Skip to main content
sharethis

วิทยากร  บุญเรือง


 


อาชญากรรมแห่งความเกลียด


 


 


 


ขบวนการชาตินิยมหัวรุนแรงและพวกนิยมนีโอนาซีในรัสเซียกำลังขยายตัวอย่างน่ากลัว (ที่มาภาพ: ALEXANDER ZEMLIANICHENKO)


 


คาโมลา (Kamola) หญิงวัย 36 ปี เชื้อชาติอุซเบก เธออาศัยอยู่ในมอสโค และเมื่อเดือนที่แล้วเธอต้องเจอประสบการณ์ที่ยากจะลืมในสถานีรถไฟใต้ดิน



เธอถูกโจมตีโดยไม่ทันตั้งตัว โดยชายที่ใช้สนับมือเป็นอาวุธ "ผู้ชายสองคนมาจากข้างหลังและทำร้ายฉัน" คาโมลากล่าว "พวกเขาต่อยเข้าเบ้าตาฉันก่อน ต่อมาก็ทำจมูกและโหนกแกมฉันหัก ….ฉันไม่ได้ทำความผิดอะไรเลย พวกเขาทำร้ายฉันเพียงเพราะฉันมีผ้าคลุมหน้า"



คาโมลาจำไม่ได้ว่าเธอถูกส่งไปยังโรงพยาบาลใกล้เคียงอย่างไร เธอต้องรักษาอาการบาดเจ็บเบื้องต้นถึงสี่วัน ขณะนี้ใบหน้าเธอเสียโฉมและสมองได้รับการกระทบกระเทือนและต้องได้รับการฟื้นฟูทางสภาพจิตใจ


 


แต่เธอยังคงโชคดีไม่น้อยที่ไม่เป็นอะไรไปมากกว่านี้ เมื่อเทียบกับอาชญากรรมที่กลุ่มแรงงานข้ามชาติ ต้องผจญในรัสเซียขณะนี้ที่มีผู้เสียชีวิตทุกปีๆ จากการกระทำรุนแรงที่มีนัยยะเหยียดเชื้อชาติ


 


จากข้อมูลของ Sova องค์กรพัฒนาเอกชนที่ศึกษาด้านอาชญากรรมจากการเหยียดเชื้อชาติ ที่มีฐานอยู่ในมอสโค พบว่ากลุ่มเหยียดเชื้อชาติหัวรุนแรงในรัสเซียได้ทำร้ายแรงงานข้ามชาติ เสียชีวิตไป 57 คน และบาดเจ็บอีก 117 คน ในรอบ 6 เดือนแรกของปีนี้ สถิติอาชญากรรมจากการเหยียดเชื้อชาตินี้ถูกเก็บรวบรวมตั้งแต่ปี 2007 และตอนนี้มีผู้เสียชีวิตรวมกว่า 80 คนแล้ว


 


ทั้งนี้เหยื่อตัวเลขของเหยื่อผู้ถูกกระทำจากพวกหัวรุนแรงในปีนี้ อาจจะสูงมากกว่านี้ก็เป็นได้


 


"จากข้อมูลที่เปิดเผยต่อสาธารณะ ผู้เสียชีวิต 57 คนนั้นยังเป็นตัวเลขที่ต่ำกว่าการประมาณการที่เราคาดไว้ เพราะข้อมูลที่แท้จริงนั้นรวบรวมได้ยากมาก" กาลินา โคเซฟนิโควา (Galina Kozhevnikova) ผู้อำนวยการของ Sova กล่าว เธอกล่าวต่อว่ามีความรุนแรงอีกหลายครั้งที่เกิดในรัสเซียที่ไม่ได้เป็นที่สนใจของสื่อ


 


ความเข้มข้นของความรุนแรงจากการเหยียดเชื้อชาติภายในรัสเซียเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ภาพความรุนแรงที่น่ากลัวในเดือนสิงหาคม ปี 2007 หลายคนยังจดจำกันได้ เมื่อภาพวีดีโอคลิปการรุมทำร้ายชาวผิวดำสองคนจนถึงแก่ชีวิตถูกโพสต์ขึ้นในเวบไซต์ของกลุ่มชาตินิยมสดขั้ว



ในช่วงที่สหภาพโซเวียตยังไม่ล่มสลายนั้น การเหยียดเชื้อชาติเป็นเรื่องที่แทบจะพูดไม่ได้ในสังคม เนื่องจากเป็นการขัดต่อหลักการสังคมยูโทเปียและการเคารพความต่างของมนุษย์ในลัทธิคอมมิวนิสต์


 


แต่หลังจากการล่มสลายของสหภาพโซเวียต รากเหง้าความรุนแรงของสังคมที่ถูกปิดไว้ก็เริ่มปะทุ ขบวนการเคลื่อนไหวเหยียดเชื้อชาติเริ่มเติบโตขึ้นอย่างน่ากลัว โดยเฉพาะในรัสเซียที่มีแรงงานต่างถิ่นจากรัฐข้างเคียงเข้ามาทำงาน


 


แต่รัฐบาลเครมลินเองแทบที่จะไม่มีมาตรการในการจัดการปัญหานี้ - การไม่ค่อยใส่ใจนี้ ทำให้ถูกวิจารณ์หลายครั้งว่าเหมือนเป็นการราดน้ำมันลงไปในกองไฟ โดยเฉพาะเมื่อปี 2006 ที่ชาวจอร์เจียนได้ออกมาประท้วงรัสเซียครั้งใหญ่ที่กรุงทบิลิซ (Tbilisi) เมืองหลวงของจอร์เจีย รัฐบาลเครมลินกลับแก้เผ็ดด้วยการเนรเทศชาวจอร์เจียน รวมถึงมีการตัดความสำพันธ์ทางการค้าระหว่างสองประเทศอีกด้วย



ถึงแม้ดูเหมือนว่าระบบการไต่สวนของรัสเซียจะให้ความเป็นธรรมต่ออาชญากรรมแห่งความเกลียดชังนี้ กระนั้นก็ตามจำนวนคดีความของอาชญากรรมจากการเหยียดเชื้อชาติกลับเพิ่มสูงขึ้น


 


และในขณะเดียวกัน กลุ่มรัสเซียนสกินเฮดและพวกนีโอนาซีก็กลับขยายตัวอย่างรวดเร็วและผนึกกำลังกันอย่างเข้มแข็ง โดยเมื่อวันที่ 8 มิถุนายนที่ผ่านมา 4 องค์กรชาตินิยมหัวรุนแรงได้บรรลุข้อตกลงในความร่วมมือกันผลักดันแคมเปญต่อต้านการคอรัปชั่นและคนเชื้อชาติอื่น -- ประมาณการณ์กันว่ามีชาวรัสเซียกว่า 70,000 คนเชื่อมั่นศรัทธาและเป็นสมาชิกในองค์กรเหล่านี้



ปฏิเสธไม่ได้ว่าการเติบโตขึ้นของลัทธิชาตินิยมและนีโอนาซีเป็นต้นเหตุหนึ่งของปัญหาอาชญากรรมเหยียดเชื้อชาตินี้ แต่คำถามก็คือทำไมเด็กหนุ่มชาวรัสเซียเหล่านั้นถึงโกรธแค้นแรงงานชาวต่างชาติหนักหนา?



 
เป้าหมายใหม่






 


 


คนหนุ่มรุ่นใหม่ในรัสเซียเริ่มมีความคิด
ชาตินิยม
-นีโอนาซีเพิ่มมากขึ้น


ที่มาภาพ: Courtesy


 


เดซิเร เดฟโฟ (Desire Deffo) จากแคมารูนบ้านเกิดสู่เซนต์ ปีเตอร์เบิร์ก มากว่า 20 ปีแล้ว เพื่อศึกษาทางด้านอุทกวิทยา ซึ่งครั้งหนึ่งในสมัยสหถาพโซเวียตชาวแอฟริกันถูกส่งมายังรัสเซียเพื่อรับการศึกษาในระดับที่สูงขึ้น เพื่อถ่วงดุลกับการครอบงำทางการศึกษาของฝั่งเสรีนิยม


 


ทั้งนี้ชาวแอฟริกันในรัสเซีย เคยเป็นเป้าหมายอันดับต้นๆ ในอาชญากรรมเหยียดเชื้อชาติ แต่เดฟโฟกล่าวว่าเป้าหมายที่เป็นชาวแอฟริกันลดลงมากแล้ว แต่เหยื่อรายใหม่ของพวกชาตินิยมหัวรุนแรงกลับเป็นแรงงานข้ามชาติที่มาจากเอเชียกลาง


 


"ความรุนแรงเพิ่มขึ้นกับเหยื่อชาวทาจิกส์และชาวอุซเบกที่ทำงานในไซต์งานก่อสร้าง, ในตลาด และพวกเด็กหนุ่มชาวรัสเซียดูเหมือนไม่มีความกรุณาต่อพวกเขาเลย" เดฟโฟกล่าว "ในเซนต์ ปีเตอร์เบิร์ก ชาวแอฟริกันส่วนใหญ่ ได้รับการศึกษาและขยับฐานนะขึ้นไปแล้ว ทั้งนี้เมื่อก่อนคนผิวดำจะเป็นแรงงานไร้ฝีมือเสียมาก แต่เดี๋ยวนี้มีชาติพันธุ์กลุ่มอื่นเข้ามาแทนที่เรา"


 


ทั้งนี้จากข้อมูลของ Sova พบว่าแรงงานจากเอเชียกลางกลายเป็นแรงงานข้ามชาติส่วนใหญ่ที่เข้ามาหางานในรัสเซียแทนที่กลุ่มแรงงานผิวดำ และประชาชนจากคอเคซัสเหนือเหล่านี้กลายเป็นเหยื่อส่วนใหญ่จากอาชญากรรมเหยียดเชื้อชาติ โดยเหยื่อที่ถูกสังหาร 57 คน 31 คนมาจากอุซเบกิสถาน, ทาร์จีกิสถาน และเคอร์กิสถาน


 


ในรัสเซีย การรับแนวทางเสรีนิยมกลับมาพร้อมกับลัทธิกีดกัน การขยายตัวทางเศรษฐกิจทำให้แรงงานข้ามชาติเข้ามาแสวงหาโอกาส นอกจากที่จะพบกับการกดขี่จากนายทุนแล้ว พวกเขามักเป็นเป้าโจมตีเช่นเดียวกับที่อื่นๆ ทั่วโลก ที่แรงงานข้ามชาติมักเป็นแพะเสมอ จากภาพที่ถูกมองว่าเข้ามาแย่งงานจากประชาชนในประเทศของตน


 


ยุติธรรมหรือ? ทั้งๆ ที่พวกเขาทำงานหนักแลกเงินและเสียภาษีอย่างถูกต้อง แต่ต้องกลับใช้ชีวิตอยู่กับความหวาดกลัว..


 


…………………..


ประกอบการเขียน:


 


Russia: Hate-Crime Deaths Mounting, As Nationalists Close Ranks (By Claire Bigg, 11 June 2008 - Radio Free Europe / Radio Liberty)


http://xeno.sova-center.ru/6BA2468/6BB41EE/B2A6CB2


 


 


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net