เมื่อวันที่ 18 พ.ค. คณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน (กป.อพช.), คณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย (คสทร.), สมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.), เครือข่ายคนไร้บ้าน, เครือข่ายสลัมสี่ภาค และกลุ่มสมัชชาคนจน ร่วมออกแถลงการณ์เครือข่ายประชาชน ฉบับที่ 1 "หยุดสินค้าราคาแพง ประกันราคาผลผลิตที่เป็นธรรม ค่าจ้างแรงงานต้องสมดุลกับค่าครองชีพ"

โดยมีข้อเรียกร้องต่อรัฐบาล 9 ข้อ 1.แทรกแซงและควบคุมราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น ทั้งข้าวสาร ไข่ไก่ น้ำมันพืช น้ำตาล ก๊าซหุงต้ม และอื่นๆ 2.กำหนดราคาสินค้าอุปโภคบริโภคด้วยราคาที่เป็นธรรม เช่น ข้าวสาร

3.การกระจายสินค้า เพื่อให้ เข้าถึงคนจนทุกกลุ่มได้เท่าเทียม กัน ให้เพิ่มช่องทางผ่านกลไก องค์กรประชาชน เช่น สหภาพแรงงาน สหกรณ์ ร้านค้ากลุ่มองค์กรชุมชน

4.ควบคุมราคาปัจจัยการผลิต อาทิ ปุ๋ยเคมี สารเคมีการเกษตร  ค่าเช่านา ค่าเมล็ดพันธุ์ข้าวปลูก ส่งเสริมปัจจัยการผลิตที่สำคัญ แก่เกษตรกรรายย่อย อาทิ น้ำมันเพื่อการเกษตร 5.ประกันราคา รับซื้อข้าวเปลือกและผลผลิตการเกษตรด้วยราคาที่เป็นธรรมกับ ผู้ผลิต

6.สนับสนุนและส่งเสริมให้เกษตรกรใช้ปุ๋ยอินทรีย์และเทคโนโลยีทางเลือกอื่นๆ 7.รัฐจะต้องมีการปรับค่าแรงขั้นต่ำให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจ 8.ค่าแรงขั้นต่ำควรเท่ากันทั่วประเทศ 9.รัฐต้องมีมาตรการดูแลแรงงานนอกระบบได้รับค่าจ้างที่เป็นธรรม

โดยนายสาวิทย์ แก้วหวาน เลขาธิการสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจ (สรส.) กล่าวว่า ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ค่าแรงขั้นต่ำขึ้นเพียง 2-11 บาท แต่ราคาอาหาร สินค้าอุปโภค บริโภค เช่น ข้าวสาร ข้าวแกง ไข่ น้ำมันพืช น้ำตาล ก๊าซหุงต้ม ราคาสูงขึ้นร้อยละ 70-120 ค่าเดินทางขนส่งมวลชนทุกชนิดเพิ่มสูงขึ้น ขณะเดียวกัน ราคาสินค้าผลผลิตทางการเกษตร มีราคาผันผวน เกษตรกรต้องแบกรับภาระต้นทุนที่สูงขึ้นเกือบเท่าตัว สะท้อนให้เห็นถึงปรากฏการณ์ข้าวยากหมากแพง ซึ่งไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยกลไกตลาดเสรี

จึงเรียกร้องให้รัฐบาล เข้ามาแก้ไขวิกฤติการณ์ครั้งนี้ ด้วยการกำหนดมาตรการแทรกแซงราคา ทั้งในส่วนของผู้ผลิต และผู้บริโภคอย่างเป็นธรรม รวมทั้งค่าจ้างต้องสมดุลกับค่าครองชีพ  นายสาวิทย์ กล่าวต่อว่าในวันที่ 20 พฤษภาคมนี้ เวลา 9.00 น. เครือข่ายแรงงานและเครือข่ายภาคประชาชน ได้นัดชุมนุมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เพื่อแสดงพลังและเดินทางไปยื่นหนังสือเรียกร้องต่อ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ที่ทำเนียบรัฐบาล คาดว่าจะมีผู้ร่วมชุมนุมประมาณ 2,000 คน