Skip to main content
sharethis

เมื่อเวลา 13.30 น.มีการประชุมสภาผู้แทนราษฏร มีนายชัย ชิดชอบประธานสภาผู้แทนราฏร เป็นประธานการประชุม โดยที่ประชุมได้รับทราบพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม แต่งตั้ง นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี นอกจากนี้ที่ประชุมยังเห็นชอบตามที่คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการใช้ การปฏิบัติตามและการแก้ไขเพิ่มเติม รัฐธรรนนูญแห่งราชอาญาจักรไทยพ.ศ. 2550 โดยขยายเวลาการพิจารณาเรื่องดังกล่าวออกไปอีก 30 วัน ตามที่นายสุขุมพงษ์ โง่นคำ ส.ส.สัดส่วนพรรคพลังประชาชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญฯเป็นผู้เสนอ



 


 นายสุขุมพงศ์ โง่นคำ ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน ในฐานะประธานกรรมาธิการ ชี้แจงว่า คณะกรรมาธิการต้องศึกษาอย่างละเอียด โดยมีการตั้งคณะอนุฯ 5 ด้าน ปรากฏว่า การรับฟังความคิดเห็นหลากหลาย และยังมีการเรียกร้องการเมืองแบบใหม่ คณะกรรมาธิการมองว่า หากจะรีบทำให้เสร็จก็ทำได้ แต่จะขาดความรอบคอบ ฉะนั้นจึงขอขยายเวลาอีก 30 วัน และคาดว่าจะเสร็จตามกำหนด



 


นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ และประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคฝ่ายค้าน(วิปฝ่ายค้าน) กล่าวสนับสนุนให้ขยายเวลา และขอให้มีรายงานการศึกษาออกมาอย่างละเอียด อย่างไรก็ดี ขณะนี้มีการตั้งคณะกรรมาธิการขึ้นมามากมาย แต่การทำงานซ้ำซ้อน ห้องประชุมไม่เพียงพอ และยังเปลืองงบประมาณ จึงขอให้ประธานสภาพิจารณาด้วย ทำให้ นายชัย กล่าวว่า จะเชิญประธานคณะกรรมาธิการสามัญ 35 คณะ และวิปฝ่ายค้าน วิปรัฐบาล มาหารือเพื่อไม่ให้การทำงานซ้ำซ้อน และได้ประโยชน์มากที่สุด



 


ต่อมาที่ประชุมได้มีการพิจารณาเรื่องด่วน ร่าง พ.รบ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ....ตามที่คณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอ โดยนาย สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รักษาการ รมว.ยุติธรรม และร่าง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ....ตามที่นายจุมพฎ บุญใหญ่ ส.ส. สกลนคร พรรคพลังประชาชนและคณะเป็นผู้เสนอ



 


ทั้งนี้ก่อนเข้าระเบียบวาระการประชุม ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์นำโดย สาทิตย์ วงษ์หนองเตย ส.ส.ตรัง ในฐานะธานคณะกรรมการประสานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) นายนิพิฎฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง และนายวิรัตน์ กัลยาศิริ ส.ส.สงขลา ได้อภิปรายพร้อมตั้งข้อสังเกตว่าการพิจารณากฏหมายในระหว่างที่เป็นรัฐมนตรีรักษาการไม่น่าจะเหมาะสม เพราะนายกรัฐมนตรีได้รับการโปรดเกล้าไปแล้ว แต่คณะรัฐมนตรียังไม่ได้รับการโปรดเกล้า จึงอยากให้มีรัฐมนตรีขึ้นมารับผิดชอบอย่างเป็นทางการก่อน



 


ด้าน นายสมพงษ์ ชี้แจงว่า ตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญแม้จะกำหนดให้ความเป็นนายกรัฐมนตรีพ้นสภาพไปเป็นการเฉพาะตัว แต่ให้มีการรักษาการครม.ขึ้นมาปฏิบัติหน้าที่ไปจนกว่าจะมีรัฐมนตรีชุดใหม่ขึ้นมาทำหน้าที่ดดังนั้นครม.รักษาการจึงมีสิทธิ์ในการเสนอกฎหมายฉบับดังกล่าวได้



 


จากนั้นนายสาทิตย์ ตั้งข้อสังเกตว่า ก่อนหน้านี้พรรคประชาธิปัตย์ได้มีการยื่นกระทู้สดถามรัฐมนตรีเกี่ยวกับผลกระทบทีเกิดขึ้นกับประชาชน แต่ประธานสภาผู้แทนราษฏรระบุว่า รัฐมนตรีรักษาการไม่สามารถมาชี้แจงได้  แต่พอจะเสนอกฎหมายกลับสามารถทำได้ทั้งๆ ที่เป็นรักษาการ ดังนั้นจึงอยากให้มีบรรทัดฐานด้วย ก่อนที่จะมีการพิจารณากฏหมายสำคัญ



 


หลังจากที่มีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวางจากนั้นที่ประชุมได้ข้อสรุปตรงกันว่า รัฐมนตรีรักษาการ สามารถที่จะเสนอกฎหมายเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมได้ แต่เนื่องจากขณะนี้มี พ.ร.บ.สองฉบับมีชื่อเดียวกันแต่คนละหลักการและเหตุผล โดยเป็นของ รัฐมนตรีเสนอ และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคพลังประชาชนเป็นผู้เสนอ นายชัย จึงได้เสนอให้นำ พ.ร.บ.ทั้งสองฉบับมาพิจารณารวมกัน ซึ่งในที่สุดที่ประชุมมีมติเห็นชอบด้วยคะแนน 192 ต่อ 65 เสียง ให้นำ พ.ร.บ.ทั้งสองฉบับมาพิจารณารวมกัน



 


จากนั้น นายสาทิตย์ อภิปรายว่า พ.ร.บ.ฉบับนี้เป็นฉบับแรกที่เสนอโดย ครม.จึงอยากถามว่าเพราะเหตุใดจึงต้องมีการเร่งรีบในการเสนอกฎหมายดังกล่าวนี้เข้ามา และพ.ร.บ.เดิมที่มีอยู่มีปัญหาในการปฎิบัติอย่างไรและเกิดผลกระทบอย่างไร ต่อ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน นอกจากนี้ยังมีการอ้างถึงความจำเป็นที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ส่งเรื่องมาหารือ ปปง.เรื่องความจำเป็นในการเสนอ พ.ร.บ.ดังกล่าวนี้ จึงอยากให้หน่วยงานที เกี่ยวข้องโดยเฉพาะรับมนตรีได้ชี้แจงหนังสือของ ธปท.ด้วยว่ามีเหตุผลอย่างไรบ้าง



 


"สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือการแก้ไขเพิ่มเติมในมาตรา 16 ที่กำหนดให้ผู้ประกอบอาชีพต้องรายงานธุรกรรม ในวรรค 6 ที่ได้มีการเพิ่มผู้ประกอบอาชีพ อื่นซึ่งอาจมีการใช้เป็นช่องทางการฟอกเงินโดยโดยง่าย ทั้งนี้ตามที่กำหนดในกระทรวง โดยวรรคนี้ไม่ได้มีการระบุอาชีพอย่างชัดเจน ถือเป็นการเปิดช่องว่าให้ใช้ดุลพินิจในการพิจารณา ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติได้โดย ในเฉพาะรัฐมนตรี และ เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน ที่อาจจะนำไปสู่การกลั่นแกล้งทางการเมือง หากรัฐมนตรี หรือผู้ปฏิบัติหน้าที่ไม่มีคุณธรรม  ที่สำคัญอาจจะเป็นการเปิดช่องให้เจ้าหน้าที่ใช้ดุลพินิจในการแสวงหาผลประโยชน์" นายสาทิตย์ กล่าว



 


ส.ส.ตรัง กล่าวว่า สำหรับร่างกฎหมายฉบับในส่วนที่ ส.ส.เสนอ หากไปตามหลักการและเหตุผลตามที่ ส.ส.พรรคพลังประชาชนเสนอในการเพิ่มความผิดมูลฐาน ที่ครอบคลุมเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์ตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ จะเป็นเรื่องดีในการติดตามโครงการสร้างผู้ถือหุ้นและการซื้อขายหุนของ บริษัทกุหลาบแก้ว และ บริษัทแอมเพิลริช อินเวสเมนท์



 


ขณะที่ นายพีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การเพิ่มมูลฐานความผิดที่มากขึ้นและบางข้อไม่ได้มีการกำหนดอาชีพที่ชัดเจนแต่เป็นแบบกว้างๆ จะส่งผลกระทบในการปฏิบัติ หรือใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง และการแสดงหาผลประโยชน์ ซึ่งกฏหมายฉบับนี้จะเป็นเหมือนดาบสองคม เพราะพรรคประชาธิปัตย์ก็เคยโดนกลั้นแกล้งมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบ นางถ้วน หลีกภัย มารดาของ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ หรือแม้แต่สื่อมวลชนยังถูกตรวจสอบในกรณีของนายสุทธิชัย หยุ่น ผู้บริหารเครือเนชั่น ดังนั้นจึงอยากให้มีการพิจารณาด้วยความรอบคอบ



 


สำหรับร่าง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ที่ ครม.เป็นผู้เสนอ มีหลักการและเหตุผล โดยมีการแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.ฟอกเงินปี 2542  ที่น่าสนใจคือ การแก้ไขมาตรา 16 ให้ผู้ประกอบการอาชีพต้องรายงานการทำธุรกรรม ประกอบด้วย 1.ผู้ประกอบอาชีพเกี่ยวกับการลงทุนหรือเคลื่อนย้ายเงินทุน ที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน 2.ผู้ประกอบการค้าอัญมณี เพชรพลอย ทองคำ หรือเครื่องประดับด้วยอัญมณีประเภทดังกล่าว 3.ผู้ประกอบอาชีพให้เช่าซื้อรถยนต์ หรือ จักรยานยนต์ 4. ผู้ประกอบการเกี่ยวกับตัวแทนหรือนายหน้าซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ 5.ผู้ประกอบการค้าของเก่า ขายทอดตลาด 6.ผู้ประกอบอาชีพอื่นซึ่งอาจมีการใช้เป็นช่องทางการฟอกเงินได้โดยง่าย ทั้งนี้ ตามที่กำหนดในกฎกระทรวง



 


ขณะที่ร่าง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ที่ ส.ส.พรรคพลังประชาชน เป็นผู้เสนอ มีหลักการและเหตุผล คือ แก้ไขมาตรา 3 ด้วยการเพิ่มความผิดมูลฐาน ประกอบด้วย ความผิดเกี่ยวกับการสมยอมราคาต่อหน่วยงานของรัฐ ที่มีมูลค่าตั้งแต่ 1 ล้านบาทขึ้นไป ความผิดเกี่ยวกับการค้าอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน ที่มีการนำเข้า เปลี่ยนแปลง ประกอบ ซ่อมแซม โดยไม่ได้รับอนุญาต มีมูลค่าตั้งแต่ 1 ล้านบาทขึ้นไป ความผิดเกี่ยวกับภาษีสรรพสามิต การหลีกเลี่ยงหรือลักลอบภาษีสรรพสามิตที่มีมูลค่า 1 ล้านบาทขึ้นไป ความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกงหรือปลอมแปลงเอกสารตามประมวลกฏหมายอาญา ที่มีมูลค่า 1 ล้านบาทขึ้นไป



 


ความผิดเกี่ยวกับการใช้ ยึดถือ หรือ ครอบครองทรัพยากรธรรมชาติ และกระบวนการแสวงหาผลประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติโดยมิชอบ ความผิดเกี่ยวกับการควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินตามกฎหมาย ว่าด้วยการควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน โดยมีความผิดตั้งแต่ 50 ล้านบาทขึ้นไป  และความผิดเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์ตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เฉพาะความผิดที่มีการกระทำอันไม่เป็นธรรมเกี่ยวกับการซื่อขายหลักทรัพย์ และความผิดเกี่ยวกับการทุจริตของผู้บริหารหรือผู้รับผิดชอบในการทำงาน ของบริษัทที่ออกแบบและเสนอขายหลักทรัพย์ต่อประชาชนหรือ บริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ หรือ ศูนย์หลักทรัพย์ ที่มีมูลค่าทรัพย์สิน 50 ล้านบาทขึ้นไป



 


จากนั้น นายสมพงษ์ ชี้แจงว่า การที่ ครม.เร่งเสนอร่างพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินเพราะตลอด 7 เดือนที่ผ่านมาเกิดปัญหาเกี่ยวกับการฟอกเงินผ่านเครือข่ายยาเสพติดเป็นอย่างมาก และยากที่จะปราบปราม ดังนั้นจึงต้องการเสนอกฎหมายที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ที่ผ่านมารัฐบาลได้มีการศึกษาอย่างละเอียดรอบครอบแล้วจึงได้มีการเสนอกฎหมายฉบับนี้ เชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศไม่ได้เสนอเข้ามาเพื่อต้องการกลั่นแกล้งใคร และไม่ได้เร่งรัดแต่อย่างใด เพราะกฎหมายฟอกเงินมีมาตั้งแต่สมัย รสช.ส่วนความเป็นห่วงเรื่องผู้ปฏิบัติหน้าที่ ที่อาจจะไม่มีความเป็นธรรมนั้น การเลือกเลขาธิการปปง.ที่จะต้องเป็นผู้ปฎิบัติหน้าที่ตามกฎหมายต้องผ่านการพิจารณาของสองสภาตามารัฐธรรมนูญ ดังนั้นเชื่อว่าจะไม่มีใครเข้าไปแทรกแซงหรือครอบงำเลขาปปง.ได้



 


หลังจากที่มีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง นายสามารถ แก้วมีชัย รองประธานสภาคนที่ 1 ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุมได้ปิดการอภิปรายและให้มีการลงมติรับหลักการร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว ปรากฏว่าในระหว่างที่ สมาชิกได้กดบัตรเพื่อแสดงตน นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.กรุงเทพ พรรคประชาธิปัตย์ เสนอว่าเนื่องจากกฏหมายฉบับนี้เป็นเรื่องสำคัญดังนั้นก่อนที่จะมีการลงมติอยากให้มีการนับองค์ประชุมก่อน ทำให้นายสามารถ หันซ้ายหันขวา เพื่อสังเกตสมาชิกในห้องประชุม พร้อมทั้งรีบพูดตัดบทว่าเนื่องจากกฎหมายฉบับนี้เป็นกฎหมายสำคัญและมีถึงสองร่าง ทั้งของ ครม.และ ส.ส.เป็นผู้เสนอ จึงอยากให้สมาชิกได้พิจารณาอย่างรอบครอบ ดังนั้นจึงเลื่อนการลงมติออกไปก่อน พร้อมทั้งสั่งปิดการประชุม



 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจาก ส.ส.ได้รับทราบว่ามีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ คณะรัฐมนตรี ปรากฏว่า ส.ส.พรรคพลังประชาชนต่างทยอยเดินทางกลับทำให้ภายในห้องประชุมเหลือสมาชิกไม่ถึง 100 คน


 


ที่มา : แนวหน้า

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net