Skip to main content
sharethis

การเมือง


 


"สมัคร" บินเงียบ มอบถุงยังชีพช่วยน้ำท่วมเชียงราย


เว็บไซต์แนวหน้า (22 ส.ค.) - เมื่อเวลา 15.00 น.ที่ผ่านมา นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางถึง จ.เชียงราย โดยสายการบินไทย จากนั้นได้เดินทางต่อไปยังพื้นที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย เพื่อแจกถุงยังชีพช่วยประชาชนในพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วมในพื้นที่ อ.แม่สาย จากนั้นนายกรัฐมนตรีจะเดินทางต่อไปยัง อ.เชียงแสน เพื่อตรวจบริเวณการก่อสร้างท่าเรือน้ำลึก อ.เชียงแสน และฟังบรรยายสรุปและข้อมูลต่างๆ ในการอนุมัติงบประมาณในการก่อสร้างระยะยาวต่อไป และในเวลา 20.00 น. นายกรัฐมนตรีจะเดินทางกลับกรุงเทพมหานคร โดยสายการบินไทยทันที ทั้งนี้ การเดินทางมาครั้งนี้ทางสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่า ไม่มีการแจ้งให้พื้นที่ทราบล่วงหน้าแต่อย่างใด


 


"อภิรักษ์" แถลงลาผู้ว่าฯ กทม.พร้อมลงชิงอีกสมัย


เว็บไซต์เดลินิวส์ - วันนี้ (22 ส.ค.) นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯกทม.แถลงลาออกจากตำแหน่งแล้ว โดยขอบคุณประชาชน และกล่าวว่า จะทำงานเป็นวันสุดท้าย แต่จะยังอยู่ในตำแหน่งจนครบวาระ ซึ่งจะทำหนังสือขอลากิจไปยัง รมว.มหาดไทย เนื่องจากกฎหมายได้กำหนดว่า หากอยู่ครบวาระจะต้องนั่งรักษาการต่อจนกว่าจะได้ผู้ว่าฯกทม.คนใหม่เข้ามารับตำแหน่ง เนื่องจากจะลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.อีกสมัย ดังนั้น ในวันที่ 29 ส.ค.จะทำหนังสือลาออกจากตำแหน่งยื่นต่อ รมว.มหาดไทยทันที เพื่อให้มีเวลาในการหาเสียงและไม่ต้องการถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าได้เปรียบคู่แข่ง


 


เป่านกหวีดกู้ชาติก่อนล่มจม!!พันธมิตรฯร่วมพลใหญ่26ส.ค.นี้ไล่รัฐบาลหุ่นเชิด


ผู้จัดการรายวัน - พันธมิตรฯ "ประกาศ" เป่านกหวีด นัดร่วมพลใหญ่ครั้งสุดท้ายอังคารนี้ (26) แสดงพลังขับไล่ "รัฐบาลหุ่นเชิด" ออกไป ก่อนที่ชาติจะล่มจม พร้อมออกแถลงการณ์ เร่งสนองกระแสพระราชดำรัสในหลวง "ให้ใช้เงินอย่างระมัดระวัง" จี้ยกเลิกเมกะโปรเจตก์ทั้งหมดที่ผลาญเงินชาติ "สุริยะใส" มั่นใจเป่านกหวีดครั้งสุดท้าย ต้องได้รับชัยชนะ เตือน "เลี้ยบ" ละเมิดกฎหมายสั่งสรรพากรถอนอายัดให้ "โอ๊ค-เอม" ผิดกฎหมาย พันธมิตรฯต่างจังหวัดพร้อมเข้ากรุง "ชวน หลีกภัย" ชี้อดีตนายกฯ ทักษิณ หนีคดีซุกอยู่อังกฤษต้องถูกดำเนินการตามกฎหมายเท่าเทียมคนอื่น ไม่มียกเว้น "ผอ.โยธินบูรณะ" ประกาศชัดไม่ปิดโรงเรียนหนีพันธมิตรฯจันทร์นี้ (25) ด้าน"คุณหญิงกษมา" ยันการสร้างรัฐสภาไกลเกินกว่าประชาพิจารณ์แล้ว ยันสพฐ.ดูแลผลประโยชน์ของเด็กเป็นหลัก


 


พปช.ลงมติคว่ำ 2 ร่างกม.ศาล อ้างรวบอำนาจมากเกินไป


มติชนออนไลน์ - พรรคพลังประชาชน (พปช.) มีมติคว่ำร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ.... และร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่เสนอโดยศาลรัฐธรรมนูญ และศาลฎีกา แม้ว่า นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะหัวหน้า พปช. จะให้คณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล หรือวิปรัฐบาล ล็อบบี้ ส.ส.เพื่อให้รับหลักการไปก่อน เนื่องจาก ส.ส.ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยที่จะให้ฝ่ายตุลาการเสนอกฎหมายเอง สอบสวนเอง และตัดสินเอง


 


ทั้งนี้ นายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.สัดส่วน พปช. ในฐานะแกนนำ ที่เสนอในที่ประชุม พปช.ให้ลงมติไม่รับร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญทั้ง 2 ฉบับ ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม ว่า รัฐธรรมนูญ 2550 เพิ่มอำนาจให้ฝ่ายตุลาการโดยให้เสนอกฎหมายเองได้ ตั้งกรรมการสอบสวนเอง และตัดสินเอง ทำให้เกิดการรวบอำนาจ นอกจากนี้ ยังเป็นร่างกฎหมายที่ไม่ผ่านกระบวนการแสดงความคิดเห็นของฝ่ายต่างๆ ทำให้กลายเป็น พ.ร.บ.ของศาลที่มีแนวคิดสุดโต่ง


ส่งสัญญาณให้รับผิดชอบ


 


"วิปรัฐบาลไม่มีสิทธิจะบังคับให้ ส.ส.รับร่าง พ.ร.บ.ใดๆ ได้ เพราะรัฐธรรมนูญ 2550 ให้เอกสิทธิ์กับ ส.ส. โดยสาเหตุที่ ส.ส.พปช.ไม่เห็นด้วยกับร่าง พ.ร.บ.ทั้ง 2 ฉบับ เนื่องจากเป็นกฎหมายที่ผิดธรรมเนียมปฏิบัติตามระบอบประชาธิปไตย ที่ฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติ และตุลาการ จะต้องสมดุลกัน" นายสุนัยกล่าว


 


นายสุนัยกล่าวว่า องค์กรตุลาการมีสิทธิที่จะเสนอกฎหมายได้เอง โดยไม่ผ่านความร่วมมือจากฝ่ายบริหาร หรือฝ่ายนิติบัญญัติ จึงไม่มีใครทำหน้าที่คุมเสียงให้ฝ่ายตุลาการ และหาก ส.ส.ลงมติไม่รับร่าง พ.ร.บ.ทั้ง 2 ฉบับ รัฐบาลก็ไม่ต้องรับผิดชอบ เพราะไม่ใช่คนร่าง แต่คนที่จะต้องรับผิดชอบ คือ ผู้เสนอกฎหมาย และ ส.ส.พปช.หลายคนเห็นว่า ควรที่จะส่งสัญญาณไปถึงองค์กรตุลาการว่าจะรับผิดชอบเรื่องนี้อย่างไร ทั้งนี้หากกฎหมายดังกล่าวตกไปศาลก็จะต้องเสนอมาใหม่ โดยประสานกับรัฐบาลเพื่อให้ช่วยคุมเสียง ส.ส.ในสภาให้ อย่างไรก็ตามยืนยันว่า พปช.จะไม่ยื่นร่าง พ.ร.บ.ทั้ง


2 ฉบับประกบแต่อย่างใด


 


"เตช"ระบุ"ทักษิณ"ไม่ใช่คนธรรมดาต้องให้ "สมัคร"ฟันธง


เว็บไซต์คมชัดลึก - ที่รัฐสภา เมื่อเวลา 10.50 น.วันที่ 22 สิงหาคม นายเตช บุนนาค รมว.กระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีระบุไม่มีนโยบายในการถอนพาสปอร์ตแดงของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีว่า เป็นนโยบายของนายกฯ และรัฐบาล ซึ่งต้องรอให้นายกฯบัญชามายังกระทรวงการต่างประเทศ


 



ทั้งนี้ไม่มีข้อกำหนดที่ชัดเจนต่อการยกเลิกพาสปอร์ตดังกล่าว ซึ่งต้องขึ้นกับบัญชาของนายกฯ ในฐานะหัวหน้ารัฐบาลเพียงคนเดียว และต้องเข้าใจว่าเรื่องนี้ถือเป็นวาระแห่งชาติ เพราะคนที่เกี่ยวข้องเป็นถึงอดีตนายกรัฐมนตรี ดังนั้นนายกรัฐมนตรีต้องเป็นผู้วินิจฉัย แต่ถ้าเป็นบุคคลธรรมดาก็คงเป็นอำนาจการตัดสินใจของกระทรวงการต่างประเทศ แต่พ.ต.ท.ทักษิณ อดีตนายกฯ ไม่ได้เป็นคนธรรมดา


 



เมื่อถามว่านายกฯระบุว่ายังไม่เจอรมว.ต่างประเทศ นายเตช กล่าวว่า หนังสือการขอให้นายกรัฐมนตรีพิจารณายกเลิกพาสปอร์ตแดงดังกล่าวเพิ่งจะส่งไปเมื่อวันที่ 21 ส.ค.ที่ผ่านมา ส่วนที่หัวหน้าพรรคฝ่ายค้านขอให้กระทรวงการต่างประเทศร่างระเบียบการถอนพาสปอร์ตแดงให้ชัดเจนเพื่อใช้เป็นบรรทัดฐานในอนาคตนั้น ที่ผ่านมา ได้มีวิวัฒนาการเกี่ยวกับกฎระเบียบหนังสือเดินทางของสถานทูตอยู่ตลอด เมื่อถามว่าในกรณีที่เป็นพาสปอร์ตแดงถือเป็นอำนาจการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรีใช่หรือไม่ นายเตช ตอบว่า เฉพาะกรณีนี้เท่านั้น


 



ผู้สื่อข่าวถามว่าหากตัดสินใจอย่างไรนายกฯจำเป็นต้องชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจหรือไม่ นายเตช กล่าวว่า คงต้องมีการหารือกัน โดยในการประชุมครม.วันอังคารที่ 26 ส.ค. ตนจะหารือเรื่องนี้กับนายกรัฐมนตรีด้วย ซึ่งนายกรัฐมนตรีคงได้มีโอกาสพิจารณาหนังสือของกระทรวงการต่างประเทศก่อนการประชุมครม.แล้ว


 


พปช.เปิด 3 แคนดิเดตชิงผู้ว่าฯ กทม.


มติชนออนไลน์ - นายสุวัฒน์ วรรณศิริกุล ประธานคณะกรรมการประสานงานภาค กทม. พรรคพลังประชาชน (พปช.) กล่าวว่า พรรคจะส่งผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. ในนาม พปช.อย่างแน่นอน โดยมีแคนดิเดตด้วยกัน 3 ราย คือ 1.นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตกรรมการผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 2.นายประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าการ รฟม.และ 3.นายปลอดประสพ สุรัสวดี ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีและอดีตผู้สมัคร ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน คาดว่าภายในสัปดาห์หน้าจะได้ข้อสรุปในเรื่องของตัวบุคคล และไม่ได้สนใจกับผลโพล เพราะไม่ได้คาดหวังผลแพ้ชนะ แต่ต้องการสร้างฐานเสียงในกทม.ให้มากขึ้นเท่านั้น


 


"พรรคพลังประชาชนจะต้องให้ความสำคัญกับการส่งผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.ให้มากขึ้น เนื่องจากจะสามารถช่วยเพิ่มฐานเสียงในพื้นที่ กทม.ได้ เพราะการเลือกตั้ง ส.ส.เมื่อวันที่ 23 ธันวาคมที่ผ่านมา เห็นได้ว่าผู้สมัคร ส.ส.กทม.ของ พปช.แพ้คะแนนผู้สมัคร ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ เพียงเล็กน้อย" นายสุวัฒน์ กล่าวและว่า นโยบายที่จะใช้ในการหาเสียง คือการสานต่อนโยบาย 6 มาตรการ 6 เดือน ฝ่าวิกฤตเพื่อคนไทยทุกคนของรัฐบาล รวมถึงเน้นการพัฒนาให้พื้นที่ กทม.สะอาด โดยพรรคพลังประชาชนแจ้งว่า จะช่วยสนับสนุนสื่อต่างๆ ที่ใช้ในการหาเสียง อาทิ โปสเตอร์ คัตเอ๊าต์ หรือป้ายผ้าต่างๆ ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.ของพรรคพลังประชาชน


 



พันธมิตรฯ ยกเลิกจัดเวทีการเมืองประชาชน ที่ อ.สุไหงโก-ลก


เว็บไซต์แนวหน้า - มีรายงานข่าวว่า กลุ่มพันธมิตรสงขลาเพื่อประชาธิปไตย ที่มีกำหนดจัดกิจกรรมเวทีการเมืองประชาชน ที่ อ.สุไหงโกลก จ.นราธิวาส ในวันนี้ ได้ยกเลิกกิจกรรมดังกล่าวแล้ว หลังจาก เกิดเหตุระเบิดใกล้ สภ.สุไหงโก-ลก จนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บหลายรายเมื่อคืนที่ (21 ส.ค.)ผ่านมา แต่การชุมนุมใหญ่ ในวันที่ 25 ส.ค.นี้ ที่ ลานประวัติศาสตร์การเมืองภาคประชาชนและสถานีรถไฟหาดใหญ่ ที่จัดขึ้นทุกวันอย่างต่อเนื่อง ยังคงมีเหมือนเดิม


 


เศรษฐกิจ


 


ก.พาณิชย์ไฟเขียวงบ 29 ล้านบาทช่วยภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบเอฟทีเอ


เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์ - นางอภิรดี ตันตราภรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยผลการประชุมคณะกรรมการบริหารเงินช่วยเหลือ เพื่อการปรับตัวของภาคการผลิตและภาคบริการที่ได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรีทางการค้าเร็ว ๆ นี้ ว่า คณะกรรมการบริหารฯ ได้อนุมัติเงินให้ความช่วยเหลือ จำนวน 4 โครงการ ได้แก่ โครงการพัฒนาผ้าผืนไทยเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน โครงการพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการกลุ่มอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและบริการ โครงการยุทธศาสตร์การพัฒนาห่วงโซ่อุปทานอุตสาหกรรมสมุนไพรไทยเพื่อลดผลกระทบจากการเปิดเสรีทางการค้า AFTA ด้วยสมุนไพรในบัญชียาหลักแห่งชาติ และโครงการศึกษาแนวทางการปรับตัวของผู้ประกอบการเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการส่งออกสินค้าชา รวมเป็นเงินประมาณ 29.51 ล้านบาท


 


ไทยขาดดุลพันล้าน นำเข้าน้ำมันตรึม


เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์ - นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ยอดนำเข้าเดือน ก.ค. 2551 สูงถึง 1.79 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 55.1% ส่งผลให้ไทยขาดดุลการค้า 1,027 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นการกลับมาขาดดุลอีกครั้งในรอบปีนี้ หลังจากที่เพิ่งเกินดุลการค้าติดต่อกันสองเดือน


 



สาเหตุหลักมาจากการนำเข้าสินค้าเชื้อเพลิง 4,202 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 98.2% โดยเฉพาะการนำเข้าน้ำมันดิบมีมูลค่า 3,592 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 94.5% จากราคาตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น


 



ทั้งนี้ หากเทียบปริมาณนำเข้าพบว่า มีเพียง 26.2 ล้านบาร์เรล หรือเพิ่มขึ้น 2.7% ทำให้ดุลการค้า 7 เดือน (ม.ค.-ก.ค.) ไทยขาดดุลแล้ว 2,094 ล้านเหรียญสหรัฐ


 



นอกจากนี้ ยังพบว่ามีการนำเข้าแท่นขุดเจาะน้ำมัน มูลค่า 200 ล้านเหรียญสหรัฐ และก๊าซแอลพีจี 200 ล้านเหรียญสหรัฐ จากเดิมที่ไม่เคยมีการนำเข้ามาก่อน


 



ขณะที่ตัวเลขส่งออกทำได้ถึง 1.69 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 43.9% เทียบกับช่วงเดียวกันของ ปีก่อน ซึ่งเป็นการส่งออกสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และเป็นการส่งออกที่มีมูลค่าเกิน 1.5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ต่อเนื่องเป็นเดือนที่สาม


 



นายราเชนทร์ พจนสุนทร อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก กล่าวว่า การส่งออกเดือน ก.ค. ที่เพิ่มขึ้นนั้น เป็นการส่งออกเพิ่มขึ้นทุกหมวดสินค้า โดยเฉพาะสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร การส่งออก มีมูลค่า 3,063 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 71.8%


 



สินค้าสำคัญที่ส่งออกเพิ่มขึ้น ได้แก่ ข้าว เพิ่มขึ้น 212.1% ยางพารา เพิ่มขึ้น 51.9% อาหารทะเลกระป๋องแช่แข็งและแปรรูป เพิ่มขึ้น 35.7% ผัก ผลไม้สด แช่แข็ง กระป๋องและแปรรูป เพิ่มขึ้น 31.8% ไก่แช่แข็งและแปรรูป เพิ่มขึ้น 103.1%


 



สำหรับสินค้าอุตสาหกรรม มีมูลค่า 1.27 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 39.4% สินค้าที่ส่งออกเพิ่มขึ้น ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้า ยานยนต์ เม็ดและผลิตภัณฑ์พลาสติก วัสดุก่อสร้าง อัญมณี เป็นต้น



ทั้งนี้ช่วง 5 เดือนที่เหลือต่อจากนี้ไป ถ้าส่งออกได้เดือนละ 1.38 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ การส่งออกทั้งปีจะขยายตัวได้ระดับ 12.5% มูลค่ารวม 1.71 แสนล้านเหรียญสหรัฐ แต่ถ้าได้ส่งออกมากกว่านี้ก็ มีสิทธิโต ขึ้น 15%



 


คุณภาพชีวิต


 


หนี้ครัวเรือนพุ่งสูงสุดในรอบ10ปี


เดลินิวส์ - นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลสำรวจสถานภาพหนี้ครัวเรือน ปี 51 ว่า คนไทยก่อหนี้ครัวเรือนเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยสถิติเดือน ส.ค. 51 คนไทยมีหนี้สินต่อครัวเรือนถึง 135,166 บาท เพิ่มขึ้น 15.84% จากปีก่อนที่มี 116,681 บาท ทำให้ขนาดหนี้สินครัวเรือนโดยรวมเพิ่มขึ้น 16.55% มีมูลค่ารวม 2.4 ล้านล้านบาท เพิ่มจากปีก่อนที่มี 2.1 ล้านล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 3 แสนล้านบาท ซึ่งถือว่าสูงสุดในรอบ 10 ปี


 


นอกจากนี้ พบว่าคนไทยมีสัดส่วนการเป็นหนี้เพิ่มขึ้นที่ 45.7% สูงกว่าปีก่อนที่มีเพียง 21.8% โดยสาเหตุจากมีรายได้น้อยกว่ารายจ่าย เพราะค่าครองชีพเพิ่ม 75.3% ดอกเบี้ยสูง 17.2% น้ำมันแพง 4.6% ทำให้คนส่วนมากต้องหาทางออกด้วยการกู้เงินแทน โดยเฉพาะการพึ่งเงินนอกระบบที่มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 35% สูงกว่าปี 50 ที่มี 32.2% และปี 49 ที่ 26.1% สวนทางกับหนี้ในระบบที่ลดลงที่ปี 49 มี 73.9% เหลือ 67.8% ในปี 50 และปีนี้ 65% ตามลำดับ โดยวัตถุประสงค์การกู้ยืม เพื่อใช้จ่ายประจำวัน 36.81% ยานพาหนะ 26.89% ที่อยู่อาศัย 7.71% ค่ารักษาพยาบาล 14.93% และลงทุน 13.81%


 


ทั้งนี้สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ ประชาชน 56.50% ระบุว่ามีหนี้เพิ่มขึ้นมากกว่ารายได้ มีเพียง 10.79% เท่านั้นที่มีรายได้สูงกว่าหนี้ ขณะที่รายได้และหนี้เพิ่มเท่ากันที่ 32.71% ซึ่งส่งผลกระทบต่อความสามารถชำระหนี้ และอาจทำให้ธนาคารพาณิชย์มีแนวโน้มมีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้เพิ่มได้ โดยเฉพาะจากกลุ่มผู้มีรายได้ต่ำไม่เกิน 10,000 บาทต่อเดือน หรือ 10,000-20,000 บาทที่ยอมรับว่ามีปัญหาการผ่อนส่งเกิน 80% ขณะที่รายได้ 20,001-50,000 บาท มีปัญหาชำระหนี้ 59-69% รายได้ 50,001-90,000 บาท มีปัญหาชำระหนี้ 56.70% และสูงกว่า 90,001 บาท มีปัญหาชำระหนี้ 40.10%


 


"ปัญหาหนี้ครัวเรือนไม่ใช่ปัญหารุนแรง จนกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศ เพราะเมื่อเทียบกับจีดีพีแล้ว มีสัดส่วน 25.97% เป็นระดับที่ภาครัฐบริหารได้ แต่สิ่งที่น่ากลัวคือกลายเป็นปัญหาระดับบุคคล โดยเฉพาะผู้มีรายได้ต่ำ ที่จะลุกลามต่อความเชื่อมั่นเศรษฐกิจในอนาคต และทำให้บรรยากาศการบริโภคภายในซบเซาต่อไป แม้ตัวเลขจีดีพีปีนี้จะโต 5.5% แต่ไม่ช่วยให้คนระดับล่างมีรายได้เพิ่ม เพราะรายได้หลักจะตกอยู่กับธุรกิจขนาดใหญ่เท่านั้น"


 


"เจ๊เกียว"แจงสารพัดเหตุผลยันไม่ลดค่าโดยสารรถร่วม


เดลินิวส์ - นางสุจินดา เชิดชัย นายกสมาคมผู้ประกอบการรถร่วมโดยสาร เปิดเผยว่า ผู้ประกอบการรถร่วมโดยสารบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) ยืนยันว่า ไม่สามารถลดราคาได้ แม้ราคาน้ำมันดีเซลจะปรับราคาลดลงเหลือลิตรละ 33.04 บาทต่อลิตร เนื่องจากที่ผ่านมาผู้ประกอบการได้เสนอขอปรับราคาค่าโดยสารมาโดยตลอด ตั้งแต่ราคาน้ำมันลิตรละ 20 กว่าบาท แต่ได้ปรับราคาค่าโดยสารเพียง กม.ละ 3 สตางค์ เท่านั้น ซึ่งขั้นราคาค่าโดยสารที่คำนวณขณะนี้ ยังต่ำกว่าราคาน้ำมันที่ได้ปรับไปแล้วหลายขั้น


 


"ตอนนี้ผู้โดยสารที่ใช้บริการของรถยนต์โดยสารของผู้ประกอบการพบว่าลดลงถึง 40% ซึ่งไม่เกี่ยวกับการอยู่ในช่วงโลว์ซีซั่นแต่เป็นเพราะเศรษฐกิจตกต่ำ ประชาชนไม่มีเงินใช้ในการเดินทาง และบางส่วนก็หันไปใช้บริการรถไฟฟรีตามมาตรการของรัฐ ขณะที่ผู้ประกอบการเองก็ไม่สามารถลดราคาค่าโดยสารให้ได้เพราะราคาน้ำมันแม้ว่าจะปรับลดลงไปแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะลดลงไปถึงจุดที่ผู้ประกอบการได้กำไรถึงขั้นสามารถลดราคาค่าโดยสารให้กับผู้โดยสารได้"


 


นอกจากนี้ได้หารือกับผู้บริหารของ บขส.ในการของดการจ่ายค่าขาที่ผู้ประกอบการต้องจ่ายให้กับ บขส.เที่ยวละ 1 ที่นั่ง รวมถึงให้ผู้ประกอบการสามารถบริหารจัดการการเดินรถได้เองในบางเที่ยว ที่ไม่มีผู้โดยสารหรือมีผู้โดยสารน้อยไม่คุ้มค่าต้นทุนการเดินรถ


 


กมธ.คุ้มครองผู้บริโภค ชี้ร่างพ.ร.บ.จัดสรรคลื่นฯ ขัด รธน.


เว็บไซต์ - วันนี้ ( 22 .ส.ค.) นายชนินทร์ รุ่งแสง โฆษกคณะกรรมาธิการการคุ้มครองผู้บริโภค สภาผู้แทนราษฎร เปิดภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมได้พิจารณาเรื่องร้องเรียนจากบริษัทโทเทิ่ล แอ๊คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) กรณีการคัดค้านการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายว่าด้วยองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ และกำกับกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม โดยเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าชี้แจง ซึ่งที่ประชุมได้พิจารณาแล้วเห็นว่าร่างพ.ร.บ.ดังกล่าว ขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 47 ที่กำหนดให้มีองค์กรของรัฐที่เป็นอิสระจัดสรรคลื่นความถี่เพื่อประโยชน์สาธารณะ และหากร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวมีผลบังคับใช้อาจเกิดผลกระทบแก่ผู้บริโภคอย่างมาก จึงต้องพิจารณาอย่างรอบคอบเพื่อความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย


 



นายชนินทร์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังพบว่ากระบวนการคัดเลือกผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นคณะกรรมการฯ อาจไม่โปร่งใส ขาดความเป็นกลางโดยมีการแทรกแซงจากหน่วยงานรัฐได้ ดังนั้นควรมีการทำประชาพิจารณ์เพื่อรับฟังความความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้เสียจากการปรับปรุงแก้ไขพ.ร.บ.ดังกล่าวก่อน


 


ผู้ว่าฯ แฉอิตัลไทยสำรวจเขื่อนพลการ


เว็บไซต์มติชน - เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม นายชาญ ศิรินันท์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี เปิดเผยในการประชุมลงพื้นที่ศึกษาและตรวจสอบโครงการผลิตไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนบ้านกุ่ม อ.โขงเจียม ว่า เมื่อปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ได้ยื่นหนังสือขอความร่วมมือพร้อมแนบมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่เห็นชอบให้บริษัทศึกษาความเป็นไปได้ในการสร้างเขื่อนบ้านกุ่ม เพื่อให้ทางราชการอำนวยความสะดวกในการลงพื้นที่ศึกษา แต่ตนไม่อนุมัติ เพราะไม่มีหนังสือคำสั่งจากหน่วยราชการ และให้กลับไปนำเอกสารดังกล่าวมาติดต่ออีกครั้ง จากนั้นก็ไม่ได้รับการติดต่อกลับจนภายหลังพบว่า อิตัลไทยลงพื้นที่สำรวจการสร้างเขื่อนโดยพลการ รวมทั้งติดต่อผู้นำชาวบ้านในพื้นที่เพื่อเรียกประชุมตัวแทนชาวบ้าน และสำรวจความคิดเห็นในการสร้างเขื่อน โดยไม่ชี้แจงผลกระทบ ทั้งผลดีและผลเสียโดยละเอียด ทำให้ชาวบ้านสับสนและเครียด รวมทั้งได้ขุดเจาะดินบริเวณอุทยานแห่งชาติผาแต้มโดยไม่แจ้งเจ้าหน้าที่


 



นายชาญกล่าวว่า อิตัลไทยกระทำต่างๆ โดยไม่ได้ขออนุญาต หรือทำความเข้าใจกับหน่วยราชการในพื้นที่ ถือว่าผิดหลักการและระเบียบของทางราชการ ล่าสุด จึงมีหนังสือถึงกระทรวงพลังงานให้ชี้แจงกรณี


 


ต่างประเทศ


 


รัฐบาลผสมปากีฯ ร้าวชารีฟขู่ลาออก


เดลินิวส์ - หนังสือพิมพ์วอลล์ สตรีท เจอร์นัล ของสิงคโปร์รายงานว่า อดีตนายกรัฐมนตรีนาวาซ ชารีฟ ของปากีสถาน ขู่จะนำพรรคการเมืองของเขาลาออกจากรัฐบาลผสมของปากีสถาน หากไม่มีการตัดสินใจเรื่องคืนตำแหน่งให้แก่คณะผู้พิพากษาที่ถูกอดีตประธานาธิบดีเปอร์เวซ มูชาร์ราฟ ปลดจากตำแหน่งภายในวันศุกร์นี้


 


นายชารีฟ กล่าวว่า การสั่งปลดคณะผู้พิพากษาเมื่อปีก่อนสั่นสะเทือนรากฐานของประเทศ และจำเป็นที่ต้องให้คณะผู้พิพากษาเหล่านั้นกลับมาทำงานตามเดิม ซึ่งหากรัฐบาลผสมที่นำโดยพรรคประชาชนปากีสถาน (พีพีพี) ของอดีตนายกรัฐมนตรีเบนาซีร์ บุตโต ผู้ล่วงลับ ไม่จัดการปัญหานี้ พรรคการเมืองของเขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นใดนอกจากออกไปทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้าน


 


ความขัดแย้งเรื่องนี้สร้างรอยร้าวให้กับรัฐบาลผสมของปากีสถาน ไม่นานหลังจากอดีตประธานาธิบดีมูชาร์ราฟ ลาออกจากตำแหน่ง โดยนักวิเคราะห์ระบุว่า สาเหตุที่พรรคพีพีพี ลังเลใจเรื่องการคืนตำแหน่งให้คณะผู้พิพากษา เพราะเกรงว่า หัวหน้าคณะผู้พิพากษาเหล่านั้นจะคัดค้านการอภัยโทษข้อหารับสินบนของแกนนำพรรคเมื่อปีก่อน


 


ด้าน ส.ส.จากพรรคพีพีพี ออกมาเรียกร้องให้นายอาซีฟ อาลี ซาร์ดารี สามีม่ายของนางบุตโต ลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดี หลังจากการลาออกของมูชาร์ราฟ ทั้งนี้ นายซาร์ดารีกลายเป็นตัวเก็งที่จะเป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีคนต่อไปเมื่อวันพฤหัสบดี ในขณะที่ความแตกแยกภายในพรรคร่วมรัฐบาลที่นำโดยพรรคพีพีพีของเขาเริ่มปรากฏให้เห็น โดย ส.ส.จากพรรคพีพีพี ให้การสนับสนุนนายซาร์ดารีในระหว่างการรับประทานอาหารเย็น ซึ่งเขาเป็นเจ้าภาพจัดขึ้นเมื่อวันพุธที่ผ่านมาที่บ้านพักในกรุงอิสลามาบัด


 


ฮ่องกงสั่งหยุดงานรับพายุไต้ฝุ่น "นูรี"


ผู้จัดการรายวัน - ฮ่องกงออกคำเตือนพายุขั้นร้ายแรงที่สุดในรอบ 5 ปีเมื่อวานนี้ (22) ขณะที่ไต้ฝุ่น "นูรี" เคลื่อนเข้าใกล้เกาะและก่อให้เกิดลมพายุรุนแรงและฝนตกหนักซึ่งทำให้ทั้งตลาดการเงินและธุรกิจอื่น ๆเกือบทั้งเมืองต้องปิดตัวลงชั่วคราว


 


เที่ยวบินจำนวนกว่า 400 เที่ยวก็ต้องเลื่อนออกไป สำนักงานส่วนใหญ่ปิด บริการขนส่งมวลชนก็หยุดให้บริการ หลังจากที่สำนักงานพยากรณ์อากาศออกมาเตือนว่าฮ่องกงจะถูกพายุนูริเข้าโจมตีโดยตรง


 


ทางการฮ่องกงออกคำเตือนพายุ "ระดับ 9" เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2003 เป็นต้นมา และก็ยังบอกด้วยว่าพายุอาจจะพัฒนาตัวเองขึ้นให้มีความแรงมากกว่าเดิม รวมทั้งเตือนประชาชนมิให้ออกไปนอกอาคาร และอาจจะเพิ่มคำเตือนเป็น "ระดับ 10" ในช่วงเย็นวานนี้


 


คำเตือนระดับ 10 เป็นระดับสูงสุดของคำเตือนพายุของทางการฮ่องกง ซึ่งใช้กับพายุที่เคลื่อนที่ด้วยความเร็วลงอย่างน้อย 118 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และในศูนย์กลางพายุมีความแรงของลมมากกว่า 220 กิโลเมตรต่อชั่วโมง


 


ครั้งสุดท้ายที่ทางการฮ่องกงออกคำเตือนระดับนั้นเป็นในปี 1999 เมื่อไต้ฝุ่นยอร์กพัดเข้ามากลางเมืองและทำให้มีผู้เสียชีวิตสามคน


 


ในคำเตือนที่ออกมาระบุว่าพายุเคลื่อนที่ด้วยความเร็วถึง 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และความเร็วลมสูงสุด 150 กิโลเมตรต่อชั่วโมง รวมทั้งเตือนด้วยว่า "ทะเลมีคลื่นสูง"


 


หนังสือพิมพ์เซาธ์ ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์รายงาน ทางด้านเจ้าหน้าที่ของจีนก็ได้สั่งอพยพประชาชนราว 250,000 คนออกจากแถบชายฝั่งทะเลทางตอนใต้ของมณฑลกวางตุ้ง


 


เดือนสิงหาคมเป็นที่มีพายุขึ้นเกาะฮ่องกงมากที่สุดในรอบปี และบางครั้งก็ทำให้ทั้งเมืองต้องหยุดกิจกรรมทุกอย่างลง แม้ว่าจะมีน้อยครั้งที่พายุจะสร้างความเสียหายให้โครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆของเมืองอย่างรุนแรง เพราะว่าโครงสร้างเหล่านั้นได้รับการออกแบบให้สามารถทนต่อพายุที่มีความเร็วลมมหาศาลได้

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net