ข่าวมอนิเตอร์ประจำวันที่ 23 พ.ค. 2551

การเมือง

แฉบทสัมภาษณ์ "หมัก" ยุคเป็นผู้ว่า กทม.เป็นพิธีกร "ชิมไปบ่นไป" รับเงินเดือน 8 หมื่น

เว็บไซต์มติชน- นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา ผู้ยื่นเรื่องร้องเรียนถึงคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ให้ตรวจสอบกรณีนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้จัดรายการ 'ชิมไปบ่นไป' กล่าวถึงความคืบหน้าในการส่งข้อมูลหลักฐานการร้องเรียนความผิดนายสมัครที่ส่งผลต่อการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีว่า ในวันนี้(22 พ.ค.) ได้ส่งหลักฐานทางไปรษณีย์เป็นหนังสือถึง กกต. อีก 1 ฉบับ โดยได้แนบบทสัมภาษณ์ของนายสมัคร ในหัวข้อ'สมัคร สุนทรเวช ผู้ว่าราชการ กทม.เปิดบ้านส่วนตัวและบ้าน เพื่อชาวกทม.' กับนิตยสาร'สกุลไทย' ฉบับที่ 2453 ปีที่ 47 เมื่อวันที่ 23 ต.ค. 2544 ซึ่งเป็นช่วงที่นายสมัครยังดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม.อยู่ โดยมีถ้อยคำชัดเจนอธิบายเรื่องรายได้ของนายสมัคร เป็นอย่างดี

 

นายเรืองไกร ระบุด้วยว่า ในบทสัมภาษณ์ดังกล่าว นายสมัครได้กล่าวยอมรับว่า การทำหน้าที่พิธีกรกิตติมศักดิ์ในรายการดังกล่าว ที่ออกอากาศทุกวันเสาร์เวลา 10.30 น.-11.00 น.ทางไอทีวี ผลิตรายการโดยบริษัท เฟส มีเดียนั้น ได้เงินเดือนเดือนละ 8 หมื่นบาท ก็บริจาคให้กองทุนสุนัขและแมวจรจัด สังกัด กทม. เพื่อทำหมันและใส่ปลอกคอสีเขียว

 

'นับแต่ปี 2544 มาจนถึงช่วงที่นายสมัครเป็นนายกรัฐมนตรีในตอนนี้ ก็เป็นเวลา 7 ปีเศษแล้ว ที่นายสมัครได้ดำเนินการเป็นพิธีกรกิตติมศักดิ์ให้กับบริษัทดังกล่าว ดังนั้น เป็นเครื่องบ่งบอกได้ดีว่ามีพฤติกรรมเช่นไรและตรงกับที่นายสมัครได้ชี้แจงว่าตัวเองไม่ได้รับเงินเป็นรายเดือนกับบริษัทนี้ จริงหรือไม่ ในเมื่อตอนนั้นนายสมัครระบุเองว่า รับเงินเดือนเป็นเดือนละ 8 หมื่นบาทเอง' นายเรืองไกรกล่าวและกล่าวอีกว่า ขณะนี้ตนกำลังทำเรื่องเพื่อขอข้อมูลของบริษัทผู้ผลิตรายการจากกรมพัฒนาธุรกิจ กระทรวงพาณิชย์ เพื่อตรวจสอบการเสียภาษีและผู้ถือหุ้น เพื่อจะนำมาตรวจสอบข้อมูลในเชิงลึกเรื่องผลกำไร และการปันผลต่อไป

 

 

"เสธ.หนั่น" ไม่สน พปช.ยื่นแก้ รธน. โยนเป็นเรื่องของ ส.ส. พรรคร่วมไม่เกี่ยว

เว็บไซต์แนวหน้า - พล.ต.สนั่น ขจรประศาสตร์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี ส.ส.พรรคพลังประชาชนเข้าชื่อยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อประธานสภาผู้แทนราษฎรว่า การที่พรรคพลังประชาชนยื่นญัตติแก้รัฐธรรมนูญเป็นเรื่องของพรรคพลังประชาชน ไม่ได้ประสานมายังพรรคชาติไทยเพราะเรื่องนี้เป็นการแก้โดย ส.ส. มิได้เป็นการแก้โดยพรรคร่วมรัฐบาล และไม่ทราบในรายละเอียดร่างที่พรรคพลังประชาชนเสนอเข้าสู่สภา

 

สำหรับคดียุบพรรคชาติไทย ขณะนี้ขั้นตอนอยู่ระหว่างอัยการสูงสุดและคณะกรรมการการเลือกตั้ง ดังนั้น เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 237 ซึ่งทางพรรคมีจุดยืนว่าจะแก้รัฐธรรมนูญโดยเห็นประโยชน์ส่วนร่วม ซึ่งจะแก้ทั้งรัฐธรรมนูญปี 40 และ 50 สำหรับการลงประชามติแก้หรือไม่ของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ทางพรรคชาติไทยจะหารือก่อนว่าจะมีความคิดเห็นอย่างไร

 

พล.ต.สนั่น กล่าวต่อว่า แนวคิดการทำประชามติในการแก้รัฐธรรมนูญถือว่าเป็นทางออกในการลดกระแส อย่างไรก็ตาม ขึ้นอยู่กับเสียงประชาชนว่าจะเห็นด้วยให้แก้หรือไม่ให้แก้

 

ขณะที่ นายอรรถพล สรสุชาติ เลขาธิการรองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เชื่อว่านายกรัฐมนตรีจะเรียกพรรคร่วมรัฐบาลหารือว่าจะแก้รัฐธรรมนูญอย่างไรแต่การยื่นญัตติแก้รัฐธรรมนูญเข้าสภาเป็นเรื่องของ ส.ส.มิใช่พรรคร่วมรัฐบาลจึงไม่ทราบในรายละเอียดว่าร่างรัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าวมีเนื้อหาสาระอย่างไรบ้าง เพราะก่อนหน้านี้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับวิปรัฐบาลที่ยกร่างขึ้นมา 1 ฉบับมีข้อจำกัดไม่ให้มีการแปรญัตติรายมาตรา เพราะได้นำรัฐธรรมนูญปี 40 เข้ามาใส่ทั้งฉบับปรับเปลี่ยนเพียงบทเฉพาะกาล แต่ในขณะที่ร่างฉบับใหม่ก็ไม่ได้มีการหารือกับทางพรรคชาติไทยแต่อย่างใด

 

 

"สุเทพ เทือกสุบรรณ" แถลงเปิดตัวหนังสือเปิดโฉม "โม่ง" อินไซด์ ค่าเงินบาท

พรรคประชาธิปัตย์ - นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวเปิดตัวหนังสือ เปิดโฉม "โม่ง" อินไซด์ค่าเงินบาท พ็อกเก็ตบุคส์ ขนาด 16 หน้ายก หนา 112 หน้า ราคา 80 บาท เขียนคำนิยมโดย "บัณฑิต ศิริพันธุ์" แห่งสำนักงานทนายความเสนีย์ ปราโมช ขณะนี้วางจำหน่ายตามร้านหนังสือทั่วประเทศแล้ว

 

หนังสือเล่มนี้ ได้นำเสนอบทบาทการทำหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎรของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ในฐานะส.ส.พรรคฝ่ายค้าน เมื่อเดือนกันยายน 2540 นั่นคือ การอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น คำอภิปรายดังกล่าวส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม อย่างมากในเวลาต่อมา

 

เนื้อหาการอภิปรายของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ได้ระบุถึงเงื่อนงำ ความไม่ชอบมาพากลในการตัดสินใจลอยตัวค่าเงินบาทของรัฐบาลเมื่อเดือนกรกฎาคม 2540 โดยมีผู้ล่วงรู้ข่าววงในนำไปเปิดเผยกับบุคคลภายนอก จนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางว่า มีผู้ได้ประโยชน์มหาศาลจากวิกฤตค่าเงินบาทในครั้งนั้น

 

ต่อมาในเดือนกันยายน 2541 นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ถูก นายโภคิน พลกุล อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นโจทก์ยื่นฟ้องต่อศาลแพ่งกรุงเทพใต้ คดีนี้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ได้นำข้อเท็จจริงเข้าต่อสู้หักล้าง จนในที่สุดศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาว่า การอภิปรายของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ที่พาดพิงถึงนายโภคิน พลกุล อยู่ในขอบเขตของการทำหน้าที่เป็นการทำหน้าที่ส.ส.ฝ่ายค้านในการตรวจสอบการทำงานของนายกรัฐมนตรี เพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน จึงไม่เป็นการละเมิดต่อนายโภคิน

 

 

"สนธิ"อัด"หมัก"เล่ห์อำพราง ยื่นญัตติมาก่อนประชามติ

เว็บไซต์เดลินิวส์ - นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า การที่พันธมิตรฯเลือกชุมนุมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เพราะต้องการเป็นสัญลักษณ์ของประชาธิปไตยซึ่งมีความหมาย ส่วนการชุมนุมจะเสร็จสิ้นลงเมื่อใด ซึ่งอาจยืดเยื้อหรือจะมีการเคลื่อนไหวใดๆหรือไม่นั้นก็ขึ้นกับมติในที่ชุมนุม ทั้งนี้การขอทำประชามติของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ถือเป็นเล่ห์เพทุบาย หรือเล่ห์อำพราง เพราะหากมีความจริงใจแล้วต้องมีการเสนอให้ทำประชามติก่อนเสนอญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญเข้าสภา หรือถ้าต้องการให้ทำประชามติก็ต้องสั่งลูกพรรคให้ถอนญัตติออกมา ดังนั้นแวลานี้กระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญได้เริ่มขึ้นแล้ว

 

ผู้สื่อข่าวถามว่า การชุมนุมวันที่ 25 พ.ค.นี้ เป็นการเร่งรีบเกินไปหรือไม่ เพราะไม่รอให้เข้าสู่การบรรจุวาระการแก้ไขรัฐธรรมนูญของประธานรัฐสภาก่อน นายสนธิ กล่าวว่า ตรงนี้เหมือนโจรบุกเข้ามาในบ้าน ข้ามเข้ารั้วแล้ว สะเดาะกุญแจประตูบ้านเข้ามาแล้ว เราจะรอให้เขาขโมยของก่อนที่เราจะโวยวายหรืออย่างไร กรรมเป็นเครื่องส่อเจตนา การยื่นญัตติเข้าไปนั้นก็เป็นการส่อเจตนาชัดเจนแล้วว่าต้องการแก้

 

 

จักรภพนัดสื่อแถลง 26 พ.ค.

โพสต์ทูเดย์ - นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้รับการติดต่อจากนายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ฝากข้อความให้มาบอกสื่อมวลชนว่า จะมีการแถลงข่าวในวันที่ 26พฤษภาคมนี้ เวลา 14.00 น. โดยนายจักรภพจะนำเอกสารคำแปลของการกล่าวปาฐกถาที่สโมสรผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ มามอบให้แก่สื่อมวลชนด้วย

 

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้รับการยืนยันจาก รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีว่ายังไม่ได้ตัดสินใจลาออก และมีแรงกดดันให้ลาออกจากตำแหน่งตามที่มีข่าว ซึ่งส่วนตัวเชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ใจของ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมจะยืนเคียงข้างจนกว่ามีได้ข้อยุติ

 

ส่วนนัดชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในวันที่ 25 พ.ค.นี้ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า รัฐบาลไม่ได้วิตกกังวลในเรื่องดังกล่าว และขอให้ประชาชนใช้วิจารณญาณก่อนที่จะออกไปร่วมชุมนุม เพราะรัฐบาลไม่ต้องการให้เกิดความขัดแย้งจนนำไปสู่อำนาจเผด็จการเหมือนในอดีต

 

ด้านนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วนพรรคพลังประชาชน อดีตแกนนำ นปก. กล่าวว่า วานนี้ได้พบกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่อาคารชินวัตร 3 ราวสองชั่วโมง เพื่อขอคำปรึกษา โดยยืนยันว่าไม่มีการหารือถึงการปรับ ครม.

 

นายจตุพร กล่าวด้วยว่า อดีตแกนนำ นปก.พร้อมจะร่วมทุกข์ร่วมสุข และยืนอยู่เคียงข้างนายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จนวาระสุดท้าย เพราะคดีความยังไม่ได้เริ่มต้นกระบวนการ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าแม้นายจักรภพ จะพ้นตำแหน่งไปแล้ว แต่เรื่องที่ถูกกล่าวหาไม่น่าจะจบลง.

 

 

ตร. ยึดหลักนิติธรรมดำเนินคดี "จักรภพ"

โพสต์ทูเดย์ - พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ขณะนี้กองการต่างประเทศได้แปลคำให้สัมภาณ์ของ นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในการแถลงข่าวต่อผู้สื่อข่าวต่างประเทศ ที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ อาคารมณียา ย่านเพลินจิต เมื่อวันที่ 29 ส.ค. 2550 เสร็จสิ้นแล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 24 มี.ค. 2551 พ.ต.ท.วัฒนศักดิ์ มุ่งกิจการดี พนักงานสอบสวน สน.บางมด ช่วยราชการ สน.พหลโยธิน ได้เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษนายจักรภพ กับพวก ต่อพนักงานสอบสวนกองปราบปราม ระบุว่าเนื้อหาในการแถลงข่าวของนายจักรภพ ในวันนั้น ( 29 ส.ค) หมิ่นสถาบันเบื้องสูง โดยมอบวีซีดีและแปลคำต่อคำให้พนักงานสอบสวนไว้ประกอบคดี

 

โฆษก สตช. กล่าวว่า ซึ่ง พล.ต.ท.อดิศร นนทรีย์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้สั่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนมาดำเนินการ โดยมี พล.ต.ต.สมเดช ขาวขำ รองผู้บัญชาการสอบสวนกลาง เป็นหัวหน้า ซึ่งได้กำหนดแนวทางการทำงานเรียบร้อยแล้ว และจะดำเนินการโดยใช้หลักนิติธรรม ไม่เข้าข้างฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด เมื่อรวบรวมพยานหลักฐานและสรุปผลการสอบสวนแล้ว จะเสนอคณะกรรมการในระดับกองบัญชาการ ระดับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก่อนเสนอรักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พิจารณาให้ความเป็นลำดับสุดท้าย และหากคดีเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม จะไม่ยึดเอกสารคำแปลของผู้ร้องและผู้ถูกร้อง แต่จะยึดคำแปลของกองการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นหลัก

 

รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า คดีนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ขอให้สื่อมวลชนเสนอข่าวระมัดระวังและไม่ให้ตกเป็นเครื่องมือของกลุ่มผู้ไม่หวังดี

 

 

"ชลิต" สยบกลิ่นอายปฏิวัติ ไม่เกี่ยวพันธมิตรฯนัดชุมนุม

ผู้จัดการออนไลน์ - พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ผู้บัญชาการทหารอากาศ และอดีตรักษาการประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ หรือ คมช.กล่าวว่า ไม่รู้สึกกังวลกับการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่จะมีขึ้น ซึ่งยังไม่มีมูลเหตุนำไปสู่ความรุนแรง หรือนำไปสู่การปฏิวัติ เพราะการปฏิวัตินั้นไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ง่าย ซึ่งทหารเองก็ไม่ชอบการปฏิวัติ ขณะเดียวกัน ปัญหาที่เกิดขึ้น การเมืองต้องแก้ด้วยการเมือง พร้อมทั้งขอให้ทุกฝ่ายลดทิฐิและมาแก้ไขปัญหา
 

ทั้งนี้ รู้สึกเป็นห่วงกับผลสำรวจที่ออกมาว่าจะมีการปฏิวัติ ซึ่งเห็นว่า ประชาชนให้ความสำคัญเรื่องนี้มากเกินไป ขณะเดียวกัน การของบประมาณ จำนวน 2,000 ล้านบาท เพื่อทำประชามติในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น ซึ่งหากจะเป็นสิ่งที่ช่วยให้ยุติปัญหาของบ้านเมืองได้ก็เป็นสิ่งน่าจะทำ

นอกจากนี้ ผู้บัญชาการทหารอากาศ กล่าวด้วยว่า ได้อ่านคำปาฐกถาของ นายจักรพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแล้ว อย่างไรก็ตาม ไม่สามารถตอบได้ว่าจะมีความผิดหรือไม่ ต้องปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย รวมถึงผู้ที่ได้อ่านต้องใช้วิจารณญาณเอง

 

 

"ณัฐวุฒิ"ไล่พันธมิตรฯ กลับไปดู ก.ม.ถอดถอนใหม่

เว็บไซต์เดลินิวส์ - ที่ทำเนียบรัฐบาล นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อดีตแกนนำ นปก. กล่าวว่า การที่กลุ่มพันธมิตรฯ จะยื่นถอดถอน ส.ส.ที่เข้าชื่อขอแก้รัฐธรรมนูญนั้น ก็ขอให้แกนนำได้ไปตรวจสอบข้อกฎหมายในรัฐธรรมนูญให้ชัดเจนก่อนว่าการเข้าชื่อของ ส.ส.ในครั้งนี้เข้ากับบทบัญญัติใดในรัฐธรรมนูญที่ให้มีการถอดถอนได้หรือไม่ เรื่องการถอดถอนมีกำหนดไว้ในมาตรา 270 การจะกล่าวอ้างโดยจะอาศัยมาตรา 68 วรรค 2 นั้น ก็ต้องดูว่าการเข้าชื่อเพื่อยื่นต่อประธานรัฐสภาในการบรรจุระเบียบวาระแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นการกระทำเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือเป็นการกระทำเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการที่ไม่ได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญนี้หรือไม่ ในเมื่อมาตรา 291 บัญญัติไว้ชัดเจนว่า ส.ส.ในสภาฯ สามารถเข้าชื่อและดำเนินการได้ มาตรา 68 จะใช้ได้อย่างชัดเจนกับคณะยึดอำนาจเมื่อวันที่ 19 ก.ย.49 เท่านั้น แต่กลุ่มพันธมิตรฯไม่เคยหยิบยกเรื่องนี้มาว่ากล่าวเลย

 

"ผมไม่อยากให้ความเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯ ทำเพื่อมุ่งเป้าที่จะโค่นล้มทำลายกันอย่างเดียว โดยไม่คำนึงถึงกฎหมายและหลักการปฏิบัติที่ถูกต้อง ดังนั้นขอให้กลุ่มพันธมิตรฯไปทบทวนข้อกฎหมายที่กล่าวอ้างกันให้ดี อย่างสร้างความเข้าใจผิดให้กับประชาชน" นายณัฐวุฒิ กล่าว

 

 

กกต.เห็นควรเร่งยกร่าง ก.ม.ประชามติ ให้เร็วขึ้น

เว็บไซต์เดลินิวส์ - นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เปิดเผยว่า ที่ประชุม กกต. เห็นควรให้เร่งยกร่างพระราชบัญญัติการออกเสียงประชามติให้เร็วขึ้น จากเดิมจะแล้วเสร็จในเดือนสิงหาคม เพื่อส่งให้ทางรัฐสภาพิจารณา หลังจากนายกรัฐมนตรีระบุว่าต้องการให้มีการทำประชามติในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม ซึ่งตนคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แต่คงต้องขึ้นอยู่กับทางสภาด้วย

 

ขณะที่นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ระบุว่า หากมีการนำพระราชบัญญัติการออกเสียงประชามติปี 2547 มาเป็นหลักในการพิจารณาและแก้ไขเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย ก็คาดว่าจะเสร็จภายในช่วงสิ้นเดือนมิถุนายนนี้ พร้อมเชื่อว่า หากมีการออกเสียงประชามติก็จะเห็นชอบจากประชาชนเกิน 70%

 

 

ผลการประชุม ครม.เงา ครั้งที่ 14

พรรคประชาธิปัตย์ -นายศิริโชค โสภา โฆษกคณะรัฐมนตรีเงาแถลงภายหลังการประชุมว่ากรณีการพัฒนาสะพานเศรษฐกิจ (Land Bridge) ที่นักลงทุนจากกรุงดูไบ (Dubai World) สนใจที่จะมาลงทุนนั้น เป็นความคิดที่ริเริ่มมาตั้งแต่สมัยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ มาจนถึงสมัยรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ และต่อเนื่องมาถึงรัฐบาลชุดนี้ โดยเบื้องต้น สืบเนื่องมาจากการที่ครม.ได้มีมติรับทราบและเห็นชอบให้ทำการศึกษาในขั้นรายละเอียด ในการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคใต้ เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2550 เพื่อรองรับการพัฒนาอุตสาหกรรมปิโตรเคมีและพลังงานรวมทั้งอุตสาหกรรมและบริการที่มีศักยภาพของประเทศในอนาคต และเห็นชอบให้จัดตั้งคระกรรมการเพื่อศึกษาความเหมาะสมและเตรียมความพร้อมในการพัฒนาพื้นที่ใหม่ที่มีศักยภาพนั้น ครม.เงาเห็นด้วยที่รัฐบาลนี้จะดำเนินการเพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจ และเกิดการยอมรับจากภาคประชาชน ก่อนจะดำเนินการพัฒนาต่อไป และเพื่อให้เกิดประโยชน์กับประเทศโดยรวม

 

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้รับนัดที่จะไปพบ สุลตาน อาเมด บิน สุลาเยม ประธานกลุ่มดูไบ เวิลด์ เพื่อหารือประเด็นนี้ ในวันเสาร์ที่ 24 พฤษภาคม 2551 เวลา14.00 น. โดยมีรัฐมนตรีเงาที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมด้วย โดยทั้งนี้จะเสนอประเด็น ที่ครม.เงา เป็นห่วง เช่น เรื่องปัญหาสิ่งแวดล้อม และการยอมรับของประชาชน

 

ส่วนในการให้ความช่วยเหลือผู้ประสพภัยในพม่านั้น ครม.เงามีความเห็นว่าอาเซียนต้องสร้างบทบาทหลัก ต้องเป็นผู้บริหารจัดการ ความช่วยเหลือ เพราะลำพังแต่ละประเทศในอาเซียนยังมีศักยภาพไม่เพียงพอในการช่วยเหลือโดยตรงจึงยังจำเป็นที่ต้องพึ่งความช่วยเหลือจากนานาประเทศ

 

 

"โสภณ"เชื่อทำลายปราสาทหินพนมรุ้งใช้ไสยศาสตร์ทำลายพิธีบวงสรวงนายทหารชั้นผู้ใหญ่ ปูด "เนวิน"ศรัทธาไสยศาสตร์

เว็บไซต์แนวหน้า - นายโสภณ เพชรสว่าง ประธานกลุ่มพิทักษ์เมืองบุรีรัมย์ แถลงข่าวถึงกรณีที่ปราสาทหินพนมรุ้งถูกทำลายว่า การกระทำดังกล่าวได้สร้างความเสียหายให้โบราณสถานเป็นอย่างมาก ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิสิทธิ์และเป็นที่เคารพของชาวบุรีรัมย์ และการทำลายดังกล่าวก็เป็นการใช้เหล็กสกัด เนื่องจากเป็นความเชื่อทางไสยศาสตร์ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่5 เม.ย.ที่ผ่านมา ได้มีนายทหารชั้นผู้ใหญ่และข้าราชการผู้ใหญ่ทางการเมืองได้ไปทำพิธีสืบชะตาบวงสรวงสักการะที่ปราสาทหินพนมรุ้ง และต่อมาวันที่ 9 พ.ค.ซึ่งเป็นวันวิสาขบูชาก็ได้มีการทำพิธีทำลาย ซึ่งคนเฒ่าคนแก่ที่มีความรู้ทางด้านไสยศาสตร์ได้บอกว่าเป็นการทำงายพลังอำนาจการบวงสรวงเมื่อวันที่ 5 เม.ย.ที่ผ่านมา

 

นายโสภณ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังมีพราหมณ์โทรมาบอกตนว่าการย้ายศิวลึงค์นั้นเป็นการปิดทางเชื่อมระหว่างเทวดากับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในพื้นที่ ซึ่งหลังจากนี้ไปพวกตนจะเชิญพราหมณ์มาทำพิธีบวงสรวงเพื่อขอขมากับสิ่งที่เกิดขึ้น รวมทั้งจะเชิญชาวบุรีรัมย์ทั้งหมดมาร่วมพิธีขอขมาครั้งนี้ด้วย ดังนั้นการทำลายปราสาทหินพนมรุ้งครั้งนี้เป็นเรื่องไสยศาสตร์อย่างแน่นอน ใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็แล้วแต่ แต่จะเห็นว่าการทำลายครั้งนี้เป็นการทำลายพญานาคซึ่งเป็นพาหนะของพระศิวะ ซึ่งถือว่าเป็นเทพที่อยู่ในปราสาท อย่างไรก็ตามหากใครพบเบาะแสเรื่องนี้และสามารถแจ้งบุคคลที่กระทำการดังกล่าวทางกลุ่มพิทักษ์เมืองบุรีรัมย์จะให้รางวัลเป็นเงิน 100,000 บาทให้มาเบิกเงินได้เลยที่นายโสภณ เพชนสว่าง เบอร์โทรศัพท์ 081-8085555 พร้อมทั้งขอเรียกร้องให้นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ในฐานะที่ดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้เอาใจใส่ในเรื่องนี้ด้วย อย่าปล่อยให้เป็นไฟไหม้ฟางแล้วก็ปล่อยเรื่องเงียบหายไป เพราะเรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่เป็นการทำลายโบราณสถานที่สำคัญของชาติ

 

ผู้สื่อข่าวถามว่ามีผู้ตั้งข้อสังเกตว่ามีผู้มีอำนาจบงการเรื่องนี้อยู่เบื้องหลัง นายโสภณกล่าวว่า นายเนวิน ชิดชอบ เป็นคนเชื่อเรื่องไสยศาสตร์และยังเดินทางไปนั่งวิปัสสนาที่ประเทศอินเดียมาตลอด ที่ประชุมครม.สัญจรที่จังหวัดบุรีรัมย์ก็เป็นคนที่ทำพิธีบวงสรวงปราสาทหินพนมรุ้ง แต่คนก็มองว่าคนอยู่เบื้องหลัง จึงอยากบอกว่าอย่าไปมองนายเนวินในแง่ร้าย เพราะในอนาคตนายเนวินอาจจะได้เป็นนายกฯของประเทศไทยก็ได้

 

เมื่อถามว่าแสดงว่าเรื่องนี้คนที่ทำลายเป็นคนที่อยู่ตรงกันข้ามกับนายทหารชั้นผู้ใหญ่ที่มาบวงสรวง นายโสภณกล่าวว่า ใช่เป็นคนที่อยู่คนละฝ่ายกับนายทหารชั้นผู้ใหญ่ที่มาบวงสรวงในวันนั้น เพื่อต้องการทำลายสิ่งที่เขาทำพิธีบวงสรวงขอไว้ และไม่ต้องการให้อีกฝ่ายได้สิ่งที่ขอไว้

 

 

กรมศิลป์ ชี้ เหตุทุบ "พนมรุ้ง" คาดปมมาจากร้านค้าถูกรื้อถอน

เว็บไซต์แนวหน้า - นายเกรียงไกร สัมปัชชลิต อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวถึงเหตุการณ์คนร้ายเข้าไปปราสาทเขาพนมรุ้ง จ.บุรีรัมย์ โดยตั้งข้อสังเกตว่าอาจเกิดจากปัญหาร้านค้า ซึ่งก่อนหน้านี้อุทยานฯ ได้เคยตักเตือนร้านค้ารายหนึ่งที่ต่อเติมไม่ถูกต้อง ให้ทำการรื้อถอนแต่ร้านค้ากลับนิ่งเฉย ทางอุทยานฯจึงฟ้องร้อง ต่อมาศาลมีคำสั่งให้ร้านค้ารายนั้นรื้อถอนออกไป ทำให้ผู้ค้าเก่าบางรายที่ขายของมานานไม่ได้รับการต่อสัญญา จึงเกิดความไม่พอใจ

 

นอกจากนี้ นายเกรียงไกร กล่าวว่า ได้สั่งการผู้อำนวยการสำนักศิลปากรทั้ง 15 สำนักทั่วประเทศ ให้เจ้าหน้าที่และลูกจ้าง และได้ขอความร่วมมือเครือข่ายเฝ้าระวังมรดกศิลปวัฒนธรรมจำนวน6,000 คนทั่วประเทศ จัดเวรยาม 24 ชั่วโมงดูแลโบราณสถานกว่า 5,000 แห่ง โดยเฉพาะภาคอีสาน

 

 

โพลล์ชี้ประชาชนอึดอัดกับพฤติกรรมนักการเมือง

เว็บไซต์คมชัดลึก - ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลสำรวจเรื่อง สถานการณ์ทางการเมืองปัจจุบันในสายตาสาธารณชน กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลจำนวนทั้งสิ้น 2,008 ตัวอย่าง ซึ่งมีระยะเวลาการดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 20-21 พฤษภาคม พ.ศ. 2551 ผลสำรวจพบว่า ประชาชนส่วนใหญ่หรือประมาณร้อยละ 90 ติดตามข่าวการเมืองเป็นประจำทุกสัปดาห์

 

เมื่อถามถึงความรู้สึกและความคิดเห็นต่อสถานการณ์การเมืองปัจจุบันและในอีก 6 เดือนข้างหน้า พบว่า อันดับแรกส่วนใหญ่หรือร้อยละ 87.8 รู้สึกอึดอัดกับพฤติกรรมนักการเมืองขณะนี้ รองลงมาคือร้อยละ 61.5 คิดว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะนำไปสู่การใช้ความรุนแรงในบ้านเมือง ร้อยละ 60.6 คิดว่าอาจเกิดการปฏิวัติ รัฐประหาร ร้อยละ 59.9 คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์รุนแรงไม่คาดฝันขึ้นในกรุงเทพมหานคร ร้อยละ 52.1 คิดว่าคนไทยส่วนใหญ่จะยังคงรักสามัคคีกัน และร้อยละ 19.9 คิดว่าบ้านเมืองจะสงบสุขแบบไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

 

เมื่อถามถึงความรู้สึกต่อพรรคการเมืองที่เคยเลือกในเรื่องแก้ปัญหาเดือดร้อนของประชาชน พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 58.6 รู้สึกผิดหวัง ในขณะที่ร้อยละ 41.4 ไม่รู้สึกผิดหวัง และเมื่อถามถึงรัฐมนตรีที่ควรมีการปรับ ถ้าหากมีการปรับคณะรัฐมนตรี ผลสำรวจพบว่า ร้อยละ 39.5 ระบุควรปรับนายสมัคร สุนทรเวช ร้อยละ 37.8 ควรปรับ ร.ต.อ.ดร.เฉลิม อยู่บำรุง และร้อยละ 33.9 ควรปรับนายจักรภพ เพ็ญแข เป็นสามอันดับแรก ในขณะที่ร้อยละ 13.5 ระบุควรปรับนายไชยา สะสมทรัพย์ และร้อยละ 10.1 ระบุควรปรับนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ นอกจากนี้ ร้อยละ 35.8 ระบุควรปรับทุกคนที่กำลังมีปัญหาความขัดแย้งและความไม่เหมาะสมต่างๆ ในตำแหน่งรัฐมนตรี

 

ที่น่าเป็นห่วงคือ ผลสำรวจครั้งนี้ พบว่า ฐานสนับสนุนของสาธารณชนที่ถูกศึกษาต่อ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีกำลังลดลงอย่างมากจากร้อยละ 45.4 ในเดือนกุมภาพันธ์ เหลือร้อยละ 21.4 ในเดือนพฤษภาคม ในขณะที่เสียงที่ไม่สนับสนุนกลับเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 36.8 มาอยู่ที่ร้อยละ 47.3 และคนที่เคยอยู่กลางๆ เพิ่มขึ้นเช่นกันจากร้อยละ 17.8 มาอยู่ที่ร้อยละ 31.3 ในการสำรวจล่าสุด

 

ผลสำรวจยังพบด้วยว่า ทางออกที่ดีที่สุดในสายตาของประชาชนคือ อันดับแรกหรือร้อยละ 38.6 ระบุควรปรับคณะรัฐมนตรีและทำงานต่อไป รองลงไปคือ เกินกว่า 1 ใน 4 หรือร้อยละ 26.6 ระบุควรให้มีการเลือกตั้งใหม่ อันดับสามคือร้อยละ 17.0 ระบุการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และเพียงร้อยละ 5.0 ที่ระบุการยึดอำนาจคือทางออกที่ดีที่สุด และที่เหลือร้อยละ 12.8 ระบุอื่นๆ เช่น ไม่มีทางออกที่ดีสำหรับประเทศไทย/ ทำอย่างไรก็ไม่ดีขึ้น / แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจดีกว่าแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นต้น

 

ดร.นพดล กล่าวว่า ผลวิจัยครั้งนี้ชี้ให้เห็นประเด็นสำคัญว่า เสียงสนับสนุนจากสาธารณชนในพื้นที่ที่ถูกศึกษาต่อนายสมัคร สุนทรเวช ลดลงอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติและทางการเมือง แนวโน้มที่ทรุดตัวลดลงเช่นนี้เป็นสัญญาณที่อันตรายต่อเสถียรภาพของรัฐบาล นายกรัฐมนตรีจำเป็นต้องเร่งดำเนินการตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อป้องกันปัญหาความขัดแย้งบานปลายในเขตเมืองหลวง และในช่วงเวลานี้น่าจะเป็นช่วงเวลาที่หน่วยงานความมั่นคงดูแลความสงบเรียบร้อยต้องเกาะติดสถานการณ์เพื่อป้องกันผลกระทบจากการเคลื่อนไหวทางการเมืองต่างๆ ต่อวิถีชีวิตแบบปกติสุขของประชาชน อย่างไรก็ตาม มีประชาชนเพียงน้อยนิดหรือร้อยละ 5 เท่านั้นที่เห็นว่าการยึดอำนาจเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับประเทศไทยตอนนี้ ดังนั้น การยึดอำนาจจึงไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุด เพราะเมื่อพิจารณาความรู้สึกนึกคิดของประชาชนในผลสำรวจครั้งนี้พบว่า ทางออกที่ดีที่สุดของประเทศไทยในสายตาประชาชนยังอยู่ในกรอบของการปกครองแบบประชาธิปไตย เช่น การปรับคณะรัฐมนตรี การยุบสภาเลือกตั้งใหม่ และการแก้ไขรัฐธรรมนูญในวิถีทางประชาธิปไตย รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรเร่งกอบกู้สถานการณ์การเมืองขณะนี้โดยด่วน ก่อนจะสายเกินแก้ในวงรอบของวังวนการเมืองแบบไทยๆ และกระแสเรียกร้องให้เลือกตั้งใหม่เริ่มก่อตัวขึ้นแล้ว

 

 

"ทักษิณ" เล็งตั้งชมรมอดีตผู้นำ

โพสต์ทูเดย์ - พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า มีแนวคิดจัดตั้งชมรมอดีตผู้นำ และอยู่ระหว่างการหารือพูดคุยกัน โดยจะมีอดีตนายกรัฐมนตรีและอดีตประธานาธิบดีของประเทศต่าง ๆ มาร่วมกันจัดตั้ง เพื่อเอาความรู้ความสามารถที่มีอยู่มาทำประโยชน์แก่ส่วนรวมของโลก ตอนนี้มีแนวคิดร่วมกันแล้ว 4-5 คน และกำลังจะขยายวง หากมีความคืบหน้าส่วนหนึ่งจะทำการเปิดตัว พร้อมกับยืนยันด้วยว่า ไม่ใช่เป็นเรื่องที่จะกลับมาเล่นการเมือง เพราะอดีตก็คืออดีต เป็นอดีตผู้นำก็จะช่วยทำงานในฐานะอดีตผู้นำให้กับส่วนรวม

 

 

ม็อบบางสะพานยันค้านต่อโครงการแก้น้ำท่วม

เว็บไซต์คมชัดลึก - นายสุพจน์ ส่งเสียง แกนนำกลุ่มอนุรักษ์แม่รำพึง เปิดเผยถึงกรณีที่กรมชลประทานจะศึกษาโครงการแก้ปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ใหม่อีกครั้ง หลังจากที่โครงการถูกต่อต้านจากชาวบ้านบางส่วนว่า ยังคงคัดค้านเพราะไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งกับการที่กรมชลฯ ขุดคลองผันน้ำ แม้ว่าการขุดคลองดังกล่าวจะช่วยระบายน้ำฝนในฤดูน้ำหลากได้จริง

 

แต่การขุดลอกขยายคลองเพิ่มอีกบางช่วงจะส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศในหลายๆ ด้าน โดยเฉพาะ โครงการด้านทิศเหนือบริเวณคลองหนองบัว-วังนาค หมู่ที่ 2-3 ต.กำเนิดนพคุณ ที่จะมีการขุดขยายคลองใหม่นั้น อาจส่งผลกระทบต่อพืชผลการเกษตรและความเป็นอยู่ของชาวบ้านแถบนั้นได้

 

อีกทั้งทางทิศใต้ที่จะมีการขุดคลองและเป็นพื้นที่ใกล้กับป่าพรุซึ่งปกติป่าพรุจะได้รับน้ำที่ไหลมาจากคลองวังนาค แต่หากมีการปรับปรุงขุดขยายคลองโดยไม่คำนึงถึงเรื่องป่าพรุที่ต้องการน้ำหล่อเลี้ยงตลอดเวลาก็เท่ากับเป็นการสร้างหายนะให้กับป่าพรุ ซึ่งถือเป็นป่าสงวนและกำลังมีความพยายามจะจดทะเบียนขึ้นเป็นป่าชุ่มน้ำระดับชาติ

 

"ไม่เห็นด้วยกับการสร้างคลองผันน้ำโดยเฉพาะต้องผ่านพื้นที่โรงถลุงเหล็กด้วย เพราะถึงแม้ว่า กรมชลฯ ต้องการสร้างคลองดังกล่าวเพื่อใช้ระบายน้ำฝนแก้ปัญหาน้ำท่วมให้กับชาวบ้านได้จริงแต่หลังจากนั้นทางสหวิริยาก็อาจจะมีการแปรเปลี่ยนคลองผันน้ำให้เอื้อประโยชน์สำหรับการจอดเรือขนส่งสินค้าของตนเองก็เป็นได้ ซึ่งเรื่องดังกล่าวก็เป็นข้อสันนิษฐานที่สามารถเกิดขึ้นได้จริงในอนาคต" นายสุพจน์กล่าว

 

เศรษฐกิจ

ธปท.เตือน ศก.ยังผันผวน

โพสต์ทูเดย์ - นางธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวเปิดการสัมมนา "เจาะลึกทิศทางเศรษฐกิจไทยและกลยุทธ์การบริหารความเสี่ยงทางการเงิน" ว่า เศรษฐกิจยังมีความผันผวนและยังต้องเผชิญกับปัจจัยเสี่ยงทั้งภายในและภายนอกประเทศ

 

นางธาริษา กล่าวว่า ปัจจัยภายในประเทศ คือ เรื่องการเมือง ซึ่งยังมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันในเรื่องการเสนอแก้ไขรัธรรมนูญ พ.ศ.2550 โดยถือเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้หากดำเนินไปตามกรอบกติกา ก็จะไม่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ซึ่งก็สอดคล้องกับความเห็นของภาคธุรกิจ ซึ่งหากการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นไปตามกรอบกติกา นักลงทุนและนักธุรกิจยอมรับได้ ไม่น่าจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจ

 

นอกจากนี้เศรษฐกิจไทยยังมีความเสี่ยงจากภาวะราคาน้ำมัน ราคาอาหารที่แพงขึ้นและการใช้จ่ายของผู้บริโภค และการลงทุนที่เริ่มจะแผ่วลง รวมทั้งการส่งออกที่มีการขยายตัวในทิศทางชะลอลงตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา มีเพียงราคาพืชผลทางการเกษตรที่ดีขึ้น ทำให้รายได้เกษตรกรยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ส่วนปัจจัยนอกประเทศที่ยังต้องติดตามคือปัญหาการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ เนื่องจากผลกระทบจากปัญหาสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ด้อยคุณภาพ หรือซับไพร์ม ในสหรัฐ ซึ่งแม้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะถดถอยและฟื้นตัวเร็วกว่าที่คาดไว้ แต่ก็ยังไม่ยืนยันว่าปัญหาดังกล่าวจะเกิดเฉพาะภาคการเงิน เพราะผลพวงต่อภาคเศรษฐกิจที่แท้จริงยังไม่แน่นอน ยังมีผลกระทบต่อการไหลเข้า-ออกของเงินทุนต่างชาติ ซึ่งจะต้องระวังทั้งผู้ส่งออกและนำเข้า จึงควรที่จะป้องกันความเสี่ยงไว้ล่วงหน้า

 

"เวลาที่มีข่าวดีเกิดขึ้น เงินทุนต่างชาติก็จะไหลกลับไปสหรัฐ แต่เวลาที่มีข่าวร้ายเงินทุนก็จะไหลกลับมาในเอเชีย ทั้งข่าวดีข่าวร้ายก็ประโคมเป็นเรื่องใหญ่ ผลกระทบต่อเงินทุนต่างชาติจึงมีมาก" ผู้ว่าการ ธปท.กล่าว.

 

 

คุณภาพชีวิต

เครือข่ายคัดค้านขึ้นค่าโดยสารฟ้องศาล ปค.แล้ว

เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์ - นายบุญชัย รุ่งเรืองไพศาลสุข ประธานเครือข่ายคัดค้านขึ้นค่าโดยสารรถสาธารณะได้ยื่นคำร้องต่อศาลปกครองกลาง ฟ้องคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลาง นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.คมนาคม นายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.คมนาคม กรณีที่มีการอนุมัติขึ้นค่าโดยสารรถสาธารณะในวันที่ 25 พ.ค.นี้ โดยให้เหตุผลว่าผู้ประกอบการได้เปลี่ยนเครื่องยนต์ไปใช้เอ็นจีวีแล้วเป็นจำนวนมากแล้ว

รวมทั้งเห็นว่า นายปิยะพันธ์ จำปาสุต ประธานคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลาง และ นายชัยรัตน์ สงวนชื่อ รักษาการอธิบดีกรมขนส่งทางบก มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ประกาศให้ขึ้นค่าโดยสารในขณะที่ยังไม่มีการประชุม รวมทั้งรัฐมนตรี 2 ท่านของกระทรวงคมนาคม มีเป้าหมายที่จะขึ้นไม่มีเหตุผลที่เพียงพอ และผลการบังคับใช้ก็มีการรวบรัด โดยในช่วงบ่ายนี้คาดว่าจะได้ข้อสรุปว่าจะพิจารณามีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวในการระงับการขึ้นค่าโดยสารไว้ก่อนหรือไม่

 

 

เก็บเงินค่าผ่านเข้าโซนเมืองยังต้องศึกษาอีกนาน

เว็บไซต์คมชัดลึก - อภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงมาตรการจัดเก็บเงินค่าผ่านทาง สำหรับรถยนต์ที่จะเข้าพื้นที่ชั้นใน โดยเฉพาะย่านสีลม สาทร และสุขุมวิท ที่ กทม.ออกมาตามนโยบาย วาระกรุงเทพฯ สีเขียว ว่า หลังจากที่ตนได้แถลงนโยบายไป ต่างก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ออกมา เนื่องจากเกรงว่านโยบายดังกล่าว จะเป็นการซ้ำเติม และเพิ่มภาระให้ประชาชนในยุคเศรษฐกิจฝืดเคือง

 

ตนอยากชี้แจงว่า นโยบายดังกล่าวเป็นเรื่อง ที่ กทม.มีเจตนาดี ที่จะแก้ไขปัญหาจราจร และลดการใช้พลังงานให้มากที่สุด ซึ่งหลายประเทศที่มีปัญหาการจราจรทำกันอยู่ และก็ประสบความสำเร็จแล้ว ในส่วนของ กทม.ตนก็ไม่ได้ตัดสินใจดำเนินการทันที จะต้องมีการศึกษาก่อนโดยมอบหมายให้สถาบันพัฒนาเมือง สำนักยุทธศาสตร์และประเมินผล (สยป.) และสำนักการจราจรและขนส่ง(สจส.) ทำการศึกษาแนวทางความเป็นไปได้ก่อน โดยจะดำเนินการให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุด หากพบว่านโยบายดังกล่าวเกิดผลเสียมากกว่าที่จะได้รับผลดี ก็สามารถล้มเลิกได้

 

"ไม่อยากให้ประชาชนเกิดความกังวล เนื่องจากโครงการดังกล่าวยังอยู่ในระยะการศึกษา ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาอีกยาวนานมาก ไม่สามารถทำได้ทันทีอย่างแน่นอน หากผลการศึกษาออกมาว่า นโยบายดังกล่าวไม่เหมาะสมกับสภาพการดำเนินชีวิตของประชาชน หรือไม่เหมาะกับสภาพจราจรในกรุงเทพฯ ก็อาจยกเลิกไปก็ได้ จนถึงตอนนี้จึงไม่ยังไม่อยากให้สรุปอะไร " ผู้ว่าฯกทม.ระบุ

 

นายอภิรักษ์กล่าวต่อว่า หากมีแนวโน้มว่าจะนำมาตรการดังกล่าวออกมาบังคับใช้จริง ตนก็จะเปิดรับฟังความคิดเห็นของประชาชน เพื่อเป็นส่วนประกอบในการตัดสินใจด้วย ซึ่งตนยืนยันว่าจะไม่สร้างภาระเพิ่มขึ้นให้ประชาชนอีก

 

 

เพิ่มเพดานรายได้ครอบครัวผู้กู้เงิน กยศ.

เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์ - นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยภายหลังประชุมร่วมกับ นายบุญลือ ประเสริฐโสภา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นางจรวยพร ธรณินทร์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ นายสุเมธ แย้มนุ่น เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา และ นายธาดา มาร์ติน ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ว่า ที่ประชุมเห็นชอบร่วมกันให้ปรับเพิ่มเพดานรายได้ครัวเรือนของผู้กู้จากเดิม 150,000 บาทเป็นมากกว่า 200,000 บาท โดยอยู่ที่ระหว่าง 210,000 บาท - 250,000 บาท ซึ่งต้องพิจารณางบประมาณอีกครั้ง เพื่อให้นักเรียนนักศึกษา สามารถเข้าถึงเงินกู้และมีโอกาสทางการศึกษาได้มากขึ้น ซึ่งจากการหารือกับ นายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ก็เห็นด้วยในหลักการ และจะสามารถใช้เพดานใหม่ได้ทันทีในภาคเรียนที่ 1 / 2551 นี้ อย่างไรก็ตาม คงต้องมีการกำหนดหลักเกณฑ์อย่างรอบคอบเพื่อป้องกันเด็กที่ไม่ได้มีฐานะยากจนมาขอกู้เงินไปใช้จ่ายอย่างอื่นที่ไม่ใช่เพื่อการศึกษาด้วย พร้อมยืนยันการพิจารณาปรับเพดานรายได้ครั้งนี้ไม่ใช่วัวหายแล้วล้อมคอก หลังจากมีเด็กผูกคอตาย แต่เป็นการเพิ่มโอกาสทางการศึกษาให้แก่เด็กในระยะยาว

 

ด้าน นายแพทย์ธาดา มาร์ติน ผู้จัดการ กยศ. กล่าวว่า ประมาณการณ์ว่าหลังปรับเพดานรายได้ครอบครัวผู้กู้แล้ว จะมีผู้ทุกระดับเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 15 หรือประมาณ 80,000 คน ของจำนวนผู้กู้เดิมที่มีอยู่ทั้งสิ้น 840,000 คน ส่วนวงเงินงบประมาณนั้น ยังไม่สามารถระบุได้ชัดเจนเพราะผู้กู้กระจายอยู่ในหลายระดับ ซึ่งจะได้หารือกันในบอร์ด กยศ. เพื่อหาข้อสรุปที่ชัดเจนโดยเร็ว ทั้งนี้ยืนยันว่าเรื่องนี้เป็นนโยบายของรัฐบาล ดังนั้นจะต้องมีงบประมาณรองรับแน่นอน

 

ต่างประเทศ

โซนร้อน "หะลอง" ถล่มฟิลิปปินส์ มีผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 44 คนแล้ว

ผู้จัดการออนไลน์ - เจ้าหน้าที่ฟิลิปปินส์กล่าวว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากพายุโซนร้อนพัดกระหน่ำภาคเหนือของฟิลิปปินส์เพิ่มเป็น 44 คนแล้ว ซึ่งเชื่อว่าผู้สูญหาย 8 คนอาจเสียชีวิตในทะเล

 

พายุโซนร้อน "หะลอง" ทำให้ประชาชนไร้ที่อยู่อาศัยกว่าล้านคน ทำลายบ้านเรือนหลายหมื่นหลัง ทรัพย์สินเสียหายคิดเป็นมูลค่า 3,740 ล้านเปโซ (2,780 ล้านบาท) เจ้าหน้าที่ศูนย์ป้องกันภัยพลเรือน กล่าวว่า พื้นที่บางแห่งยังคงไม่มีไฟฟ้าและน้ำ ส่วนถนนถูกดินถล่มทับหรือน้ำท่วมเสียหาย สำหรับยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 44 คน และบาดเจ็บ 24 คน ขณะที่ชาวประมง 8 คน สูญหายมา 5 วันแล้ว

 

 

มุขเด็ดดัดหลังผู้มีคดีทางเพศ เกาหลีใต้ติดอุปกรณ์เฝ้าระวัง

ผู้จัดการรายวัน - เอเอฟพี - รัฐสภาเกาหลีใต้ผ่านกฎหมายฉบับใหม่เมื่อวานนี้(22) ซึ่งมีผลบังคับให้ผู้กระทำผิดในคดีทางเพศต้องสวมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับติดตามตัวนานถึง 10 ปี

 

ในร่างดั้งเดิมของรัฐบัญญัติฉบับนี้ ผู้กระทำผิดในคดีทางเพศจะต้องสวมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัวดังกล่าวเป็นเวลา 5 ปี โดยเริ่มต้นตั้งแต่เดือนกันยายนนี้ แต่สมาชิกรัฐสภาได้พิจารณาทบทวนและเห็นว่าจะต้องมีมาตรการที่เข้มงวดกว่าเดิมเพื่อหยุดยั้งอาชญากรรมทางเพศที่กำลังเพิ่มขึ้นอย่างมาก อีกทั้งยังมีผู้เชี่ยวชาญระบุด้วยว่า 83 เปอร์เซ็นต์ของผู้ที่เคยก่ออาชญากรรมดังกล่าวจะมีการกระทำความผิดซ้ำอีก

 

นอกจากนั้น สภายังผ่านกฎหมายเพิ่มบทลงโทษผู้ข่มขืนกระทำชำเราเด็กอายุต่ำกว่า 13 ปี โดยให้มีโทษจำคุกสูงสุด 7 ปี จากเดิม 5 ปี

 

 

รัฐสภาญี่ปุ่นผ่านกฎหมายให้ทหารใช้พื้นที่ในอวกาศ

เดลินิวส์ - เจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ญี่ปุ่นได้ผ่านกฎหมายใหม่เมื่อวันพุธ อนุญาตให้ทหารสามารถใช้พื้นที่ในอวกาศเพื่อจุดประสงค์ในการป้องกันประเทศได้ ท่ามกลางความวิตกที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับภัยคุกคามทางทหารในภูมิภาค

 

เจ้าหน้าที่ในวุฒิสภาญี่ปุ่นระบุว่า วุฒิสภาลงมติด้วยคะแนน เสียง 221 ต่อ 14 เสียง สนับสนุนให้แก้ไขมติรัฐสภาเมื่อปี 2515 ที่จำกัดการใช้พื้นที่ในอวกาศของญี่ปุ่นโดยให้ใช้พื้นที่ในอวกาศได้เฉพาะวัตถุประสงค์ที่ไม่เกี่ยวกับการทหาร สภาผู้แทนราษฎรญี่ปุ่นได้ผ่านร่างกฎหมายฉบับนี้ไปแล้วตั้งแต่สัปดาห์ก่อน แต่พรรคคอมมิวนิสต์ญี่ปุ่น ซึ่งเป็นฝ่ายค้านได้คัดค้านร่างกฎหมายดังกล่าว เพราะเกรงว่าจะทำให้การทหารของประเทศแข็งแกร่งยิ่งขึ้น

 

บรรดาผู้เชี่ยวชาญระบุว่า กฎหมายใหม่ฉบับนี้จะช่วยเปิดทางให้ญี่ปุ่นสามารถปล่อยดาวเทียมเตือนภัยได้ในช่วงที่ยังไม่มีโครงการใหม่เกี่ยวกับการป้องกันประเทศในอวกาศ และจะช่วยขจัดอุปสรรคทางกฎหมายในการสร้างดาวเทียมจารกรรม เพื่อช่วยพัฒนาอุตสาหกรรมอวกาศของญี่ปุ่น เนื่องจากปัจจุบันญี่ปุ่นมีความวิตกมากขึ้นเรื่องการพัฒนาขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ รวมทั้งโครงการด้านการทหารและอวกาศของจีน นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาขีปนาวุธพิสัยไกลและอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือด้วย

 

กฎหมายฉบับนี้ ซึ่งเป็นหนึ่งการเคลื่อนไหวให้เสรีภาพแก่กองทัพมากขึ้น เปิดโอกาสให้กองทัพพัฒนาดาวเทียมจารกรรมเพื่อข่าวกรอง และระบบป้องกันขีปนาวุธ ที่กำลังสร้างร่วมกับสหรัฐ

 

 

ศาลโลกตัดสินพิพาทมาเลย์-สิงคโปร์

เดลินิวส์ - ในวันนี้ (23 พ.ค.) ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ศาลโลก) จะตัดสินชี้ขาดในคดีพิพาทนาน 28 ปี ระหว่างมาเลเซียกับสิงคโปร์ กรณีแย่งชิงเกาะร้างปูเลา บาตู ปูเตห์ ที่มีขนาดเพียงครึ่งหนึ่งของสนามฟุตบอล และเกาะเล็ก ๆ อีกสองแห่งคือ มิดเดิล ร็อคส์ กับเซาท์ เลดจ์

 

โดยหนังสือพิมพ์นิว สเตรท ไทมส์ของมาเลเซียกับหนังสือพิมพ์สเตรท ไทมส์ในสิงคโปร์ พร้อมใจกันรายงานว่า สองชาติตกลงจะปฏิบัติตามคำตัดสินของศาลโลก ซึ่งต่างมั่นใจว่าจะชนะ ขณะที่เจ้าหน้าที่ศาลโลกระบุว่า บรรยากาศการไต่สวนเป็นไปอย่างฉันมิตร นายราอิส ยาติม รัฐมนตรีต่างประเทศมาเลเซีย แสดงความมั่นใจในหลักฐานต่าง ๆ ที่นำเสนอว่า ศาลจะตัดสินใจให้มาเลเซียชนะคดี ส่วนนายเอส จายากุมาร์ รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศสิงคโปร์ ก็มีความมั่นใจเหมือนกันว่า สิงคโปร์จะชนะได้เป็นเจ้าของเกาะดังกล่าว ที่สิงคโปร์ไปสร้างประภาคารเอาไว้นานกว่า 130 ปี

 

มาเลเซีย เรียกเกาะนี้ว่า ปูเลา บาตู ปูเตห์ แต่สิงคโปร์เรียกว่า เปดรา บรันกา มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์และเขตแดนทางทะเลของทั้งสองประเทศ ตั้งอยู่ในช่องแคบสิงคโปร์ด้านที่ออกสู่ทะเลจีนใต้ และห่างจากชายฝั่งรัฐยะโฮร์ประมาณ 7.7 ไมล์ทะเล ทั้งนี้ สิงคโปร์เคยประท้วงมาเลเซีย เมื่อปี 2523 ที่จัดทำแผนที่เขตแดนทางทะเลใหม่ แล้วอ้างสิทธิเป็นเจ้าของเกาะ ซึ่งทั้งสองฝ่ายเจรจากันมาหลายสิบปีแต่ไม่สามารถตกลงกันได้ จึงยื่นเรื่องให้ศาลโลกตัดสินเมื่อเดือน ก.ค.ปี 2546

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท