นักเรียนชายแดนซ้อมหลบภัย ด้านเจรจาไทย-กัมพูชาไม่ยุติ แต่ตกลงกันได้ไม่ใช้กำลัง

ถกคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชาไม่สามารถเริ่มต้นได้หลังการถกทวิภาคีนอกรอบ 2 ฝ่าย พบอุปสรรคข้อกฎหมายที่ทำให้ไม่สามารถนำข้อสรุปจากการถกนอกรอบเข้าหารือในคณะกรรมการชายแดนเพื่อนำไปสู่การปฏิบัติได้ "เตีย บันห์" เผยทั้งสองฝ่ายต้องนำข้อหารือไปแจ้งต่อรัฐบาลตัวเองเพื่อตัดสินใจก่อนจะกลับมาประชุมร่วมกันอีกครั้ง เบื้องต้นจะลดการเผชิญหน้าเพื่อไม่ให้เกิดความรุนแรง "บุญสร้าง" ระบุทหารทั้ง 2 ฝ่ายจะอยู่ในเขตของตัวเองและห้ามใช้อาวุธอย่างเด็ดขาด "ซก เพียบ" คาดประชุมครั้งต่อไปต้องรอหลังเขมรเลือกตั้งและได้รัฐบาลใหม่แล้ว

 

 

เจรจาไทย-กัมพูชายังไม่ได้ข้อยุติ แต่ตกลงกันไม่ใช้กำลัง

วานนี้ (21 ก.ค. 2551) ที่โรงแรมอินโดจีน จังหวัดสระแก้ว มีการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (จีบีซี) เพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งบริเวณพื้นที่ทับซ้อนเขาพระวิหาร ซึ่งก่อนจะมีการประชุมจีบีซีได้ประชุมทวิภาคีระหว่าง 2 ฝ่ายนอกรอบเพื่อหาข้อยุติเป็นการเบื้องต้น ซึ่งคณะของฝ่ายไทยที่เข้าหารือนำโดย พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) ส่วนคณะของกัมพูชานำโดย พล.อ.เตีย บันห์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โดยการประชุมเริ่มขึ้นเวลาประมาณ 10.30 น. ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยจากเจ้าหน้าที่ทั้งในและนอกเครื่องแบบจำนวนมาก สำหรับหัวข้อในการหารือประกอบด้วย เรื่องกำลังทหารในพื้นที่บริเวณเขาพระวิหาร การย้ายชุมชนในพื้นที่ และการเก็บกู้วัตถุระเบิด

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมนอกรอบเสร็จสิ้นเมื่อเวลาประมาณ 13.00 น. จากนั้นมีการประชุมนอกรอบกลุ่มเล็กฝ่ายละ 5 คน เพื่อหาข้อสรุปนำเข้าหารือในที่ประชุมจีบีซี ซึ่งฝ่ายไทยมี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) พล.อ.ทรงกิตติ จักรบาตร์ เสนาธิการทหารบก พล.ท.พิพัทธ์ ทองเล็ก เจ้ากรมกิจการชายแดนทหาร และนายวีรศักดิ์ ฟูตระกูล ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ เข้าร่วมประชุม

 

พล.ท.ซก เพียบ หัวหน้าสำนักงานประสานงานชายแดนกัมพูชา-ไทย เปิดเผยว่า บรรยากาศการประชุมเป็นไปด้วยดี คาดว่าการหาข้อสรุปเรื่องพื้นที่ทับซ้อนและกรณีปราสาทพระวิหารจะมีขึ้นอีกครั้งหลังจากกัมพูชาจัดการเลือกตั้งและได้รัฐบาลใหม่เข้าบริหารประเทศแล้ว

 

หลังการประชุมกลุ่มย่อย พล.อ.เตีย บันห์ และ พล.อ.บุญสร้างได้ร่วมกันแถลง โดย พล.อ.เตีย บันห์ กล่าวว่า ที่ประชุมได้ข้อสรุปตรงกันว่าต้องหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าเพื่อไม่ให้เกิดความรุนแรง และต้องทำให้อุณหภูมิความตึงเครียดที่มีอยู่ลดลง การหารือต่างๆได้ข้อยุติเป็นส่วนใหญ่แล้ว ติดแค่ข้อกฎหมายเท่านั้น ทำให้การประชุมจีบีซีเริ่มขึ้นไม่ได้

 

"หลายวันที่ผ่านมาผมเป็นห่วง เพราะบรรยากาศที่เขาพระวิหารอุณหภูมิสูงขึ้น จึงอยากให้ทุกอย่างจบลงด้วยดีและราบรื่น การหารือครั้งนี้แม้จะใช้เวลานานแต่ก็ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ แต่ผลจากการหารือจะนำไปสู่การปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมไม่ได้เพราะติดขัดเรื่องกฎหมายบางประการ จำเป็นต้องนำข้อหารือกลับไปรายงานต่อรัฐบาล ซึ่งเราเข้าใจกันในจุดนี้ และในอนาคตก็จะทำในสิ่งที่ควรทำ" พล.อ.เตีย บันห์ กล่าว

 

ด้าน พล.อ.บุญสร้างกล่าวว่า เบื้องต้นทั้งสองฝ่ายจะให้ทหารให้อยู่กับที่ในเขตของแต่ละฝ่าย และไม่มีการใช้ความรุนแรง ไม่ใช้อาวุธ ส่วนเรื่องข้อกฎหมายที่ติดขัดต้องถามนักกฎหมาย

 

พล.อ.บุญสร้างกล่าวด้วยว่า ได้นำบันทึกข้อตกลงเมื่อปี 2543 เรื่องการสงวนสิทธิพื้นที่ทับซ้อนขึ้นมาหารือด้วย

 

"แม้จะไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน แต่การประชุมครั้งนี้ไม่ได้ล้มเหลว และได้อะไรที่เป็นประโยชน์มากพอสมควร โดยแต่ละฝ่ายต้องนำข้อหารือไปแจ้งต่อรัฐบาลของตัวเอง ขณะนี้ทั้งสองฝ่ายรู้แล้วว่าจุดยืนของแต่ละฝ่ายเป็นอย่างไร และติดขัดข้อกฎหมายใดจึงไม่สามารถนำไปสู่การปฏิบัติได้ ซึ่งทั้งสองฝ่ายจะกลับมาประชุมกันอีกครั้งหลังจากรายงานต่อรัฐบาลและมีการตัดสินใจจากรัฐบาลของแต่ละฝ่ายแล้ว"

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ข้อกฎหมายที่ทั้งสองฝ่ายอ้างถึงนั้นไม่เป็นที่เปิดเผยว่าเป็นข้อกฎหมายของฝ่ายไทยหรือกัมพูชา หรือเป็นข้อกฎหมายระหว่างประเทศ

 

 

สหายเขมรแดงกระหายทำสงคราม ลั่นทหารไทยอย่าประมาทรองเท้าแตะ

ขณะที่ ทหารประเทศกัมพูชา เปิดเผยต่อสำนักข่าว AFP ว่า พวกเขาอาจจะสวมรองเท้าฟองน้ำ แต่ทหารกัมพูชาส่วนใหญ่ที่เผชิญหน้ากับทหารไทย บริเวณชายแดนที่เป็นพื้นที่พิพาท ต่างเป็นอดีตทหารเขมรแดงที่ผ่านบททดสอบการสู้รบมาแล้ว โดยขณะนี้มีทหารไทยกว่า 500 นาย และทหารกัมพูชากว่า 1 พันนาย ต่างประจันหน้ากันอยู่ในพื้นที่บริเวณรอบเจดีย์ขนาดเล็ก เชิงเขาอันเป็นเส้นทางสู่ที่ตั้งของปราสาทพระวิหาร ที่สร้างตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 11

 

แต่บรรยากาศการเผชิญหน้าค่อนข้างจะสงบลงแล้วในวันนี้ จากการที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของแต่ละฝ่ายได้เจรจา ถ่ายภาพและรับประทานอาหารร่วมกัน ซึ่งแตกต่างจากเมื่อวันพฤหัสบดีที่ต่างฝ่ายต่างหันปากกระบอกปืนเข้าใส่กัน เพียงแต่ไม่ได้ยิงกันเท่านั้น

 

พวกอดีตทหารเขมรแดง ระบุว่า พวกเขากระหายที่จะต่อสู้และทหารไทยไม่ควรประมาท เพียงแค่เห็นรูปลักษณ์ภายนอกของพวกเขา ซึ่งพวกทหารกัมพูชาต่างสวมรองเท้าฟองน้ำ และถือปืนสมัยสงครามเย็น ทหารวัย 32 ปี ชื่อ ดวง เตย ที่เริ่มเป็นทหารเขมรแดง ตั้งแต่อายุ 12 ปี กล่าวหาทหารไทยว่า ว่าพวกเขากระจอก สวมรองเท้าแตะ แต่รองเท้าแตะทำให้พวกเขาเคลื่อนไหวรวดเร็วอีกทั้งยังเชี่ยวชาญพื้นที่ และยืนยันว่า ถึงจะกระจอกแต่แข็งแกร่ง

 

รายงานระบุว่า ทหารฝั่งไทยมีอาวุธปืนและเครื่องแบบที่ทันสมัยและมีการเตรียมพร้อมอย่างดีแต่ ยัน ซัน ทหารวัย 47 ปี ที่เคยเป็นทหารเขมรแดงตั้งแต่อายุ 15 ปี กล่าวว่า ทหารไทยรู้เพียงแค่ทฤษฎี แต่พวกเขาไม่รู้ว่า ทหารกัมพูชาเปรียวเหมือนไก่ป่า และต้องการจะรบกับทหารไทย

 

ด้านพลจัตวา เจีย โก ผู้บัญชาการกองกำลังในพื้นที่พิพาท และเคยเป็นทหารเขมรแดงมาก่อนกล่าวว่า กว่า 60 เปอร์เซ็นต์ของทหารที่ต่อสู้เพื่อระบอบเขมรแดง เมื่อช่วงปี 2518 - 2522 เป็นพวกที่รับใช้กองทัพในปัจจุบัน

 

บรรดาผู้นำทั้งของไทยและกัมพูชา ต่างสั่งการไม่ให้ทหารเปิดฉากยิง และเรียกร้องให้แก้ปัญหาโดยสันติวิธี เจ้าหน้าที่กลาโหมทั้งของสองฝ่ายได้พบปะกันในวันนี้ เพื่อปลดชนวนวิกฤติที่ประทุขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

 

ปราสาทพระวิหาร เป็นจุดที่เขมรแดงที่เหลือหลายร้อยคน ยอมจำนนต่อรัฐบาลเมื่อปี 2541  การเผชิญหน้ากันรอบที่ตั้งปราสาทพระวิหาร เริ่มขึ้นหลังจากผู้ประท้วงที่เป็นคนไทย 3 คน ถูกจับหลังจากกระโดนข้ามรั้วเข้าไปยังฝั่งกัมพูชาเมื่อวันอังคารสัปดาห์ก่อน อย่างไรก็ตาม ศาลโลกได้ตัดสินเมื่อปี 2505 ว่า ปราสาทพระวิหารเป็นของกัมพูชา แต่ทางเข้าหลักอยู่ในประเทศไทย และพื้นที่รอบ

 

ที่ตั้งขนาด 4.5 ตารางกิโลเมตร ก็ยังเป็นข้อพิพาทที่ยังแก้ไม่ตกจนทุกวันนี้

 

 

ชาวบ้านแห่นำเสบียงให้ทหาร - ครูให้นักเรียนซ้อมหลบภัย

ขณะเดียวกัน บรรยากาศโดยรอบบริเวณเขาพระวิหาร อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ยังมีทหารพรานและเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติปฏิบัติหน้าที่ ไม่อนุญาตให้ประชาชนทั่วไปเข้าไปในเขตอุทยานเด็ดขาด มีแต่กองทัพนักข่าวรอสังเกตการณ์อยู่ใกล้กับด่านเก็บค่าธรรมเนียมอุทยานฯ ต่อมาได้มีนางสุชาดา เริงฤทธิ์ ผู้จัดการร้านน้ำฟ้าในตัวอำเภอกันทรลักษ์ ประสานกับกลุ่มรักบ้านเกิดและพ่อค้าแม่ค้าชาวอำเภอกันทรลักษ์ นำข้าวสาร อาหารแห้ง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป และน้ำดื่มจำนวนมาก มามอบให้ทหารที่ปฏิบัติหน้าที่รักษาการณ์อยู่บนผามออีแดง โดยมีตัวแทนทหารจากกรมทหารพรานที่ 23 อ.กันทรลักษ์ มารับมอบ พร้อมกล่าวขอบคุณสำหรับน้ำใจของพี่น้องชาวไทย สำหรับบนผามออีแดงบริเวณทางขึ้นปราสาทพระวิหาร เหตุการณ์ทั่วไปปกติ มีทหารรักษาการณ์อยู่ตามจุดต่างๆ โดยไม่มีการเสริมกำลัง ไม่มีรถบรรทุกทหาร หรืออาวุธยุทโธปกรณ์แล่นผ่านด่านค่าธรรมขึ้นไปบนผามออีแดงเหมือนวันก่อนๆ ขณะที่ทุกคนยังคงเฝ้ารอผลการเจรจา ของผู้บริหารระดับสูงของฝ่ายไทยและกัมพูชาว่าจะยุติลงอย่างไร 

 

ช่วงบ่ายที่โรงเรียนบ้านภูมิซรอล  ห่างจากเขาพระวิหารเพียง 10 กว่ากิโลเมตร นายบุญรวม พงษาปาน ผอ.โรงเรียน ให้ครูนำนักเรียน 350 คน ฝึกซ้อมการเข้าหลุมหลบภัยเพื่อป้องกันเหตุรุนแรงที่อาจจะเกิดขึ้น โดยนายบุญรวมกล่าวว่า โรงเรียนตั้งอยู่ในเขตชายแดนติดกับเขาพระวิหาร ขณะที่สถานการณ์ปัจจุบันไม่น่าไว้วางใจ หากการเจรจาของผู้บริหารระดับสูงทั้ง 2 ประเทศไม่ประสบผลอาจเกิดการต่อสู้กันขึ้นได้ ในครั้งอดีตเคยมีกระสุนปืนใหญ่พลัดมาตกที่โรงเรียนหลายครั้ง แต่ไม่เกิดอันตรายกับครูหรือนักเรียน เพราะโรงเรียนทำหลุมภัยเอาไว้ป้องกันเหตุ จึงต้องมีการฝึกซ้อมเข้าหลุมหลบภัยไว้เผื่อว่าเกิดเหตุการณ์ขึ้นจะได้พาบรรดาเด็กนักเรียนหลบหนีทัน 

 

 

สถานทูตกัมพูชาแพร่ จม.ฮุน เซน

นอกจากนี้เมื่อวันจันทร์ 21 ก.ค. สถานทูตกัมพูชาประจำประเทศไทย ส่งเอกสารจดหมายของสมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ถึงนายกรัฐมนตรีสมัคร สุนทรเวช ตั้งแต่วันเสาร์ที่ 19 ก.ค. แจกจ่ายถึงสื่อมวลชนไทย โดยข้อความระบุ สมเด็จฮุน เซน ได้รับจดหมายชี้แจงกรณีความขัดแย้งเหนือพื้นที่พิพาทบริเวณปราสาทพระวิหารจากนายกรัฐมนตรีสมัครแล้ว และเห็นด้วยอย่างยิ่งที่ทั้ง 2 ประเทศจะใช้ความพยายามอย่างสุดความสามารถ ป้องกันไม่ให้สถานการณ์ตึงเครียดแย่ลงไปกว่าที่เป็นอยู่ เพื่อรักษามิตรภาพอันดีต่อกันมายาวนานเอาไว้ ตลอดจนรักษาความร่วมมืออันดีระหว่างประชาชนของทั้ง 2 ประเทศและ ร่วมกันหามาตรการชั่วคราว ลดความตึงเครียดที่เกิดขึ้น เนื้อความของจดหมายฉบับนี้ สมเด็จฮุน เซน ได้แนะนำ พล.อ.เตีย บันห์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมของกัมพูชา เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนกรรมการเจรจาพิเศษ เรื่องพรมแดนกับฝ่ายไทยที่จังหวัดสระแก้ว พร้อมทั้งแนะนำตัว ฯพณฯ วาร์ คิม ฮง ประธานคณะกรรมการชายแดนร่วมกัมพูชากับไทย หรือเจบีซี ร่วมการหารือกับฝ่ายไทยเพื่อบรรลุจุดประสงค์ให้เร็วที่สุดเท่าที่ดำเนินการได้ 

 

 

ชี้แจงถึงพื้นที่พิพาทไทย-กัมพูชา 

ทั้งนี้ รัฐบาลกัมพูชาใคร่ชี้แจงถึงกรณีวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระในพื้นที่พิพาท ตั้งอยู่ใน "แผนที่ผนวกฉบับที่ 1" หรือ ANNEX I MAP ซึ่งถูกใช้พิจารณาโดยศาลระหว่างประเทศ หรือไอซีเจ เมื่อปี 2505 โดยพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเขตแดนกัมพูชาเข้ามาราว 700 เมตร ซึ่งแผนที่ผนวกฉบับที่ 1 ที่ศาลระหว่างประเทศใช้พิจารณานี้ ถูกร่างขึ้นตั้งแต่ปี 2451 จากผลการหารือโดยคณะกรรมการปักปันชายแดนอินโดจีนกับประเทศสยาม บนพื้นฐานอนุสัญญาฉบับปี 2447 และสนธิสัญญาฉบับฝรั่งเศสกับประเทศสยามเมื่อปี 2450 ซึ่งราชอาณาจักรสยามได้ยอมรับไปแล้ว ด้วยเหตุผลนี้ศาลระหว่างประเทศหรือไอซีเจ จึงได้แสดงความชัดเจน ถึงความชอบธรรมเหนือเส้นเขตแดนดังกล่าวตาม "แผนที่ผนวกฉบับที่ 1" ซึ่งสมเด็จฮุน เซน หวังอย่างยิ่งว่าฝ่ายไทยและกัมพูชาจะสามารถบรรลุผลแห่งความพึงพอใจและคลี่คลายความตึงเครียดที่เกิดขึ้นลงได้

 

 

ที่มา: โลกวันนี้ คมชัดลึก และไทยรัฐ

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท