ศาลอุทธรณ์ถอนหมายจับข้อหากบฏ 9 แกนนำพันธมิตรฯ/ ให้ประกันตัว "จำลอง"-"ไชยวัฒน์"

9 ต.ค.51  เวลาประมาณ 10.00 น.ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาให้เพิกถอนหมายจับ 9 แกนนำพันธมิตรฯ ในข้อหากระทำการเพื่อเป็นกบฏ และสะสมกำลังคนหรืออาวุธเพื่อเป็นกบฏ รวมทั้งความผิดที่เจ้าพนักงานสั่งให้เลิกการมั่วสุมและไม่เลิก ตาม ป.อาญา มาตรา 113,114 และ216 เนื่องจากศาลเห็นว่าการตั้งข้อกล่าวหายังไม่มีเหตุผลอันควร และค่อนข้างจะเลื่อนลอย

ส่วนข้อหากระทำการให้ปรากฏต่อประชาชนด้วยวาจาหรือวิธีการอื่นใด ทำให้เกิดความกระด้างกระเดื่อง จนเกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง และมั่วสุมตั้งแต่สิบคนขึ้นไป ตามป.อาญา มาตรา 116 และ215 นั้น ศาลเห็นว่า ตามคำร้องของพนักงานสอบสวนมีเหตุอันควรที่จะออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 9 ได้ จึงมีคำสั่งให้ออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 7 คน ใหม่ในข้อหา 116 และ 215 และให้ยกคำร้องที่ผู้ต้องหาทั้ง 9 ขอให้ศาลระงับการบังคับตามหมายจับ

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนี้กระบวนการก็กลับไปสู่การยื่นขอประกันตัวผู้ต้องหาได้ใหม่ในทันที

ด้านนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพธม. ให้สัมภาษณ์กรณีการเพิกถอนข้อหากบฏว่า หากมีการเพิกถอนข้อหากบฏ ก็พร้อมเข้ามอบตัวข้อหาอื่น เพราะข้อหาที่เหลือเป็นเรื่องเล็ก และจะขอประกันตัวออกมา แต่ถ้าไม่ให้ประกันก็จะให้ พธม.ไปกดดัน แต่ยืนยันว่าการชุมนุมที่ทำเนียบยังมีต่อไปจะไม่ถอย นอกจากรอวันถูกสลาย

 

นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความพันธมิตร กล่าวว่า ในเบื้องต้นจะเตรียมหลักทรัพย์เพื่อเตรียมยื่นประกันตัวนายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ และพล.ต.จำลอง ศรีเมือง ออกมาจากเรือนจำ

 

 


ศาลให้ประกันตัว "จำลอง"-"ไชยวัฒน์"

ล่าสุด ศาลอาญาอนุญาตให้ประกันตัว พล.ต.จำลอง และ นายไชยวัฒน์ สองแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดย นายอโณทัย ฤทธิปัญญาวงศ์ ใช้ตำแหน่ง สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ระบบสรรหา ค้ำประกัน โดยศาลได้ตีวงเงินประกันคนละหนึ่งแสนบาท โดยไม่มีเงื่อนไข

 

ขั้นตอนจากนั้น เจ้าหน้าที่ของศาลจะนำคำสั่งให้ประกันตัวไปยื่นต่อเรือนจำพิเศษ กรุงเทพมหานคร เพื่อปล่อยตัวออกมา ขณะที่พลตรีจำลอง และนายไชยวัฒน์ ไม่ขัดข้องที่จะมีการประกันตัว

  

พล.ต.จำลองกล่าวว่า ตนและนายชัยวัฒน์ไม่รู้สึกอะไรที่ต้องอยู่ในเรือนจำ เพราะเคยติดมาแล้ว 3 คุก ทั้งคุกทหาร คุกตำรวจ คุกพลเรือน จากนี้จะไปร่วมชุมนุมกับพันธมิตรฯ ต่อไป ขณะที่นายรัฐพร โตประยูร ทนายความ กล่าวว่า จะฟ้องกลับสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อเอาผิดกับผู้เกี่ยวข้องที่ขอออกหมายจับแน่นอน โดยแนวทางต่อสู้จะเป็นไปตามกฎหมาย

  

ด้านนายสนธิ ลิ้มทองกุล หนึ่งในแกนนำพันธมิตรฯ กล่าวว่า ข้อหากบฏที่รัฐบาลยัดเยียดให้เป็นเจตนากลั่นแกล้ง ตำรวจวันนี้โกหกพกลม ไม่เคยให้ความเป็นธรรม ที่ผ่านมาได้ต่อสู้เพื่อให้เพิกถอนหมายจับมาตลอด เพราะข้อหาดังกล่าวเป็นเท็จ คดีอื่นเป็นมโนสาเร่ คดีจิ๊บจ๊อย เช่น การบุกรุกสถานที่ราชการ การทำลายทรัพย์สิน การมอบตัวจะขึ้นอยู่กับข้อกล่าวหาของตำรวจ โดยอาจจะไปมอบตัวอย่างลับๆ จนถึงวันนี้เป็นข้อพิสูจน์ได้ว่าพันธมิตรฯ ไม่ผิด และจะไม่ออกจากทำเนียบรัฐบาล จะรอให้ตำรวจมาสลายเอง

  

นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตรฯ กล่าวถึงกรณีที่ศาลอุทธรณ์ยกเลิกคดีหมายจับข้อหากบฏทั้ง 9 แกนนำ รวมถึงศาลปกครองได้มีมาตรการชะลอคำสั่งเข้าสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ว่า ตรงนี้ไม่ใช่เงื่อนไขที่พันธมิตรฯ จะยุติการชุมนุม แต่เรามีเป้าหมายที่จะขับไล่รัฐบาลนอมินีที่ไม่มีความชอบธรรมให้พ้นออกไป สำหรับมาตรการของการชุมนุมในครั้งต่อไปจะยกระดับความเข้มข้นขึ้นหรือไม่ คงต้องมีการประชุมหารือร่วมกัน ส่วนการจะมอบตัวสู้คดีของแกนนำที่เหลือคิดว่าไม่น่าจะเป็นปัญหา หากมีเพียงการตั้งข้อหามั่วสุมหรือบุกรุก ก็จะไปมอบตัว แต่เรื่องนี้คงต้องมีการหารือร่วมกันอีกครั้ง

  

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เมื่อศาลอุทธรณ์เพิกถอนหมายจับคดีกบฏ รัฐบาลก็เคารพคำวินิจฉัยของศาลและไม่มีความเห็นเป็นอย่างอื่น และเพื่อดำรงความมุ่งหมายและสันติวิธีเพื่อคลี่คลายความขัดแย้ง นายกฯ ในฐานะกำกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่มีนโยบายในการยื่นฎีกาเพื่อขออนุมัติหมายจับกบฏทั้ง 9 คน ซึ่งถือว่าในส่วนของรัฐบาลก็จะยุติกรณีนี้เพียงเท่านี้

  

นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคพลังประชาชน กล่าวว่า การที่ศาลเพิกถอนหมายจับข้อหากบฏ 9 แกนนำ ไม่น่าจะเกิดผลดีต่อสถานการณ์ขณะนี้ เพราะดูจากพฤติการณ์ของคนเหล่านี้น่าเป็นห่วง ศาลเพิกถอนเพียงหมายจับ แต่ไม่ได้เพิกถอนข้อหากบฏ ในส่วนของคดีในข้อหาก็ยังคงอยู่เหมือนเดิม ต่อไปเจ้าหน้าที่ก็หมายเรียกหรือให้มีการมอบตัวได้ ขณะที่นายปัญญา ศรีปัญญา ส.ส.ขอนแก่น พรรคพลังประชาชน กล่าวว่า การปล่อยตัว พล.ต.จำลองและนายไชยวัฒน์ เชื่อว่าจะยิ่งทำให้มีการเคลื่อนไหว บีบและกดดันให้นายกฯ ยุบสภาโดยเร็ว ซึ่งจะเข้าทางตามแผนที่พันธมิตรฯ วางไว้ให้มีการเลือกตั้งรูปแบบใหม่

  

พล.ต.ต.อนันต์ ศรีหิรัญ ผบก.น.1 เปิดเผยว่า ได้รับการประสานจากกลุ่มแกนนำพันธมิตรฯ เพื่อขอเข้ามอบตัวในวันที่ 10 ต.ค.นี้ แต่ยังไม่ทราบเวลาและสถานที่แน่ชัด ซึ่งจะจัดเจ้าหน้าที่ไว้สอบปากคำและแจ้งข้อหา เชื่อว่าสถานการณ์ไม่น่าจะวุ่นวาย

  

ด้าน พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น. กล่าวว่า ที่นายสนธิระบุว่าข้อหาที่เหลือเล็กน้อยนั้น การจะเข้ามอบตัวต้องเข้าใจข้อหาก่อน ที่ศาลอนุมัติหมายจับและข้อหายังอยู่นั้นคือยุยงปลุกปั่นให้กระด้างกระเดื่องต่อแผ่นดิน อัตราโทษ 7 ปี และสมคบกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปก่อความวุ่นวาย อัตราโทษจำคุก 5 ปี ซึ่งไม่ถือว่าเป็นความผิดเล็กๆ และยังมีคดีค้างเรื่องหมิ่นพระบรมเดชานุภาพอีก

  

"อยากฝากด้วยว่า ไม่จำเป็นต้องมาเร่งรัดผมให้รีบไปจับเจ๊ดา (น.ส.ดารณี ชาญเชิงศิลปกุล) ขณะนี้สรุปสำนวนเสร็จเรียบร้อยและส่งอัยการฟ้องแล้ว แต่ของนายสนธิและนายสมเกียรติยังคาราคาซังอยู่ เนื่องจากยังไม่ยอมเข้ามาให้การ ส่วนการติดต่อมามอบตัวนั้นผมยังไม่ได้รับการติดต่อ แต่อาจจะมีการติดต่อผ่านผู้อื่น แต่เมื่อจะติดต่อมอบตัวก็ถือเป็นเรื่องดี เพราะจะได้หักล้างข้อกล่าวหาตามกระบวนการยุติธรรม และการมอบตัวก็สามารถทำได้ แต่จะได้รับการประกันตัวหรือไม่ต้องว่ากันไปตามกระบวนการ" พล.ต.ต.อำนวยกล่าว และว่า แกนนำที่เหลือ ยกเว้นนายสมเกียรติ หากตำรวจพบก็จำเป็นต้องจับกุมในข้อหาที่เหลือ แต่จะมีการแจ้งข้อหากบฏเพิ่มเติมหรือไม่ต้องดูรายละเอียดอีกครั้ง

  

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 17.00 น. นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ ได้ขึ้นเวทีพันธมิตรฯ โบกมือให้ผู้ชุมนุมที่โห่ร้องต้อนรับแสดงความยินดี ก่อนจะขอตัวกลับบ้านพักและให้สัมภาษณ์ว่า ขณะที่อยู่ในคุกไม่ได้รับอภิสิทธิ์อะไร และไม่ได้ถูกขังเดี่ยว ถูกขังรวมกับนักโทษอื่นๆ ซึ่งตอนอยู่ในคุกนอกจากจะคิดถึงมวลชนแล้วยังคิดถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ว่าถ้ามาอยู่ในคุกเรา 2 คนก็จะเท่ากัน ไม่ว่าจะรวยขนาดไหนก็ใช้เงินได้ไม่เกินวันละ 200 บาทเหมือนกัน และเชื่อว่าหากนายสมัคร สุนทรเวช เข้ามาก็คงจะทำใจไม่ได้เช่นกัน ตนเองติดคุกครั้งแรกในชีวิตอายุเกือบ 60 ปี แต่ พล.ต.จำลองนั้นติดมา 3 คุกแล้ว ถือว่าเป็นชาย 3 คุก การที่รัฐบาลนายสมชายใช้ความรุนแรงกับพันธมิตรฯ ถือว่าไว้เนื้อเชื่อใจไม่ได้แล้ว ท่าทีการเจรจาจะเกิดขึ้นได้อย่างไร เหตุที่เกิดขึ้นละอายที่ออกมาร่วมต่อสู้ด้วยไม่ได้ หากมีโอกาสชดเชยก็ยินดีที่จะทำ

 

ศาลให้ประกันตัวนักรบศรีวิชัย เพิ่มอีก 3

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า วันเดียวกันนี้ นางรัศมี ไวยเนตร ทนายความด้านสิทธิมนุษยชน สภาทนายความ ได้ยื่นคำร้องขอประกันตัว 7 นักรบศรีวิชัยที่บุกรุกเข้าไปในสถานีโทรทัศน์เอ็นบีทีซึ่งเป็นชุดสุดท้ายในจำนวนทั้งหมด 82 คน ซึ่งศาลอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว 3 คน คือ นายจีรวัฒน์ คงหนู, นายวิเชียร เขียวเล็ก และนายมานิต อรรถรัฐ โดยตีหลักทรัพย์คนละ 2 แสนบาท ส่วนนายจำแลง คุ้มสังข์, นายสุรสิทธิ์ แย้มประชา, นายสุรเดช วราภรณ์ และนายอำไพ ศิริชยานนท์ เอกสารประกอบคำร้องยังไม่ครบถ้วน

 

 

 

..........................

ที่มา: บางส่วนจากไทยโพสต์

 

หมายเหตุแก้ไขเพิ่มเติม เมื่อ 05.00น. 10 ต.ค. 51

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท