111 แรงงานไทยในเกาหลีขึ้นบัญชีดำ ถูกจับคดียาเสพติด

เมื่อวันที่ 24 ก.ย. นายธฤต จรุงวัฒน์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเกาหลีใต้จับกุมแรงงานไทยว่า สถานเอกอัครราชฑูตไทยประจำกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ได้รับการติดต่อจากเจ้าหน้าที่ตำรวจเกาหลีใต้ว่ามีการจับกุมผู้ค้ายาบ้าและผู้เสพยาบ้า ที่เมืองอินชอน อยู่ห่างจากกรุงโซลประมาณ 70 กิโลเมตร ซึ่งเป็นเขตอุตสาหกรรมใกล้สนามบินนานาชาติ ทั้งนี้ ผู้ถูกจับกุมซึ่งเป็นชาวไทย จำนวน 111 คน โดยมีผู้ค้า 3 รายและเป็นผู้เสพ 108 ราย

 

นายธฤต กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้เป็นการกวาดล้างครั้งใหญ่ที่มีขึ้นระหว่างวันที่ 18-23 ก.ย. ที่ผ่ามา ซึ่งเป็นครั้งที่ 2 ในระยะ 2-3 เดือน โดยก่อนหน้านี้ 2 เดือน มีคนไทยที่ถูกจับในคดียาเสพติดกว่า 90 ราย

"ทางการเกาหลีใช้คำว่า ยาบ้า หรือ YABA ฉะนั้นตัวยานี้น่าจะมีเป้าหมายอยู่ที่กลุ่มของคนไทย ซึ่งผู้เสพยาเสพติดที่ถูกจับกุมต้องถูกส่งกลับประเทศโดยเสียค่าใช้จ่ายเอง ส่วนผู้ค้ายาเสพติดจะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายประเทศเกาหลี

 

"จึงขออนุญาตเตือนว่า คนที่ไปทำงานแล้ว ต้องมีความเข้มงวดและยับยั้งยั้งชั่งใจ อย่าไปข้องแวะยาเสพติด เพราะนอกจากต้องเสียเงินแล้ว ยังทำให้ประเทศไทยเสียชื่อเสียงและทำให้แรงงานไทยต้องเดือดร้อนไปด้วย" นายธฤตกล่าว

 

เขายังกล่าวต่อไปว่า แรงงานไทยบางส่วนได้รับวีซ่าอย่างถูกต้อง อย่างไรก็ตามทางสถานฑูตไทยจะติดตามเรื่องการส่งแรงงานกลับประเทศไทยอย่างใกล้ชิด สำหรับผู้ที่ถูกส่งกลับครั้งนี้ จะถูกทางการเกาหลีขึ้นบัญชีดำด้วย ซึ่งส่งผลกระทบให้การเดินทางกลับเข้าไปทำงานในประเทศเกาหลีครั้งต่อไปมีความยากลำบาก ในส่วนของผู้ค้ายาเสพติดจะถูกดำเนินการตามกฎหมายเกาหลี ซึ่งสำหรับประเทศเกาหลีเป็นคดีที่ร้ายแรง โดยมีโทษ คือผู้เสพจะถูกเนรเทศส่งกลับประเทศและขึ้นบัญชีดำ ส่วนผู้ค้า มีโทษขึ้นอยู่กับปริมาณและชนิด ประเภทของยาเสพติด

 

นายธฤต กล่าวว่า ในปัจจุบันมีแรงงานไทยในประเทศเกาหลีใต้ ทั้งหมดประมาณ 50,000 คนโดย ในจำนวนนี้มีแรงงานผิดกฎหมาย ประมาณ 15,000 คน ซึ่งทางสำนักงานแรงงานและสถานฑูตไทย ก็ได้ พยายามกวดขันและตักเตือน มิฉะนั้นหากกระทำผิดจะถูกดำเนินการตามกฎหมายเกาหลีใต้

 

นายพรพงศ์ กนิษฐานนท์ อัครราชฑูตที่ปรึกษาของสถานเอกอัครราชฑูตไทย ณ กรุงโซล ซึ่งดูแลงานด้านกงสุล กล่าวว่า แรงงานไทยที่เข้าไปประเทศเกาหลีส่วนใหญ่ เป็นการส่งระหว่างรัฐต่อรัฐหรือ จีทูจี ซึ่งบางส่วนไปอย่างถูกกฎหมายในตอนแรก แต่ต่อมาเปลี่ยนงานหนีนายจ้างเพราะไม่สามารถอดทนนายจ้างได้ ทำให้มีสภาพเป็นแรงงานผิดกฎหมายในภายหลัง อย่างไรก็ตาม แรงงานไทยในเกาหลีส่วนใหญ่เป็นแรงงานไร้ฝีมือ ทำงานที่มีลักษณะเรียกว่า 3D ประกอบด้วย Dirty, Dangerous และ Difficult ซึ่งมีความยากลำบากและต้องมีความอดทน อาทิเช่น แรงงานในโรงงานอุตสาหกรรมแบตเตอรี่ ช่างเชื่อมและแรงงานในภาคเกษตรกรรม

 

"การเป็นแรงงานไทยที่ถูกกฎหมายจะได้รับสวัสดิการและสิทธิประโยชน์ที่ดีกว่าเป็นแรงงานผิดกฎหมาย เพราะแรงงานผิดกฎหมายไม่สามารถที่จะเรียกร้อง ต่อรอง สิทธิให้ตนเองได้" นายพรพงศ์กล่าวและว่าปริมาณการเสียชีวิตของแรงงานไทยในประเทศเกาหลีมีค่อนข้างสูง ตั้งแต่ตนไปประจำการที่เกาหลีเป็นเวลา 8 เดือน มีผู้เสียชีวิต 37 คน โดยเฉลี่ยสัปดาห์ละ 1 คน สาเหตุการตายส่วนใหญ่มาจาก โรคไหลตายเพราะทำงานหนักไม่พักผ่อนแล้วดื่มเหล้านำไปสู่การเกิดอุบัติเหตุ หรือทะเลาะวิวาท ส่วนการกระทำผิดกฎหมายของแรงงานไทยส่วนใหญ่เป็นคดีอุฉกรรจ์ ทะเลาะวิวาท ฆ่ากันตาย และค้ายาเสพติด ซึ่งระยะหลังคดียาเสพติดเยอะขึ้นเรื่อยๆ ถึงขนาดที่ประเทศเกาหลีเรียกว่ายาบ้า ซึ่งก็อาจจะมีมาเฟียหรือกระบวนการนอกกฎหมายในต่างประเทศเกี่ยวพันร่วมด้วย ส่วนวัตถุดิบในการทำยาบ้าอาจมาจากทั้งประเทศไทยและต่างประเทศ แต่อย่างไรก็ตาม เรื่องดังกล่าวก็น่าเป็นห่วงเพราะทำให้แรงงานไทยเสียภาพลักษณ์ เป็นการทุบหม้อข้าวตัวเองทิ้ง ทำให้เสียหายส่งผลต่อการส่งแรงงานไปเกาหลี ทั้งนี้สำหรับจำนวนโควต้าแรงงานไทยไปเกาหลีมีจำนวน เกือบหมื่นคนต่อปี พอมีเรื่องยาเสพติดก็ทำให้ได้รับโควต้าน้อยลงโดยเฉพาะใน 1-2 ปีที่ผ่านมา

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท