Skip to main content
sharethis

ตามที่ศาลแพ่งมีคำสั่งศาลแพ่งมีคำสั่งให้พันธมิตรเปิดถนนบริเวณพระราม 5-ถนนพิษณุโลก ให้ประชาชนสัญจรได้โดยสะดวกและห้ามใช้เครื่องขยายเสียงในอันที่จะก่อความเดือดร้อนแก่ครู นักเรียน โรงเรียนราชวินิตฯ ในการเรียนการสอน ตั้งแต่วันจันทร์ - ศุกร์ ช่วงเวลา 07.30 น. -16.30 น. โดยคำสั่งศาลให้มีผลโดยทันทีนั้น


 


เว็บไซต์คมชัดลึก รายงานสถานการณ์ที่เวทีพันธมิตรว่า เมื่อเวลา 19.00 น.ได้มีฝนตกลงมาค่อนข้างหนัก แต่ก็ไม่ทำให้ผู้ชุมนุมหลบหนีกลับบ้านแต่อย่างใด ทั้งนี้บนเวทียังมีการปราศรัยอย่างต่อเนื่อง ส่วนด้านหลังเวทีได้มีการพูดคุยกันเรื่องคำสั่งของศาลแพ่ง ทั้งนี้ภายหลังการแถลงข่าวประจำวัน นายสุริยะใส กตะศิลา โดยได้พยายามตัดบทเรื่องคำสั่งศาลดังกล่าว และระบุว่าจะต้องเข้าไปร่วมประชุมกับแกนนำ เพื่อกำหนดว่าหากศาลยืนยันคำสั่งเดิม จะใช้แนวทางในการชุมนุมอย่างไรต่อไป


 


 


พันธมิตรฯ เตรียมร้องศาลอุทธรณ์


ต่อมานายสุริยะใส ร่วมกับนายสุวตร อภัยภักดิ์ และ นายนิติธร ล้ำเหลือ ทนายความได้ชี้แจง โดยนายสุวัตร กล่าวว่า การออกคำสั่งนี้เป็นการออกคำสั่งตามวิธีการคุ้มครองชั่วคราว โดยอาศัยอำนาจตามประมวลวิธีพิจารณาความแพ่ง แต่ทั้งนี้ทางจำเลยก็สามารถที่จะยื่นคำขอโดยพลันเพื่อให้ยกเลิกคำสั่งดังกล่าวได้โดยพลัน


 


อย่างไรก็ตามการไต่สวนเพื่อออกคำสั่งคุ้มครองฉุกเฉินครั้งนี้จำเลยทั้งหกไม่ได้รับโอกาสให้เข้าชี้แจงในชั้นศาล เป็นการทำกันระหว่างโจทก์กับศาลเท่านั้น ทั้งนี้ในวันนี้ตนได้ไปร้องเรียนเบื้องต้น แล้วเมื่อเวลา 10.30 น. แต่ คาดว่าศาลคงออกคำสั่งก่อนที่ตนยื่นคำร้องประเด็นที่มีคำสั่งจึงไม่มีเรื่องที่ทางพันธมิตรแก้ต่างไป


 


นายสุวัตรกล่าวต่อว่าในวันพรุ่งนี้เวลา 10.00 น. ทีมทนายจะไปยื่นคำร้องอีกครั้ง โดยเหตุผลที่จะนำไปใช้ต่อสู้คือ รัฐธรรมนูญมาตรา 63 รองรับสิทธิในการชุมนุมเอาไว้ เว้นแต่จะมีกฎหมายเฉพาะกำหนดเอาไว้ ซึ่งในกรณีนี้ยังไม่มรพระราชบัญญัติที่เกี่ยวกับการชุมนุมในที่สาธารณะเลย


 


ดังนั้นการที่ศาลอ้างตามประมวลกฎหมายแพ่งมาตรา 5 ที่ว่าด้วยความสุจริตของผู้กระทำ และมาตรา 421 ที่ว่าด้วยการทำให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่นนั้น จึงไม่ได้เป็นกฎหมายเฉพาะตามรัฐธรรมนูญ


 


นอกจากนี้ เรื่องความสุจริตนั้นแกนนำก็ไม่ได้ทำเพื่อตัวเองแต่เป็นการทำเพื่อส่วนรวม และไม่ได้ประโยชน์อะไรกับตัวเอง ส่วนเรื่องความเสียหายนั้น ต้องมาตีความว่าความเสียหายอะไร เพราะก็เคยมีนักเรียนโรงเรียนราชวินิตมายืนยันว่ามได้รับผลกระทบในการเรียนแต่อย่างใด



 


 


เตรียมชี้แจงศาล การชุมนุมจะไม่ปลอดภัยหากเปิดถนน


นายสุวัตรกล่าวต่อว่า นอกจากนี้จะชี้ให้ศาลเห็นว่า เราไม่สามารถที่จะเปิดการสัญจรเเพราะจะเปิดความไม่ปลอดภัย เช่นเดียนวกับที่ครั้งการชุมนุมที่เชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์ ที่เราเคยเปิดให้รถเมล์วิ่งผ่านได้ แต่ปรากฏว่าก็มีกลุ่ม นปก. มาป่วนกาชุมนุมทำให้ยากต่อการรักษาความปลอดภัย และในวันพรุ่งนี้ขอให้ศาลมาเดินเผชิญสืบว่าหากเปิดแล้วเป็นอย่างไร



ส่วนพยานที่จะทำไปอ้างนั้นคาดว่าจะมี 4 ปาก ประกอบด้วย พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตร ฯ นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตร นายปราโมทย์ นาครทรรพ นักรัฐศาสตร์ และอาจจะมีนักเรียนโรงเรียนราชวินิอีกหนึ่งคนที่เคยยืนยันว่าไม่ได้รับผลกระทบ



"นอกจากนี้ตนขอตั้งข้อสังเกตว่า นายเมธี ใจสมุทร หนึ่งในโจทก์ ก็เป็นน้องชายของนายศุภชัย ใจสมุทร ผู้สมัคร ส.ส. สัดส่วนพรรคพลังประชาชน และยังเป็นรองโฆษกของพรรค ดังนั้นผมจึงไม่เชื่อว่าครูและนักเรียนจะไปฟ้องด้วยตัวเอง และเชื่อว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังคือพรรคพลังประชาชน เพราะเขาสลายการชุมนุมวิธีอื่นไม่ได้ จึงใช้ครูกับนักเรียนมาช่วย โจทก์ที่มาศาลมาด้วยมือไม่สุริตและเป็นนอมินี อย่าไงก็ตามหากศาลมีคำสั่งอย่างไร เราก็ต้องปฏิบัติตาม" นายสุวัตรกล่าว


 


ผู้สื่อข่าวถามว่าการที่พันธมิตรยังจะชุมนุมในวันพรุ่งนี้ จะเป็นการละเมิดอำนาจศาลหรือไม่ นายสุวัตรกล่าวว่า ไม่ละเมิดเพราะยังอยู่ในขั้นตอนการอุทธรณ์คำสั่ง หรือหากศาลเห็นวาเราละเมิดก็จะออกหมายเรียกมาอีกครั้งหนึ่ง แต่กหากไต่สวนแล้วท่านสั่งอย่างไรเราก็ต้องปฏิบัติตามนั้น


 


ด้านนายสุริยะใส กล่าวว่า พันธมิตรพร้อมน้อมรับคำพิพากษาแต่ต้องให้สิ้นสุดกระบวนความเสียก่อน และการคุ้มครองก็คุ้มครองเฉพาะ ช่วงเวลา เท่านั้น การชุมนุมในช่วงเวลาค่ำเช่นนี้จึงไม่ได้เป็นการขัดคำสั่งศาลแต่อย่างใด ส่วนหากศาลได้ข้อยุติ แล้วเราจะปรับแผนอย่างไรคงต้องรอให้แกนนำทั้งห้าหารือกันและอาจจะประกาศแนวทางให้ทราบในคืนนี้


 


ผู้สื่อข่าวถามว่า การออกคำสั่งคุ้มครองของศาลในครั้งนี้จะทำให้พันธมิตรขาดความชอบธรรมหรือไม่ เพราะเมื่ศาลปกครองออกคำสั่งคุ้มครองกรณีเขาพระวิหาร พันธมิตรก็โจมตีว่ารัฐบาลหมดความชอบธรรม นายสุริยะใสกล่าวว่า เราก็มีสิทธิที่จะอุทธรณ์ตามกระบวนการ


 


เมื่อถามแย้งกลับอีกว่าเมื่อรัฐบาลอุทธรณ์คำสั่งคุ้มครองฉุกเฉิน พันธมิตรก็โจมตีเช่นกัน นายสุริยะใสก็กล่าวยืนยันว่าเป็นสิทธิที่จะอุทธรณ์ และกรณีนี้จะเอาตรรกะกรณีเขาพระวิหารมาเทียบไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องของผลประโยชน์ของประเทศ


 


อย่างไรก็ตามนายสุริยะใสระบุอีกว่า หากมีคำสั่งห้ามการชุมนุมต่อไปก็จะมีปัญหา ว่าจะไม่มีใครสามารถที่จะชุมนุมได้ เพราะจะมีปัญหาเชิงกฎหมาย เรื่องนี้ นักกฎหมาย และคนทีออกมาวิจารณ์ต้องร่วมกันหาทางออกด้วย


 


 


พันธมิตรยอมเปิดถนน-งดปราศรัยตามคำสั่งศาล


นายสมศักดิ์ โกศัยสุข หนึ่งในแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เปิดเผยว่า แกนนำทั้ง 5 คน ได้หารือเกี่ยวกับคำสั่งคุ้มครองฉุกเฉินของศาลแพ่ง และเห็นตรงกันว่า โดยหลักการควรทำตามคำสั่งของศาล โดยจะเปิดเส้นทางให้รถสามารถผ่านได้โดยสะดวก ส่วนการจะรื้อเต้นท์และเวทีหรือไม่ ก็เป็นวิธีการที่เราจะจัดการในทางปฏิบัติต่อไป


 


ทั้งนี้ยืนยันว่า จะชุมนุมต่อไปโดยในช่วงเย็นของทุกวัน หลังจากช่วงเวลาที่ศาลมีคำสั่ง ก็จะชุมุนุมตามเดิม ส่วนเวลากลางวัน ก็จะปิดลำโพงด้านที่หันไปทางที่โรงเรียนราชวินิตมัธยม


 


นายสุริยะใส เปิดเผยถึงมติแกนนำทั้ง 5 ว่า เบื้องต้นมีมติงดการจัดปราศรัยบนเวทีในช่วงเวลา 07.30 -16.30 น.ตามคำสั่งของศาล โดยจะ ไปจัดที่ห้องส่งเอเอสทีวีแทนหรือจะงดจัดจนกว่าศาลจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น


 


อย่างไรก็ตามหลังเวลา 16.30 น.จะกลับมาจัดการปราศรัยตามปกติ ส่วนเรื่องการเปิดถนน ได้มอบหมายให้ พล.อ.จำลอง ศรีเมือง หนึ่งแกนนำ เป็นคนรับผิดชอบ ดำเนินการจัดตามรูปแบบ โดยจะจัดพื้นที่ในช่วงเช้าของวันพรุ่งนี้ (1 ก.ค.)


 


 


ภูวดลชี้ รออีกอาทิตย์ - ครึ่งอาทิตย์จะขุดรากถอนโคนระบอบทักษิณได้


สำหรับบรรยากาศบนเวทีนั้น ศ.ดร.ภูวดล ทรงประเสริฐ คณะสังคมศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์ เรียกร้องกับผู้ชุมนุมว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องแก้ไขให้ประเทศเจริญรุ่งเรือง ไม่มีทางใดนอกจากพี่น้องจะรวมตัวกันเป็นเอกภาพ สู้มาตั้ง 37 วัน รออีกเพียงอาทิตย์ครึ่งอาทิตย์ ก็สามารถทำตัวเป็นรถตีนตะขาบ ขุดรากถอนโคนระบอบนี้ทิ้งไป พี่น้องจะทำตัวเป็นรถไถแบบไหน ไถนาหรือจะเป็นรถแทรกเตอร์ ขึ้นอยู่กับจิตวิญญาณความรักชาติของพี่น้อง ความเคลื่อนไหวของพีน้องทุกวันนี้ สำนักข่าวต่างประเทศทั่วโลกรายงานตลอดเวลาแม้กระทั่งซีซีทีวี ประเทศจีน โลกทั้งโลกจับตามองกันอยู่ด้วยความสนใจและยกย่องว่าพี่น้องเป็นนักต่อสู้ที่มีอารยะ และพี่น้องไม่เคยใช้ความรุนแรง


 


ศ.ดร.ภูวดล ยังกล่าวว่าขอให้ผู้ชุมนุมไปบอกญาติเพื่อนพี่น้อง ลูกหลาน ประเทศนี้ต้องการความเป็นเสรีนิยม มีระบบการปกครองแบบประชาธิปไตย ที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขสูงสุด ก็จงหลั่งไหลมารวมตัวช่วยเหลือมารวมตัวกันเป็นแนวร่วมแห่งชาติ ทำลายล้างระบอบทักษิณให้หมดสิ้นไปจากประเทศไทยให้ได้ ส่วนผู้ใดที่ยังหลงใหลชื่นชมเงินทอง โดยเฉพาะผู้ที่ยังหลงไหลประชานิยมของลัทธิทักษิณ ก็จงสวาปามต่อไป มันคือยาพิษดีๆนี่เองที่ทำให้พี่น้องเป็นทาสมันไปตลอดชีวิต


 


 


สนธิชื่นชม "พล.อ.อ.ชลิต" เป็นทหารที่ไหว้ได้


ด้านนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ขึ้นเวทีเวลาประมาณ 20.20 น. ตอนหนึ่งได้กล่าวถึงผู้บัญชาการเหล่าทัพทุกเหล่าทัพ โดยเริ่มจาก พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ เกยานนท์ ผู้บัญชาการทหารเรือ ที่ตามข้อเท็จจริงแล้วพอเข้าใจได้ เพราะถูกแต่งตั้งสมัย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และภรรยา ก็สนิทสนมกับ คุณหญิงอ้อ และในช่วงที่เปิดบริษัทท่องเที่ยวที่ชิดลม คุณหญิงอ้อก็ไปเป็นประธานเปิดงานให้


 


นายสนธิ ตั้งข้อสังเกตว่า ไม่น่าประหลาดใจที่ พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ ไม่มีจุดยืนในเรื่องสถาบันกษัตริย์และยังสนับสนุนรัฐบาลในกรณีของปราสาทพระวิหาร


 


"ถ้าให้เอ่ยชื่อ ผบ.เหล่าทัพ ที่มีจุดยืนอยู่ข้างประชาชนอย่างชัดเจนที่สุดในตอนนี้ คือ พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ผู้บัญชาการทหารอากาศ และที่ผ่านมา ก็ไม่เคยสั่งตัดเคเบิลทีวีที่ถ่ายทอดสัญญาณเอเอสทีวีในกองทัพอากาศเลย ให้ทหารดูตลอดเวลา ขอให้จำชื่อ พล.อ.อ.ชลิตให้แม่นๆ ขอให้จารึกลงไปว่าเป็นทหารที่ยังไหว้ได้อยู่ เป็นทหารที่เป็นทหารที่จิตวิญญาณเป็นทหารทั้งตัว" นายสนธิ ระบุ


 


 


ชมพี่น้องชุมนุม 37 วันสำเร็จหลายอย่าง ไหว้ขอประชาชนอย่าท้อ


นายสนธิ ได้กล่าวถึงผลงานการชุมนุมของพี่น้องประชาชนเป็นเวลา 37 วัน 37 คืน ได้ก่อให้เกิดผลสำเร็จหลายอย่าง โดยเริ่มตั้งแต่การชุมนุมใหญ่ เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม ซึ่งหลังจากนั้น 3 วัน ทางตำรวจก็ได้สรุปว่า นายจักรภพ เพ็ญแข หมิ่นเบื้องสูง แม้ว่ายังยื้อคดีอยู่ก็ตาม จากนั้นได้ยื่นรายชื่อประชาชนกว่า 3 หมื่นชื่อ เพื่อถอดถอน ส.ว.-ส.ส.ที่เสนอญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญจนในที่สุดมีการถอนชื่อทำให้ญัตติดังกล่าวตกไป


 


ผลงานต่อมา คือ การที่รัฐบาลได้ลดค่าการกลั่นน้ำมันลงลิตรละ 3 บาท หรือกรณีที่ นายสมัคร สุนทรเวช ประกาศสลายการชุมนุม แต่เมื่อพลังประชาชนมาร่วมมาก ทำให้ไม่กล้าสลาย วันที่ 5 มิ.ย.รัฐบาลได้ประกันราคาข้าวจากการกดดันของพวกเรา หรือกรณีความล้มเหลวของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย ที่สั่งผู้ว่าฯ ตัดสัญญาณเอเอสทีวี แต่ไม่ได้รับความร่วมมือ หรือแม้กระทั่งการที่นายกรัฐมนตรี ยอมให้มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจหลังจากก่อนหน้านี้ยืนยันมาตลอดว่าไม่เปิดโดยอ้างว่าไม่มีเวลาเพียงพอ


นอกจากนี้ ยังมีกรณีศาลปกครองสั่งคุ้มครองให้ระงับการปฏิบัติในแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา กรณีปราสาทพระวิหาร หรือมีการจำคุกแก๊งทนายความของ พ.ต.ท.ทักษิณ กรณีจ่ายสินบนให้เจ้าหน้าที่ศาล เป็นต้น


 


"พี่น้องทั้งหลายได้ร่วมกันกรำแดดกรำฝนแม้จะโดนกลั่นแกล้งสารพัดก็ยังสามารถได้มากมาย ดังนั้น อย่าประมาทตัวเอง ให้เชื่อมั่นในพลังทางศีลธรรม อย่าท้อ ผมไหว้ละ เพราะพวกเราก็ต้องการกำลังใจจากพวกท่านเช่นเดียวกัน" นายสนธิ เรียกร้อง


 


 


โฆษกตำรวจยันพันธมิตรฯ ต้องเปิดถนน


ด้าน พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รอง ผบช.ก.ในฐานะรองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติกล่าวว่า เรื่องนี้เป็นคดีระหว่างเอกชนกับเอกชน เจ้าพนักงานบังคับคดีจะเป็นผู้ดำเนินการให้เป็นไปตามคำสั่งศาลแพ่ง หากกลุ่มพันธมิตรฯ ไม่ทำตามคำสั่งศาล เจ้าพนักงานบังคับคดีสามารถขอให้ตำรวจช่วยดำเนินการได้เพื่อให้เป็นไปตามคำสั่งศาล


 


"คิดว่าแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯน่าจะปฏิบัติตามคำสั่งศาลแพ่ง แต่ขณะนี้ทางตำรวจยังไม่ได้มีการพูดคุยกับแกนนำในเรื่องนี้ เบื้องต้นได้เพียงรับการประสานงานจากแกนนำว่าขณะนี้ยังไม่ได้รับคำสั่งศาลอย่างเป็นทางการ"


 


 


พปช.จี้พันธมิตรฯ หยุดการชุมนุมตามคำสั่งศาล


ร.ท. กุเทพ ใสกระจ่าง โฆษกพรรคพลังประชาชน กล่าวว่า ตามปกติแล้วทุกคนต้องเชื่อฟังและเคารพคำวินิจฉัยของศาล ซึ่งกลุ่มพันธมิตรฯเอง ก็ต้องหยุดการชุมนุมในเวลาที่ศาลกำหนดทันที และควรสำนึกด้วยว่าการชุมนุมนี้ทำความเดือนร้อนให้กับประชาชนจำนวนมาก โดยเฉพาะเด็กนักเรียนที่ได้รับผลกระทบโดยตรง ตนอยากให้พันธมิตรฯหันมาต่อสู่ในระบบรัฐสภา ซึ่งที่ผ่านรัฐบาลก็ได้เปิดให้มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจไปแล้ว และทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดี ตนเห็นว่าที่จริงแล้วกลุ่มพันธมิตรฯ ควรหยุดชุมนุมไปเลย ไม่ใช่หยุดเพียงเวลาที่ศาลสั่งเท่านั้น เพื่อเปิดโอกาสให้รัฐบาลมีเวลาบริหารประเทศแก้ปัญหา มากกว่ามาดูแลความขัดแย้งที่กลุ่มพันธมิตรฯเคลื่อนไหว


 


"กลุ่มพันธมิตรฯ ประกาศตัวอยู่เสมอว่า ดำเนินการเพื่อประชาธิปไตย ดังนั้นเมื่อมีคำสั่งศาลออกมาให้หยุดการชุมนุม กลุ่มพันธมิตรฯ จึงต้องปฏิบัติตามคำสั่งศาล หรือให้ดีควรหยุดการชุมนุมทั้งหมด เพราะต้องมีความสำนึกว่าจะต้องไม่สร้างความเดือนร้อนแก่ประชาชน" ร.ท.กุเทพ กล่าว


 


เมื่อถามว่า หากเปรียบเทียบกับกรณีที่ศาลปกครองกลาง มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวกรณีปราสาทพระวิหาร รัฐบาลควรเคารพศาลแสดงความรับผิดชอบอย่างไร ร.ท.กุเทพ กล่าวว่า ไม่มีปัญหา เพราะรัฐบาลเคารพคำสั่งศาลอยู่แล้ว ตอนนี้เรื่องปราสาทพระวิหาร ก็หยุดชะงักตามคำสั่งศาล ไม่มีการดำเนินการใดๆ โดยลำดับต่อไป รมว.ต่างประเทศ ก็จะต้องไปอธิบายทำความเข้าใจกับประเทศกัมพูชา ว่ารัฐบาลต้องดำเนินการตามระบบยุติธรรมในประเทศ ยืนยันว่ารัฐบาลจะไม่ดื้อแพ่งแน่นอน


 


 


ผบช.น.สั่งเพิ่มกำลังตำรวจพันนายดูแลทำเนียบฯ


เมื่อเวลา 15.30 น. พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล( ผบช.น.) เรียกประชุมด่วนนายตำรวจระดับรอง ผบช.น.และนายตำรวจชั้นใหญ่ระดับกองบังคับการที่มีหน้าที่ในการดูแลความสงบเรียบร้อยรักษาความปลอดภัยกลุ่มผู้ชุมนุมภายหลังศาลแพ่งมีคำสั่งคุ้มครองฉุกเฉินกรณีอาจารย์ ผู้ปกครอง นักเรียน โรงเรียนราชวินิตมัธยม ยื่นเรื่องต่อศาลได้รับความเดือดร้อนจากการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยบริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาลโดยใช้เวลาหารือนานกว่า 2 ชั่วโมง



 


ผบช.น. กล่าวภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมว่า จากคำสั่งดังกล่าวที่ทำการเปิดถนนในเส้นทางถนนพิษณุโลกตลอดสายและขอให้งดใช้เครื่องขยายเสียง ตั้งแต่เวลา 07.30 น. - 16.30 น. ของวันจันทร์ - วันศุกร์ นั้น จากการประเมินสถานการณ์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจเชื่อว่า กลุ่มผู้ชุมนุมจะมีการย้ายเวทีเข้าไปในทำเนียบรัฐบาลอย่างแน่นอนจึงเป็นต้องเพิ่มกำลังตำรวจปฏิบัติหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อยมากกว่าเดิมเพื่อรองรับการเคลื่อนไหวดังกล่าว


 


ประกอบด้วยตำรวจหน่วยพิเศษติดอาวุธ ทั้งตำรวจปฏิบัติการพิเศษ 191 ชุดปฏิบัติการคอมมานโด กองปราบราม ตำรวจตระเวนชายแดน หน่วยอรินทราช ฯลฯรวมประมาณ 7 กองร้อยกว่า 1,000 นายเตรียมไว้ในทำเนียบฯ เพื่อป้องกันเหตุรุนแรง ไม่ได้เตรียมไว้เพื่อสลายการชุมนุมโดยแต่อย่างใด ตำรวจใช้กำลัง 7 กองร้อย ประมาณ 1,000 นาย ในการดูแลความเรียบร้อยรอบทำเนียบฯ


 


"ขณะนี้ตำรวจยังดำเนินการอะไรไม่ได้ ต้องปล่อยเป็นหน้าที่ของกรมบังคับคดี ซึ่งจะประสานงานแจ้งคำสั่งศาลต่อ 6 แกนนำพันธมิตรฯ เพื่อรื้อเวทีปราศรัยให้พ้นกีดขวางการจราจร ก่อนหน้านี้เมื่อ 2 วันก่อน พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ก็เคยยอมรับว่า ถ้าศาลมีคำสั่งออกมาอย่างไรก็จะปฏิบัติตาม คิดว่าคงทำตามคำสั่งศาล ไม่ขัดกฎหมาย คงไม่มีใครอยากติดคุก เพราะคำสั่งศาลมีผลบังคับใช้ทันที เข้าใจว่าทางกลุ่มพันธมิตรฯ คงต้องปฏิบัติตามคำสั่งศาลในวันที่ 1 ก.ค.นี้" ผบช.น. กล่าวในที่สุด



 


 


"จนท. ครป." ถูกดักแทงขณะกลับหอพัก


เมื่อเวลา 17.30 น.วันที่ 30 มิถุนายน นายชัยวัฒน์ ตรีวิทยา อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 282 หมู่ 1 ต.สังขละ อ.สังขละ จ.สุรินทร์ เจ้าหน้าที่คณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) ของนายสุริยะใส และยังเป็นหัวหน้าชุดทีมการ์ดหลังเวทีพันธมิตร ได้เดินทางเข้าแจ้งความกับ ร.ต.ท.พงษ์จินดา วิริยะประกอบ ร้อยเวร สน.พญาไท ว่าถูกคนร้ายแทงเข้าที่บริเวณคอได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดเมื่อเวลา 04.00 น.ที่ผ่านมา


 


นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า เมื่อคืนก่อนเกิดเหตุตนได้นั่งดูฟุตบอลยูโรกับเพื่อนๆที่ย่านถนนพระอาทิตย์ พอบอลจบตนก็กับเพื่อนอีกคนได้เดินทางกลับที่พักที่ย่านราชเทวี โดยได้โดยสารรถแท็กซี่ โดยเพื่อนได้ส่งตนลงที่บริเวณพญาไทพลาซ่า พอลงจากรถตนได้เดินย้อนมาทางแยกราชวิถีเพื่อเดินกลับห้องพักที่ โกลเด้นท์ทาวน์ ภายในซอยอัครนิธิ ถ.พญาไท แขวงทุ่งพญาไท เขตพญาไท กทม. พอตนเดินมาถึงป้ายรถเมล์ก่อนจะถึงสะพานลอย ตนสังเกตุเห็นมีชายยืนอยู่คนหนึ่งบริเวณหน้าป้ายรถเมล์ โดยสังเกตุเห็นว่าชายคนดังกล่าวได้มองตั้งแต่แรกแล้ว ซึ่งตนก็ไม่ได้เอะใจ แต่ก็ระวังตัวไว้ตลอด เนื่องจากบริเวณดังกล่าวมักจะมีเหตุจี้ชิงทรัพย์เป็นประจำ


 


นายชัยวัฒน์ กล่าวต่อว่า จนกระทั่งตนเดินผ่านชายคนดังกล่าวจนเดินขึ้นไปบนสะพานลอย ตนก็ยังสังเกตุว่าชายคนดังกล่าวก็ยังมองมาที่ตนตลอด จึงเริ่มระวังตัวมากขึ้น จนกระทั่งเดินตรงถึงช่วงโค้งบันได ก็เห็นชายคนเดิมเดินกึ่งวิ่งขึ้นบันไดเข้ามาหาตน และหันกลับไปชี้หน้าแล้วถามว่าอะไรของคุณ แต่ชายคนดังกล่าวก็ไม่ยอมหยุด และเดินเข้ามาหาตน


 


พอใกล้ประชิดตัว ตนซึ่งอยู่บันไดขั้นสูงกว่า ก็ได้ใช้เท้ายันไว้ที่หน้าอกไม่ให้เข้ามาใกล้ ก่อนจะเกิดการต่อสู้ชุลมุน และก็พามาต่อสู้ที่พื้นถนน จังหวะนั้นตนรู้สึกเหมือนมีอะไรอุ่นๆ ไหลลงมาที่คอ เมื่อเอามือจับดูก็พบว่าเป็นเลือดไหลจำนวนมาก จึงรู้ตัวว่าถูกของมีคมจากคนร้ายแทง ตนจึงได้เอามืออุดแผล และเอามือไล่คนร้ายไป ช่วงดังกล่าวคนร้ายได้เกิดอาการลังเลว่าจะทำร้ายตนต่อ หรือจะหนีไป แต่เป็นจังหวะที่รถเมล์มาคนร้ายจึงขึ้นรถเมล์หนีไป โดยคาดว่ารถเมล์คันดังกล่าวน่าจะเป็นรถเมล์สาย 29 จากนั้นตนจึงเรียกแท็กซี่ไปส่ง รพ.ราชวิถี ก่อนที่จะเข้ารับการรักษาตัว



 


จากนั้นในวันนี้จึงเดินทางเข้ามาแจ้งความ โดยตนได้รับบาดเจ็บบริเวณที่ต้นคอด้านซ้าย เป็นแผลลึกจนแพทย์ต้องเย็บแผลให้ 3 ชั้น และยังมีแผลเล็กน้อยที่บริเวณแขนขวาและขาซ้าย


 


ด้าน พ.ต.อ.จิรภัทร โพธิ์ชนะพันธุ์ ผกก.สน.พญาไท กล่าวว่า เบื้องต้นต้องส่งตัวนายชัยวัฒน์ ไปดูจุดที่เกิดเหตุพร้อมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน เพื่อหาร่องรอยของคนร้าย พร้อมกับส่งตัวให้แพทย์ตรวจบาดแผล เนื่องจากผู้จากผู้บาดเจ็บยังไม่สามารถยืนยันอาวุธ



 


หลังจากนั้นจึงจะส่งตัวไปสเก็ตซ์ภาพคนร้ายที่กองทะเบียนวัติอาชญากรที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ส่วนประเด็นปัญหานั้น จากการสอบถามผู้บาดเจ็บไม่เชื่อเป็นการชิงทรัพย์ เนื่องจากคนร้ายไม่ประสงค์ต่อทรัพย์ และผู้บาดเจ็บก็ไม่ได้มีทรัพย์สินอะไร ส่วนเรื่องความขัอแย้ง และเรื่องชู้สาว ผู้เสียหายก็ยืนยันว่าไม่เคยมีปัญหาใดๆ กับใคร



 


ส่วนประเด็นเกี่ยวกับปัญหาคู่แข่งทางการเมือง ที่ร่วมงานกลุ่มพันธมิตร ก็ยังไม่สามารถยืนยันได้ เพราะผู้บาดเจ็บก็ไม่ได้ใส่เสื้อผ้า หรืออะไรที่แสดงว่าอยู่ในกลุ่มพันธมิตร



 


อย่างไรก็ตามจะต้องสอบปากคำนายชัยวัฒน์อย่างละเอียดอีกครั้ง พร้อมรอภาพสเก็ตซ์ก่อนจะให้ฝ่ายสืบสวนออกหาข่าวคนร้าย



 


ที่มา: คมชัดลึกและผู้จัดการออนไลน์


 


 


ข่าวประชาไทที่เกี่ยวข้อง


ศาลแพ่งให้พันธมิตรเปิดถนน ตลก.รธน.วินิจฉัยคำสั่ง คปค.ต่ออายุ คตส. ไม่ขัด รธน. , ประชาไท, 30 มิ.ย. 51

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net