การเมือง - สังคม

 

'พิภพ' แจงรอดูท่าทีของรัฐบาล ก่อนประกาศเคลื่อนพล

เว็บไซต์เดลินิวส์ - 18 ต.ค. นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึงกรณีกรรมการดำเนินยกร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 เพื่อตั้ง ส.ส.ร. จึงเสนอความเห็นต่อนายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภาและที่ประชุม 4 ฝ่าย ในวันจันทร์ที่ 20 ต.ค. นี้ว่า ขอดูสถานการณ์ก่อนว่า รัฐบาลมีวิธีดำเนินการอย่างไร พันธมิตรฯก็จะประชุม เพื่อประเมินสถานการณ์และกำหนดท่าทีก่อนประกาศให้กลุ่มผู้ชุมนุมรับทราบอีกครั้ง

 

สำหรับบรรยากาศการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ทำเนียบรัฐบาล เป็นไปอย่างคึกคัก เมื่อประชาชนทยอยมาร่วมฟังการปราศรัยหนาตา ขณะที่บนเวทีพันธมิตรฯ มีนายพิภพและ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง 2 แกนนำพันธมิตรฯ สลับกันขึ้นเวทีปราศรัย

 

สุทิน ขีดเส้นตุลาการ 21 ต.ค. สังคมจับตาไม่เป็นธรรม

เว็บไซต์แนวหน้า - นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม กรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน   กล่าวถึงกระแสข่าวปลด พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ว่า ขณะนี้ถือว่าบ้านเมืองมีสภาพไร้กฎเกณฑ์  ตนปล่อยวางแล้ว และหากมีเรื่องดังกล่าวจริงถือว่าเป็นเรื่องหยั่งรู้ และอยู่ในระดับที่ลึกมาก ซึ่งอยู่ในพื้นที่ไม่ได้รับข้อมูลข่าวสาร รู้เพียงอย่างเดียวว่าสถานการณ์บ้านเมืองในขณะนี้ทำให้คนในพื้นที่อึดอัดมาก หากมีอะไรเกิดขึ้นก็ไม่จำเป็นที่จะต้องขนคนกันเข้ามาเลย เพราะชาวบ้านเขาพร้อมจะมากันอยู่แล้ว

 

นายสุทิน ตั้งข้อสังเกตอุณหภูมิการเมืองภายหลังสถานการณ์ วันที่ 21 ตุลาคม ที่จะมีการพิพากษาคดีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ว่า  ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกระบวนการ ขณะนี้สังคมได้ติดตามดูกันอย่างใกล้ชิดว่าคำตัดสินจะมีความเป็นธรรมหรือไม่  ถ้าไม่มีก็นั้นหมายถึงการไปสู่ความเสื่อมของตุลาการ และองค์อื่นๆ แล้วก็จะมาถึงขีดที่สังคมรับไม่ได้ หมดความอดทน

 

"ขอยืนยันว่าพลังประชาชนไม่ยึดแนวทางขนประชาชนเพื่อมากดดัน เพราะถ้าเรายึดแนวทางนั้นเราก็ชนะมานานแล้ว แต่วันนี้แม้ไม่ระดมชาวบ้านเขาก็อยากออกมาอยู่แล้ว แต่เราไม่เลือกใช้ เพราะถ้าเลือก พันธมิตรฯก็คงอยู่ไม่ได้มาถึงวันนี้ หรือประชาธิปัตย์ก็คงหมดลมหายใจไปนานแล้ว แต่เราไม่อยากใช้ เราต้องยึดแนวทางสภาต่อไป เพื่อไม่ให้ประชาชนลำบากและประเทศบอบช้ำไปมากกว่านี้"

 

นายสุทิน กล่าวว่า วันนี้ใครทำอะไรเอาไว้ สักวันก็จะรู้ และจะคิดได้ว่า ตัวเองถลำลึกที่ทำอยู่เป็นประโยชน์หรือเป็นโทษ ทุกฝ่ายจะคิดได้ และประเทศไทยเป็นของทุกคน ไม่มีใครเป็นเจ้าของประเทศคนเดียว วันนี้แม้พลังประชาชนจะเจ็บแต่ขอให้รู้ว่าประชาชนนั้นเองก็จะเป็นผู้เสียประโยชน์

 

รมช.คลังโดนพันธมิตรฯสงขลาขับไล่หลังลงพื้นที่

เว็บไซต์เดลินิวส์ - 18 ต.ค. กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จ.สงขลา รวมตัวกันเดินทางไปชุมนุมหน้าบ้านพักนายเจือ ราชสีห์ ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ต.เกาะยอ อ.เมือง จ.สงขลา หลังทราบว่า นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ได้เดินทางไปร่วมรับประทานอาหาร

 

นายสาโรจน์ รักจันทร์ แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวว่า หลังจากจัดเตรียมประชาชนจำนวนหนึ่งไว้ขับไล่นายประดิษฐ์ ปรากฏว่านายประดิษฐ์ไหวตัวและหลบหนีออกจากโรงแรมไปก่อน จากการตรวจสอบภารกิจพบว่า นายประดิษฐ์ มีกำหนดไปรับประทานอาหารบ้านนายเจือ ก่อนเดินทางไปทอดกฐิน ที่วัดประตูชัย อ.สิงหนคร จ.สงขลา กลุ่มพันธมิตรฯ จึงเคลื่อนขบวนตามไปปักหลักที่หน้าบ้านนายเจือ

 

"ชาวบ้านต้องการกดดันนายประดิษฐ์ที่อยู่ในพรรคร่วมรัฐบาล จึงรวมตัวกันแสดงพลังไม่ต้อนรับ กระทั่งทราบว่านายเจือ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กลับให้การต้อนรับเป็นอย่างดี ทั้งที่มติพรรคร่วมไม่ร่วมสังฆกรรมกับรัฐบาลและพรรคร่วม แม้จะอ้างว่าการเดินทางครั้งนี้เป็นเรื่องส่วนตัว แต่เป็นสิ่งที่ประชาชนยอมรับไม่ได้และตอกย้ำให้ประชาชนไม่พอใจพฤติกรรมของนายเจือ ที่กระทำสวนทางความคิดของคนใต้ อีกทั้งยังให้เกียรติและยอมรับบุคคลที่กลุ่มพันธมิตรฯ เชื่อว่ามีส่วนสนับสนุนให้ฆ่าประชาชน เมื่อวันที่ 7 ต.ค. ที่ผ่านมา จึงพร้อมใจกันออกมาชุมนุมกดดันนายเจือและนายประดิษฐ์อย่างต่อเนื่อง" นายสาโรจน์ กล่าว

 

พันธมิตรฯ แจกวีซีดี-หนังสือ ตำรวจฆ่าประชาชน ประชาชนต่อแถวรับเพียบ หมดเกลี้ยง เตรียมผลิตรอบใหม่

เว็บไซต์แนวหน้า - ที่ทำเนียบพันธมิตรฯ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่บริเวณข้างเวที ปราศรัยใหญ่ในทำเนียบรัฐบาล เจ้าหน้าที่ของกลุ่มพันธมิตรฯ ได้นำวีซีดีภาพเหตุการณ์ พร้อมด้วยหนังสือ ตำรวจฆ่าประชาชน จำนวนอย่างละ 500 ชุด ซึ่งมีประชาชนที่มาร่วมชุมนุมให้ความสนใจมายืนต่อแถวเพื่อรับวีซีดี และหนังสือดังกล่าว จำนวนมาก ซึ่งใช้เวลาเพียง 20 นาที ซีดีและหนังสือดังกล่าวก็แจกจนหมด จึงสร้างความไม่พอใจให้กับประชาชนที่มายืนต่อแถวแล้วไม่ได้รับวีซีดีและหนังสืออย่างมาก โดยทางเจ้าหน้าที่ของพันธมิตรฯได้ประสาน กับผู้ชุมนุมว่าขณะนี้ทางพันธมิตรฯกำลังดำเนินการจัดทำซีดีและหนังสือเพิ่มอีกจำนวนมาก และจะนำมาแจกจ่ายในช่วงเวลา 17 .30 น. บริเวณ เต็นท์สีเหลือง หน้าประตู 1 ทางเข้าทำเนียบรัฐบาล จึงทำให้ผู้ร่วมชุมนุมรู้สึกสบายใจ และเดินไปรอรับแจกในบริเวณดังกล่าว

 

อย่างไรก็ตามในการแจกวีซีดี และหนังสือดังกล่าวกลุ่มพันธมิตรฯไม่ได้เก็บค่าใช้จ่ายใดๆ แต่ได้นำตู้มาวางเพื่อรับบริจาค จำนวน 3  ตู้ ประกอบไปด้วย ตู้รับบริจาคช่วยเหลือผู้ที่เสียชีวิตจากการสลายการชุมนุม ตู้บริจาคแก่ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ และตู้ที่บริจาคให้ทางเอเอสทีวี โดยผู้ชุมนุมเมื่อรับของแล้ว ก็บริจาคเงินใส่ตู้เป็นจำนวนมาก

 

สำหรับบรรยากาศบนเวทีปราศรัย ได้มีบุคคลมากหน้าหลายตา ต่างทยอยขึ้นเวที โดยมีเนื้อหาโจมตีเจ้าหน้าที่ตำรวจในช่วงที่มีการสลายการชุมนุม

 

"เสธ.แดง"อัดผบ.เหล่าทัพน่าเกลียดปฎิวัติผ่านทีวี

เว็บไซต์คมชัดลึก - 18 ต.ค. พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ"ลับ ลวง พราง" ทางสถานีวิทยุ 100.5 ถึงกระแสข่าวการปฏิวัติรัฐประหารของกองทัพว่า ที่ผ่านมาตนมีส่วนเกี่ยวข้องกับการปฏิวัติถึง 3 ครั้ง และการปฏิวัติที่ผ่านมาทุกครั้งต้องนำรถถังจากกองพันทหารม้าที่ 4 (ม.พัน4) มาใช้เป็นหลักในการปฏิวัติ ซึ่งขณะนี้รถถังวิ่งแทบไม่ไหวเพราะสร้างมาตั้งแต่สมัยก่อนตนเกิด แต่ครั้งนี้สิ่งที่น่าเกลียดที่สุดคือผบ.ทบ.และผบ.สส.ซึ่งเป็นเพื่อนของตน แต่งเครื่องแบบเต็มยศออกรายทีวี ซึ่งเหมือนกับการปฏิวัติและทั้ง4คนที่แต่งเครื่องแบบออกมานั้นเป็นการกดดันรัฐบาลให้ลาออก และเป็นการข่มขู่นายกฯ

 

ซึ่งการกระทำเช่นนี้เขาคิดที่จะปฏิวัติเงียบ เพราะหากจะมีการปฏิวัติที่โฉ่งฉ่างจะน่าเกลียด แต่นายกฯไม่กลัวเพราะเป็นรมว.กลาโหมจึงไม่ลาออก เพราะกองทัพไม่ใช่กองทัพของตัวเอง แต่เป็นกองทัพของทหารทั้ง 4 กองทัพ

 

"ข่าวออกมาว่า รัฐบาลจะนำสิงห์อีสาน รวมถึงกลุ่มอื่นเช่น กลุ่มคนวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการ กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือกลุ่ม 24 มิ.ย. ต้องยอมรับว่ามีฝ่ายซ้ายส่วนหนึ่งที่อยู่ในกลุ่มผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยที่เข้าป่า ซึ่งกลุ่มนี้ไม่เผาผีทหาร จะเห็นได้ว่า การปฏิวัติเมื่อวันที่ 19 ก.ย.ที่ผ่านมามีกลุ่มเสื้อแดง นปก.บุกกองทัพบก ซึ่งเป็นกำลังมหึมาที่ใหญ่กว่ากลุ่มพันธมิตร นี่คือกลุ่มหนึ่งที่เขาไม่ชอบทหารและหากทหารออกมาปฏิวัติก็มีข่าวว่า เขาเตรียมจะเผารถถัง โดยเอาน้ำมันเบนซินผสมโซล่าใส่ขวดแล้วปาเข้าไป ซึ่งต่างประเทศเขาทำกัน แต่ประเทศไทยยังไม่เคยทำกัน" พล.ต.ขัตติยะกล่าว

 

เมื่อถามว่า แสดงว่าหากมีการปฏิวัติจะถูกต่อต้านโดยกลุ่มนปช. พล.ต.ขัตติยะ กล่าวว่า ประชาชนไม่พอใจที่ผบ.เหล่าทัพรวม 4 คนแต่งเครื่องแบบเต็มยศมาข่มขู่รัฐบาล จึงมีกระแสข่าวว่า หากทหารออกมาครั้งนี้ จะเผารถถังให้ดู ซึ่งทหารคิดว่า การปฏิวัติโดยใช้กำลังจะไม่ชอบธรรม จึงลองแต่งเครื่องแบบ ข่มขู่นายกฯหวังว่านายกฯจะลาออก แต่ปรากฏว่า นายกฯไม่ลาออก ขณะนี้ประชาชนมองว่า ทหารคิดจะปฏิวัติ ไม่ว่าจะรับใบสั่งใครมาก็ตาม เพื่อไล่รัฐบาล ครั้งที่แล้วที่ทหารปฏิวัติมีคนมอบดอกไม้ให้ แต่ครั้งนี้ถ้าทหารปฏิวัติอีกครั้ง ประชาชนอาจวิ่งมาพร้อมขวดเบียร์ใส่ไฟและปารถถังเข้าไป ซึ่งเหตุการณ์อย่างนี้อันตรายถึงประเทศ ซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งเดียวที่ประชาชนท้าทายว่า หากปฏิวัติจะใช้ระเบิดขวดปาใส่

 

พล.ต.ขัตติยะ กล่าวว่า ส่วนทหารนักรบพระเจ้าตากนั้น เรายังคงไว้อยู่เพื่ออาสาศึกสองครั้ง ครั้งที่ 1 คือการอาสาไปรับตัวนาย สมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกฯออกจากรัฐสภาเมื่อวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา ครั้งที่ 2 คือ การสมัครเป็นผู้ช่วยเจ้าพนักงานเพื่อปกป้องสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แทนตำรวจเพราะศาลสั่งห้ามใช้ความรุนแรงกับม็อบ ซึ่งนักรบพระเจ้าตากเป็นการรวบรวมอดีตนายทหารจำนวน 100 กว่าคน ส่วนแผนการยึดทำเนียบ ยังคงใช้แผนเดิมคือใช้การปิดล้อม การตัดน้ำ ไฟ ใช้ลวดหนามล้อม 2 ชั้นตามถนน 7-8 ช่องทาง โดยร่วมกับเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งตนจะยิงสายไฟ ระเบิดน้ำประปา ฉีดน้ำจากรถสุขาเข้าไป

 

ป่วนใต้โจรถล่มอาวุธสงครามครูดับภรรยาเจ็บสาหัส

เว็บไซต์สยามรัฐ - เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่  18 ตค.   รตท.ธวัชชัย คงมั่น ร้อยเวร สภ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี รับแจ้งมีเหตุยิงกันบนถนนสายบ้านคลองต่ำ - บ้านท่าด่าน ม.4 บ้านคลองต่ำ ต.ปะนาเระ จึงนำกำลังไปที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พ.ต.อ.นฤชา สุวรรณลาภา ผกก.สภ.ปะนาเระ  ปรากฏว่าเป็นทางสายเปลี่ยวไปถึงพบรถยนต์อีซูซุ ปิกอัพ ตอนครึ่ง สีเงิน ทะเบียน บล 602 สงขลา  สภาพชนต้นมะพร้าว ข้างทาง ทำให้ด้านหน้ายุบเสียหาย ส่วนประตูและกระจกด้านคนขับ และกระจกหน้ารถมีรูกระสุนหลายรู ตรวจสอบภายในห้องโดยสาร พบผู้เสียชีวิต ทราบชื่อ นายรอหะ บินเฮ่ม อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 121/1 ม.3  บ้านท่าด่าน  ต.ตะโละกาโปร์ อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี ถูกยิงด้วยอาวุธปืนอาก้าเข้าบริเวณศรีษะ และแขนรวม 3 นัด นอกจากนี้ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บถูกนำส่ง รพ.ปะนาเระ ทราบชื่อ นางมัสนะ บินเฮ่ม อายุ 49 ปีภรรยา มีบาดแผลแขนขวาหักถูกแรงกระแทก  และเด็กชายอาราฟัต บิลเฮ่ม อายุ 5 ปี ลูกชาย มีบาดแผลแรงกระแทกที่ศรีษะบวมปูด  จากนั้นผู้บาดเจ็บส่งต่อไปยังโรงพยาบาลปัตตานี ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 80 เมตร พบปลอกกระสุนอาก้า จำนวน 3 ปลอก

 

สอบสวนทราบว่า ผู้ตายเป็นข้าราชการครู   อาจารย์1 โรงเรียนบ้านท่าด่าน (สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาที่ 2  ก่อนเกิดเหตุขณะขับรถยนต์กลับมาจากซื้อของที่ตลาดนัดในตัว อ.ปะนาเระ และกำลังมุ่งหน้ากลับบ้านพัก โดยมีภรรยาและลูกชาย อายุ 5 ขวบนั่งอยู่ด้านข้างผู้ตายมาด้วย ปรากฏว่ามาถึงที่เกิดเหตุมีคนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้รถยนต์กระบะยี่ห้อมิซซูบิชิขับตามประกบขวา จากนั้นใช้อาวุธปืนอาก้ากราดยิงทันที กระสุนถูกผู้ตายทำให้รถเสียหลักชนต้นไม้เสียชีวิตทันที ส่วนภรรยาและลูกถูกแรงกระแทกได้รับบาดเจ็บ

 

ส่วนสาเหตุการตายอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวน ว่าเป็นเรื่องส่วนตัวหรือสถานการณ์ใต้  หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้กระจายกำลังไล่ล่าคนร้าย เชื่อเป็นการสร้างสถานการณ์

 

สธ.ชี้หญิงสูบบุหรี่วัยทองเร็วขึ้น พร้อมทำรังไข่ฝ่อ-หมดระดูเร็ว

เว็บไซต์คมชัดลึก - ปลัด สธ. ระบุ มีหญิงไทยอยู่ในวัยทองกว่า 7 ล้านคน อายุเฉลี่ยหมดประจำเดือน 48 ปี หญิงที่สูบบุหรี่อาจเร่งเข้าสู่วัยทองเร็วขึ้น เนื่องจากเลือดไปเลี้ยงรังไข่น้อยลงทำให้รังไข่ฝ่อ ฮอร์โมนเพศลดลง เร่งจัดคลินิกบริการหญิงวัยทอง ป้องกันปัญหาสุขภาพและปัญหาครอบครัว เพราะขาดความรู้ความเข้าใจ

 

18 ต.ค. นายแพทย์ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุขกล่าวว่า ในวันที่ 18 ตุลาคมของทุกปี องค์การอนามัยโลกได้กำหนดให้เป็นวันสตรีวัยทองโลก (World Menopause Day) เพื่อรณรงค์ให้สตรีที่อยู่ในวัยทองมีความรู้ความเข้าใจถึงความเสี่ยงด้านสุขภาพที่จะเกิดตามมาหลังหมดประจำเดือน เป็นการป้องกันปัญหาสุขภาพในอนาคตของผู้สูงอายุผู้หญิงที่มีสาเหตุเกี่ยวพันกับฮอร์โมนเพศหญิง ในส่วนของประเทศไทย ผลสำรวจของกรมอนามัย พบว่า ขณะนี้มีผู้หญิงวัยทองกว่า 7 ล้านคน อายุเฉลี่ยหมดประจำเดือน 48 ปี แต่ในกลุ่มผู้หญิงที่สูบบุหรี่ ซึ่งขณะนี้มีประมาณ 300,000 คน อาจเข้าสู่วัยทองเร็วกว่าผู้หญิงทั่วไป เนื่องจากพิษบุหรี่ทำให้หลอดเลือดแข็ง ส่งเลือดไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆ รวมทั้งรังไข่ได้ไม่ดี ทำให้รังไข่ฝ่อ ผลิตฮอร์โมนได้น้อยลง จึงมีอาการของวัยทองเร็วขึ้น

 

นายแพทย์ปราชญ์ กล่าวต่อว่า กระทรวงสาธารณสุข จึงมีนโยบายให้จัดตั้งคลินิกส่งเสริมสุขภาพสตรีวัยทองในโรงพยาบาลทุกแห่ง และอบรมบุคลากรให้มีความรู้ความเข้าใจปัญหาหญิงวัยทอง เพื่อให้คำปรึกษา บำบัดรักษาอาการผิดปกติที่เกิดขึ้น และส่งเสริมสุขภาพผู้หญิงตั้งแต่ก่อนเข้าสู่วัยทอง อายุ 45 ปีขึ้นไป หากระบบนี้เข้มแข็งเชื่อว่า จะสามารถลดปัญหาโรคเรื้อรังในผู้สูงอายุผู้หญิงได้ด้วย ขณะนี้จัดตั้งคลินิกวัยทองได้แล้วประมาณ 300 แห่ง ตั้งเป้าหมายครบทุกแห่งภายในปี 2554

 

ด้านนายแพทย์ณรงค์ศักดิ์ อังคะสุวพลา อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า อาการวัยทองไม่ใช่โรค แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงของร่างกายตามธรรมชาติ เกิดจากรังไข่หยุดทำงาน ไม่มีการผลิตฮอร์โมนเพศ ทำให้ไม่มีประจำเดือน จะมีการเปลี่ยนแปลงได้ทั้งร่างกายและจิตใจ โดยมีอาการร้อนวูบวาบที่หน้าอก ลำคอ ใบหน้า ใจสั่น เหงื่อออก นอนไม่หลับ หงุดหงิดง่าย บางครั้งซึมเศร้า ปวดศีรษะ ปวดข้อ ความรู้สึกทางเพศลดลง ช่องคลอดแห้ง เจ็บเวลามีเพศสัมพันธ์ ปัสสาวะปวดแสบ ปัสสาวะบ่อยหรือกลั้นไม่อยู่ นอกจากนี้ พบมีผิวหนังแห้ง เล็บเปราะ ผมแห้งและร่วงง่าย ในระยะยาวมีโอกาสเสี่ยงโรคกระดูกพรุน มะเร็งเต้านม มะเร็งปากมดลูก และภาวะอ้วนลงพุงลักษณะ อาจทำให้มีไขมันในเลือดสูง เป็นโรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน หัวใจและหลอดเลือด อัมพฤกษ์อัมพาต ตามมา

 

ทั้งนี้ ผลสำรวจการใช้บริการคลินิกวัยทอง โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติปี 2549 พบว่า มีผู้หญิงที่รู้จักและใช้บริการค่อนข้างน้อย เพียงร้อยละ 31 ในจำนวนนี้เคยรับการตรวจร้อยละ 17 และเคยไปรับบริการปรึกษาร้อยละ 11 เท่านั้น จึงต้องเร่งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนมีความรู้เกี่ยวกับอาการวัยทอง และรู้จักคลินิกวัยทอง เพื่อให้มาใช้บริการมากขึ้น

 

นายแพทย์ณรงค์ศักดิ์ กล่าวต่อไปว่า อาการของวัยทองไม่ได้เกิดกับผู้หญิงทุกคน สิ่งที่น่าห่วงคือบางคนเมื่อมีอาการแล้วตนเองและคนในครอบครัวไม่เข้าใจ อาจจะเกิดปัญหาครอบครัวได้ง่าย มักพบเรื่องนี้ได้บ่อย เนื่องจากแม่มีอาการหงุดหงิดง่าย อารมณ์แปรปรวน หากมีลูกที่อยู่ในวัยรุ่น จะเกิดการกระทบกระทั่งกันได้ง่าย ขณะเดียวกันความสัมพันธ์กับสามี ก็อาจจะมีปัญหา จากความไม่เข้าใจและความต้องการทางเพศที่ลดลง

 

ดังนั้นคลินิกวัยทอง จะมีการประเมินอาการว่าผิดปกติมีมากน้อยเพียงใด ด้วยแบบประเมินตัวเองง่ายๆ เพื่อให้เกิดความเข้าใจยิ่งขึ้น และยังคัดกรองความเสี่ยงด้านสุขภาพ โดยวัดรอบเอว ชั่งน้ำหนัก วัดส่วนสูง คำนวณดัชนีมวลกาย วัดความดันโลหิต และติดตามสตรีที่เป็นกลุ่มเสี่ยงในชุมชนอย่างใกล้ชิด สำหรับการปฏิบัติตนเพื่อให้มีสุขภาพดีของหญิงวัยทอง คือ งดบุหรี่ ลดละการดื่มสุรา ชากาแฟ กินอาหารที่มีประโยชน์และมีไขมันต่ำ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้งครั้งละ 30 นาที นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ตรวจสุขภาพทุกปี หากมีอาการวัยทองสามารถปรึกษาแพทย์ที่คลินิกวัยทอง หรือสูตินรีแพทย์ที่โรงพยาบาลทุกแห่ง

 

 

ต่างประเทศ

 

จีนสารภาพต้องร่วมรับผิดชอบ กรณีนมปนเปื้อน สารเมลามีน

เว็บไซต์คมชัดลึก - ในบทสัมภาษณ์ที่ตีพิมพ์ในนิตยสารทางวิทยาศาสตร์ที่ออกเผยแพร่ในสัปดาห์นี้ นายกรัฐมนตรีเหวิน เจีย เป่า ของจีน บอกว่ารัฐบาลจีน ต้องร่วมรับผิดชอบบางส่วน สำหรับกรณีนมปนเปื้อนสารเมลามีน ที่ทำให้เด็กเล็กๆหลายหมื่นต้องป่วย นอกจากนั้นปัญหาก็ยังสั่นคลอนความเชื่อมั่นของผู้บริโภคทั่วโลกต่ออาหารที่นำเข้ามาจากจีน

 

ในการให้สัมภาษณ์เมื่อ 20 กันยายน และมีการนำบทสัมภาษณ์มาโพสต์เมื่อวาน ในเว็บไซต์ของนิตยสารสมาคมเพื่อวิทยาศาสตร์ก้าวหน้าอเมริกัน นายกรัฐมนตรีจีนบอกว่า รัฐบาลจีนเสียใจอย่างใหญ่หลวงต่อปัญหาการปนเปื้อนที่ทำให้เด็กต้องตายไปถึง 4 ราย และรัฐบาลรู้สึกว่าแม้ปัญหาจะเกิดที่ระดับบริษัท แต่รัฐบาลก็ต้องรับผิดชอบด้วย

 

บทสัมภาษณ์บางส่วน ซึ่งถูกนำมาตีพิมพ์เป็นภาษาจีนในหน้าหนังสือพิมพ์พีเพิ่ล เดลี่ย์ กระบอกเสียงของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ก็บอกด้วยว่า นายเหวิน บอกว่า รัฐบาลขาดแคลนระบบการตรวจสอบดูแลและการจัดการ

 

งานนี้ต้องถือว่าเป็นการออกมายอมรับผิดของฝ่ายผู้นำจีน ที่หาได้ไม่ค่อยบ่อยนัก โดยก่อนหน้านี้ ทางการจีนออกมาตำหนิทางผู้ที่ส่งนมดิบให้บริษัทผลิตนมผงว่าเติมสารเมลามีนลงในนมที่มีการผสมน้ำลงไป เพื่อให้น้ำนมผ่านมาตรฐานการตรวจสอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของระดับโปรตีน

 

นายกรัฐมนตรีบอกว่ากระบวนการผลิตผลิตภัณฑ์นม ตั้งแต่การรีดน้ำนมดิบ จนถึงการผลิตและการขนส่ง ทั้งหมดจำเป็นที่จะต้องผ่านมาตรฐานและการตรวจสอบตามที่กำหนด และเขาก็เคยย้ำว่า ไม่สามารถที่จะนำชีวิตและสุขภาพของผู้คนมาสังเวย เพื่อแลกกับการพัฒนาทางเศรษฐกิจได้ และอาหารทุกชนิด จะต้องได้มาตรฐานสากล