Skip to main content
sharethis

ตามที่มีข่าวฟอร์เวิร์ดเมล์อ้างคำสัมภาษณ์ พล.อ.ต.ดร.เพียร โตท่าโรง ผู้อำนวยการสถาบันมาตรวิทยา


แห่งชาติว่า ขณะนี้สถาบันมาตรวิทยาฯ จะดำเนินการปรับเปลี่ยนเวลาของประเทศ ไทยใหม่ทั่ว


ประเทศ เพื่อให้ถูกต้องแม่นยำตามหลักสากล โดยจะปรับเวลาให้เร็วขึ้น 30 นาทีนั้น


 


ประชาไทสอบถามข้อมูลจากเจ้าหน้าที่สถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติ ซึ่งเป็นสถาบันซึ่งรับผิดชอบในการสร้างและรักษาวินาทีมาตรฐานของประเทศไทย ได้รับการชี้แจงว่า ข่าวที่ถูกส่งต่อในฟอร์เวิร์ดเมล์ดังกล่าวมีที่มาจากหนังสือพิมพ์รายวันซึ่งลงข่าวคลาดเคลื่อนไปจากข้อเท็จจริง ทั้งนี้ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ได้กำหนดเรื่องหลักเกณฑ์การเก็บรักษาข้อมูลจราจร ทางคอมพิวเตอร์ของผู้ให้บริการ พ.ศ.2550 ให้ถูกต้องแม่นยำตามหลักสากล ซึ่งหน่วยงานและองค์กรที่เกี่ยวข้องกับเวลา เช่น ผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ จะต้องปรับเทียบเวลาให้ตรงกันตามมาตรฐานสากล ซึ่งสามารถสอบเทียบเวลาได้จากสถาบันมาตรวิทยา ทั้งนี้ ไม่ใช่การปรับเวลาให้เร็วขึ้น 30 นาทีตามข่าวที่ถูกเผยแพร่ไป หากแต่เป็นการปรับเทียบเวลาให้ตรงตามหลักสากลเท่านั้น


 







คำชี้แจงจากสถาบันมาตรวิทยา


สถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติ จัดทำและรักษาเวลามาตรฐานตามสากล ไม่ใช่เป็นการปรับแก้เวลา หรือปรับเปลี่ยนเวลาใดๆทั้งสิ้น


 


ตามที่มีข่าว เรื่อง การปรับเวลาประเทศไทย ให้เร็วกว่าเวลาปัจจุบัน 30 นาที ไม่เป็นความจริง


สถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติ ขอเรียนให้ทราบว่า สถาบันฯ มีหน้าที่จัดทำและรักษาเวลามาตรฐานตามระบบสากล และให้บริการถ่ายทอดเวลามาตรฐานโดยการปรับเทียบเวลามาตรฐาน เพื่อให้ผู้ที่ต้องการมีเวลาที่ถูกต้องเที่ยงตรงสามารถนำไปใช้ได้  ไม่ได้เป็นการปรับแก้เวลา หรือปรับเปลี่ยนเวลาใดๆทั้งสิ้น ตามที่เป็นข่าว


 


00000 


 


เวลามาตรฐานของประเทศไทยยังคงเป็นเวลาเดิมไม่มีการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด


 


ตามที่มีข่าวปรากฏในหน้าหนังสือพิมพ์รายวันฉบับวันที่ 6 สิงหาคมพ.ศ. 2551 ใจความว่า[1]


"ที่ผ่านมาเวลาของประเทศไทยไม่มีมาตรฐานแน่นอน อย่างช่วงเคารพธงชาติที่แต่ละจังหวัดเคารพธงชาติไม่ตรงกัน ดังนั้นสถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติ จะปรับเปลี่ยนเวลาของประเทศไทยใหม่ทั่วประเทศเพื่อให้ถูกต้องแม่นยำตามหลักสากล"[2][3]


 


นอกจากนี้แล้ว ข่าวดังกล่าวยังได้ถูกขยายความเพิ่มเติมภายหลังพร้อมทั้งยกตัวอย่างประกอบเพิ่มเติมอีกด้วย ส่งเป็นข่าวที่ส่งต่อกันเป็นทอดๆทางอีเมล์ จึงเกิดกระแสข่าวลือว่า สถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติจะปรับเปลี่ยนเวลาของประเทศไทยไปอีก 30 นาทีข่าวดังกล่าว ได้ทำให้เกิดความเข้าใจผิดและทำให้เกิดความแตกตื่นขึ้น ซึ่งได้มีผู้คนเป็นจำนวนมากสอบถามมายังฝ่ายมาตรวิทยาไฟฟ้าซึ่งรับผิดชอบทางด้านไฟฟ้า เวลาและความถี่ จึงขอเรียนทำความเข้าใจดังนี้


 


สถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติ คือ ผู้รับผิดชอบในการสร้างและรักษาวินาทีมาตรฐานของประเทศไทย ตามพระราชบัญญัติพัฒนาระบบมาตรวิทยาแห่งชาติ พ.ศ. 2540 และเป็นผู้รับผิดชอบส่งสัญญาณเวลา (time signal) ที่เกิดจากการสร้างวินาทีมาตรฐานไปยังหน่วยงานกลางระหว่างประเทศเพื่อร่วมกำหนดมาตราเวลาพิกัดสากล UTC (Coordinated Universal Time) ร่วมกับสถาบันมาตรวิทยาและหน่วยงานด้านเวลาของประเทศอื่น


 


มาตราเวลาพิกัดสากล UTC นี้ได้รับการยอมรับร่วมกันให้เป็นมาตราเวลาระหว่างประเทศ โดยที่เวลามาตรฐานของประเทศต่างๆ จะได้จากการบวกเวลาตามมาตราเวลาพิกัดสากล UTC กับค่าประจำ Time zone ที่ประเทศนั้นตั้งอยู่ เช่นประเทศไทยตั้งอยู่ใน Time zone ที่ + 7 ดังนั้น เวลามาตรฐานของประเทศ


ไทยจึงเป็น เวลา UTC + 7 ชั่วโมงประเทศอังกฤษตั้งอยู่ใน Time zone ที่ + 0 ดังนั้น เวลามาตรฐานของ


ประเทศอังกฤษจึงเป็น เวลา UTC + 0 ชั่วโมง[4]เมืองนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ตั้งอยู่ใน Time zone ที่ - 5 ดังนั้น เวลามาตรฐานของเมืองนิวยอร์ก จึงเป็น เวลา UTC - 5 ชั่วโมง4


 


สิ่งที่สถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติกำลังดำเนินการ และต้องการประชาสัมพันธ์ให้หน่วยงานต่างๆ และประชาชนทั่วไปทราบก็คือ ขณะนี้สถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติได้จัดให้มีการถ่ายทอดสัญญาณเวลาผ่านระบบอินเตอร์เน็ต Network Time Protocol เพื่อให้ผู้ที่ประสงค์จะใช้งานมาตราเวลาพิกัด ประเทศไทย หรือเวลามาตรฐานประเทศไทย สามารถเข้าถึงข้อมูลเวลาดังกล่าวได้อย่างทั่วถึง โดยเซอร์เวอร์เวลา (timeservers) ที่ถ่ายทอดสัญญาณเวลา มาตรฐานประเทศไทย ที่สถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติ ได้จัดให้มีขึ้นคือ time1.nimt.or.th และ time2.nimt.or.th โดยหวังว่า การถ่ายทอดสัญญาณเวลามาตรฐานของประเทศผ่านระบบนี้ จะเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับหน่วยงานต่างๆ ที่ต้องการใช้เวลาที่ถูกต้องตรงกับ เวลามาตรฐานของประเทศสามารถปรับจูน (tune) คอมพิวเตอร์ของตนให้มีเวลาตรงกับเวลามาตรฐานของประเทศได้


 


หากสถานีโทรทัศน์และวิทยุทั้งหลาย จะปรับจูนเวลาของสถานีผ่านระบบอินเตอร์เน็ตดังกล่าว


ก็น่าจะทำให้เวลาเชิญธงชาติขึ้นสู่และลงจากยอดเสาในเวลา 8:00 น.และ 18:00 น. ตามลำดับ ของแต่ละสถานีตรงกัน และน่าจะส่งผลต่อไปยังประชาชนทั่วไป ซึ่งเทียบเวลาของนาฬิกาของตน กับ


เวลาของสถานีโทรทัศน์และวิทยุดังกล่าว


 


อย่างไรก็ตาม ด้วยข้อจำกัดและความไม่แน่นอนของเส้นทางสัญญาณเวลา ระหว่างผู้รับสัญญาณและตัวจ่ายสัญญาณของสถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติ ความถูกต้องของการถ่ายทอดเวลาผ่านทาง






[1] อ้างบทสัมภาษณ์ พล.อ.ต. ดร. เพียร โตท่าโรง ผู้อำนวยการสถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติ


กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี



[2] หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ฉบับวันที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2551


http://www.thairath.co.th/online.php?section=newsthairathonline&content=99625



[3] หนังสือพิมพ์มติชน ฉบับวันที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2551


http://www.matichon.co.th/news_detail.php?id=44379&catid=27



[4] ในฤดูร้อนประเทศในเขตอบอุ่นและเขตหนาวจะมีการประกาศใช้เวลาฤดูร้อน ที่รู้จักกันในชื่อ


ว่า Daylight saving time ซึ่งจะขยับเวลามาตรฐานของประเทศให้เร็วขึ้นอีกหนึ่งชั่วโมง


 


 


 


 


 







ข่าวคลาดเคลื่อนที่ปรากฏในการฟอร์เวิร์ดเมล์


1. ไทยปรับเวลาใหม่ ให้ตรงกันทั่วประเทศ บังคับใช้ 23 ส.ค.


 


จากความเหลื่อมล้ำทางเวลาของไทย จนทำให้ไม่เป็นมาตรฐาน สถาบันมาตรวิทยา


กระทรวงวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี จึงดำเนินการปรับเปลี่ยนเวลาของไทยใหม่ทั่วประเทศ เพื่อให้


ถูกต้องแม่นยำตามหลักสากล


 


ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม พล.อ.ต.ดร.เพียร โตท่าโรง ผู้อำนวยการสถาบันมาตรวิทยา


แห่งชาติ เปิดเผยว่า ขณะนี้สถาบันมาตรวิทยาฯ จะดำเนินการปรับเปลี่ยนเวลาของประเทศ ไทยใหม่ทั่ว


ประเทศ เพื่อให้ถูกต้องแม่นยำตามหลักสากล เพราะที่ผ่านมามาตรฐานเวลาของไทยไม่เคยตรงกัน ซึ่ง


จะเป็นไปตามประกาศกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เรื่องหลักเกณฑ์การเก็บ


รักษาข้อมูลจราจร ทางคอมพิวเตอร์ของผู้ให้บริการ พ.ศ.2550 ถูกต้องแม่นยำตามหลักสากล ซึ่งจะมี


พระราชบัญญัติ ว่าด้วยการกระทำความผิด


โดยจะทำการปรับเวลาประเทศไทยให้เร็วกว่าเวลาปัจจุบัน 30 นาที ตัวอย ่าง


ปัจจุบันเวลา 8:30 น.จะต้องปรับเป็น 8:00 น. เพราะฉะนั้นประชาชนชาวไทยทั้งประเทศจะต้องตื่น


เร็วกว่าปกติ 30 นาที เพื่อรักษาสภาพการดำเนินชีวิตให้เหมือนเดิมปกติ ก่อนที่จะมีการปรับเวลา โดยมี


ผลบังคับใช้ในวันที่ 23 สิงหาคมนี้


 


โดยกำหนดให้ผู้ประกอบ 4 ประเภท ดังนี้


 


1. ผู้ ประกอบกิจการโทรคมนาคมและกิจการกระจายภาพและเสียง อาทิ ผู้ให้บริการ


โทรศัพท์ขั้นพื้นฐาน โทรศัพท์ เคลื่อนที่ ผู้ให้บริการเอทีเอ็ม เป็นต้น


 


2. ผู้ให้ บริการการเข้าถึงระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ อาทิ ผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต เจ้า


ของหอพัก โรงแรม หน่วยราชการ บริษัทต่างๆ เป็นต้น


 


3. ผู้ให้บริการเช่าระบบคอมพิวเตอร์


 


4. ผู้ให้บริการร้านอินเตอร์เน็ตต่างๆ


 


ทั้งนี้ผู้ให้บริการทั้งหมด ต้องปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด หากไม่ปฏิบัติตามตามกฎหมาย


ของกระทรวงไอซีที จะต้องมีโทษปรับประมาณ 1-5 แสนบาท


 


พล.อ.ต.ดร.เพียรกล่าวอีกว่า สำหรับประชาชนทั่วไป หากต้องการตั้งเวลาให้เป็น


มาตรฐาน ขณะนี้สถาบันมาตรวิทยาฯ ได้ประสานกับกรมอุทกศาสตร์ กองทัพเรือ เพื่อตั้งเวลามาตรฐาน


สำหรับประเทศไทยแล้ว และกำลังประสานกับกรมประชาสัมพันธ์ เพื่อเทียบเวลาผ่านทางสถานีวิทยุ


เอฟเอ็ม เพื่อให้ประชาชนเทียบเวลาทางวิทยุเอฟเอ็มได้ แต่ต้องมีตัวสัญญาณรับที่เรียกว่า ไทม์


เซิร์ฟเวอร์ ติดที่นาฬิกาที่ต้องการจะเชื่อมกับสัญญาณเอฟเอ็มด้วย ในส่ว นนี้ทางสถาบันมาตรวิทยาฯ จะ


ประสานกับบริษัทที่ผลิตนาฬิกา เพื่อผลิตนาฬิกาพิเศษที่ตรงเวลา และมีความแม่นยำมากที่สุด


 


"การปรับเปลี่ยนเวลาใหม่ครั้งนี้ ถือว่ามีความสำคัญมาก เพราะทุกคนต้องการความแม่นยำ


โดยเฉพาะหน่วยงานที่ทำงานเกี่ยวข้องกับข้อมูล เรื่องของความมั่นคง เรื่องของสุขภาพ การทดลองทาง


วิทยาศาสตร์ บริษัทกระจกไทยอาซาฮี จำกัด มหาชน พวกสัญญาณดาวเทียม วิศวกรที่อาศัยอยู่บ้าน


ฟาร์มเฮ้าส์ และที่สำคัญงานทางด้านนิติวิทยาศาสตร์ ที่จะช่วยแกะรอยของอาชญากรรม และสามารถใช้


เป็นหลักฐานมัดตัวผู้กระทำผิดได้ โดยมีเวลาเป็นเครื่องยืนยันการกระทำ เห็นได้ชัดจากกรณีใบแดงของ


นายยงยุทธ ติยะไพรัช เกี่ยวกับการทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง หลักฐานสำคัญก็มาจากเรื่องของเวลา"


พล.อ.ต.ดร.เพียร กล่าว และว่า ที่ผ่านมาเวลาของประเทศไทยไม่มีมาตรฐานแน่นอน และไม่ตรงกัน


เห็นได้ชัดเจนที่สุดช่วง 08.00 น. และ 18.00 น. ที่เป็นช่วงเคารพธงชาติ แต่ละจังหวัดเวลาเคารพ


ธงชาติจะไม่เท่ากันเลย แม้กระทั่งฟรีทีวีในบ้านเมืองก็ยังมีเวลาไม่ตรงกัน


 

เอกสารประกอบ

คำชี้แจงจากสถาบันมาตรวิทยา

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net