หมอพรทิพย์ระบุแก๊สน้ำตาจีนมีสารระเบิด ตั้งปมการเมืองบีบตำรวจสลายชุมนุม

หมอพรทิพย์บอกแก๊สน้ำตาจากจีนมีสารประกอบวัตถุระเบิด

พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม และเป็นอนุกรรมการสิทธิมนุษยชนตรวจสอบข้อเท็จจริงในกระบวนการยุติธรรม คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กล่าววานนี้ (12 ต.ค.) ที่สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ว่า การตรวจสอบและสาธิตยิงแก๊สน้ำตาพบสารระเบิดอาร์ดีเอ็กซ์จากการยิงแก๊สน้ำตาทั้งชนิดยิง และชนิดขว้างที่ผลิตจากสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยพบ 3 ชนิด จาก 6 ชนิด ที่ตำรวจใช้ในการสลายการชุมนุม

 

ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม และเป็นอนุกรรมการสิทธิมนุษยชนฯ กล่าวต่อว่า แก๊สน้ำตาที่นำมาตรวจเป็นชนิดที่ตรงกันกับที่ตำรวจและกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) นำมามอบให้ตรวจ นอกจากนี้ จากการตรวจบาดแผลผู้เสียชีวิตมีลักษณะแผลเฉพาะและขนาดแผลกระแทกเท่าแก๊สน้ำตาทรงกระบอกจากจีน ที่เจ้าหน้าที่รัฐใช้

 

พญ.คุณหญิงพรทิพย์ กล่าวอีกว่า จากข้อมูลที่ได้จากตำรวจที่ใช้แก๊สน้ำตา มีข้อมูลว่า แก๊สน้ำตาใช้ในวันที่ 7 ต.ค. 2551 เป็นแก๊สน้ำตาที่มีอยู่ตั้งแต่ปี 2538 และตำรวจผู้ใช้ไม่ได้เป็นผู้ซื้อ จึงไม่รู้ถึงความร้ายแรงว่า ถืออะไรอยู่ในมือในการปฏิบัติการครั้งนี้

 

 

ตั้งปมการเมืองบีบตำรวจสลายการชุมนุม

และวันนี้ (13 ต.ค.) พญ.คุณหญิงพรทิพย์ ให้สัมภาษณ์รายการ "เจาะลึกทั่วไทย" เอฟ เอ็ม 98 เมกะเฮริทซ์ เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม ถึงกรณี พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.แต่งตั้งให้ร่วมเป็นคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงเหตุการณ์วันที่ 7 ต.ค.ว่า ตอนนี้ตนทำงานในฐานะคณะกรรมการตรวจสอบสวนฯ ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และงานที่ ผบ.ตร.มอบให้นั้นยังตนไม่ได้ดำเนินการ ในช่วงบ่ายวันที่ 7 ต.ค. พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.เชิญไปร่วมประชุมกับคณะกรรมการประเมินสถานการณ์ร่วมฯ เพราะตนทำงานในภาคใต้ร่วมกับ ผบ.ทบ. และ ผบ.ทบ.คงเห็นว่าการทำงานของตนนั้นสังคมเชื่อถือจึงโยนเผือกร้อนมาให้ การประชุมวันนั้น ผบ.ตร.ก็อยากให้ตนมาช่วยงานนี้    

                                                                                     

"ทราบข้อมูลเกี่ยวกับการสลายการชุมนุมในวันนั้นว่า ตำรวจชั้นผู้ใหญ่สรุปว่าจะไม่ลุย แต่ก็โดนฝ่ายการเมืองบีบมาอีกที และยังทราบว่าผู้บังคับบัญชาสั่งการลูกน้องในพื้นที่ไม่ได้ และตั้งแต่วันนั้น ผบ.ทบ.ขอให้ไปช่วยทำงานมันก็ล่าช้า จน ผบ.ทบ.ถามว่าทำไมไม่ทำงานเสียที ก็ตอบไปว่า บช.น.ไม่ตอบสนองเลยในตอนนั้น จากนั้น ผบ.ตร.จึงแต่งตั้งคณะกรรมการชุดดังกล่าวที่มีหมออยู่ด้วยขึ้นมา และทราบว่าตำรวจชั้นผู้ใหญ่สั่งลูกน้องไม่ได้ เพราะมีมาสเตอร์มายด์ เพราะโดนฝ่ายการเมืองบีบให้ลุยตั้งแต่ตอนตี 2 แต่ ผบ.ตร.ต่อรองว่า ควรดำเนินการในช่วง 6 โมงเช้า" พญ.คุณหญิงพรทิพย์ กล่าว

 

เมื่อถามว่า ผู้สั่งการในวันนั้น คือ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตรองนายกฯ ในขณะนั้น และ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รมว.มหาดไทย พญ.คุณหญิงพรทิพย์ กล่าวว่า ตนไม่ขอพูด เพราะเป็นข้อมูลจากการรายงานในที่ประชุม เพราะอาจมีคนสั่งการมากกว่าสองคน และขอให้ไปสอบถาม ผบ.ตร.ดีกว่า

 

พญ.คุณหญิงพรทิพย์ กล่าวว่า ข้อมูลข้างต้นนั้นเป็นการพูดคุยกันนอกรอบการประชุม และตนไม่ทราบว่าใครสั่งใครแต่เท่าที่ทราบนั้นผู้บัญชาการเหตุการณ์ในวันนั้นมีหลายคน ฉะนั้นสิ่งที่ตนสรุปจากผลการประชุมในวันนั้นคือ 1.วันนั้นทำไมมีเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายชุด และหลายเครื่องแบบ โดยหนึ่งในนั้นคือตำรวจตระเวนชายแดน

 

2.อาวุธและแก๊สน้ำตาเบิกมาจากหน่วยใด 3.ผู้ปฏิบัติการในวันนั้นเคยผ่านการฝึกหรือไม่ 4.ผู้ใหญ่บางคนในที่ประชุมวันนั้น ตั้งข้อสังเกตว่าวันนั้นยิงเพียงสามนัดก็พอ ทำไมยิงเป็นร้อยนัดแบบนั้น 5.คำสั่งในวันนั้นใครสั่ง 6.เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการในวันนั้นทำไมประเมินว่าสลายการชุมนุมช่วงเช้าแล้ว ทำไมต้องสลายต่อในช่วงเย็นด้วย เรื่องเหล่านี้หลายคนอิหลักอิเหลื่อที่จะพูด แต่ข้าราชการควรพูดความจริงกันได้แล้วว่าใครสั่ง   

 

พญ.คุณหญิงพรทิพย์ กล่าวว่า ขอเรียนว่า นิติวิทยาศาสตร์ทำงานเพื่อพิสูจน์และแสวงหาความจริงไม่ได้ทำงานเพื่อใคร วันนี้ขอถามสังคมไทยว่าใช้ตนพอหรือยัง ทำไมไม่ตั้งโจทย์ว่าทำไมไม่ทำงานโดยใช้ระบบ ไม่ใช่อะไรๆก็ตน เสร็จงานนี้ตนจะได้กลับลงไปทำงานในภาคใต้ เพราะตนโดนพันธมิตรฯ บริภาษอย่างมากว่าหาประโยชน์จากเหตุการณ์และพาดพิงว่า ตนใกล้ชิดกับรัฐบาลนี้ หากพันธมิตรฯ ยังพูดกันแบบนี้ตนจะทำงานได้ยาก

 

 

ไม่ทราบเหตุผลพันธมิตรฯ ดิสเครดิต แต่พันธมิตรฯ และรัฐบาลต้องรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้น

เมื่อถามว่า ผบ.ทบ.ขอให้มาช่วยงานแต่ทำไมโดนพันธมิตรฯ โจมตี พญ.คุณหญิงพรทิพย์ กล่าวว่า ไม่ทราบ ต้องไปถามพันธมิตรฯ ตนมีหลักทำงานคือเพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เพราะตนเป็นข้าราชการที่ต้องทำงานให้ลุล่วงในระบบ และใครจะสั่งตนให้ซ้ายหันขวาหันไม่ได้

 

เมื่อถามว่า พันธมิตรฯ ดิสเครดิตทำไม พญ.คุณหญิงพรทิพย์ กล่าวว่า ไม่รู้ ตนเข้าใจว่าหากใครเดินในเส้นทางเดียวกันคือพวกเดียวกัน หากใครไม่มาร่วมประท้วงคือคนละพวก ตนนั้นต่อต้านการประท้วงตั้งแต่สมัย 14 ตุลา 16 แล้ว แม้จะเห็นด้วยในหลักการแต่ตนคิดว่าไม่ควรไปชุมนุม ตอนนั้นตนโดนทั้งตำรวจและนักศึกษากล่าวหาเลย ฉะนั้นตนขอเตือนว่าทุกคนรู้ดีว่าใครทำในสิ่งที่ถูก - ไม่ถูก แต่ไม่ควรระรานคนอื่นและหยุดพูดในสิ่งที่ไม่รู้จริง

 

เมื่อถามว่า การทำงานนี้อาจโดนมองว่าไม่เอื้อประโยชน์กับพันธมิตรฯ พญ.คุณหญิงพรทิพย์ กล่าวว่า ตนไม่ขอพูด เพราะเรื่องนี้ตนจบแล้ว ขอเรียนว่าพันธมิตรฯ ต้องดูแลผู้ชุมนุมและรัฐบาลต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น

 

เมื่อถามว่าผลทดสอบการยิงและขว้างแก๊สน้ำตาที่สลายการชุมนุมนั้นมาจากจีน อเมริกาและสเปน และพบว่าอานุภาพของจีนแรงที่สุด พญ.คุณหญิงพรทิพย์ กล่าวว่า ดังที่เห็นในภาพ ตนไม่ขอพูด

 

เมื่อถามว่าได้ตรวจสอบรถจิ๊ประเบิดที่ด้านหน้าพรรคชาติไทยแล้วหรือยัง พญ.คุณหญิงพรทิพย์ กล่าวว่า ทีมงานตรวจสอบแล้วและส่งผลให้ตำรวจแล้วตนไม่ขอพูด

 

"เหตุแก๊สน้ำตาและรถจิ๊ปนั้นมันต้องมีคำตอบทั้งสองเรื่อง" พญ.คุณหญิงพรทิพย์ กล่าว

 

 

มาร์คไม่มั่นใจคณะกรรมการอิสระจากรัฐบาลสอบ 7 ต.ค. เชื่อยุบสภาคือทางออก

ขณะที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี แถลงการณ์ผ่านสถานีโทรทัศน์เมื่อค่ำวานนี้ว่า ไม่มีอะไรเพิ่มเติม เนื่องจากกล่าวมาแล้วหลายครั้ง ซึ่งการแสดงความรับผิดชอบทางการเมืองเป็นสิ่งสำคัญ รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งต้องรับผิดชอบ ส่วนคณะกรรมการ 2 ชุดที่รัฐบาลตั้งขึ้นนั้น ตนกังวลว่าจะมีความอิสระและสามารถหาข้อเท็จจริงได้เพียงใด เนื่องจากแต่งตั้งจากผู้ที่มีอำนาจและต้องรายงานผลต่อผู้มีอำนาจ ซึ่งมองว่าจะเอาผิดได้แค่เจ้าหน้าที่เท่านั้น อย่างไรก็ตาม เห็นว่าองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ควรจะเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องดังกล่าว โดยรัฐบาลต้องให้ความร่วมมือ

 

นอกจากนี้ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยืนยันว่า การยุบสภาจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด เพราะจะเป็นความชอบธรรมต่อทุกฝ่าย ส่วนการนำสภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือ ส.ส.ร. มาเป็นเงื่อนไขนั้น ตนยังมองไม่เห็นว่าจะแก้ปัญหาได้ แต่จะเป็นการสร้างเงื่อนไขความขัดแย้งขึ้นมาใหม่

 

ที่มา: มติชนออนไลน์ และไทยรัฐ

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท