Skip to main content
sharethis





ต่างประเทศ


คนหลายหมื่นประท้วงรง.ผลิตรถถูกที่สุดในโลก


เอเอฟพี - ผู้ประท้วงชาวอินเดียหลายหมื่นคน วานนี้(24)ออกมาชุมนุมรอบๆ สถานที่ซึ่งจะใช้สร้างโรงงานแห่งแรก ของโครงการผลิตรถยนต์ราคาถูกที่สุดในโลก โดยพวกเขากล่าวหาว่า ที่ดินผืนนี้หลายๆ ส่วน ทางชาวนาเจ้าของเดิมถูกบังคับยึดเอาไปโดยไม่มการให้ค่าชดเชยอย่างเป็นธรรม


 


ผู้ประท้วงซึ่งฝ่ายตำรวจกล่าวว่ามีราว 40,000 คน ขณะที่ผู้จัดการชุมนุมบอกว่ามีเป็นเรือนแสน ได้ช่วยกันปิดกั้นถนนสายหลักหลายๆ สายในบริเวณใกล้สถานที่ตั้งโรงงาน ซึ่งอยู่ที่เมืองสิงกุร ห่างจากเมืองโกลกาตา (กัลกัตตา) เมืองหลวงของรัฐเบงกอลตะวันตก ไปทางตะวันตกเฉียงเหนือราว 35 กิโลเมตร โดยที่มีตำรวจมากกว่า 4,000 คน คอยอารักขาคุ้มครองโรงงานซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้างแห่งนี้


 


ผู้นำพรรคฝ่ายค้านของเบงกอลตะวันตกจัดการชุมนุมคราวนี้ โดยเรียกร้องให้มีการคืนที่ดินส่วนที่ถูกยึดไปโดยมิได้มีการให้ค่าชดเชยอย่างชอบธรรมแก่ชาวนา และยืนยันว่าที่ดินเหล่านี้เป็นส่วนเกินจากที่ใช้สร้างโรงงานจริงๆ


 


โรงงานแห่งนี้ของบริษัททาทา มอเตอร์ส จะใช้ผลิตรถยนต์ "นาโน" ที่กำหนดราคาไว้คันละ 2,500 ดอลลาร์ โดยวางแผนจะเดินเครื่องประกอบรถคันแรกออกมาได้ในเดือนตุลาคมนี้ ขณะที่ ราตัน ทาทา ประธานกลุ่มทาทากรุ๊ป ได้กล่าวเมื่อวันศุกร์(22)ว่า ถ้ายังมีการประท้วงกันอยู่ จะย้ายไปตั้งโรงงานที่รัฐอื่น แม้บริษัทได้ลงทุนไปในโครงการนี้ 350 ล้านดอลลาร์แล้วก็ตามที


 


ที่มา: ผู้จัดการรายวัน


 






การเมือง


ศาลอุทธรณ์นัดชี้ชะตาสมัคร-ดุสิต


ศาลอุทธรณ์นัดอ่านคำพิพากษาคดีสมัคร-ดุสิต ฐานหมิ่นประมาทอดีตรองผู้ว่าฯ กทม.พรุ่งนี้   ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ วันพรุ่งนี้ (25 สิงหาคม) เวลา 09.00 น.ศาลได้นัดอ่านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ ในคดีที่นายสามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และนายดุสิต ศิริวรรณ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลยที่1 และ2 ในความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา กรณีกล่าวหาโจทก์ในทำนองว่ากระทำการโดยทุจริต ระหว่างการดำรงตำแหน่งรองผู้ว่าฯกทม. เหตุเกิดเมื่อระหว่างวันที่ 12 - 19 ม.ค. 49 ซึ่งจำเลยทั้งสอง เป็นผู้ดำเนินรายการ"เช้าวันนี้ที่ช่อง 5 " และรายการ"สมัคร - ดุสิต คิดตามวัน"


 


สำหรับคดีนี้ศาลอาญากรุงเทพใต้ มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 12 เม.ย. 2550 เห็นว่า การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นการเสนอข่าวให้ประชาชนเชื่อว่า การก่อสร้างของกรุงเทพมหานครมีเงื่อนงำ ทุจริต ซึ่งเป็นการหมิ่นประมาทใส่ความโจทก์ให้ได้รับความเสียหาย ถูกดูหมิ่นเกลียดชังจริง ข้อต่อสู้ของจำเลยทั้งสองฟังไม่ขึ้น ทั้งนี้จำเลยที่ 1 ได้เคยกระทำผิดฐานหมิ่นประมาทมาแล้วหลายครั้ง โดยศาลปรานีให้รอการลงโทษไว้เพื่อให้ปรับตัวเป็นคนดี แต่จำเลยที่ 1 กลับกระทำผิดซ้ำในความผิดเดิมอีก จึงพิพากษาให้จำคุกจำเลยทั้งสองรวม 4 กระทง ๆ ละ 6 เดือน รวมจำคุกคนละ 24 เดือน โดยไม่รอลงอาญา และให้โฆษณาคำพิพากษาย่อในหนังสือพิมพ์ติดต่อกันเป็นเวลา 3 วัน โดยจำเลยเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย


 


ที่มา: http://www.posttoday.com


 


ผอ.โยธินฯยันพรุ่งนี้ไม่ปิดร.ร.หนีพันธมิตรฯ


ประชาคมโยธินฯเข้าพบคณะกรรมการศิษย์เก่า แจง 8 เหตุผลค้านสร้างรัฐสภาใหม่บนพื้นที่ตั้งโรงเรียน ย้ำสภาพเศรษฐกิจเช่นนี้ไม่ควรก่อสร้างอาคารใหม่เอื้อประโยชน์คนแค่กลุ่มเดียว ด้านสมาคมศิษย์เก่าโยธินฯ ส่วนใหญ่ค้านสภาใหม่ ดาวกระจายส่วนตัวไม่ใช่มติสมาคม ตั้งคณะกรรมการศึกษาข้อดีข้อเสียการสร้างรัฐสภาใหม่ ก่อนนำเสนอที่ประชุมหาข้อสรุปดำเนินการต่อไป


 


เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 24 สิงหาคม ที่ชั้น 7 อาคารสิรินธร โรงเรียนโยธินบูรณะ กทม. ตัวแทนนักเรียนและผู้ปกครอง ประมาณ 20 คน ได้เข้ายื่นหนังสือและชี้แจงกรณีการออกมาเคลื่อนไหวคัดค้านการย้ายโรงเรียนโยธินบูรณะไปสถานที่ใหม่  เนื่องจากรัฐสภาต้องการใช้พื้นที่เดิมของโรงเรียนในการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ เพื่อขอการสนับสนุนการคัดค้านการย้ายโรงเรียน ให้กับสมาคมศิษย์เก่าโรงเรียนโยธินบูรณะ ที่มาใช้สถานที่โรงเรียนโยธินฯ ประชุมหารือกรณีเดียวกัน โดยได้แนบไปกับเอกสารประกอบการประชุมและอ่านรายละเอียดต่อหน้าคณะกรรมการสมาคมฯที่เข้าร่วมประชุม


 


ทั้งนี้ที่ประชุมสมาคมฯใช้เวลาในการพิจารณาข้อเสนอ ซึ่งมีทั้งหมด  8 ข้อประมาณ 2.30 ชม. โดยไม่ได้อนุญาตให้ผู้สื่อข่าวเข้าร่วมฟังแต่อย่างใด  และผู้สื่อที่ไปรอทำข่าวไม่สามารถเข้าไปในบริเวณพื้ที่โรงเรียนได้ เนื่องพนักงานรักษาความปลอดภัย (รปภ.) ที่บริเวณประตูหน้าโรงเรียนบอกว่าเข้าไปไม่ได้  ผู้อำนวยการไม่อนุญาต


 


แหล่งข่าวที่เข้าร่วมประชุมรายหนึ่ง เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า สมาคมศิษย์เก่าฯ ได้พิจารณา หนังสือที่ประชาคมโยธินฯชี้แจงเหตุผลในการคัดค้านการสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ จำนวน 8 ข้อ ได้แก่


 


1.ในสภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ไม่เหมาะที่จะก่อสร้างรัฐสภาใหม่ 2.พื้นที่บริเวณเกียกกายไม่เหมาะสมที่จะก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ เนื่องจากมีปัญหาการจราจรหนาแน่น ซึ่งไม่สามารถตอบโจทย์เหตุผลที่จะมีการสร้างรัฐสภาใหม่ เพื่อหลีกเลี่ยงจากการจราจรที่แออัดได้


 


3.รัฐสภาไม่ฟังประชาพิจารณ์ของผู้ได้รับผลกระทบ 4.การสร้างรัฐสภาใหม่เป็นโครงการระดับประเทศ ควรใช้เวลาในการพิจารณาอย่างถี่ถ้วน ไม่มีเหตุผลต้องรีบเร่ง 5.รัฐบาลออกมาพูดว่ารัฐสภาเป็นที่เชิดหน้าชูตาประเทศให้เทียมสากลโลก พวกเราเห็นว่าการพัฒนาประเทศไม่ได้อยู่ที่การพัฒนาวัตถุ แต่ควรใช้งบประมาณในการพัฒนาบุคลการของประเทศจะดีกว่า การสร้างรัฐสภาใหม่เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มคนเพียงกลุ่มเดียว


 


6.การที่รัฐสภาชี้แจงว่าการย้ายโรงเรียนโยธินบูรณะ จะมีการให้พื้นที่โรงเรียนมากขึ้น และก่อสร้างกว่าพันล้านบาท เป็นการแก้ปัญหาไม่ตรงจุด เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ทำไมไม่แก้ที่ต้นเหตุด้วยการรับฟังความเห็นของประชาชน 7.ในโรงเรียนมีอาคารสิรินธร ซึ่งเป็นอาคารที่ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี  เสด็จฯเป็นองค์ประธานในการเปิด จึงมีคุณค่าต่อความรู้สึกของผู้ที่เคารพในสถาบัน จึงไม่มีเหตุผลสมควรในการรื้อถอน


 


และ 8. โครงการสร้างอาคารรัฐสภาใหม่เป็นการใช้งบประมาณของประเทศเพื่อประโยชน์ของคนเพียงกลุ่มเดียว จึงไม่เหมาะที่จะก่อสร้างในสภาพเศรษฐกิจเช่นนี้


 


การยื่นหนังสือต่อสมาคมศิษย์เก่าฯในครั้งนี้ เพื่อชี้แจงถึงเหตุผลของการออกมาคัดค้านการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่บนพื้นที่ตั้งของโรงเรียนโยธินบูรณะ และขอการสนับสนุนจากสมาคมฯ เป็นการแสดงความต้องการและความคิดเห็นของนักเรียนและผู้ปกครองว่าเป็นแบบนี้ให้สมาคมฯรับทราบ โดยไม่ได้ผักใฝ่ฝ่ายใด "แหล่งข่าวรายเดิมกล่าว


 


ด้านนายพรพัฒน์  รังสิโย ศิษย์เก่าโรงเรียนโยธินบูรณะ รุ่น 2506 กล่าวว่า ในการประชุมสมาคมศิษย์เก่าฯในครั้งนี้ ได้มีการตั้งประธานคณะกรรมการศึกษาข้อดีข้อเสียในการสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ บริเวณพื้นที่ตั้งของโรงเรียนโยธินบูรณะ โดยมีการตั้งคณะกรรมการเพิ่มเติมเพื่อศึกษารายละเอียดให้นำผลการศึกษาเที่ประชุมเพื่อพิจารณาหาข้อสรุปดำเนินการกันอีกครั้ง


 


"จากการที่ได้หารือเป็นการส่วนตัวกับศิษย์เก่าหลายท่าน พบว่าส่วนใหญ่จะเห็นด้วยกับการที่ศิษย์ปัจจุบันดำเนินการคัดค้านการสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ เพียงแต่จะไม่มีการดำเนินการหรือเป็นมติของสมาคมฯที่จะคัดค้าน หากบุคคลใดจะคัดค้านให้ทำในนามของส่วนตัว เนื่องจากตามกฎหมายระบุห้ามสมาคมฯฝักใฝ่ทางการเมือง " นายพรพัฒน์  กล่าว


 


ผอ.โยธินฯยันพรุ่งนี้ไม่ปิด ร.ร.หนีพันธมิตรฯ


นายมานพ นพศิริกุล ผู้อำนวยการโรงเรียนโยธินบูรณะ กล่าวถึงกรณีที่ในวันจันทร์ที่ 25 ส.ค.นี้ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย มีกำหนดการณ์จะเดินทางไปให้กำลังใจนักเรียนที่คัดค้านการรื้อโรงเรียนเพื่อสร้างรัฐสภาแห่งใหม่ ว่า จะไม่มีการปิดโรงเรียนอย่างแน่นอน โดยจะเปิดการเรียนการสอนตามปกติ และจะรอต้อนรับกลุ่มพันธมิตรฯ ด้วย แต่มีความกังวลเกี่ยวกับการจราจร เพราะถนนเส้นทางนั้นค่อนข้างคับแคบ หากมีคนเดินทางไปจำนวนมากอาจทำให้รถติดนานหลายชั่วโมง และสร้างความไม่สะดวกให้กับประชาชนที่ต้องสัญจรไปมา


 


เมื่อถามว่า ทางโรงเรียนได้มีการประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.เตาปูน เพื่อให้มาดูแลความสะดวกหรือไม่ นายมานพ ไม่ได้ตอบคำถามนี้ กลับบอกว่า "ไม่เอาแล้ว พอแล้ว" แล้วเดินออกไปทันที


 


ด้านนางรพีพรรณ เอกสุภาพันธุ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษากรุงเทพมหานคร เขต 1 (สพท.กทม.เขต 1) กล่าวว่า เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม ทาง สพท.1 ได้ประชุมหารือร่วมกับคณะกรรมการบริหารโรงเรียนโยธินบูรณะ และผู้ปกครอง เพื่อหาแนวทางแก้ไขในการย้ายโรงเรียน เนื่องจากนักเรียน ผู้ปกครองมีความเห็นแตกต่างกันและมีเงื่อนไข  เช่น ไม่ให้มีการย้ายโรงเรียนภายใน 2 ปี พร้อมกันนี้ ยังขอให้ปรับสภาพแวดล้อมบริเวณที่จะไปสร้างโรงเรียนแห่งใหม่ ย่านวัดสร้อยทองให้ดีขึ้น รวมไปถึงขอให้ย้ายปั๊มแก๊สออกจากพื้นที่เพื่อความปลอดภัย ในส่วนของที่ตั้งปั๊มแก๊สนั้น พบว่า อยู่ในพื้นที่เขตทหาร คงต้องขอความร่วมมือจากทหารไปเจรจากับเจ้าของปั๊มแก๊สให้ย้ายออกจากพื้นที่ดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาโรงเรียนได้พยายามหาทางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น เพื่อให้เกิดความเข้าใจกันทั้ง 2 ฝ่าย


 


"การย้ายรัฐสภานโยบายรัฐบาลเราก็คงแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว เราต้องมาดูกันว่า เมื่อไปอยู่สถานที่แห่งใหม่ จะทำอย่างไรให้โรงเรียนมีสิ่งอำนวยความสะดวกให้ดีที่สุด อาคารเรียนทันสมัยกว่าโรงเรียนเดิมติดตั้งลิฟต์ บันไดเลื่อน สระว่ายน้ำ รวมถึงปรับภูมิทัศน์ให้โรงเรียนน่าเข้ามาเรียน เป็นต้น" นางรพีพรรณ กล่าว


 


ที่มา: http://www.komchadluek.net


 


พปช.ค้านพธม.ชุมนุม26 ส.ค.


โฆษกพปช.ไม่เห็นด้วยกับกลุ่มพันธมิตรฯเคลื่อนไหวใหญ่ 26 ส.ค.   ร้อยโทกุเทพ ใสกระจ่าง โฆษกพรรคพลังประชาชน กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ประกาศจะเป่านกหวีดระดมพลครั้งสุดท้ายในวันที่ 26 ส.ค. นี้ เพราะเห็นว่าจะสร้างความเดือนร้อนให้กับบ้านเมืองเป็นอย่างมากอย่างแน่นอน แต่จะถึงขั้นที่ทำให้รัฐบาลไม่สามารถทำงานได้นั้น ไม่สามารถระบุได้ และทางพรรคได้รับจดหมายเปิดผนึกจากกองทัพธรรมซึ่งนำโดย พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ที่ได้มาจากชาวบ้านในการลงพื้นที่ ประกาศว่ารอเพียงสัญญาณนกหวีด คือ วันที่เราจะประกาศชัยชนะของกองทัพธรรม และเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองของประเทศไทยให้ได้ รวมทั้งโจมตีถึงมหาเถรสมาคมอย่างรุนแรงอีกด้วย


 


ทั้งนี้ ได้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปตรวจสอบว่ามีข้อเท็จจริงมากน้อยเพียงใด และใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลังจดหมายเปิดผนึกนี้ และการที่กลุ่มพันธมิตรฯใช้วิธีปลุกระดมพลโจมตีรัฐบาลนั้น ตนเองไม่เห็นด้วยกับวิธีการใช้ความรุนแรง ซึ่งประเทศไทยนั้นอยู่ในระบอบประชาธิปไตย และขอยืนยันว่าไม่ว่าสถานการณ์บ้านเมืองจะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใดก็ตาม พรรรคจะไม่ใช้วิธีการรุนแรงอย่างแน่นอน ซึ่งการปลุกระดมพลครั้งใหญ่ของกลุ่มพันธมิตรฯนั้น ทางพรรคได้เตรียมการรับมือไว้แล้ว ส่วนจะทำให้บ้านเมืองเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใด  ไม่สามารถระบุได้ ซึ่งต้องรอติดตามผลกันต่อไป


 


ที่มา: http://www.posttoday.com


 


พปช.ทาบ"ปานปรีย์"ชิงผู้ว่าฯกทม.


พปช.ทาบ "ปานปรีย์" ชิงผู้ว่าฯ กทม. เชื่อ สู้ "อภิรักษ์" ได้อย่างสูสี ด้าน โฆษก พปช.ยังผวา หลังโพลล์ยก "อภิรักษ์"เต็งหนึ่ง ผู้ว่าฯ กทม. 2 สมัย


 


น.ต.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชาชน กล่าวถึงผู้ที่พรรคพลังประชาชนจะเสนอเข้าชิงเก้าอี้ผู้ว่าฯ กทม.ว่า ทราบว่าคณะกรรมการสรรหาบุคคลลงสมัครชิงตำแหน่ง ผู้ว่าฯ กทม.พรรคพลังประชาชน ที่มีนายสุวัฒน์ วรรณศิริกุล เป็นประธาน ได้สรุปที่จะเสนอชื่อ นายปานปรีย์ พหิทธานุกร ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี และคณะทำงานด้านนโยบายพรรคพลังประชาชน เพื่อให้มาลงสมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการทาบทาม เชื่อว่านายปานปรีย์ก็พอมีใจอยู่บ้าง แต่ก็ต้องดูองค์ประกอบอื่นเช่นทีมรองผู้ว่าฯ และทีมที่ปรึกษาฯ กทม. ที่จะเป็นตัวตัดสินด้วยเช่นกัน หากนายปานปรีย์ไม่ตอบรับ เราก็ต้องหาคนอื่นมาลงแทน เพราะอย่างน้อยก็ต้องดูผลระยะยาวคือฐานเสียงในกทม.ของพรรคเป็นสำคัญ


 


"ขณะนี้ชื่อ นายปานปรีย์ เป็นชื่อเดียวที่เหนือกว่าแคนดิเดตคนอื่นๆ เพราะเป็นบุคคลที่เข้าใจการเมือง มีความรู้ ความสามารถ มีบุคลิกเหมาะที่จะเป็นพ่อเมือง ก็ขึ้นอยู่กับว่าท่านจะรับหรือไม่ เมื่อเทียบกับนายอภิรักษ์ (โกษะโยธิน) ที่ชัดเจนว่าพรรคประชาธิปัตย์จะส่งลงอีกสมัย ก็มีท่านปานปรีย์ที่พอจะสู้กับนายอภิรักษ์ได้อย่างสูสี" น.ต.อนุดิษฐ์ กล่าว


 


น.ต.อนุดิษฐ์ กล่าวว่า ส่วนความเป็นไปได้ที่จะชนะเลือกตั้งนั้น ต้องยอมรับว่าพื้นที่ กทม.ส่วนใหญ่เป็นของประชาธิปัตย์ และนายอภิรักษ์ก็ได้เปรียบทุกประตู ดังนั้นทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับการหาเสียง ที่ต้องเข้าถึงประชาชนให้มาก เพราะนายปานปรีย์ยังคงไม่เป็นที่รู้จักของคน กทม.ในระดับล่าง ซึ่งต่างจากนายอภิรักษ์ที่ 4 ปีที่ผ่านมาประชาสัมพันธ์ได้เก่งมาก


 


อย่างไรก็ตาม ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง โฆษกพรรคพลังประชาชน กล่าวในวันเดียวกัน ถึงความคืบหน้าการจัดผู้สมัครลงเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ในนามพรรคพลังประชาชน ว่า พรรคได้มอบหมายให้คณะกรรมการประสานงานภาค กทม.เป็นผู้พิจารณาเอง แต่ที่ผ่านมาการเลือกตั้งในระดับท้องถิ่นพรรคมีนโยบายชัดเจนว่าจะไม่ส่งผู้สมัคร ใครจะมาอ้างว่าเป็นคนของพรรคก็จะปฏิเสธไป เพราะผู้สนับสนุนของพรรคมีจำนวนมากอยู่แล้ว


 


"สถานการณ์การเมืองวันนี้เปลี่ยนไป มีความซับซ้อนมาขึ้น หากพรรคพลังประชาชนจะส่งผู้สมัครคงจะไม่ไปแอบสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง แต่จะเปิดเผยให้ชัดเจนไปเลย คนที่อยากลงแข่งขันในนามพรรคพลังประชาชน อาจจะคิดหน้าคิดหลังมากกว่าเดิม เพราะเห็นผลโพลล์ของพรรคประชาธิปัตย์แล้ว แม้แต่คุณปลื้ม (ม.ล.ณัฏฐกรณ์ เทวกุล) ยังสองจิตสองใจเลย" ร.ท.กุเทพ กล่าว


 


ด้าน นายประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย หรือ รฟม. เปิดเผยถึงกรณีที่พรรคพลังประชาชนทาบทามให้ลงสมัครชิงตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในนามของพรรคพลังประชาชนว่า ไม่เคยได้รับการติดต่อหรือทาบทามจาก ส.ส.กรุงเทพฯ ของพลังประชาชน หรือแม้แต่มีใครในพรรค มาพูดคุยในเรื่องดังกล่าวให้ลงสมัครในพรรคพลังประชาชน ดังนั้นจึงไม่ต้องมีการตัดสินใจในเรื่องนี้


 


ที่มา: http://www.komchadluek.net






ภูมิภาค


กฟภ.เชียงใหม่แจงสิทธิใช้ไฟฟรี ขานรับกับ6มาตรการ"อุ้มคนจน"


นางอรพิน เลิศทำนองธรรม ผู้ช่วยผู้จัดการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จ.เชียงใหม่ ฝ่ายบริหาร เปิดเผยเกี่ยวกับกรณี 6 มาตรการ 6 เดือนที่รัฐบาลประกาศออกมาช่วยเหลือประชาชนระยะ นี้ ว่า ในส่วนของการใช้ไฟฟ้าฟรี ต้องให้ประชาชนเข้าใจเรื่องดังกล่าวเบื้องต้นว่า ค่าไฟฟ้าที่จะเข้าสู่โครงการนั้นเป็นเฉพาะผู้อยู่อาศัยบุคคลธรรมดา  เท่านั้น และเดิมที่จำกัดที่ผู้ใช้ไฟฟ้าครัวเรือน มีมิเตอร์ไฟฟ้าไม่เกิน 5 แอมป์ แต่ตอนนี้มีคำสั่ง ล่าสุดออกมาว่า ไม่ได้มีการจำกัดมิเตอร์แล้ว


 


ผู้ช่วย ผจก.กฟภ.เชียงใหม่ เปิดเผยอีกว่า โดยประชาชนที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 80 หน่วย หรือมีมูลค่ารวมภาษีและค่า FT แล้ว 217.80 บาท และต้องเป็นประเภทที่อยู่อาศัย จะไม่เสียเงินรัฐจะชดเชยแบกรับในส่วนนี้ แต่หากมีการใช้ไฟฟ้าเกิน 80 หน่วย ไม่เกิน 150 หน่วย คิดราคาครึ่งหนึ่ง เช่น ใช้ไป 91 หน่วย คิดราคาแล้ว เสียครึ่งหนึ่ง หากใช้ไฟฟ้าเกิน 150 หน่วย เช่น 150.10 ไม่ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ได้รับการงดเว้น


 


นางอรพิน เปิดเผยเพิ่มเติมว่า สำหรับมาตรการดังกล่าวนี้ได้เริ่มใช้ในรอบบิลเดือนสิงหาคม 2551-มกราคม 2552 (นับตั้งแต่ 20 ก.ค.-20 ส.ค.) อย่างไรก็ตามในพื้นที่รับผิด   ชอบของหน่วยงานมีผู้ใช้ไฟในปริมาณที่กำหนด  จะได้รับการยกเว้น หรือใช้ฟรีใน 5 อำเภอ อาทิ อ.เมือง สารภี แม่ออน ดอยสะเก็ด และ สันกำแพง รวมกว่า 7 หมื่นราย จากจำนวนผู้ใช้ในพื้นที่นี้กว่าแสนราย คิดเป็น 74% ของผู้ใช้ไฟฟ้าทั้งหมดในพื้นที่ดังกล่าว ส่วนทั้งจังหวัดมีปริมาณสัดส่วนที่ใกล้เคียงกันคือ 60-70%  เพราะแต่ละครอบครัวใช้ไฟฟ้ารายเดือนไม่เกิน 150 หน่วย


 


ที่มา: เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 25 ส.ค. 2551


 


อบจ.ภูเก็ตเข้าบริหารท่าเรืออ่าวฉลอง แทนเอกชน-บูมท่องเที่ยวอันดามัน


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ คณะผู้บริหารองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ภูเก็ต นำโดย นายชวลิต ณ นคร รองนายก อบจ.ภูเก็ต นายอาซิ่น อร่ามเมธาพงศา ที่ปรึกษานายก อบจ.ด้านการท่องเที่ยว นายสุวิทย์ ว่องไว นายไกรวุฒิ คุ้มบ้าน ส.อบจ.ภูเก็ต เขตอำเภอเมืองภูเก็ต นายมานพ ลีลาสุธานนท์ ปลัด อบจ. และนายวัชรินทร์ ปฐมวัฒนพงศ์ รองปลัด อบจ. ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมท่าเทียบเรือเพื่อการท่องเที่ยวอ่าวฉลอง เพื่อติดตามการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่าง ๆ พร้อมทำความเข้าใจกับบริษัทนำเที่ยว นักท่องเที่ยว และชาวบ้านในพื้นที่ ภายหลัง อบจ.ภูเก็ต เข้าบริหารจัดการท่าเทียบเรือเป็นวันแรกแทนบริษัทเอกชน ที่ได้รับสัมปทานการบริหารจัดการก่อนหน้านี้


 


สำหรับบรรยากาศบริเวณท่าเทียบเรือในช่วงเช้าเป็นไปอย่างคึกคัก มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติทั้งกลุ่มยุโรปและเอเชีย ใช้บริการท่าเทียบเรือเพื่อเดินทางท่องเที่ยวไปยังเกาะต่าง ๆ ใน จ.ภูเก็ต อาทิ เกาะเฮ เกาะโหลน อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา และหมู่เกาะพีพี จ.กระบี่ รวมทั้งอุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา จ.พังงา ซึ่งล้วนเป็นทะเลฝั่งไข่มุกอันดามัน


 


ทั้งนี้ อบจ.ภูเก็ต กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการให้บริการท่าเทียบเรือท่องเที่ยวอ่าวฉลอง ดังนี้ ค่าธรรมเนียมการใช้เรือ 10 บาทต่อคน ค่าธรรมเนียมการขนส่งสัมภาระ รถของท่าเรือ 100 บาทต่อครั้ง ค่าธรรมเนียมการขนส่งสัมภาระ รถส่วนตัว 200 บาทต่อครั้ง ค่าธรรมเนียมการขนส่งสัมภาระ รถหกล้อขึ้นไป 300 บาทต่อครั้ง ค่าธรรมเนียมการเทียบเรือ 100 บาทต่อลำ


 


ส่วนอัตราค่าธรรมเนียมการให้บริการลานจอดรถ ไม่เกิน 1 ชั่วโมง 20 บาทต่อคัน มากกว่า  1 ชั่วโมง แต่ไม่เกิน 24 ชั่วโมง 40 บาทต่อคัน ค่าธรรมเนียมการจอดรถโดยสารขนาดใหญ่ 50 บาทต่อคัน สำหรับท่าเทียบเรือท่องเที่ยวอ่าวฉลอง เปิดให้บริการทุกวัน ระหว่างเวลา 06.00-20.00 น. ซึ่งบริษัทนำเที่ยว หรือนักท่องเที่ยวที่ต้องการใช้บริการของท่าเทียบเรือ จะต้องซื้อตั๋วเพื่อชำระค่าธรรมเนียมเป็นรายวัน โดยไม่มีการเหมาจ่ายรายเดือน ทั้งนี้เพื่อให้การบริหารจัดเก็บรายได้เป็นไปอย่างรอบคอบมากที่สุด


 


ที่มา: เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 25 ส.ค. 2551


 






การศึกษา


ทปอ.ชี้คณะวิทย์แยกรับนศ.ได้ด้วยวิธีรับตรง


รศ.ดร.มณฑล สงวนเสริมศรี อธิการบดีมหาวิทยาลัยนเรศวร ในฐานะประธานที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) เปิดเผยว่า ในการประชุมทปอ.เมื่อเร็วๆนี้  ที่ประชุมได้มีมติยืนยันองค์ประกอบของการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาด้วยระบบกลาง หรือแอดมิชชั่น ประจำปีการศึกษา 2553 ให้เป็นไปตามที่ทปอ.ได้ทำประชาสัมพันธ์ไว้แล้ว 3 ครั้ง ร่วมกับสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และต่อไปจะเข้าไปทำความเข้าใจกับครูแนะแนวในโรงเรียน ส่วนหากใครมีข้อสงสัยก็สามารถเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่เวบไซต์ของสทศ.ที่ www.niets.or.th


 


รศ.ดร.มณฑล กล่าวต่อไปว่า หลังจากนี้จะมีการเชิญคณบดีสาขาวิชาต่างๆ มาหารืออีกครั้งว่า สาขาใดต้องการให้มีสอบ PAT7 ในภาษาใดเพิ่มเติมอีกหรือไม่ โดยจะเร่งหาข้อสรุปและประกาศให้นักเรียนทราบก่อนมีนาคม 2552 ซึ่งจะมีการสอบความถนัดทั่วไป General Aptitude Test (GAT) และความถนัดทางวิชาชีพหรือวิชาการ Professional Aptitude Test (PAT) ครั้งแรก ซึ่งจะจัดสอบปีละ 3 ครั้งในเดือนมีนาคม  กรกฎาคม และตุลาคม โดยนักเรียนที่สามารถสมัครสอบได้ต้องเป็นผู้ที่กำลังเรียนอยู่ชั้นม. 5 -6 รวมทั้งเปิดโอกาสให้บุคคลทั่วไปสมัครสอบได้ด้วยจนถึงอายุ 60 ปี ซึ่งการสอบลักษณะนี้ต่อไปจะค่อย ๆ พัฒนาให้เหมือนการสอบ TOEFL  คือใครอยากสอบก็มาสอบได้โดยไม่จำกัดอายุ นอกจากนี้ ทปอ.ยังกำหนดวันยืนยันสิทธิ์ของนักเรียนที่ผ่านการรับตรงของแต่มหาวิทยาลัย โดยจะต้องยืนยันสิทธิ์ภายในวันที่ 31 มกราคมของแต่ละปี


 


" ทปอ.มองว่าแอดมิชชั่นเป็นการเปิดโอกาสให้นักเรียนได้มีสิทธิ์เลือกมหาวิทยาลัย ไม่ใช่มหาวิทยาลัยเลือกนักเรียนเหมือนเอนทรานซ์สมัยก่อน แต่ก็อยากให้นักเรียนเลือกสอบเท่าที่มีความจำเป็นจริง ๆ เพราะจากการประชาสัมพันธ์ที่ผ่านมาได้มีคำถามในเรื่องของความสิ้นเปลือง หากถามว่าสอบ 3 ครั้งทำให้สิ้นเปลืองหรือไม่ ทปอ.ก็เห็นว่าสิ้นเปลือง จึงอยากให้นักเรียนเลือกสอบในช่วงเวลาที่มีความพร้อมมากที่สุด ส่วนกรณีคณะวิทยาศาสตร์ขอแยกตัวออกมาจัดสอบคัดเลือกเองนั้น ทปอ.ยังยืนยันองค์ประกอบของแอดมิชชั่นเหมือนเดิม ดังนั้นหากจะแยกไปจัดสอบเองด้วยวิธีรับตรงก็สามารถทำได้ ซึ่งที่ผ่านคณะครุศาสตร์สาขาศิลปศึกษา ซึ่งรวมวิชาดนตรี นาฏศิลป์ เข้าด้วยกันก็อยากแยกสอบเหมือนกัน "  ประธานทปอ.กล่าวและว่า ที่ประชุมยังได้มีการหารือเรื่องการตั้งสมาคมทปอ.โดยได้ข้อสรุปว่า หน้าที่หลักของสมาคมคือ กระตุ้นการทำงานของมหาวิทยาลัย และดูแลเรื่องระบบแอดมิชชั่น


 


ที่มา: เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 25 ส.ค. 2551 


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net