"สนธิ" บอกมวลชนฟังสัญญาณ "เป่าปรี๊ด" เมื่อไหร่ขอให้มาพรึ่บ

ที่มาของภาพ: ผู้จัดการออนไลน์

 

ที่มาของภาพ: ผู้จัดการออนไลน์

 

วานนี้ (16 มิ.ย.) เวลาประมาณ 10.00 น. พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นำโดยนายสนธิ ลิ้มทองกุล นายสมศักดิ์ โกศัยสุข นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ และนายพิภพ ธงไชย รวมตัวบริเวณสนามศุภชลาศัยกรีฑาสถานแห่งชาติ ก่อนเคลื่อนขบวนไปตามถนนพระรามที่ 1 เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 16 มิถุนายน มุ่งหน้าอาคารศรีจุลทรัพย์ ที่ตั้งสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อให้กำลังใจ กกต. 3 คน คือ นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต. นายสุเมธ อุปนิสากร นายประพันธ์ นัยโกวิท และแสดงความไม่พอใจ กกต. 2 คน คือนายสมชัย จึงประเสริฐ และนางสดศรี สัตยธรรม โดยการเคลื่อนขบวนของกลุ่มพันธมิตรทำให้การจราจรติดขัดอย่างหนัก เนื่องจากมีการปิดถนน 3 ช่องการจราจร เหลือเพียง 1 ช่องการจราจรด้านขวาสุด

 

ส่วน พล.ต.จำลอง ศรีเมือง และญาติธรรมสันติอโศกประมาณ 200 คนยังคงปักหลักอยู่ที่เชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์ ไม่ได้มาร่วมด้วย

 

 

สนธิไม่พอใจตร.สันติบาลรายงานชุมนุมแค่ 5,000 ให้พันธมิตรโห่

โดยจำนวนผู้ชุมนุม นสพ.มติชนระบุว่า 5,000 คน ส่วนหนังสือพิมพ์ผู้จัดการระบุว่า 3 หมื่นคน นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ และนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำปราศรัยระบุบนเวทีว่ามีผู้ชุมนุมราว 2 แสนคน และมีอยู่ช่วงหนึ่งที่นายสนธิ ชี้ไปที่ตำรวจสันติบาลและบอกให้ประชาชนที่ร่วมชุมนุมโห่ใส่ เพราะรายงานผู้บังคับบัญชาว่าผู้ชุมนุมมา 5,000 คน

 

โดยการจราจรตั้งแต่สี่แยกราชเทวี ถึงหน้าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเป็นอัมพาต รวมทั้งรถจากสี่แยกราชประสงค์ ถึงห้างสรรพสินค้ามาบุญครอง ไม่สามารถเคลื่อนตัวมาได้เช่นกัน ตำรวจขอความร่วมมือประชาชนหลีกเลี่ยงเส้นทางดังกล่าวจนถึงเวลา 14.00 น.

 

 

กกต.ไม่อยู่ สมชัยไปประจวบ สดศรีไปบางละมุง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างเคลื่อนขบวน แกนนำพันธมิตรได้สับเปลี่ยนกันปราศรัยโจมตีนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รวมทั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กระทั่งเวลา 10.15 น. หัวขบวนเคลื่อนมาถึงด้านหน้าอาคารศรีจุลทรัพย์ โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจประมาณ 300 นาย ใช้แผงเหล็กกั้นบริเวณทางเข้าอาคาร ขณะที่แกนนำพันธมิตรได้ยืนปราศรัยบนรถขยายเสียง โจมตีนายสมชัย และนางสดศรี เรียกร้องให้เลิกเกื้อกูลพรรคพลังประชาชนและระบอบทักษิณ ก่อนจะเคลื่อนขบวนกลับไปยังจุดชุมนุมบริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ เมื่อเวลา 12.10 น.

 

อนึ่ง ระหว่างที่กลุ่มพันธมิตรชุมนุมบริเวณด้านหน้าอาคารศรีจุลทรัพย์นั้น ปรากฏว่า กกต.ทั้ง 5 คน ไม่ได้อยู่ที่สำนักงาน กกต. โดยนายอภิชาตเดินทางไปร่วมงาน "หมู่บ้านปลอดการซื้อสิทธิขายเสียง" ที่ อ.บรรพตพิสัย จ.นครสวรรค์ นางสดศรีไปเปิดการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ ในหัวข้อ "การจัดทำฐานข้อมูลพรรคการเมือง" ที่วิทยาลัยนวัตกรรมอุดมศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์พัทยา อ.บางละมุง จ.ชลบุรี นายสมชัยไปตรวจเยี่ยมและบรรยายสรุปเรื่องการเตรียมพร้อมการเลือกตั้งท้องถิ่น ที่สำนักงาน กกต.จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ส่วนนายประพันธ์และนายสุเมธติดภารกิจนอกสำนักงาน

 

 

สนธิสาบานพระสยามเทวาธิราช จองเช็คบิล "พ.ต.ท.กฤษณ์ และ ไอ้จ่อย" จนวันตาย

โดยนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยปราศรัยว่าการเมืองต่อไปไม่ได้อยู่แค่ในสภา เขาต้องฟังเสียงพวกเราด้วย เพราะในสภามาจากการซื้อเสียง มีการเอาเงินซื้อ กกต. และ กกต.บางคนได้ประโยชน์ มีการพบกันที่ รร.เรดิสัน มีการซื้อเครื่องเพชรมาให้

 

จากนั้น นายสนธิได้ตะโกนเรียก พ.ต.ท.กฤษณ์ ณ เชียงใหม่ พนักงานสอบสวน สำนักสืบสวน 5 ซึ่งทำคดีทุจริตการเลือกตั้งของนายยงยุทธ ติยะไพรัช "ให้เสนอหน้าออกมาหน่อย" และกล่าวหาว่าเป็นเจ้าหน้าที่ กกต. ที่ใช้อำนาจสร้างหลักฐานเท็จส่งให้ศาลฎีกาช่วยยงยุทธ

 

นายสนธิ ยังเรียกชื่อ พ.ต.ท.ณรงค์ฤทธิ์ วาพันสุ รอง.ผกก.สส.สภ.วังน้อย ผู้เป็นพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีที่ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา อนุมัติหมายจับนายสุนัย มโนมัยอุดม เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ (ป.ป.ท.) อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) โดยนายสนธิ บอกผู้ชุมนุมว่านายตำรวจผู้นี้ชื่อเล่นว่า "ไอ้จ่อย" และบอกผู้ชุมนุมว่าขอให้จำชื่อไว้ โดยนายสนธิกล่าวว่าขอสาบานกับพระสยามเทวาธิราชว่า ตราบใดที่ผมมีชีวิตอยู่จะเช็คบิลพวกนี้จนกว่าผมจะตาย

 

 

"เหี้ย เหี้ย เหี้ย" ระงม ม็อบร้องประณาม กกต. สนธิเย้ยพวกใช้ส้นตีนทำงาน

นายสนธิ กล่าวต่อว่า กกต.บริสุทธิ์มีไม่น้อย แต่มีไอ้พวกสามหนาห้าห่วงอยู่อีกเยอะ คำฟ้อง 700 สำนวน มันยกคำฟ้องภายในสิบวันเป็นไปได้ไง และกล่าวว่ามีประชาชน 20 ล้านคนสนับสนุเขาอยู่

 

นายสนธิยังกล่าวว่า "ที่รัฐบาลอ้างว่ามาจากประชาชน มาจากเลือกตั้ง ขอถามว่าใครเลือกมึงมา มึงซื้อเสียงเข้ามา ไม่มีใครเลือกมึงหรอก มึงซื้อมาทั้งนั้น แล้วบ้านเราจะอยู่ได้อย่างไร ซื้อเสียงเข้ามา กกต. บางคนถูกซื้อ เป็นไปได้อย่างไรพี่น้อง ยงยุทธ กำลังโดนคดีสืบสวนสอบสวนอยู่ กกต.เสือกผ่านให้ไปเป็นประธานรัฐสภา หลักฐานมันชัดแจ้ง แต่ไม่ตัดสิน แต่ยังส่งไปให้ที่ศาลฎีกา" เมื่อกล่าวจบนายสนธิถามผู้ชุมนุมว่าเหี้ยไม่เหี้ย ทำให้ผู้ชุมนุมตะโกนเหี้ย เหี้ย เหี้ย เหี้ย โคตรเหี้ย ดังไปทั่วบริเวณที่ชุมนุมหน้าที่ทำการ กกต. อาคารศรีจุลทรัพย์ ถ.พระราม 1

 

นายสนธิ ยังกล่าวว่า พ.ต.ท.กฤษณ์ มีนามสกุล ณ เชียงใหม่ ไม่อายบรรพบุรุษหรือ และกล่าวว่ารู้ไหมทำไมคนถึงมาไล่ กกต. ผมจะบอกให้คุณหายสงสัย เพราะคุณเป็นด่านสุดท้ายให้คนเข้าทำงานในสภา คนดีให้เข้า คนชั่วไม่ให้เข้า แต่ว่าคุณไม่ได้ใช้มือทำงาน ดันใช้ส้นตีนทำงาน

 

ต่อมา นายสมศักดิ์ โกศัยสุข ขึ้นปราศรัยเรียกร้องให้มวลชนยืนสงบนิ่งเพื่อไว้อาลัย ให้ กกต. เป็นเวลา 30 วินาที ก่อนโห่ร้อง และขอให้ผู้ชุมนุมลงมติว่าจะให้รัฐบาลสมัครที่มาจากการซื้อสิทธิ์ขายเสียงควรบริหารประเทศต่อไปหรือไม่ ซึ่งผู้ชุมนุมลงมติไม่ไว้วางใจ นายสมศักดิ์ยังออกตัวว่าที่พันธมิตรมาชุมนุมวันนี้ ไม่บังอาจไปแทรกแซงการทำงานของ กกต. แต่ว่าพวกเขาก็เป็นประชาชน มีสิทธิในการแสดงพลัง เพียงแต่ขอให้ กกต. ทำหน้าที่ด้วยความบริสุทธิ์ อย่าไปรับเงินรับทอง อย่าเห็นแก่ตุ้มหูจึ้เพชร

 

 

สนธิลั่นชนชั้นกลางจ่ายภาษี เหยียดเศรษฐี-คนจนไม่จ่ายภาษี

ต่อมานายสนธิ ลิ้มทองกุล ขึ้นปราศรัยต่อจากนายสมศักดิ์ว่า "เมื่อไหร่ที่เป่านกหวีด ประชาชนที่ดูเอเอสทีวีจะปิดทีวี จะเก็บข้าวเก็บของออกจากบ้าน เขาจะหยุดงานกันหมด รัฐวิสาหกิจจะหยุดงาน คนจะออกมาเต็มถนน ม็อบของเราไม่เหมือนพวกนรกป่วนกรุงที่สนามหลวง พวกเราที่เป็นผู้หญิงก็สวยๆ ทั้งนั้น ผู้ชายก็โคตรหล่อ ต่างมีอาชีพทำมาหากิน คนพวกนี้คือพลังสังคมแท้จริง คือชนชั้นกลางเสียภาษี เอาภาษีมาจ่ายให้ตำรวจ ให้ กกต. ซึ่งรับเงินภาษีประชาชน แต่เศรษฐีมันไม่จ่ายภาษี คนจนไม่จ่ายภาษีใช่มั้ย ใครจ่ายภาษียกมือขึ้น"

 

นายสนธิ กล่าวต่อว่า ตำรวจ ทหารที่มีเงินเดือนมาจากภาษีชนชั้นกลางและคน 20 ล้านคนที่ดูเอเอเสทีวี แต่คนเสียภาษีถูกกระทืบ ถูกปล้น โกหก หลอกหลวง เราเลยเกิดภาวะที่ต้องมาเรียกร้องสิทธิของเรา และพวกเราจะไม่ยอม และจะสู้ ต่อให้พวกมันเป็นใครเราก็จะสู้ นอกจากนี้นายสนธิยังกล่าวถึงตำรวจสันติบาลว่าไม่ต้องมาดักฟัง แกนนำทั้ง 5 คน เพราะพวกเราก้มหน้าไม่อายดิน เงยหน้าไม่อายฟ้า

 

นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรฯ ขึ้นปราศรัยว่า สถานีโทรทัศน์ช่องหนึ่งที่สมควรถูกเผาบอกว่ามวลชนของพันธมิตรมาราวๆ 2 พันคน ก่อนที่เขาจะสบถออกมาว่า "ไอ้หอกหัก" ทำให้มวลชนโห่ร้องชอบใจ

 

นายสมเกียรติกล่าวว่ามวลชนมาชุมนุมถึงสองแสนคน และเขายังเรียกร้องให้ กกต. ย้ายไปอยู่เกาะกง ไปอยู่กับบิดาของมัน เขายังกล่าวหาว่า กกต. เป็นดินแดนผลิตโจรเพื่อเข้าคุก ถ้าประชาชนเปลี่ยนแปลงประเทศได้ องค์กรนี้จะเป็นองค์กรอันดับหนึ่งที่จะถูกยุบแล้วขุดหลุมฝังกลบ

 

 

ถาม ให้ กกต.ซื่อสัตย์มันยากนักหรือ

นายสนธิ ลิ้มทองกุล กล่าวต่อไปว่าให้ กกต.ทุกคนโดยเฉพาะเจ้าหน้าที่มีอำนาจและตัดสินใจ ประชาชนขอร้องเรื่องเดียว ให้ดำรงความซื่อสัตย์ยุติธรรมเท่านั้น มันยากนักหรือ เราขอแค่นี้ ไม่ได้ขอมากกว่านี้ อะไรถูกว่าไปตามถูก อะไรผิดว่าไปตามผิด มันยากอะไรกันหนักกันหนา แค่นี้เองคุณทำไม่ได้ เหมือนสังคมไทยวันนี้ เราใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญในการเดิน แต่มีกุ๊ยมาไล่ตีพวกเราวันที่ 25 จำได้มั้ย ตำรวจยืนเฉย ปล่อยให้มันตีประชาชน คนแก่คนเฒ่าโดนตีหัวร้างข้างแตก ตำรวจเสือกยืนเฉย

 

แต่ในทางตรงข้าม ทักษิณ ชินวัตร เป็นอาชญากรแผ่นดิน ถูกออกหมายจับ ต้องประกันตัว ต้องมาขึ้นศาลใช่หรือไม่แต่มีตำรวจมาอารักขาสองร้อยกว่าคน ที่ผมแจ้งข่าวว่าเนวิน ชิดชอบ กินข้าวต้มที่เพชรบุรีมีตำรวจอารักขายี่สิบกว่าคน นี่คือสิ่งที่พวกเราเรียกร้อง กกต. ทำหน้าที่ซื่อสัตย์ยุติธรรม ข้าราชการอารยะยัดขืน นักการเมืองสั่งทำอะไรผิดกฎหมาย อย่าไปทำ เราเรียกร้องให้ตำรวจเป็นคนของประชาชน ขอแค่นี้มันมากเกินไปหรือไง คนที่กินภาษีอากรเราน่ะ คุณลูกหลานชาวบ้านทั้งนั้น แต่ไปเป็นเครื่องมือนายทุนทั้งหลายที่หากินบนซากศพประชาชน

 

 

อ่านคำประกาศประเมินผล กกต. เรียกร้อง "สมชัย" ลาออก

และในเวลา 11.28 น. นายสนธิ ได้อ่านประกาศพันธมิตรฯ ประเมินผลการทำงานคณะกรรมการเลือกตั้ง

 





คำประกาศพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย

เรื่อง ประเมินผลการทำงานของคณะกรรมการการเลือกตั้ง

 

วันนี้พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยและพี่น้องประชาชนผู้รักชาติได้มาชุมนุมที่หน้าสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อมาประกาศว่า คณะกรรมการ กกต. เป็นองค์กรตรวจสอบอิสระตามรัฐธรรมนูญที่มีหน้าที่เพื่อทำให้การเลือกตั้งเป็นไปด้วยความสุจริตเที่ยงธรรม

ถ้าหากคณะกรรมการ กกต.จัดการเลือกตั้งให้ไปด้วยความสุจริตเที่ยงธรรมแล้ว ก็จะเป็นการทำให้คนดีมาปกครองบ้านเมือง และควบคุมคนไม่ดีไม่ให้มีอำนาจ

ในทางตรงกันข้าม ถ้าหาก กกต. จัดการเลือกตั้งให้เป็นไปด้วยความทุจริต ก็จะทำให้คนโกงการเลือกตั้งสามารถเข้ามาสู่รัฐสภา และเป็นผลทำให้ได้รัฐบาลไม่ดีมาปกครองบ้านเมืองจนเกิดวิกฤตทางการเมืองขั้นร้ายแรงในที่สุด

ก่อนหน้านี้ ได้ปรากฏเป็นที่ชัดเจนแล้วว่าพรรคไทยรักไทยที่ตุลาการรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยให้ยุบพรรคด้วยเหตุผลว่ามีพฤติกรรมที่เป็นปรปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เป็นภัยต่อความมั่นคงของชาตินั้น ได้แปลงสภาพสืบทอดเจตนารมณ์มาเป็นพรรคพลังประชาชน โดยมีนายสมัคร สุนทรเวชที่ประพฤติปฏิบัติตนเสมือนเป็นหุ่นเชิดให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร

ภายหลังจากการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั่วประเทศเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2550 ได้ปรากฏเป็นที่ประจักษ์ชัดเจนทั้งในประเทศและต่างประเทศว่า มีการเลือกตั้งที่ไม่สุจริตตลอดจนมีการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งขยายตัวเป็นวงกว้าง โดยที่กรรมการ กกต. บางคนไม่มีความสามารถเพียงพอที่จะนำผู้กระทำความผิดและพรรคการเมืองที่กระทำความผิดมาลงโทษได้ทันท่วงที และหนำซ้ำกรรมการ กกต.บางคนถึงขั้นมีพฤติกรรมแอบแฝงด้วยวาระซ่อนเร้น ในการปกป้องระบอบทักษิณอย่างชัดเจน เป็นผลทำให้มีการยกคำร้องการทุจริตการเลือกตั้งกว่า 700 กรณีภายในระยะเวลาเพียงแค่ 10 วัน

จากการปกป้องระบอบทักษิณดังกล่าวได้เป็นผลทำให้เกิดวิกฤตของบ้านเมืองขึ้นมาอีกครั้ง จนเกิดปรากฏการณ์ที่มีนักการเมืองที่เข้าสู่ฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายบริหารจำนวนมากที่ ไร้ความสามารถ ไร้จริยธรรม มีประวัติด่างพร้อย มีพฤติกรรมเป็นอันธพาล มีพฤติกรรมฉ้อฉล แทรกซึม แทรกแซง และแทรกซื้อกระบวนการยุติธรรม จนถึงขั้นคิดจะล้มล้างรัฐธรรมนูญเพื่อตัดตอนกระบวนการยุติธรรมให้ตัวเองและพวกพ้องไม่ต้องพิสูจน์ตัวเองในการพิจารณาในชั้นศาล

พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจึงถือว่าวิกฤติการณ์ทางการเมืองครั้งนี้ เกิดขึ้นมาเพราะกรรมการ กกต.บางคนได้มีอคติ สมคบกับเจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวนการทุจริตเลือกตั้งของสำนักงาน กกต.เพื่อส่งเสริมและปกป้องระบอบทักษิณที่อย่างชัดเจน

ต่อมาได้ปรากฏเป็นหลักฐานชัดเจนว่า เจ้าหน้าที่ กกต.ได้บังอาจส่งเอกสารและข้อมูลอันเป็นเท็จต่อศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง เพื่อช่วยเหลือในคดีการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งของนายยงยุทธ ติยะไพรัช รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน โดยส่งข้อมูลอันเป็นเท็จว่านายชัยวัฒน์ ฉางข้าวคำ ซึ่งเป็นพยานสำคัญนั้น เป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์เพียงพรรคเดียวตั้งแต่ปี 2547 ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงได้ปรากฏหลักฐานต่อมาว่านายชัยวัฒน์ ฉางข้าวคำ เป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทยตั้งแต่ปี 2548 อีกด้วย

การกระทำดังกล่าวที่เหิมเกริม อุกอาจเช่นนี้ย่อมเป็นการพิสูจน์แสดงให้เห็นว่า การเลือกตั้งที่ผ่านมาทั้งหมดไม่สามารถเป็นที่ไว้วางใจในความสุจริตเที่ยงธรรมได้ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจึงขอประกาศจุดยืนต่อ กกต.ดังนี้

 

1.พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยขอให้กำลังใจและยกย่อง กรรมการการเลือกตั้ง 3 ท่าน ที่ได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ไม่ยอมสยบต่ออำนาจอธรรม ไม่ยอมถูกซื้อด้วยอามิสสินจ้างใดๆดังมีรายชื่อต่อไปนี้

นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานกรรมการการเลือกตั้ง

นายประพันธ์ นัยโกวิท กรรมการการเลือกตั้ง

นายสุเมธ อุปนิสากร กรรมการการเลือกตั้ง

 

2.พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขอเรียกร้องให้ นายสมชัย จึงประเสริฐ ในฐานะเป็นกรรมการ กกต.ผู้มีพฤติกรรมเป็นอคติ แสดงออกเข้าข้างพรรคพลังประชาชนในทุกกรณี ตลอดจนอยู่ในฐานะที่กำกับดูแลเรื่องฝ่ายสืบสวนสอบสวนที่บังอาจนำเสนอหลักฐานอันเป็นเท็จต่อศาลฎีกานั้น ต้องแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออกจากตำแหน่งโดยทันที

 

3.พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขอเรียกร้องต่อนายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานกรรมการเลือกตั้ง ชำระสะสางปัญหาในฝ่ายสืบสวนสอบสวนของ กกต. ที่ได้นำเสนอหลักฐานและเอกสารอันเป็นเท็จ ได้สร้างมลทินให้กับ กกต.จนประชาชนไม่สามารถไว้วางใจการยกคำร้องกว่า 700 กรณีก่อนหน้านี้ได้

พันธมิตรฯ ขอให้ กกต.ได้แต่งตั้งบุคคลภายนอกที่ได้รับการยอมรับจากประชาชนและมิได้มีส่วนได้เสียใดๆ ให้มาเป็นคณะกรรมการตรวจสอบอิสระในการยกคำร้องการทุจริตการเลือกตั้งกว่า 700 กรณีโดยเร็ว

 

4.เนื่องจากผู้แทนของ กกต.ที่ฟ้องร้องต่อศาลฎีกาในคดีการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งของนายยงยุทธ ติยะไพรัช ไม่ได้แสดงออกในการต่อสู้คดีดังกล่าวอย่างสุดความสามารถจนทำให้เกิดความสงสัยว่าจะเป็นการสมยอมกันเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อพรรคพลังประชาชนหรือไม่

พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จึงขอเรียกร้องต่อประธานคณะกรรมการเลือกตั้ง ได้โปรดตรวจสอบคำแถลงปิดคดีด้วยตัวเองอย่างละเอียด เพื่อป้องกันมิให้เกิดการบิดเบือนต่อคดีความต่อไป

 

ด้วยความรักชาติ

พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย

วันจันทร์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ.2551

 

 

 

วสันต์อ่านกลอน แผ่เมตตาสมชัย-สดศรี

จากนั้นนายวสันต์ สิทธิเขตต์ ศิลปินเพื่อชีวิต ได้ขึ้นอ่านกลอนว่า "วันนี้ นัดกัน 10 โมงเช้า รวมพลังเดินเท้า ก้าวไปข้างหน้า ไปเยี่ยมเยือน กกต. เลือกลีลา ไล่หมา หมา รับใช้ไอ้เหลี่ยมโจร - คดียุทธ ตู้เย็นเราเห็นอยู่ ว่าใครอู้ซื้อเวลาหน้าด้านเถียง ทั้งสมชัย สดศรี มันลำเอียง ทำเป็นเลี่ยงบาลี อัปรีย์จริง

 

บ้านเมืองพังเพราะใครรู้ไหมว่า ไอ้หน้าเหลี่ยมเหี้ยมโหดโคตรโกงนั้น มันห่วงทรัพย์สมบัติบ้าเล่นเกมกัน เพื่อพวกมันพ้นผิดคิดแก้เกม - รัฐบาลด้านดื้อมันยื้อยุด ชั่วสุดๆ เดินหน้าเมกะโปรเจก ตะบี้ตะบันมันเบ่งเค้ก เพื่อไอ้เหลี่ยมบ้าเซ็กซ์มันกลับมา

 

มอบดอกไม้จากใจให้สาม กกต. อย่าถอยท้อยืนหยัดกำจัดชั่ว ส่วนสมชัย และสดศรี ที่ขายตัว ต้องขับไล่มันถอนตัว จับเข้าคุก"

 

ต่อมานายวสันต์ได้กล่าวบทกลอนเลียนทำนองสวดแผ่เมตตาให้ผู้ชุมนุมกล่าวตาม ระบุว่า

 

"สมชัย จึงประเสริญเอ๋ย ไปลงนรกเถิด อย่าได้ทำให้ กกต. เสื่อมเสียเลย ย้ายไปอยู่เกาะกงกับบิดาหน้าเหลี่ยมเถิด อย่าได้เบียดเบียนพี่น้องเลย

 

สดศรีปากแดงเอ๋ย จงหุบปากเถิด อย่าได้สร้างความเสื่อมเสียให้ กตต.เลย บ้านเมืองพังทลายล่มสลายหมดแล้ว เพราะการกระทำฉ้อฉลของท่าน จงไปสู่ที่ชอบๆ เถิด อย่าอยู่ให้รกโลกหนักแผ่นดินเลย

 

ประชาชนผู้รักชาติเอ๋ย สามัคคีต่อสู้ต่อไปเถิด จนกว่าจะยึดทรัพย์จับโจรหน้าเหลี่ยม และบรรรดาลูกสมุนรับใช้ สร้างสรรค์ประชาธิปไตย ให้เกิดขึ้นบนแผ่นดิน เอวัง ด้วยประการละฉะนี้แล สาธุ สาธุ สาธุ"

 

 

"สนธิ" ลั่นพันธมิตรมีภารกิจศักดิ์สิทธิ์ เรียกร้องมวลชน 1 พามาอีก 10

เวลาประมาณ 11.30 น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล ปราศรัยต่อจากนายวสันต์ สิทธิเขตต์ กล่าวว่า พี่น้องอย่าลืมวันนี้เป็นอันขาด พี่น้องจำได้ไหมว่านายยงยุทธเคยขนม็อบทางเหนือลงมา ม็อบทางเชียงรายเมื่อมาเทียบพี่น้อง ถ้าต้องใช้ภาษา อ.สมเกียรติ คือ "มันขี้หมามากเลยใช่มั้ยพี่น้อง" ต้องจ่ายเงินไปเท่าไหร่ถึงจะมากัน แต่ของพี่น้องมาด้วยใจ

 

"พี่น้องอย่าเพิ่งดีใจ เรายังมีศึกใหญ่เหลืออยู่ พี่น้องจำคำพูดผมได้ไหม รอการเป่านกหวีดใช่ไหม พี่น้องมากันนี้ พี่น้อง 1 คน พามาอีก 10 คนพามาได้มั้ย พามา 10 คนเป็นล้านกว่า ไม่นับจากต่างจังหวัดอีกว่าจะมาอีกเท่าไหร่ เอาให้กรุงเทพแตกเลยเป็นยังไง"

 

"คนที่เปลี่ยนประเทศนี้ได้ไม่ใช่ทหาร ไม่ใช่ตำรวจ ไม่ใช่นักการเมือง ไม่ใช่ กกต. แต่เป็นพวกเราประชาชน ใช่ไม่ใช่ พวกเราคือคนที่เปลี่ยนประเทศได้ เราต้องเข้ามาจัดระเบียบให้เกิดประชาธิปไตยที่ทุกคนมีส่วนร่วม ไม่ใช่ประชาธิปไตยแบบซื้อเสียง การต่อสู้ครั้งนี้เป็นภารกิจอันศักดิ์สิทธิ เราสู้เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ไม่ได้สู้เพื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ เราไม่ได้สู้เพื่อระบอบทักษิณ เราไม่ได้สู้เพื่อยศตำแหน่งนายพล ไม่ได้สู้เพื่อเครื่องเพชร เราไม่ได้สู้เพื่อเงินเป็นตั้งๆ เราสู้เพื่อลูกหลานเรา ใช่ไม่ใช่ เราสู้เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์"

 

 

ส่งซิก "เป่าปรี๊ด" เมื่อไหร่ระดมพลทันที ก่อนเคลื่อนกลับมัฆวาน

"รอพี่น้อง รอ ที่มัฆวานฯ นั่นคือมหาวิทยาลัยของเรา ไปกันทุกคืน รอฟังนกหวีด เป่าปรี๊ดเมื่อไหร่บอกที่บ้าน แม่ไปด้วยนะ แม่ไปก่อนนะ ลูกอยู่เฝ้าบ้าน ถ้าลูกอยากไปให้พามาช่วยกัน มากู้ชาติ บอกเพื่อนบ้าน แกไม่ต้องเฝ้าบ้านให้ฉัน แกมากับฉัน บอกที่ทำงาน วันนี้พรุ่งนี้จะขอไปกู้ชาติครั้งสุดท้าย ของลางาน บอกลูกค้า วันนี้ พรุ่งนี้ มะรืน ฉันจะไม่เปิดร้าน จะไปกู้ชาติ เธอไปด้วยกันไหม บอกทุกๆ มีแต่พลังของประชาชนเท่านั้นที่จะเปลี่ยนแปลงแผ่นดินนี้ได้ พี่น้อง"

 

จากนั้นนายสนธิ ขอให้ผู้ร่วมชุมนุมอย่าเพิ่งสลายการชุมนุมขอให้เดินขบวนกลับไปที่เวทีที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ และกล่าวว่าเราให้กำลังใจ กกต. ที่ดีแล้ว ช่วยกันโห่ไล่ กกต. ที่ชั่วร้ายให้ครบสามนาทีได้มั้ย ทำให้มวลชนที่มาชุมนุมโห่ฮาป่าเป็นเวลาประมาณ 3 นาที โดยมีต้นเสียงคือนายเทอดภูมิ ใจดี และนายสมศักดิ์ โกศัยสุข

 

จากนั้นนายสนธิระบุว่าขอให้รอสักครู่ นายชัยวัฒน์ ฉางข้าวคำ จะมาขึ้นเวทีปราศรัย โดยนายอมร อมรรัตนานนท์ แกนนำได้ร้องเพลงสู้ไม่ถอย สลับกับปราศรัยเพื่อรอนายชัยวัฒน์

 

 

กำนันชัยวัฒน์ขึ้นเวทีพันธมิตร ปฏิญาณทำเพื่อในหลวง ทำเพื่อแผ่นดิน

ต่อมานายชัยวัฒน์ ฉางข้าวคำ กำนัน ต.จันจว้า อ.แม่จัน จ.เชียงราย พยานในคดีทุจริตการเลือกตั้งนายยงยุทธ ติยะไพรัช ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน ได้เดินทางมาที่ กกต. พร้อมทนายความ เปิดเผยว่า ทางคณะกรรมการ กกต. นัดมาสอบปากคำชี้แจงในวันที่ 18 มิ.ย.

 

โดยพันธมิตรฯ ได้เชิญนายชัยวัฒน์ขึ้นไปบนรถปราศรัย นายชัยวัฒน์กล่าวว่า ผมสู้คนเดียว จนไม่มีบ้านจะอยู่แล้ว มีคดีติดตัว 9 คดี มาเป็นพยานให้ กกต. ผมเหมือนพี่น้องพันธมิตรทำเพื่อในหลวง ทำเพื่อแผ่นดิน ทำเพื่อวีรบุรุษที่เขาตายตั้งแต่ยังไม่เกิด ผมเชื่อว่าจะมีคนมาสู้กับผมเป็นแสน ผมโดนข่มขู่ทุกสิ่งทุกอย่าง ตำรวจบอกว่าผมว่าตายแน่ ถ้าผมตาย ก็ขอให้ประเทศชาติของเราเจริญรุ่งเรือง ให้ในหลวงของเราทรงมีพลานามัยแข็งแรง อยู่จนอายุ 120 ปี คดีผมไม่พูดนะครับ เพราะอยู่ในชั้นศาล วันที 8 จะรู้ว่าดำหรือขาว ผมมาที่นี่ไม่ได้มาใส่ร้ายอะไร ผมทำเพื่อแผ่นดิน ทำเพื่อในหลวง ผมเป็นกำนันบ้านนอก พี่น้องพันธมิตร มีโอกาสไปเที่ยวบ้านผม ชีวิตผมทำนา แต่ถูกใส่ร้ายตลอดว่าค้ายาบ้า ผมโดนเรียกไปบำบัด ผมโดนเรียกไปทำประชาคม ล้มลุกคลุกคลานมา สำหรับวันนี้ ตั้งแต่นี้ต่อไปผมจะทำความดีเพื่อแผ่นดิน ตายก็ทำเพื่อแผ่นดิน ทำเพื่อในหลวง คนเราทุกคนเกิดมาตาย 40 ปีตาย 100 ปีตาย ผมตายไปขอให้แผ่นดินอยู่

 

โดยหลังการชุมนุมที่หน้า กกต. ประมาณ 12.00 น. เศษผู้ชุมนุมได้เคลื่อนกลับไปที่สะพานมัฆวานฯ เหมือนเดิม

 

 

โดนเฉ่ง แต่ "สดศรี" ยังห่วงกลัวม็อบรุนแรง

นสพ.ไทยโพสต์รายงานว่า ด้านนางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง ผู้ถูกกลุ่มพันธมิตรฯ เรียกร้องให้ลาออกจากกกต. ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวทางโทรศัพท์ หลังการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เคลื่อนมาหน้าสำนักงานกกต.ว่า ตนติดภาระกิจงานสัมนาของสำนักงานกกต.ที่ จ.ชลบุรี ในวันนี้จึงไม่ได้อยู่ที่อาคารศรีจุลทรัพย์ สำนักงานกกต. พร้อมกันนี้ นางสดศรีได้แสดงความห่วงใยกลุ่มผู้ชุมนุม โดยสอบถามผู้สื่อข่าวว่าการชุมนุมมีการปะทะกันหรือไม่เนื่องจากตนทราบข่าวมาว่าจะมีการชุมนุมของกลุ่มที่ต่อต้านพันธมิตรฯด้วย ซึ่งก็

 

ได้รับคำตอบว่าไม่มีการปะทะใดๆ อย่างไรก็ตาม นางสดศรีกล่าวต่อไปว่า ในวันพรุ่งนี้ตนจึงจะสามารถแสดงหนังสือเดินทางเพื่อเป็นหลักฐานว่าไม่ได้เดินทางไปพบนายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ที่ประเทศจีน ในเดือนเมษายน ตามที่นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน นำมากล่าวหาบนเวทีพันธมิตรฯ เมื่อวันที่ 14 มิ.ย.

 

 

แกนนำส่งซิกซ้ำรอบดึกบอกประชาชน "รอฟังสัญญาณ"

ต่อมาเวลา 20.30 น. ที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ แกนนำพันธมิตรทั้ง 5 คนขึ้นบนเวทีพร้อมกัน นายพิภพ ธงไชย กล่าวว่า หากมีการรื้อฟื้นคดี 900 สำนวนที่ กกต.ยกคำร้อง ขอแค่มีการเปลี่ยนแปลง 10% พรรคพลังประชาชนจะได้ไม่เกิน 150 เสียง ขั้วการเมืองจะเปลี่ยนทันที พันธมิตรไม่ต้องการมีส่วนได้ส่วนเสียในเรื่องนี้ ต้องการให้การเมืองเป็นนิติรัฐอย่างแท้จริง

 

นายสนธิ ลิ้มทองกุล กล่าวว่า ไม่แน่พันธมิตรอาจจะไปเยือนกระทรวงมหาดไทย เพื่อพบกับ ร.ต.อ.เฉลิมอีกครั้ง หรืออาจจะไปที่บ้านพักบางบอนของ ร.ต.อ.เฉลิมก็ได้ ส่วนนายสมศักดิ์ โกศัยสุข กล่าวว่า ขอให้ประชาชนรอฟังเสียงนกหวีดให้ดีๆ จะมีการเป่านกหวีดก่อนล่วงหน้า 3 วันเพื่อชุมนุมใหญ่ ในตอนนั้นคาดว่าจะมีประชาชนเข้าร่วมประมาณ 1.5 ล้านคน

 

ด้านนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ กล่าวว่า มีความจำเป็นและมีเหตุผลเพียงพอที่จะบุกไปทำเนียบรัฐบาล เพราะหากต้องเสียธรรมชาติและเขาพระวิหาร ตอนนี้ขอให้ประชาชนรอฟังสัญญาณก่อนเท่านั้น

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท