสียหาย


วันเดียวกัน พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ ผบ.ทร. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี ผบ.เหล่าทัพ ถูกรุกหนักมาก โดยเฉพาะให้นำกำลังทหารเข้ามาคลี่คลายสถานการณ์ หลังจากที่ ผบ.เหล่าทัพจับมือไปออกทีวีช่อง 3 เพื่อกดดันให้รัฐบาลลาออกว่า ทำอย่างนั้นคงไม่ดี การที่ พล.อ. ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผบ.ทหารสูงสุด หรือ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. พูดในหลักการกว้างๆว่า เราดูแล้วถ้าสมมติเอากำลังทหารออกมาปฏิวัติ ผลเสียกับประเทศชาติ มีมาก โดยเฉพาะเรื่องการบอยคอตจากต่างชาติ ถ้าเราเจอบอยคอต เราจะประสบปัญหาเรื่องเศรษฐกิจที่จะกระทบไปทั่ว ไม่ว่าจะเป็นเจ้าสัว จนถึงลูกจ้าง "ประเทศไทย จะเป็นอย่างนี้ตลอดไปหรือ ปี 2549 ปฏิวัติ และพอมาปี 2551 ก็ปฏิวัติ แล้วอย่างนี้ใครจะมาเชื่อถือเรา ผมคิดว่าการที่เราพูดคุยกับ ผบ.เหล่าทัพ เพราะเราเป็นทหารประชาธิปไตยพอสมควร ดังนั้น เรารู้ว่าอะไรควรทำหรือไม่ควรทำ เราจะทำในสิ่งที่เกิดผลดีกับประเทศชาติ และประชาชนมากที่สุด เชื่อว่าประชาชนส่วนใหญ่เขาไม่อยากให้ทำหรอก" พล.ร.อ.กำธรกล่าว


 


 


ทุกฝ่ายต้องร่วมมือพูดคุยหาทางออก


เมื่อถามว่า ผบ.เหล่าทัพจะมีทางออกอย่างไรเพื่อแก้ไขปัญหาวิกฤติที่คาราคาซัง พล.ร.อ.กำธรตอบว่า เราต้องมาร่วมมือกัน เพราะว่าตบมือข้างเดียวก็ไม่ดัง ทุกฝ่ายจะต้องหันหน้าเข้าหากัน ตนมองแบบคนมองโลกในแง่ดี เหมือนกับพี่น้องที่อยู่ในครอบครัวเดียวกัน ถ้าทะเลาะกัน หรือความคิดเห็นไม่ตรงกันก็สามารถทำได้ แต่จะให้ครอบครัวมีความสุข จะต้องมาพูดคุยกันถือเป็นหลักการง่ายๆ การแก้ไขปัญหาของบ้านเมืองจะต้องร่วมมือกันทุกฝ่าย ส่วนทหารก็มีหน้าที่ขอบเขตตามกฎหมายและรัฐธรรมนูญกำหนด เราไปยุ่งวุ่นวายมากก็ไม่ดี "เหมือนกับที่ ผบ.ทบ.พูดว่า ถ้าควบคุมไม่ได้ จริงๆ เราก็คงจะต้องช่วยกัน ทหารก็จะต้องช่วยได้ในขอบเขตที่ทำได้ พยายามห้ามปรามไม่ให้เกิดการทะเลาะกัน และพยายามขอร้องอย่าทะเลาะจนถึงขั้นเสียเลือดเนื้อ เพราะเรามีบทเรียนมาแล้ว เป็นเรื่องไม่ดีที่คนในชาติจะต้องมาสูญเสียบาดเจ็บกัน ทั้งนี้ เราจะไปบังคับใครไม่ได้"


 


 


ให้รอฟังผลสอบจากคณะกรรมการ


เมื่อถามว่า ผบ.เหล่าทัพยังยึดมั่นในจุดเดิมที่จะให้รัฐบาลลาออก เพื่อรับผิดชอบกับเหตุการณ์การสลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 7 ต.ค. ที่ผ่านมา พล.ร.อ.กำธรตอบว่า ขณะนี้รัฐบาลก็รับผิดชอบอยู่แล้ว แต่ก็ขึ้นอยู่กับมุมมอง ขณะนี้รัฐบาลก็ตั้งคณะกรรมการขึ้นมารับผิดชอบ ดังนั้น เราไม่ควรพูดก่อนที่ผลจะเอามาว่าถูกผิดอย่างไร ถ้าเราไปชิงพูดเสียก่อนจะไม่ดี ให้ผลของคณะกรรมการออกมาก่อน แล้วค่อยมาดูว่าเป็นอย่างไร อย่างน้อยควรจะป้องกันไม่ให้เกิดความสูญเสียแบบนั้นเกิดขึ้นอีก


 


 


"อนุพงษ์" พูดเป็นความเห็นส่วนตัว


เมื่อถามว่า หลายคนวิจารณ์ว่า ผบ.เหล่าทัพ ล้ำเส้นที่ไปวิจารณ์นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในฐานะที่เป็นผู้บังคับบัญชา พล.ร.อ. กำธรตอบว่า เป็นเรื่องของนานาจิตตัง แต่ถ้าเราฟังข้อความโดยต่อเนื่อง คิดว่า ผบ.ทบ.พูดโดยย้ำว่าถ้าเป็นผมนะครับ คือเอาใจท่านไปใส่ใจนายกรัฐมนตรีที่เป็นหัวหน้ารัฐบาล และเหตุการณ์รุมเร้าอึดอัด ท่านบอกว่าถ้าเป็นตัวท่าน ท่านบอกว่าไม่เอาแล้ว คล้ายๆท่านไม่รู้แล้ว ความคิดของตนคงเป็นลักษณะนั้น แต่บางท่านอาจจะฟังว่าไปกดดันรัฐบาล แต่เรื่องนี้มันฟังได้หลายแง่ แต่ถ้าฟังความต่อเนื่องแล้วเหมือนกับความรู้สึกส่วนตัวของท่าน


 


 


ถอยคนละก้าวเพื่อให้ชาติสงบ


เมื่อถามว่า ผบ.เหล่าทัพ ยังมองหน้าและทำงานร่วมนายกรัฐมนตรีได้ตามปกติหรือไม่ พล.ร.อ.กำธรตอบว่า คิดว่าเป็นอย่างนั้น เพิ่งเคยเจอหน้านายกรัฐมนตรีเพียง 2 ครั้ง ในการประชุม และทักทายกันแค่ 2 คำ ยังไม่ได้พูดคุยกันเลย แต่ในฐานะเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา และท่านเป็น รมว.กลาโหม จะต้องทำงานด้วยกัน เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรี ควรรับฟังคำทักท้วงของ ผบ.เหล่าทัพ เพราะกองทัพก็เป็นห่วงประเทศ พล.ร.อ.กำธรตอบว่า ก็ใช่ แต่จะต้องอยู่ในกรอบของเราตามที่ พล.อ.ทรงกิตติได้พูดไว้ว่า เราสามารถแสดงความคิดเห็นได้ตามระบอบประชาธิปไตย ส่วนการตัดสินใจอย่างไรขึ้นอยู่กับผู้บังคับบัญชา


 


"อย่างกรณีฝ่ายเสนาธิการทหารประจำตัวผู้บังคับ บัญชาเสนอแนะให้กับผู้บังคับบัญชาได้ ส่วนผู้บังคับ บัญชาจะเห็นอย่างไรก็เป็นการตัดสินใจของผู้บังคับบัญชา อาจจะไม่ตรงกันก็ได้ เป็นหลักธรรมดาของทางทหาร และ ประชาธิปไตย ทั้งนี้ เราเป็นพี่น้องกัน อยู่ในบ้านเดียวกัน ถ้าจะให้บ้านสงบสุขก็จะต้องหันหน้าเข้าหากัน ปัจจุบันบางคนความคิดเห็นไม่เหมือนกันก็มี แต่ถ้าความคิดเห็นไม่ตรงกัน และทะเลาะทำให้เกิดความรุนแรงบ้านก็ไม่ สงบสุข ถ้าบ้านไม่สงบสุขก็อยู่กันไม่ร่มเย็น ดังนั้น จะต้องถอยกันคนละก้าว สองก้าว หรือสามก้าว แล้วค่อยเจอกัน พี่น้องจะได้อยู่กันอย่างร่มเย็น" พล.ร.อ.กำธรกล่าว


 


ที่ จ.บุรีรัมย์  พล.อ.อ.อิทธพร  ศุภวงศ์  ผบ.ทอ. พร้อมภริยา เดินทางไปทอดกฐินสามัคคีของกองทัพอากาศ  ที่วัดเขาลอย อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ โดย พล.อ.อ.อิทธพรกล่าวถึงกรณีที่ ผบ.ทบ.ระบุ หากตนเองเป็นนายกรัฐมนตรีและอยู่ในสถานการณ์ปัจจุบัน คงจะต้องลาออกเพื่อยุติปัญหาทั้งหมด ว่าขอไม่แสดงความคิดเห็นเรื่องการเมือง เพราะขณะนี้หลายฝ่ายได้พยายามที่จะแก้ไขปัญหาอยู่แล้ว


 


"สิ่งสำคัญที่สุดที่ฝ่ายทหารได้เน้นย้ำอยู่ตลอดเวลา   โดยเฉพาะผู้บัญชาการทหารบก  ที่ว่าทหารจะไม่อยู่ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด  แต่จะยืนอยู่เคียงข้างประชาชน และจะช่วยดูแลทุกฝ่ายเพื่อให้บ้านเมืองสงบสุข  ส่วนกรณีการพูดของผู้บัญชาการทหารบกเป็นความคิดเห็นส่วนตัว"  ผบ.ทอ.กล่าว


 


 


"สพรั่ง" ชี้อย่ากลัวเจ็บต้องรีบผ่าตัด


ทางด้าน พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร อดีตรองปลัด กระทรวงกลาโหม และอดีตผู้ช่วยเลขาธิการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ ขณะนี้ทหารจะออกมายึดอำนาจอีกหรือไม่ ว่า ขึ้นอยู่กับผลกระทบ และเหตุผลของผู้รับผิดชอบ เหตุผลเป็นตัวตัดสินว่ามีผลกระทบต่อความเสียหายต่อชาติบ้านเมืองหรือไม่ เหตุที่ไม่สงบ เพราะคนเลวทำให้ไม่สงบ ดังนั้นจะหยุดเลยคงไม่ใช่ เพราะต้องขจัดความเลวออกไปก่อน ความสงบจึงจะเกิดขึ้น วันนี้ต้องดูว่าใครสู้กับใคร ต้องคำนึงถึงชาติเป็นเรื่องสำคัญ เมื่อการเมืองกับการทหารเผชิญหน้า ต้องถามว่า ฝ่ายใดเพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ขณะนี้เป็นสงครามระหว่างความดีกับความชั่ว ไม่ใช่เรื่องการเมือง เมื่อถามว่า ทางออกประเทศชาติจะจบอย่างไร พล.อ.สพรั่งตอบว่า เหมือนคนไข้ไม่รู้จักรักษาโรค มัวแต่ ห่วง อย่าไปผ่าตัดกลัวเจ็บ หากเราผ่าเลยก็จบ แต่ไม่ใช่ว่าจะไปทำแรงๆเพื่อให้จบ แต่ต้องทำในสิ่งที่ควรทำ ไม่ได้ประชด ประชันใคร แต่คนที่ฟังอยู่ต้องรู้ว่าตนกำลังสื่ออะไรออกไป


 


 


ยุทหารปฏิวัติหากทำเพื่อชาติ


เมื่อถามว่า ปัญหาจะจบคล้ายเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ พล.อ.สพรั่งตอบว่า ไม่มีหรอก ถ้าท้าทายกัน คิดว่า หนังม้วนเดียวจบ สถานการณ์อย่างนี้ ทำให้เห็นชัดเจนว่า ม้วนเดียวจบ เมื่อถามว่า ทางออกของประเทศยังไม่จำเป็นต้องปฏิวัติ พล.อ.สพรั่งตอบว่า ไม่ได้พูดว่าไม่จำเป็น แต่ เมื่อสองฝ่ายเผชิญหน้าให้พูดกันด้วยเหตุผล หากเหตุผลกระทบต่อชาติบ้านเมืองเกิดแน่ สมัยที่ผมเป็นผู้ช่วย ผบ.ทบ. ผู้สื่อข่าวถามว่า จะปฏิวัติหรือไม่ ผมบอกว่า อย่าถามผล แต่ต้องถามเหตุ ถ้าเหตุมีไม่ต้องถามผล เพราะผลเกิดจาก เหตุ เหตุมีผลก็มี


 


เมื่อถามว่า หากทหารปฏิวัติแล้วผลดี มากกว่าผลเสีย ควรทำหรือไม่ พล.อ.สพรั่งตอบว่า ไม่ใช่ ได้หรือเสีย แต่จำเป็นหรือไม่จำเป็น หากทำเพื่อผลประโยชน์ ของประเทศก็ต้องทำ เพราะผลประโยชน์ของชาติสำคัญกว่า หากปล่อยให้อยู่อย่างนี้ พังกันหมด ทุกคนมัวแต่เอาตัวรอด อย่าเลี้ยงไข้ อย่าตามใจคนไข้ ถ้าเป็นโรคอะไร ต้องรักษาตามโรค และหากเป็นโรคร้ายก็ต้องรักษา หากทุกคนทำเพื่อประเทศชาติ ทุกอย่างจะไม่มีปัญหา บ้านเมืองขณะนี้หาคนจริงยาก คนเทียมเยอะ แต่บางคนที่ทำเพื่อ ส่วนรวมก็มี


 


 


ลูกป๋าโต้ข่าว ผบ.เหล่าทัพเข้าพบ


ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 18 ต.ค. ที่บ้านพักถนนสืบศิริ หน้ากองบัญชาการช่วยรบที่ 2 อ.เมือง จ.นครราชสีมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เดินทางมาพักตั้งแต่วันศุกร์ที่ 17 ต.ค. พล.ร.ท.พะจุณณ์ ตามประทีป หัวหน้าสำนักงานประธานองคมนตรีและเลขานุการส่วนตัวของพล.อ. เปรม ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. และผบ.เหล่าทัพ จะเข้าพบพล.อ.เปรมเพื่อหารือถึงสถานการณ์บ้านเมืองว่า ไม่มีผบ.เหล่าทัพเดินทางมาพบพล.อ.เปรมแต่อย่างใด มีเพียงพล.ท. โสภณ ดิษฐ์แย้ม แม่ทัพน้อยที่ 2 เข้าพบเท่านั้น


 


"ไม่มีหรอก พล.อ.เปรม ท่านมาพักผ่อนตามปกติของท่าน" เลขานุการส่วนตัวพล.อ.เปรม กล่าว


 


รายงานข่าวจากบุคคลใกล้ชิดพล.อ.เปรมเปิดเผยว่า พล.อ.เปรม เดินทางมาบ้านพัก จ.นครราชสีมา ตั้งแต่บ่ายวันศุกร์ และมีกำหนดกลับบ้านสี่เสาเทเวศร์ กทม. เย็นวันเสาร์ที่ 18 ต.ค. ซึ่งเป็นไปตามปกติที่วันหยุดสุดสัปดาห์ พล.อ.เปรมมักจะมาพักผ่อนที่บ้านโคราชหลังนี้ เนื่องจากผูกพันตั้งแต่สมัยเป็นแม่ทัพภาคที่ 2


 


 


"ป๋า"เตือนคนใกล้ชิดไปร่วมพันธมิตร


รายงานข่าวเปิดเผยอีกว่า พล.อ.เปรมได้เตือนพล.ร.ท.พะจุณณ์ให้ระวังเรื่องการให้ข่าวต่อสื่อมวลชน เพราะเกรงว่าข่าวที่ปรากฏออกไปจะทำให้พล.อ.เปรมเสียหาย หรือถูกดึงเข้าไปเกี่ยวข้องกับการเมือง เนื่องจากโดยส่วนตัว พล.ร.ท.พะจุณณ์มีเพื่อนทหารอยู่กลุ่มพันธมิตรด้วย


 


รายงานข่าวเปิดเผยต่อว่า นอกจากนี้ พล.อ.เปรม ยังเคยเอ่ยปากเตือน พล.ร.ท.พะจุณณ์ กรณีไปร่วมชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตร จน พล.อ.เปรมถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นคนสั่งเลขานุการส่วนตัวไปร่วมด้วย โดยพล.อ. เปรมไม่เพียงเตือน พล.ร.ท.พะจุณณ์เท่านั้น ยังเตือนบรรดาคนใกล้ชิดอื่นๆ ด้วย ทั้งนี้ พล.อ.เปรมระมัดระวังตัว เพราะเป็นผู้ใหญ่ของบ้านเมือง เกรงจะถูกดึงเข้าไปเกี่ยวข้องกับการเมืองที่กำลังขัดแย้งแตกแยกอย่างรุนแรงในขณะนี้ และที่ผ่านมาก็มักถูกดึงไปเกี่ยวข้องกับการเมืองตลอด


 


ที่มา: มติชนออนไลน์ ข่าวสด และไทยโพสต์

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net