Skip to main content
sharethis

จับ "ตัวเงินตัวทอง" โพกผ้าแดง-พ่นสีแดง แห่รอบทำเนียบ


วานนี้ (8 ก.ย.) ขณะที่การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กำลังดำเนินไปตามปกติในช่วงบ่าย ปรากฎว่ามีตัวเงินตัวทองตัวหนึ่งคลานออกมาจากบริเวณหลังตึกไทยคู่ฟ้า ในทำเนียบรัฐบาล สร้างความสนใจให้กับกลุ่มผู้ชุมนุมที่พบเห็น


 


ขณะนั้นเองผู้ชุมนุมจากกลุ่มพันธมิตรฯ จ.นครศรีธรรมราช ได้เข้าไปต้อนจับตัวเงินตัวทองตัวนี้พันธนาการ โพกหัวด้วยผ้าสีแดงและพ่นสีแดงที่ลำตัว จากนั้นจับนั่งบนเก้าอี้และใส่รถเข็นเข็นไปรอบทำเนียบรัฐบาลให้กลุ่มผู้ชุมนุมได้ถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกอย่างครื้นเครง ก่อนนำไปปล่อยลงคลองหลังตึกไทยคู่ฟ้า


 


ผู้ชุมนุมบางคนบอกว่าขอให้สิ่งชั่วร้ายออกไปพร้อมกับตัวเงินตัวทองและให้สิ่งดีๆ อยู่ในทำเนียบรัฐบาล บางคนบอกว่าขอให้ไปโผล่ที่ จ.อุดรธานี ซึ่งเป็นสถานที่ประชุม ครม.สัญจรวันพรุ่งนี้


 


วันเดียวกัน หลังมีกระแสข่าวว่าพันธมิตรฯ จะใช้ตึกสันติไมตรีเสวนาทางวิชาการของผู้ชุมนุมในวันที่ 8 ก.ย. ทำให้พิธีกรบนเวทีพันธมิตรฯต้องออกมาประกาศปฏิเสธเรื่องดังกล่าว ซึ่งเมื่อผู้สื่อข่าวเดินไปตรวจสอบประตูทางเข้า-ออกของตึก พบว่าไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ เกิดขึ้นและประตูทุกประตูถูกปิด ไม่ให้ใครเข้า-ออก


 


อย่างไรก็ตาม ในการแถลงข่าวช่วงเย็น นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรเปิดเผยว่า แกนนำพันธมิตรฯ ตกลงที่จะใช้ห้องประชุมสันติไมตรี จัดเสวนาวิชาการ โดยจะมีการถ่ายทอดสด และเชิญองค์กรวิชาการต่างๆ มาแลกเปลี่ยนความเห็น เพื่อให้เห็นรูปแบบการเมืองใหม่ว่าควรจะเป็นอย่างไร แต่ขณะนี้ ยังไม่ได้กำหนดวันเวลาที่แน่นอน


 


ขณะเดียวกันบริเวณห้องน้ำน๊อคดาวน์ บริเวณด้านหน้าทำเนียบรัฐบาล ผู้ชุมนุมได้นำแผ่นป้ายมาเขียนข้อความว่า ให้ถ่มน้ำลายก่อนเข้าห้องน้ำและมีถ้อยคำหยาบคายด่านักการเมืองเป็นสัตว์เลื้อยคลาน



 


 


เยาวชนพันธมิตรเผยเตรียมแผน "ผึ้งแตกรัง" ต้านรัฐบาล


และเมื่อเวลา14.50 น.นายวสันต์ วานิชย์ ผู้ประสานงานเครือข่ายเยาวชนนิสิตนักศึกษากู้ชาติ (young pad) เปิดเผยว่า ในวันที่ 9 ก.ย.ตามที่สมาชิกของกลุ่ม ได้นัดหยุดเรียนเป็นเวลา 3 วันพร้อมกับประกาศยุทธศาสตร์ "ผึ้งแตกรัง" โดยจะให้นักศึกษาในกรุงเทพฯ และจังหวัดใกล้เคียง ออกมารวมตัวที่สะพานมัฆวานโดยมีกิจกรรมไลฟ์สไตล์ของวัยรุ่น ซึ่งในขณะนี้ได้มีการประสานงาน ไปยังแนวร่วมนักศึกษาที่ชุมนุมในจุดต่างๆของแต่ละภูมิภาค และจะมีการเคลื่อนขบวนนักศึกษาไปยังอัยการสูงสุด เนื่องจากเห็นว่าทำคดีความล้าช้า


 


นายวสันต์ กล่าวด้วยว่า อธิการบดีหลายมหาวิทยาลัยได้ออกมาระบุแล้วว่า นักศึกษาสามารถเคลื่อนไหวทางการเมืองได้ ถือว่าเป็นสิทธิเสรีภาพ ดังนั้น การหยุดเรียนจึงเป็นการตอบโต้รัฐบาล โดยเฉพาะรัฐบาลที่ไปสัญจรที่อุดรธานี เนื่องจากเป็นรัฐบาลที่หมดความชอบธรรม หากจะพิจารณาเรื่องอะไรก็ควรจะมาพิจารณาที่ทำเนียบ


 


"เราไม่ได้หยุดเรียนกันแค่เพียง 3 วัน แต่จะเคลื่อนไหวในหลายๆ ยุทธศาสตร์ โดยใช้หน้าที่ของคนไทยที่เป็นนิสิตนักศึกษา" นายวสันต์กล่าว


 


 


สานแสงทองชุมนุมประท้วงรัฐบาลในรามคำแหง


โดยผู้สื่อข่าวรายงานว่าในวันนี้ (8 ก.ย.) ในเขตกรุงเทพมหานครยังไม่มีรายงานความเคลื่อนไหวของนักศึกษาในการต่อต้านรัฐบาลภายในสถาบัน มีเพียงการชุมนุมภายในมหาวิทยาลัยรามคำแหงของพรรคสานแสงทอง ซึ่งเคยเดินขบวนไปประท้วงนายสมัครที่บ้านพัก ก่อนถูกลอบยิงจนมีนักศึกษาได้รับบาดเจ็บ โดยบรรยากาศการชุมนุมเมื่อวานนี้เป็นไปอย่างคึกคักมีนักศึกษารามคำแหงเข้าร่วมราว 500 คน และมีการนำนักศึกษารามคำแหงที่ได้รับบาดเจ็บขึ้นปราศรัยด้วย


 


 


สนธิชี้ระบอบทักษิณคือโรคระบาด เป็นเนื้อร้ายทำลายชาติ ศาสน์ กษัตริย์


และเมื่อเวลา 22.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาลนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้กล่าวถึงการเมืองใหม่ ว่า ต้องไม่ใช่การเมืองแบบเก่าอย่างทุกวันนี้ พร้อมทั้งชี้ให้เห็นว่า ในยุคของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้ใช้การเมืองเก่าเพื่อสร้างอำนาจ เพราะถ้าต้องการการเมืองใหม่จริง คงไม่เชิญคนอย่าง นายเสนาะ เทียนทอง เข้ามาร่วมพรรคไทยรักไทย


 


นายสนธิ ยังเปิดโปงอีกว่า นายเสนาะ ได้เสนอในที่ประชุมร่วม 3 ฝ่าย เพื่อแก้วิกฤตการเมืองโดยเสนอให้ปราบปรามการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ แม้ว่าจะเกิดการนองเลือดก็ยอม โดยอ้างว่าเพื่อรักษาระบบ


 


นายสนธิ ตั้งข้อสังเกตว่า ในการก่อตั้งพรรคไทยรักไทยช่วงแรก มีคนดีๆ เข้าร่วมมากมาย แต่ตอนหลังมีการเชิญนักการเมืองน้ำเน่าเข้ามา อย่างเช่น นายเสนาะ ซึ่งคนๆ นี้ เป็นคนแรกที่ทำให้ระบอบทักษิณเกิดขึ้น และกลายเป็นโรคระบาด เป็นเนื้อร้ายที่ทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ซึ่งเวลานี้ต้องยอมรับว่า เป็นการปะทะกันระหว่างระบอบทักษิณกับสถาบัน ผ่านทางนอมินี อย่าง นายสมัคร สุนทรเวช


 


 


เชิดชูผู้ชุมนุมหัวใจนายพลอึด 107 วัน เกินวิสัยมนุษย์จะทำได้


นายสนธิ ยังชื่นชมจิตใจการต่อสู้ที่เข้มแข็งของพี่น้องประชาชนในที่นี้ เพราะ 107 วันที่ผ่านมาต้องทนทุกสภาพอากาศไม่ใช่วิสัยที่มนุษย์ธรรมดาจะทำได้ มีแต่มนุษย์ที่รัก ชาติ และรักพระมหากษัตริย์เท่านั้นที่ทนได้ แม้แต่นายพลที่ดื่มน้ำพิพัฒน์สัตยายังสู้ไม่ได้


 


"พี่น้องมีหัวใจนายพล ไม่ต้องดื่มน้ำพิพัฒน์สัตยา ไม่ต้องสวนสนามต่อหน้าธงชัยเฉลิมพล ไม่ต้อง พี่น้องทำจริง พี่น้องเดินทางมา แก่ เฒ่า กลาง หนุ่ม สาว เด็ก มากันหมด"


 


 


เชื่อการเมืองเก่าเป็นอันตรายต่อสถาบันกษัตริย์


"เพราะฉะนั้นแล้ว ถ้าการเมืองเก่ายังอยู่ ขอให้เชื่อพี่น้อง การเมืองเก่าจะเป็นอันตรายต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเมืองเก่าเป็นอันตรายกับสถาบันพระมหากษัตริย์"


 


นายสนธิ ระบุ และว่า การเมืองเก่าจะอ้างเสียงข้างมากแล้วทำอะไรก็ได้ การเมืองเก่า คือ การใช้เงินซื้อเสียง ซื้ออำนาจแล้ว เปลี่ยนรากเหง้าวัฒนธรรมไทยได้ทุกอย่างด้วยการยกมือในสภาแล้วบอกว่าผมมาจากการเลือกตั้ง ซึ่งนักการเมืองเก่าๆ เหล่านั้นกลัวการเมืองใหม่ เหมือนผีกลัวใบหนาด เพราะกลัวว่าการเมืองใหม่จะทำให้นักการเมืองเก่าๆ ที่ชั่วๆ ไม่ว่าจะเป็นนายบรรหาร ศิลปอาชา นายเสนาะ ต้องตกเวทีประวัติศาสตร์ ยกตัวอย่างเช่น มันทำได้ยังไง สร้างศาลาที่สุพรรณ แต่หน้าด้านเขียนชื่อ บรรหาร-แจ่มใส เป็นการกระทำที่หน้าด้านที่สุด เพราะใช้เงินภาษีอากรของราษฎรทั้งนั้น ถ้าแน่จริงก็ใส่ชื่อประชาชนที่เสียภาษีทุกคน ใส่ลงไปให้หมด คนอย่างนายบรรหารเป็นได้อย่างเดียวคือนายกเทศมนตรี อ.เมือง สุพรรณบุรี เผลอๆ ไม่รู้ว่าคน อ.เมือง จ.สุพรรณบุรีจะเลือกนายบรรหารด้วยหรือเปล่า


 


คำว่าการเมืองเก่ามีนัยยะที่สำคัญมาก เพราะการเมืองเก่ามาถึงจุดที่ทุกคนรู้แล้วว่าการเมืองเก่าเป็นการเมืองที่ขายชาติ ทำลายบ้านทำลายเมือง และเป็นอันตรายต่อสถาบันกษัตริย์


 


 


ชูการเมืองใหม่ ชี้แค่สมัครลาออกจะไม่เลิกชุมนุม


"การเมืองใหม่คือสิ่งซึ่งเราพูดคุยกัน เมื่อกี้ก่อนขึ้นเวที พี่พิภพ พี่ลอง บอกผมว่าเราต้องประชุมกันสักครั้งนะ ผมบอกว่าพี่ อย่าเพิ่ง รอผ่านพรุ่งนี้ไปก่อน ให้เห็นภาพชัด แล้วเราค่อยประชุม ประชุมเสร็จแล้ว เราคิดอย่างไร ผมกับพี่พิภพจะมาบอก เราจะมาถามประชาชนว่าเห็นด้วยกับเราไหม นี่คือการเมืองใหม่


 


ไม่ใช่นั่งในห้องส่วนตัว 4-5 คนแล้วบอกว่า กี่เสียง สิบคน คนละเท่าไหร่ 15 ล้าน เอาไป 150 ยี่สิบคน อ่ะ เอาไป 300 กี่คน ... นี่คือการเมืองสถุน การเมืองที่ไม่เห็นหัวประชาชน การเมืองที่เห็นประชาชนเป็นเครื่องมือ การเมืองที่เหยียบย่ำประชาชน การเมืองที่ไม่ให้เกียรติชาติบ้านเมือง การเมืองที่ลบหลู่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในชาติบ้านเมือง การเมืองที่หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ นี่คือการเมืองเก่า"


 


นายสนธิยังกล่าวว่า "วันนี้เราเดินทางมาไกลจนเกินกว่าจะถอยเพราะสมัครลาออก ถ้าพี่น้องคิดว่าแค่สมัคร ลาออกแล้วยังไม่พอ ปรบมือแล้วโห่หน่อย (ผู้ชุมนุมโห่ร้อง) เราต้องส่งสัญญาณไปให้ทุกส่วนทุกฝ่ายในสังคม ว่าวันนี้ การที่นายสมัครจะลาออก หรือหมดคุณสมบัติเป็นนายกรัฐมนตรีไม่ได้ ไม่ใช่เงื่อนตายที่ทำให้เราเลิกชุมนุม"


 


"เปียกฝนมาไม่รู้กี่สิบวัน ตากแดดมาไม่รู้กี่สิบวัน โดนลูกเห็บ กินกับดินกินกับทราย เข้าห้องน้ำสกปรกๆ เพียงเพื่อให้สมัครไปแล้ว พอแค่นี้หรือพี่น้องครับ พรุ่งนี้ (9 ก.ย.) รอพวกเราประชุมกันก่อน แล้วจะมาขออนุญาตจากพี่น้อง ว่าสิ่งที่เราจะประชุมพรุ่งนี้มีมติอย่างนี้ แต่ยังไม่เป็นทางการ คนที่จะทำให้เป็นทางการได้ คือเทพบุตร เทพธิดา ที่นั่งอยู่ในที่นี้ พี่น้องครับ" นายสนธิ กล่าว


 


ที่มา: เอเอสทีวี และคมชัดลึก

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net