แถลงการณ์
เมื่อรัฐบาลฉ้อฉล ประชาชนมีสิทธิ ไล่ และใคร คือ กบฏ!
ปฏิบัติการ "ไทยคู่ฟ้า"ของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ในการบุกเข้ายึดสถานที่ราชการ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์และศูนย์กลางอำนาจรัฐหลายแห่ง เมื่อวันที่26สิงหาคม 2551 ที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็น กระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กรมประชาสัมพันธ์ สถานีวิทยุโทรทัศน์ และทำเนียบรัฐบาลที่เครือข่ายพันธมิตรได้ปักหลักเป็น จุดชุมนุม ยืดเยื้อ กดดัน รัฐบาล ต่อไป นับเป็นเหตุการณ์ที่เกินความคาดหมายที่สาธารณชนและสังคมจะเข้าใจได้ถึงเหตุผลและความจำเป็นของเครือข่ายพันธมิตรที่ได้ประกาศว่าจะชุมนุมคัดค้าน รัฐบาล ที่ขาดความชอบธรรมแล้ว ด้วยความสงบ สันติ วิธี และอหิงสา ปราศจากอาวุธ โดยเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี ทั้ง คณะต้องลาออกไป
การปฏิบัติการดังกล่าวของเครือข่ายพันธมิตรฯ ได้ถูกตั้งคำถามอย่างกว้างขวางจากสังคมถึงความเหมาะสมชอบธรรมหรือไม่ โดยเฉพาะ ประเด็นที่มีท่าทีอันข่มขู่คุกคามการปฏิบัติหน้าที่ของสื่อมวลชน ที่ถือว่าเป็นเหตุการณ์ไม่น่าจะเกิดขึ้น ภายใต้สิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชนในระบอบประชาธิปไตย
ที่ผ่านมาแม้เป็นที่ประจักษ์ชัดมาตลอดว่า พันธมิตรฯ ได้ใช้สิทธิเสรีภาพในการชุมนุมอย่างสงบและอหิงสา ภายใต้กรอบของรัฐธรรมนูญปัจจุบันอย่างต่อเนื่อง
ดังนั้นเมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น จึงมีข้อน่าสังเกตและน่าสงสัยต่อบุคคลที่บุกรุกเข้าไปในสถานีวิทยุโทรทัศน์ NBT หลายประการ อาทิ กลุ่มคนเหล่านี้ใช่คนของพันธมิตรฯ จริงหรือไม่ หรือมีบุคคลซึ่งไม่หวังดีแฝงตัวเข้าไปเพื่อสร้างสถานการณ์เพื่อลดความชอบธรรมการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ หรือไม่และ.การพกพาอาวุธเป็นนโยบายหรือคำสั่งจาก 5 แกนนำพันธมิตรฯ หรือไม่
อย่างไรก็ตาม ปฏิบัติการดังกล่าวแม้จะเป็นความผิดพลาด และหมิ่นเหม่ต่อการกระทำที่ผิดกฎหมาย แต่คง มิอาจนำมาซึ่งการกลบเกลื่อนพฤติกรรมความฉ้อฉลของรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ให้มลายหายไปได้ และควรต้องตรึกตรองพิจารณาอย่างถี่ถ้วนถึงต้นสายปลายเหตุที่แท้จริงอันทำให้เครือข่ายพันธมิตรฯ ต้องปฏิบัติการ ด้วยเหตุผลและความจำเป็นอย่างไร
ขณะเดียวกัน เราก็ยืนยันเช่นเดียวกันว่า รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช แม้จะอ้างว่ามาจากการเลือกตั้ง แต่พฤติกรรมการบริหารประเทศของรัฐบาลและผู้นำประเทศอย่างนายสมัครได้หมดความชอบธรรมที่จะบริหารประเทศไปนานแล้ว นับตั้งแต่ศาลได้พิพากษาว่าผู้บริหารพรรคพลังประชาชนได้กระทำผิดต่อกฎหมายเลือกตั้ง (โกงเลือกตั้ง) และถูกถอดถอนสิทธิทางการเมืองไปแล้วนั้น รอแต่คำพิพากษาว่าจะมีผลต่อการ ยุบพรรคหรือไม่ เมื่อใด
ดังนั้น ในนาม กป.อพช.อีสาน องค์กรภาคประชาสังคม และองค์กรเครือข่ายประชาชนภาคอีสานจึงขอแสดงจุดยืนและข้อเรียกร้องต่อรัฐบาล ดังต่อไปนี้
1.การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และกลุ่มประชาชนกลุ่มต่างๆ ถือเป็นการชุมนุมสิทธิทางการเมืองตามรัฐธรรมนูญ อย่างไรก็ตามกรณีการดำเนินการของพันธมิตรในช่วงวันที่ 26 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งมีการบุกยึด และคุกคามสิทธิเสรีภาพของสื่อสารมวลชน กรณีสถานีโทรทัศน์ NBT ก็ต้องมีตรวจสอบข้อเท็จจริงและดำเนินการไปตามกระบวนการยุติธรรมที่โปร่งใส
2.กรณีที่รัฐบาลมีแนวโน้มที่จะใช้ความรุนแรง และใช้สื่อของรัฐ เพื่อป้ายสีบิดเบือนการใช้สิทธิในการชุมนุมแก่กลุ่มพันธมิตรฯ จนเกินจริง และมีการดำเนินคดีกับผู้ต้องหาผู้ชุมนุมจำนวน 85 คนและแกนนำทั้ง 9 คน ในข้อหา "กบฏ" นั้น ถือเป็นข้อหาที่แรงเกินไปสำหรับกลุ่มผู้ชุมนุมที่ใช้สิทธิ์ทางการเมืองตามรัฐธรรมนูญ
3.รัฐและตำรวจ จะต้องไม่มีการใช้กำลัง ไม่ว่ารูปแบบใด ในการเข้าทำการสลายการชุมนุมของประชาชน ที่ชุมนุมในทำเนียบรัฐบาลโดยเด็ดขาด
คณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชนภาคอีสาน (กป.อพช.อีสาน)
เครือข่ายพันธมิตรจังหวัดขอนแก่น
เครือข่ายภาคประชาชนอีสาน
องค์กรภาคประชาสังคม
วันที่ 29 สิงหาคม 2551