วานนี้ (16 ต.ค.) ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เวลา14.00 น. องค์คณะผู้พิพากษาออกนั่งบัลลังก์ อ่านคำสั่งคดีหมายเลขดำ ที่ 14/2551 ที่ นายชัยเกษม นิติสิริ อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ ร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้ทรัพย์สินที่ร่ำรวยผิดปกติและได้มาเนื่องจากการกระทำที่เป็นการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลและประโยชน์ส่วนรวมของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจำนวน 76,621,603,061.05 บาท พร้อมดอกผล ตกเป็นของแผ่นดิน
โดยศาลพิเคราะห์คำร้องแล้วเห็นว่า คดีอยู่ในอำนาจการพิจารณาพิพากษาคดีของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตามมาตรา 9 (4) ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ.2542และคำร้องชอบด้วยข้อกำหนดของศาล
จึงมีคำสั่งรับฟ้อง และให้ส่งสำเนาคำร้องให้ผู้ถูกกล่าวหา พร้อมปิดประกาศที่ศาลฎีกาและที่ทำการศาลซึ่งมีที่อยู่ของทรัพย์ พร้อมประกาศในหน้าหนังสือพิมพ์รายวัน จำนวน 3 วันติดต่อกัน ส่งสำเนาคำร้องให้บุคคลซึ่งครอบครองทรัพย์ และนัดพร้อมให้คู่ความมาศาล ในวันที่ 25 ธ.ค.นี้ เวลา 10.00 น.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ฝ่ายพ.ต.ท.ทักษิณ ผู้ถูกกล่าวหา ไม่มีผู้ใดรับมอบอำนาจมาร่วมฟังการพิจารณาคดีแต่อย่างใด คงมีฝ่ายอัยการโจทก์เท่านั้นที่เดินทางมาฟังคำสั่ง โดยนายเศกสรรค์ บางสมบุญ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ หัวหน้าคณะทำงานรับผิดชอบคดี กล่าวว่า เนื่องจากคดีนี้เป็นเรื่องคดีแพ่ง ที่ไม่มีโทษอาญาที่ต้องมีตัวจำเลยมาศาล ดังนั้นแม้ว่าจะไม่มีตัว พ.ต.ท.ทักษิณ มาศาลก็ไม่ทำให้กระบวนพิจารณาต้องหยุดชะงักลง แต่อย่างไรก็ดีต้องรอฟังกระบวนพิจารณาคดีที่ศาลจะมีคำสั่งอีกครั้งในนัดพร้อมที่ 25 ธ.ค.
สำหรับบัญชีเงินฝาก 16 บัญชีของ พ.ต.ท.ทักษิณ และครอบครัวชินวัตรที่ถูกอายัดไว้ในชั้น คตส.มีดังนี้ ธ.กสิกรไทย 36 ล้านบาท, ธ.กรุงเทพ 18,156 ล้านบาท, ธ.กรุงศรีอยุธยา 2,125 ล้านบาท, ธ.ทหารไทย 10 ล้านบาท, ธ.ไทยพาณิชย์ 39,634 ล้านบาท, ธ.ธนชาต 1,476 ล้านบาท, ธ.นครหลวงไทย 1 ล้านบาท
ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร 500 ล้านบาท, ธ.ยูโอบี รัตนสิน 492ล้านบาท, ธ.ออมสิน 15,748 ล้านบาท, ธนาคารอาคารสงเคราะห์ 200 ล้านบาท, ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย 10,000 ล้านบาท, บลจ.กสิกรไทย 208 ล้านบาท, บลจ.ไทยพาณิชย์ 2,237 ล้านบาท, บลจ.แอสเซทพลัส 172 ล้านบาท และศูนย์รับฝากหลักทรัพย์และที่ดิน 2,722 ล้านบาท
.
เรียบเรียงจาก นสพ.ข่าวหุ้นและแนวหน้า
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)