วันนี้ (5 ก.ย.) เวลา 13.30น. ที่โรงแรมรัตนโกสินทร์ นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หัวหน้าศูนย์เฝ้าระวังการรัฐประหารแห่งชาติ (http://nocoup.org/) แถลงข่าวรณรงค์ให้ผู้ที่เบื่อม็อบพันธมิตรฯ แสดงออกอย่างสันติ โดยระบุว่า เขาไม่ต้องการให้พันธมิตรฯ ผูกขาดความเป็นภาคประชาชน แม้ว่าพันธมิตรฯ คือประชาชน แต่อยากเรียนว่ามีประชาชนไม่น้อยกว่าพันธมิตรฯ ที่ไม่เห็นด้วยกับพันธมิตรฯ ทั้งนี้มีกิจกรรมเพื่อต่อต้านพันธมิตรฯ โดยไม่ใช้มาตรการที่รุนแรง ได้แก่ การติดสติ๊กเกอร์ "เบื่อม็อบพันธมิตร" ซึ่งทางกลุ่มฯ จะนำไปแจกตามจุดสำคัญๆ และรถสาธารณะต่างๆ เช่น รถไฟฟ้าบีทีเอส คิวรถแท็กซี่ หมอชิต รวมถึงแจกจ่ายไปยังจังหวัดต่างๆ โดยมีเป้าหมายกระจายให้ได้ 1 ล้านแผ่น เพื่อเป็นเสียงให้กับประชาชนที่ไม่มีพื้นที่แสดงออกได้สื่อสาร โดยผู้ที่สนใจสามารถเขียนอีเมลเพื่อขอรับสติ๊กเกอร์ได้ที่ webmaster@nocoup.org

นอกจากนี้ ยังมีการรณรงค์ทางออนไลน์ เพื่อให้คนที่ใช้ชีวิตตามปกติ ร่วมรณรงค์ด้วยได้ โดยการเปลี่ยน display ในโปรแกรมแชตอย่างเอ็มเอสเอ็น (MSN) และไฮไฟว์ (hi5) เป็นโลโก้เบื่อม็อบพันธมิตรฯ ด้วย และในวันที่ 19 ก.ย. นี้ ซึ่งจะครบรอบ 2 ปีการรัฐประหาร 19 ก.ย. 2549 เขาได้เสนอให้ใส่เสื้อสีแดงออกจากบ้าน โดยให้เหตุผลว่า  สีแดงเป็นสัญลักษณ์ของการต่อสู้ทั่วโลก ทั้งยังเป็นสัญลักษณ์ของการโหวตไม่รับรัฐธรรมนูญ 2550 เมื่อปีที่ผ่านมา อันเป็นรากเหง้าของปัญหาในปัจจุบันด้วย ส่วนการชุมนุมที่สนามหลวงหรือที่อื่นๆ นั้น อาจจะมีหรือไม่มีก็ได้

สำหรับเหตุการณ์ปะทะกันจนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ เมื่อวันที่ 2 ก.ย.ที่ผ่านมา นายสมบัติ ซึ่งเคยเป็นแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) รุ่น 2 ที่ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) นั้น กล่าวว่า เขาได้แยกตัวออกมาจาก นปช. แล้ว โดยจะไม่ร่วมกิจกรรมที่เป็นการชุมนุมของกลุ่มเหล่านี้อีก แต่หากเป็นเวทีวิชาการอาจพิจารณาอีกที เนื่องจากไม่เห็นด้วยกับท่วงทำนองการเคลื่อนไหวในสถานการณ์ที่เปราะบาง

นายสมบัติ กล่าวว่า ได้คุยกับแกนนำบางคน เช่น นพ.เหวง โตจิราการ ครูประทีป อึ้งทรงธรรม ก็เห็นร่วมกันว่า ไม่เห็นด้วยกับการเคลื่อนขบวนแบบนั้น โดยส่วนตัวไม่เห็นด้วยกับการเคลื่อนไปประชิด แม้ผู้ที่นำไปจะบอกว่า ไม่ได้จะทำร้าย แค่ปักเต๊นท์ แต่ก็เกิดความรุนแรงขึ้น ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก

ทั้งนี้ นายสมบัติ กล่าวว่า ส่วนตัวเห็นด้วยกับกลุ่มสีขาวที่ออกมาต่อต้านความรุนแรง และเห็นว่า ความแตกต่างทางความคิดไม่ควรนำมาซึ่งความแตกแยก แต่ควรนำความเห็นต่างนั้นมาพูดคุยกัน

นายสมบัติ กล่าวเพิ่มเติมว่า แกนนำที่นำผู้ชุมนุมไปวันนั้นควรต้องแสดงสปิริตและความรับผิดชอบ ต้องทบทวนการชุมนุมของตนเอง รวมถึงควรมีคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเข้ามาตรวจสอบทั้งสองฝ่าย และนำเรื่องนี้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมด้วย ทั้งนี้เข้าใจว่า กล้องวงจรปิด CCTV ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ น่าจะจับภาพไว้ได้ อยากให้ตำรวจเปิดเผยเรื่องนี้ออกมา

อย่างไรก็ตาม เขาทราบมาว่า แกนนำพยายามติดตามผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ รวมถึงได้ยุติการชุมนุมที่จ.สมุทรปราการแล้ว นั่นแปลว่าพวกเขาเห็นแล้วว่าไม่เหมาะสม

ส่วนกรณีรัฐบาลจะทำประชามติ นายสมบัติเห็นว่า พันธมิตรฯ ไม่ยอมรับเสียงประชาชน กลัวว่าถ้าประชาชนส่วนใหญ่ตัดสินไปทางใด ตัวเองจะพ่ายแพ้ กลัวการเลือกตั้งใหม่ ต้องการนายกฯ พระราชทาน ต้องการรูปแบบการเมืองใหม่ 70-30 สิ่งที่พันธมิตรฯ กลัวที่สุด คือ ประชาชนจะเลือกนักการเมืองกลุ่มเดิมกลับมาอีก และตัวเองเสียความชอบธรรม