Skip to main content
sharethis

การเมือง


ดับฝัน คปพร.ยื่นแก้ รธน.ที่ปรึกษา กม.ปธ.วุฒิ ชี้ไม่มีกม.รองรับ


เว็บไซต์แนวหน้า - ที่รัฐสภา นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย ส.ว.สรรหา ในฐานะคณะกรรมการที่ปรึกษากฎหมายประธานวุฒิสภา กล่าวว่า ขณะนี้คณะที่ปรึกษากฎหมายฯได้สรุปความเห็นในการพิจารณากรณีที่น.พ.เหวง โตจิราการ คณะกรรมการประชาชนแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 (คปพร.)ได้ยื่นรายชื่อประชาชน 50,000 รายชื่อเพื่อขอแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 50ว่า ไม่สามารถทำได้ เพราะขณะนี้ยังไม่มีกฎหมายลูกเกี่ยวกับการให้สิทธิ์ประชาชนยื่นเสนอกฎหมายเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญออกมาบังคับใช้ ดังนั้นกลุ่มดังกล่าวไม่สามารถขอแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ ซึ่งคณะที่ปรึกษากฎหมายฯ จะทำความเห็นรายงานต่อประธานวุฒิสภา เพื่อส่งเรื่องให้ประธานรัฐสภาประกอบการพิจารณาต่อไป ส่วนจะดำเนินการอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับสภา สำหรับวุฒิสภาถือว่าหมดหน้าที่แล้ว


 


เมื่อถามว่าหากประธานรัฐสภายังยืนยันที่จะเดินหน้านำไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญจะดำเนินการอย่างไร อย่างก็ตามหากมีความเห็นต่างกันในเรื่องข้อกฎหมายก็อาจส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยได้ แต่เท่าที่ดูในมาตรา 291 ก็เขียนไว้ชัดเจนว่าไม่สามารถทำได้


 


 


ยื่น2หมื่นชื่อยื่นถอนไชยาวุฒิฯชี้ส่อวืดไม่มีกม.รองรับ


ผู้จัดการรายวัน - ที่รัฐสภา เมื่อเวลา 09.00 น. วานนี้ (15 พ.ค.) น.ส. สารี อ๋องสมหวัง ผู้จัดการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ในฐานะตัวแทนผู้ริเริ่มรวบรวมรายชื่อประชาชนถอดถอนนาย ไชยา สะสมทรัพย์ รมว.สาธารณสุข ออกจากตำแหน่ง พร้อมคณะได้เข้ายื่นรายชื่อประชาชนที่มีสิทธิเลือกตั้งจำนวน 23,967 รายชื่อ ต่อนาย ประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา เพื่อส่งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ดำเนินการถอดถอนนายไชยาออกจากตำแหน่ง


 


ในการยื่นถอดถอนนายไชยา ครั้งนี้ ได้ระบุพฤติการณ์ที่เป็นข้อกล่าวหา คือ มีการกระทำที่ส่อว่ากระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ เข้าข่ายทำให้รัฐเสียหาย ด้านงบประมาณแผ่นดิน ในการประกาศสั่งทบทวนการใช้สิทธิโดยรัฐต่อยาด้านโรคมะเร็ง ที่มีสิทธิบัตร 4 รายการ ส่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ 2550 โดยประกาศทบทวนนโยบายการใช้สิทธิโดยรัฐต่อยาต้านโรคมะเร็ง ส่อว่ากระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ และส่อว่ากระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ ในการยุติธรรม โดยได้ดำเนินการโยกย้าย นพ.ศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) โดยไม่มีมูลความผิดที่ชัดเจน และส่อว่ากระทำผิดต่อตำแหน่งราชการโดยนับตั้งแต่รับตำแหน่งยังไม่มี ผลงานเป็นที่ประจักษ์ในการคุ้มครองประโยชน์ของผู้ป่วยและผู้บริโภค แต่กลับดำเนินการที่เป็นอุปสรรคต่อการปฏิรูประบบสุขภาพและไม่ส่งเสริมสุขภาพ ในหลายพฤติการณ์


 


กลุ่มผู้รวบรวมรายชื่อจึงเห็นว่านายไชยาไม่มีคุณสมบัติที่เหมาะสมควรดำรง ตำแหน่งรมว.สาธารณสุขอีกต่อไป สมควรที่วุฒิสภาจะดำเนินการถอดถอน


 


ด้านนายประสพสุข กล่าวว่า คาดว่าจะใช้เวลาตรวจสอบรายชื่อประมาณ 15 วันจากนั้นจะจัดทำบัญชีรายชื่อด้วยระบบดิจิตอลโดยจะส่งข้อมูลต่อไปให้คณะกรรมการ การเลือกตั้ง (กกต.) และสำนักทะเบียนราษฏร์ดำเนินการตรวจสอบความถูกต้อง อีกครั้งก่อนที่จะส่งเรื่องต่อไปให้ป.ป.ช.พิจารณา เบื้องต้นคาดว่าวุฒิสภาจะสามารถ ส่งเรื่องให้ป.ป.ช.พิจารณาได้ภายในกรอบเวลาที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ 30 วัน


 


นายไพบูลย์ ซำศิริพงษ์ ส.ว.ปทุมธานี ประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง และการมีส่วนร่วมของประชาชน พร้อมด้วยนายวรินทร์ เทียมจรัส ส.ว.สรรหา แถลงข่าวเรียกร้องให้รัฐบาลออกกฎหมายที่ส่งเสริมการพัฒนาการเมือง และการมีส่วนร่วมของประชาชน


 


นายไพบูลย์ กล่าวว่า กรรมาธิการได้มีการประชุมกันและมีมติ เรียกร้องให้รัฐบาลและ ส.ส. เสนอกฎหมายประกำอบรัฐธรรมนูญ เป็นการเร่งด่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกฎหมายส่งเสริมการพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน เช่น พ.ร.บ.ว่าด้วยการเข่าชื่อเสนอกฎหมาย หรือการเข้าชื่อถอดถอนบุคคลออก จากตำแหน่ง ตามมาตรา 163, 164 และการออกเสียงประชามติตามมาตรา 165 เพราะกฎหมายเหล่สานี้จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาการเมืองและส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน


 


ด้านนายวรินทร์ กล่าวว่ารัฐธรรมนูญปี 2550 กำหนดให้ประชาชนมีส่วนร่วมทางการเมือง โยการให้ประชาชนข้าชื่อเสนอกฎหมายและถอดถอนบุคคลออกจากตำแหน่ง แต่จะต้องมีกฎหมายออกมารองรับ จะไปใช้ พ.ร.บ.การเข้าชื่อปี 2542 มารองรับไม่ได้ เนื่องจาก พ.ร.บ.ดังกล่าวเกิดขึ้นตามรัฐธรรมนูญปี 2540 ซึ่งถูกยกเลิกไปแล้ว ดังนั้นการที่ประชาชนจะเข้าชื่อยื่นถอดถอนรัฐมนตรี เช่นกรณี นาง สารี อ๋องสมหวัง ผู้จัดการมูลนิธิเพื่อคุ้มครองผู้บริโภค ที่เสนอชื่อถอดถอนนายไชยา สะสมทรัพย์ ก็ไม่สามารถทำได้เพราะไม่มีกฎหมายรองรับ ซึ่งตนไม่อยากให้ประชาชนถูกหลอกให้มาร่วมลงรายชื่อ ดังนั้นรัฐบาลควรเร่งรัดการออกกฎหมายดังกล่าวโดยเร็ว


 


 


สมัครเผย ปรับครม.แค่ ตำแหน่งเดียว


เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์ - นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าในการปรับ ครม.ว่า เรื่องนี้จะต้องแก้กันทีละท่อน เพราะนายสุธา ชันแสง อดีตรมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้ลาออก ดังกนั้นหากจะปรับครม.เพียงตำแหน่งของนายสุธา ตำแหน่งเดียวก็คงลำบาก แล้วอีก 2 คนคือนายไชยา สะสมทรัพย์ รมว.สาธารณสุข และนายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ รมช.พาณิชย์ ที่ประกาศจะสู้คดีในชั้นศาลให้ถึงที่สุด ซึ่งหากใช้เวลานานเกินไปคงต้องปรับเพียงตำแหน่งเดียว แต่ถ้าใช้เวลาไม่นานก็จะเปลี่ยนทั้ง 3 ตำแหน่ง พร้อมกันหากรัฐมนตรีอีก 2 คนจะถอยไป แต่ตนไม่ได้พูดจาคาดคั้นอะไร ในเมื่ออยากสู้ถึงชั้นศาลก็เป็นสิทธิ์ของเขา


 


นายสมัคร กล่าวว่าขณะนี้มีความพยายามจะให้พ่วงนายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เข้าไปด้วย จึงขอชี้แจงว่า ที่นายจักรภพถูกแจ้งความดำเนินคดี กรณีหมิ่นสถาบัน ก็เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ต้องส่งหลักฐานให้อัยการ เพื่อให้ศาลตัดสิน แต่ในฐานะที่เป็นหัวหน้ารัฐบาล มีสิทธิตั้งข้อสังเกตว่า นายจักรภพมีบทบาทเป็นแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) จึงถูกหมายหัวไว้ หากนายจักรภพยอมเป็นจำเลย ในคดีบุกรุกหน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์ ก็คงไม่มีปัญหา นายจักรภพก็คงไปขึ้นศาล แต่นายจักรภพบังเอิญมาเป็นรัฐมนตรี สั่งการด้านสื่อสารมวลชน ก็เริ่มถูกวิจารณ์ ดังนั้น เมื่อนายจักรภพยังไม่ได้รับการวินิจฉัยว่าผิด ก็ต้องถือว่ายังบริสุทธิ์อยู่


 


นอกจากนี้การที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เตรียมเดินทางมายื่นเอกสารหลักฐานเกี่ยวกับ นายจักรภพ ในวันพรุ่งนี้ นายกรัฐมนตรีเห็นว่าเรื่องนี้หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ไม่จำเป็นต้องเดินทางมาด้วยตนเอง ควรที่จะส่งบุคคลอื่นมาแทน


 


 


"คตส." ยันสถานะต่ออายุไม่ขัดต่อ รธน.


เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ - นายสัก กอแสงเรือง กรรมการและโฆษกคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) เปิดเผยภายหลังการประชุม คตส.ชุดใหญ่นัดพิเศษวานนี้ (15 พ.ค.) ว่า คณะทนายความที่ คตส.มอบหมายให้เป็นโจทก์ยื่นฟ้องคดีการออกสลากพิเศษแบบ 3 ตัวและ 2 ตัว (หวยบนดิน) ได้รายงานให้ที่ประชุม คตส.ทราบว่า คณะทนายความจะยื่นคำร้องคัดค้านคำร้องของจำเลย ที่ยื่นคำร้องให้ศาลพิจารณาประเด็นประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) ฉบับที่ 30 และการต่ออายุ คตส.ขัดรัฐธรรมนูญปี 2550 เพื่อแสดงเหตุผลและข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย ประกอบการพิจารณาของศาล ซึ่งตามหลักการพิจารณาของศาลจะรับฟังจากข้อเท็จจริงทั้ง 2 ฝ่าย



 


"ที่ประชุม คตส.ได้หารือกันถึงกรณีที่ศาลฎีกายื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความว่าประกาศ คปค.ฉบับที่ 30 และการต่ออายุ คตส.ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ปี 2550 หรือไม่ แล้วมีความเห็นว่า การทำหน้าที่ของ คตส.ทุกอย่างยังเดินไปตามปกติ เนื่องจากยังไม่มีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญออกมา คตส.ก็ยังมีอำนาจตามเดิม หน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องก็ยังทำหน้าที่ตามปกติ หากยังไม่มีคำวินิจฉัย การยุติการทำหน้าที่เป็นเรื่องไม่ถูกต้อง" นายสักกล่าว



 


ทั้งนี้ คตส.เคยพิจารณาประเด็นประกาศ คปค.ฉบับที่ 30 และการต่ออายุ คตส.ขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ หลายครั้งในชั้นของการไต่สวนที่ผู้ถูกกล่าวหาส่วนใหญ่ได้ยื่นคัดค้านประเด็นนี้เข้ามา แต่ คตส.พิจารณาแล้ว มีความเห็นให้ยกคำร้องคำคัดค้านของผู้ถูกกล่าวหา เพราะประกาศ คปค.ฉบับที่ 30 มีการรับรองไว้ในมาตรา 36 ของรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว ปี 2549 และการต่ออายุ คตส.ก็มีการรับรองไว้ในมาตรา 309 ของรัฐธรรมนูญปี 2550


 


ส่วนกรณีที่หากมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญและตัดมาตรา 309 ออกไป จะทำให้การดำเนินงานของ คตส.ยังชอบด้วยกฎหมายต่อไปหรือไม่ นายสัก มองว่า หากการดำเนินงานของ คตส.ชอบด้วยกฎหมายแล้ว ก็ไม่น่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมายเมื่อมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ



 


ทางด้านนายนคร ชมพูชาติ หนึ่งในทีมทนายความคดีหวย 3 ตัว 2 ตัว กล่าวว่า ที่ประชุมได้หารือเกี่ยวกับคำร้องของผู้ถูกกล่าวหาทุกประเด็น รวมถึงคำสั่งของของศาลฎีกาที่ให้ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยสถานะของ คตส.เบื้องต้นเห็นว่า การที่ศาลฎีกาส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย เพราะจำต้องส่งข้อกำหนด ในรัฐธรรมนูญ มาตรา 211 เนื่องจากประกาศ คปค.ฉบับที่ 30 มีฐานะเป็นกฎหมาย



 


"เมื่อประกาศ คปค.เป็นกฎหมาย จึงต้องแบ่งเป็น 2 ขั้นตอน คือ 1.ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญชี้ชัดว่าประกาศ คปค.ชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือไม่ 2.หากประกาศ คปค.ไม่ขัด แต่การต่ออายุ คตส.ให้ทำงานต่อไป หลังจากที่รัฐธรรมนูญ 2550 บังคับใช้ การต่ออายุจะขัดต่อกฎหมายหรือไม่ เพราะมีองค์กรซ้อนขึ้นมา นอกจากนี้ การพิจารณารับคดีนี้ ยังเกี่ยวข้องกับสถานะของรัฐมนตรี 3 ราย ในรัฐบาลชุดปัจจุบัน ที่ตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาในคดีด้วย ศาลจึงต้องการความชัดเจนทุกประเด็น ก่อนที่จะตัดสินใจ"



 


นายนคร กล่าวด้วยว่า จุดที่น่าสนใจ คือ เหตุที่ผู้ร้องนั้นได้ยกรัฐธรรมนูญมาตรา 29 เกี่ยวกับสิทธิเสรีภาพ โดยอ้างว่าเป็นการออกประกาศ คปค.ที่บังคับใช้เฉพาะบุคคล ซึ่งขัดกับรัฐธรรมนูญ กระบวนการที่ต้องการให้คดียุติทั้งหมด ซึ่งเป็นเรื่องปกติของการตัดตอนอำนาจในการฟ้องของผู้ฟ้อง วิธีที่ดีสุด คือ การตัดตอนว่าผู้ฟ้องไม่มีอำนาจฟ้องโดยใช้ช่องตามรัฐธรรมนูญ



 


 


บิ๊กจิ๋วชี้ปฎิวัติบ้านเมืองดีขึ้น


เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์ - พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวในวันเกิดครบรอบ 76 ปีที่ย่านอุรุพงษ์ ถึงสถานการณ์บ้านเมือง ขณะนี้ว่า ไม่เป็นไร ให้มันยุ่งในนั้นดีแล้ว อย่าไปยุ่งที่อื่น ซึ่งถือเป็นเรื่องธรรมดา เพราะการเมืองต้องมีเรื่องความขัดแย้งกัน อย่าถือเป็นเรื่องใหญ่ ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญ แต่ไม่ใช่จะต้องไปทุ่มเทอะไรมากมาย เอาชีวิต เอาชาติ เอาประเทศ ไปอยู่ตรงนั้นมันไม่ใช่ อยากจะแก้กฎหมายรัฐธรรมนูญก็แก้กัน แล้วหันหน้ามาพูดจากัน เดี๋ยวก็เสร็จแล้ว และก็มีรัฐธรรมนูญอีกฉบับหนึ่งแล้ว


 


เมื่อถามว่า การเมืองพยายามดึงสถาบันมาใช้เป็นเกมการเมือง พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า สถาบันของเราเป็นส่วนหนึ่งของความเป็นชาติ ฉะนั้นบางทีลูกหลาน อาจจะไม่เข้าใจ เราอยู่มาเป็นพันปี จะต้องมีสถาบันพระมหากษัตริย์ สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นประมุขของเรา จะเป็นอื่นไม่ได้ คนไทยรู้ดี ซึ่งนั้นเราไม่ต้องห่วงหรอก อาจจะมีการดึงมาบ้าง หรือเข้าใจผิดกันบ้าง ความคิดแบบสาธารณะรัฐ อาจจะมีบ้าง แต่ถือว่าน้อยมาก คงจะมาล้มล้างความเป็นไทยของเรา สัญลักษณ์ แห่งชาติของเรา ความเป็นเอกภาพของชาติเรา คงทำไม่ได้หรอก ดังนั้นอย่าไปหวั่นไหวอะไร ยืนให้มั่นคง


 


เมื่อถามว่า มองอย่างไรถึงกระแสข่าวการปฏิวัติ พล.อ.ชวลิตกล่าวว่า ใครจะปฏิวัติอีกละลูก มันไม่ไหวแล้วนะ บอกหลายทีแล้วมันไม่ใช่เป็นการปฏิวัติ แต่มันเป็นการยึดอำนาจ หรือคูเดตา ยึดอำนาจไม่ใช่ปฏิวัติ ปฏิวัติก็ดีสิ มันจะได้เปลี่ยนแปลงบ้านเมืองให้ดีขึ้นเสียที


 


 


"จักรภพ"ปัดดึงเบื้องสูง-"มาร์ค"ส่งบทแปล


เว็บไซต์เดลินิวส์ - นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า ได้เตรียมส่งการแปลการปาฐกถาของนายจักรภพ เพ็ญแข รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาวันพรุ่งนี้ (16 พ.ค.) โดยยืนยันว่า คำแปลการปาถกฐาของรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีในหลายโอกาสมีเนื้อหาและทัศนคติที่เป็นอันตรายต่อสถาบัน ดังนั้นจึงเป็นการวัดใจนายกรัฐมนตรีด้วยว่าจะพิจารณาให้อยู่ในตำแหน่งต่อไปหรือไม่



 


ขณะที่ นายจักรภพ ชี้แจงว่า หลายคนนำเรื่องนี้มาพูดเหมือนกับตนเพิ่งไปบรรยายในช่วงที่เป็นรัฐมนตรีแล้ว ความจริงเรื่องนี้บรรยายมาปีกว่าแล้ว ในช่วงที่ได้ต่อสู้กับเผด็จการท้องสนามหลวง เป็นเรื่องเก่าที่มีคนนำกลับมาทำใหม่ ซึ่งขอยืนยันว่าเรื่องที่ไปบรรยายไม่ได้มีเจตนาที่จะให้เกี่ยวข้องกับสถาบันระดับสูงเลย แต่เป็นเรื่องการวิเคราะห์ทางสังคม และเมื่อเข้ามาเป็นรัฐบาลแล้วแม้ความคิดอาจไม่ได้เปลี่ยนแปลงไป แต่การพูดจาย่อมต่างกันไปเพื่อความสมานฉันท์ และความราบรื่นในการทำงานของบ้านเมือง ส่วนกรณีที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยระบุว่านายจักรภพอาจถูกตัดตอนให้พ้นเก้าอี้รัฐมนตรีเพราะดึงสถาบันมาเกี่ยวข้องนั้น ก็ไม่มีปัญหา



 


"เราเป็นประเภทตอนอยู่แล้ว เราเป็นประเภทมาเร็วหน่อย มีคนเอาไปชำที่อื่นแล้วเอามา เพราะฉะนั้น จึงต้องค่อยๆรู้สภาพตัวเอง สร้างภูมิคุ้มกันไปเรื่อยๆ หากจะถูกสลับเก้าอี้ก็ไม่เป็นปัญหา" นายจักรภพ กล่าว


 


 


คตส.มีมติส่งฟ้องเอง คดีเอ็กซิมแบงก์ปล่อยกู้พม่า


เว็บไซต์เดลินิวส์ - นายสัก กอแสงเรือง โฆษกคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหาย (คตส.) แถลงภายหลังการประชุม คตส. ชุดใหญ่ นัดพิเศษ ที่มีนายนาม ยิ้มแย้ม ประธาน คตส. เป็นประธาน ว่า ที่ประชุมได้รับทราบผลการประชุม ระหว่างคณะทำงานร่วมอัยการสูงสุด (อสส.) และคตส. กรณีข้อสรุปเกี่ยวกับข้อไม่สมบูรณ์คดีธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (เอ็กซิมแบงก์) ให้เงินกู้เพื่อซื้อเครื่องจักร และพัฒนาการประเทศแก่รัฐบาลสหภาพพม่า และไม่สามารถหาข้อยุติได้ ที่ประชุม คตส. จึงมีมติให้ คตส.ฟ้องคดีดังกล่าวเอง โดยขอให้ อสส.สำนวนกลับคืน คตส.โดยเร็ว ซึ่งวันนี้ ประธาน คตส.ได้ลงนามในหนังสือ เพื่อส่งให้ อสส.ในวันพรุ่งนี้ (16 พ.ค.) และยังได้ทำหนังสือถึงสภาทนายความ เพื่อขอความร่วมมือในการทำสำนวนเพื่อฟ้องคดีด้วย


 


ส่วนที่ที่ประชุมคณะทำงานร่วม อสส.และ คตส. ใช้เวลาประชุมร่วมกันเพียง 1 วันเท่านั้น นายสัก กล่าวว่า เมื่อทั้ง 2 ฝ่ายมีความเห็นไม่ตรงกันในสำนวน ก็แสดงว่าได้ข้อยุติแล้ว ไม่จำเป็นต้องประชุมอีก


 


 


นิธิ ชี้สื่อปัจจุบันถูกควบคุมโดยรัฐและกลุ่มทุน         


ไอเอ็นเอ็น - คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย จัดสัมมนาวิชาการระดับชาติเรื่อง "มุมมองใหม่...สื่อ..สิทธิ..และนิติ...เพื่อธุรกิจหรือเพื่อคน" โดยนายนิธิ เอียวศรีวงศ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน ปาฐกถาพิเศษหัวข้อ "ถ้าสื่อไม่ถูกควบคุม คนไทยจะไม่ถูกควบคุมจริงหรือ" โดยกล่าวว่า ทางทฤษฎีแล้ว ควรจะเป็นเช่นนั้น แต่ในทางปฏิบัติไม่เป็นจริง เพราะสื่อในปัจจุบันถูกควบคุมโดยรัฐ ทุน และอคติ ซึ่งเชื่อมโยงกัน และปัจจุบันทุกแห่งในโลก ทุนกับรัฐเป็นกลุ่มเดียวกัน และทุนเข้ามามีบทบาทควบคุมสื่อมากกว่ารัฐ โดยบางทุนเข้ามาถือหุ้นใหญ่ เจตนาใช้สื่อในการกำหนดนโยบายสาธารณะ ปกป้องธุรกิจการค้าของกลุ่มทุน รวมทั้งทุนยังเข้ามาควบคุมกำกับมุมมองของสื่อปัจจุบันให้เปลี่ยนไป และใช้สื่อในการต่อสู้ทางการเมือง การฟ้องสื่อปัจจุบันเป็นวิธีที่ถูกใช้มากขึ้น ซึ่งควบคุมสื่อได้อีกทาง นอกจากนี้ สื่อเองเป็นธุรกิจที่นับวันจะใหญ่ขึ้น จึงง่ายต่อการถูกรังแกทางการเมือง และมีเรื่องการตลาดเข้ามาเกี่ยวข้อง ทำให้สื่อไม่กล้าแหกคอกจากทุกทาง


 


 นายนิธิ กล่าวอีกว่า ความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีทำให้ปัจจุบันการรับสื่อเปลี่ยนแปลง สื่อสิ่งพิมพ์จะถูกแทนที่ด้วยสื่อออนไลน์ แต่ละคนจะเข้าถึงข่าวสารเฉพาะที่สนใจ ส่งผลให้เกิดสำนึกต่อสังคมน้อยลง ทำให้คนปัจจุบันไร้พลังในการขับเคลื่อนสังคมจากการรับสื่อ ทำให้พลังการตรวจสอบสาธารณะไม่เป็นผล ฝากให้สื่อปัจจุบันคิดให้มากขึ้น อย่านำเสนอแค่ปรากฏการณ์ข่าว แต่ต้องทำความเข้าใจกับข้อมูลข่าวให้มีความหมายมากขึ้น และต้องมีจุดยืนทางการเมือง แต่สื่อไม่ควรเข้าไปเคลื่อนไหวทางการเมือง


 


 จากนั้น มีการอภิปรายเรื่อง "ความจริงในกฎหมายสื่อสารมวลชน" โดยมีวิทยากร อาทิ นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) อดีต สนช. รศ.สุรัตน์ เมธีกุล ประธานสภาสถาบันนักวิชาการสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย (ส.ส.ม.ท.) และนายกุลพล พลวัน อัยการอาวุโส สำนักงานอัยการสูงสุด โดยนายสมชาย กล่าวว่า ไม่ว่ากี่รัฐบาล เมื่อเข้ามาเป็นรัฐบาลก็ต้องการเข้ามาควบคุมสื่อ การยกเลิก พ.ร.บ.การพิมพ์ ได้สำเร็จในรัฐบาลที่แล้ว ถือเป็นก้าวแรกทำให้เสรีภาพเบ่งบาน เพราะปัจจุบันกฎหมายกำหนดให้ใช้วิธีจดแจ้งในการตั้งโรงพิมพ์ ซึ่งเป็นการเปลี่ยนโฉมไม่ให้สื่อต้องขึ้นกับกระทรวงมหาดไทย หรือตำรวจ อย่างไรก็ตาม ในทางปฏิบัติยังติดปัญหาที่เจ้าหน้าที่รัฐยังไม่รับรู้ในการรับจดแจ้ง


 


 ด้านนายกุลพล กล่าวว่า กฎหมายใหม่ด้านสื่อหลายฉบับ เป็นนิมิตหมายที่ดีที่ออกโดยให้เสรีภาพมากขึ้น ดังนั้น สื่อก็ควรตรวจสอบควบคุมกันเองให้มีจรรยาบรรณ และมีบทบาทในการสร้างสรรค์สังคมมากขึ้น


 


เศรษฐกิจ


"กขช."อนุมัติพาณิชย์"ซื้อข้าว"2หมื่นล้าน


เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ- นายธีระพงษ์ ตั้งธีระสุนันท์ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ที่มีนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบในหลักการให้ธ.ก.ส.สนับสนุนเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำให้กระทรวงพาณิชย์ สำหรับรับซื้อข้าวเปลือกนาปรังโดยตรงจากชาวนา โดยจะรับซื้อข้าวเปลือก 2 ชนิด คือ ข้าวเปลือกเจ้า และข้าวเปลือกเหนียว



 


ส่วนวิธีการและแนวทางการรับซื้อนั้นกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะมีการหารือกันในรายละเอียดอีกครั้ง ส่วนการสนับสนุนด้านแหล่งเงินกู้ไม่มีปัญหา เพราะธ.ก.ส.มีสภาพคล่องเพียงพอ โดยมีการประเมินว่ารับซื้อข้าวเปลือก 1 ล้านตัน จะใช้เงินประมาณ 1 หมื่นล้านบาท แต่เนื่องจากราคาข้าวเปลือกเฉลี่ยเพิ่มเป็น 1.4 หมื่นบาทต่อตัน ก็น่าจะใช้เงินไม่เกิน 1-2 หมื่นล้านบาท



 


นายธีระพงษ์ ระบุว่า ในสัปดาห์หน้า จะหารือกับนายปราโมทย์ วานิชานนท์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมโรงสีข้าวไทย สมาคมโรงสีข้าวไทยและเครือข่าย เพื่อเตรียมการรับซื้อข้าวเปลือกจากชาวนา โดยธ.ก.ส.ได้เตรียมวงเงิน 2 พันล้านบาท สำหรับปล่อยกู้ให้โรงสี เพื่อเสริมสภาพคล่องในการรับซื้อข้าวเปลือกเหนียวของชาวนา ตามราคาที่รัฐบาลกำหนด



 


ความมั่นคง


ทบ.เตรียมรื้อแนวคิด"สนธิ" เล็งถอน "รบพิเศษ" ออกจากภาคใต้


เว็บไซต์แนวหน้า - รายงานข่าวจากกองทัพบกแจ้งว่า ทาง พล.ท.ภุชงค์ รัตนวรรณ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ เตรียมถอนกำลังทหารรบพิเศษที่ลงไปปฎิบัติหน้าที่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้กลับหน่วยที่ตั้ง จ.ลพบุรี เพื่อทำการฝึก ซึ่งได้เสนอเรื่องให้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบกพิจารณา ทั้งนี้ พล.อ.อนุพงษ์ ได้สั่งการให้ฝ่ายเสนาธิการที่จัดตั้งขึ้นใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้พิจารณาว่า มีความเหมาะสมที่จะถอนกำลังทหารรบพิเศษออกจากพื้นที่หรือไม่ ซึ่งมีแนวโน้มว่าหลังจากมีการพิจารณาแล้วจะมีการถอนกำลังทหารรบพิเศษออกจากพื้นที่ 40 % โดยอาจจะมีการปรับจากกองกำลังสันติสุข เป็นกองกำลังปฏิบัติการข่าวสารแทน


 


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับทหารรบพิเศษที่ลงไปปฏิบัติพื้นที่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มีประมาณ 1 พันนาย โดยจัดกำลังเป็นชุดควบคุม (ชค.) 6 ชุด ประกอบด้วย ชค.951 -955 ชค.543 และชุดทักษิณสัมพันธ์ โดยใน 1 ชุดควบคุมประกอบไปด้วย 8 ชุดปฏิบัติการพิเศษ อย่างไรก็ตาม แนวทางในการใช้ชุดปฏิบัติการพิเศษของ นสศ. ลงไปปฏิบัติหน้าที่ ทั้งงานป้องกันและปราบปรามความไม่สงบในพื้นที่ และ ปฏิบัติการจิตวิทยา รวมทั้งการหาข่าวในพื้นที่เป็นนโยบายของ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตผู้บัญชการทหารบก เมื่อครั้งยังดำรงตำแหน่งผบ.ทบ. ซึ่งในปัจจุบันมีทหารรบพิเศษอยู่ในพื้นที่ประมาณ 1,000 นาย และคาดว่าจะถอนกำลังกลับประมาณ 400 นาย


 


 


คุณภาพชีวิต


รมว.เกษตร ตอบกระทู้สด ยันเดินหน้าสร้าง"เขื่อนแม่วงค์"


เว็บไซต์แนวหน้า - ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม มีพ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 เป็นประธานการประชุม นายนิโรธ สุนทรเลขา ส.ส.นครสวรรค์ พรรคชาติไทย ตั้งกระทู้ถามสดเรื่องการสร้างเขื่อนแม่วงค์ อ.แม่วงค์ จ.นครสวรรค์ ว่า ความคืบหน้าเรื่องดังกล่าวเป็นอย่างไร เพราะโครงการนี้มีการตั้งเรื่องมาเป็นสิบปีแล้ว มีการทำประชาพิจารณ์ประชาชน กว่า 10,000 คน มีการสำรวจผลกระทบสิ่งแวดล้อม แต่ปัจจุบันโครงการยังไม่คืบหน้า ขณะที่ปัจจุบันพื้นที่ 3 จังหวัด ได้แก่ นครสวรรค์ อุทัยธานี กำแพงเพชร มีปัญหาขาดแคลนน้ำทำการเกษตร การสร้างเขื่อนกักเก็บน้ำความจุ 258 ล้านลูกบาศก์เมตร จะสามารถเพิ่มผลผลิตต่อไร่ได้ถึง 3 แสนไร่


 


นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รมว.เกษตรและสหกรณ์ ชี้แจงว่า กรมชลประทานศึกษาความเป็นไปได้เรียบร้อยแล้ว รวมถึงการทำประชาพิจารณ์และศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมหรืออีไอเอแล้ว เหลือขั้นสุดท้ายคือประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมในเชิงกลยุทธหรือเอสอีเอ และฟังความเห็นของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ซึ่งจะเสร็จเดือนสิงหาคมปีนี้ จากนั้นครม.จะดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องโดยให้กรมชลประทานกลับไปพิจารณาส่วนที่เหลืออีกครั้งและเสนอครม.อนุมัติ จากนั้นจะขออนุญาตใช้พื้นที่กับอุทยานแห่งชาติแม่วงค์ ทั้งนี้กรมชลประทานวางแผนสร้าง 8 ปี งบ 9,630 ล้านบาท ความจุ 258 ล้านลูกบาศก์เมตร ใช้ประโยชน์ในพื้นที่การเกษตร 3 แสนไร่ ส่วนที่ห่วงว่า จะมีหน่วยงานใดขวาง เรื่องนี้มีการทำอีไอเอและเอสไอเอผ่านแล้ว คงไม่มีหน่วยงานไหนขวางได้ เพราะเป็นฉันทานุมัติโดยประชาชนตามระบอบประชาธิปไตย


 


 


ต่างประเทศ


เปรู ตั้งกระทรวงสิ่งแวดล้อมปกป้องป่าอะเมซอน


เว็บไซต์ศูนย์ข่าวแปซิฟิค - สาธารณรัฐเปรู ได้จัดตั้งกระทรวงสิ่งแวดล้อมขึ้นเป็นครั้งแรก ท่ามกลางเสียงวิจารณ์ว่าเป็นการตัดสินใจจัดตั้งที่ล่าช้าไม่ทันการณ์ เพราะรัฐมนตรีว่าการ จะต้องเข้าร่วมการประชุมละตินอเมริกาและสหภาพยุโรปหรืออียูที่เปรูเป็นเจ้าภาพในสัปดาห์นี้ และคาดว่าที่ประชุมจะเน้นการหารือในประเด็นโลกร้อนเป็นหลัก ขณะที่ ประธานาธิบดีอลัน การ์เซีย แห่งเปรู กล่าวว่า รัฐมนตรีคนใหม่มีงานสำคัญคือการปกป้องป่าอะเมซอน นอกจากนี้ยังมีผลการศึกษาพบว่า เปรูเป็น 1 ใน 3 ประเทศที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดจากภาวะโลกร้อน และป่าในเทือกเขาแอนดิสซึ่งเป็นบ้านของพืชพันธุ์มากกว่าครึ่งหนึ่งของโลกกำลังจะหมดไปในอีก 25 ปีข้างหน้า ส่งผลกระทบร้ายแรงต่อการดำเนินชีวิตของประชากร 1 ใน 3 ของประเทศ


 


นายการ์เซีย กล่าวว่า ผู้นำอียูและละตินอเมริกาจะหารือกันที่เปรูในสัปดาห์นี้ควรมีการนำเงินภาษีจากการค้าเชื้อเพลิงจากฟอสซิลมาจัดตั้งเป็นกองทุนส่งเสริมการปลูกป่า และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ที่เป็นสาเหตุของภาวะเรือนกระจก หรือโลกร้อน


  


 


คาดแผ่นดินไหวในจีน จะกระทบกับภาวะศก.ชั่วคราว


เว็บไซต์ศูนย์ข่าวแปซิฟิค - เอไออาร์ เวิลด์ไวด์ ซึ่งเป็นบริษัทประเมินความเสี่ยงด้านวินาศภัยของสหรัฐ เปิดเผยเมื่อวานว่า แผ่นดินไหวในมณฑลเสฉวนของจีนเมื่อวันจันทร์จะสร้างความเสียหายเป็นเงินราว 20,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือราว 6 แสน 2 หมื่นล้านบาท และมีความเป็นไปได้ว่า มีเพียงร้อยละ 5 ของมูลค่าความเสียหายทั้งหมดหรือราว 1,000 ล้านดอลลาร์เท่านั้นที่อยู่ในความคุ้มครองของการประกันภัย


 


ขณะที่มูลค่าอสังหาริมทรัพย์ทั้งหมดในพื้นที่ประสบภัยอยู่ที่เกือบ 2 แสน 1 หมื่น 5 พันล้านดอลลาร์หรือราว 6 ล้าน 6 แสนล้านบาท แต่ผู้เชี่ยวชาญหลายคน คาดว่า แผ่นดินไหวครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนในวงจำกัดเพียงชั่วคราวเท่านั้น เพราะสัดส่วนการผลิตและการส่งออกจากภูมิภาคนี้เป็นเพียงส่วนน้อยของทั้งประเทศ


 


ขณะที่ปัญหาสำคัญในขณะนี้ คือ การจัดสรรเงินเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับปฏิบัติการกู้ภัย และกระทรวงการคลังของจีนได้แจกจ่ายงบกู้ภัยแล้ว 830 ล้านหยวน และธนาคารกลางได้จัดสรรอีก 5,500 ล้านหยวนให้กับสถาบันการเงินต่างๆในมณฑลเสฉวนและกานซูเพื่อกระจายเม็ดเงินสำหรับใช้ในการฟื้นฟูบ้านเมืองที่เสียหาย


 


 


ปาเลสไตน์ จัดงานวันแห่งหายนะ คู่ขนาน อิสราเอล ฉลองเอกราช 60 ปี


เว็บไซต์ศูนย์ข่าวแปซิฟิค - ปาเลสไตน์ได้จัดงานฉลอง 60 ปีแห่งอัล-นัคบาร์ หรือ "ความหายนะ" ของการก่อตั้งรัฐอิสราเอล ด้วยการเดินขบวนและประท้วงอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากมีชาวปาเลสไตน์มากกว่า 700,000 คนที่ต้องละทิ้งบ้านเรือน หรือถูกขับไล่ในปี 2491 ระหว่างการทำสงครามซึ่งตามมาด้วยการที่อิสราเอลประกาศเอกราช การจัดงานครั้งนี้มีขึ้นในวันที่ 2 ของการที่ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช แห่งสหรัฐเดินทางเยือนอิสราเอลเพื่อร่วมงานประกาศเอกราช 60 ปีและผลักดันการเจรจาสันติภาพ แต่ชาวปาเลสไตน์ได้จัดการเดินขบวนมุ่งหน้าไปยังด่านตรวจของกองทัพอิสราเอลในเวสต์แบงค์ พร้อมไปกับการชุมนุมประท้วงที่ด้านหน้าที่ทำการประธานาธิบดีปาเลสไตน์ในเมืองรามัลเลาะห์


 


เมื่อวานนี้ที่นครเยรูซาเล็ม ประธานาธิบดีบุชยังคงแสดงความเชื่อว่าอิสราเอลกับปาเลสไตน์จะสามารถทำความตกลงเกี่ยวกับรัฐปาเลสไตน์ได้ภายในสิ้นปีนี้ ตามที่ทั้ง 2 ฝ่ายรับปากไว้ในการเจรจาที่สหรัฐอเมริกาเป็นเจ้าภาพเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว และเห็นว่าอิสราเอลต้องเผชิญปัญหาเหมือนกับประเทศประชาธิปไตยอื่นๆ คือการท้าทายจากกลุ่มหัวรุนแรง และ ผู้ก่อการร้าย อย่างไรก็ตามคำกล่าวของผู้นำสหรัฐมีขึ้นในช่วงเวลาเดียวกันกับที่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 14 คนรวมถึงมารดากับบุตรสาวเมื่อมีการยิงจรวดจากกาซาตกในเมืองแอชเคลอนของอิสราเอล


 


และในขณะที่ผู้นำสหรัฐ ยกย่องอิสราเอล ทางฝ่ายของปาเลสไตน์ได้กล่าวหาอิสราเอลว่าทำร้ายผู้บริสุทธิ์ และถือโอกาสลงโทษชาวปาเลสไตน์ทั้งหมดโดยอ้างการปราบปรามกลุ่มหัวรุนแรง นอกจากนี้ ยังไม่มีการประชุม 3 ฝ่ายระหว่างผู้นำอเมริกา อิสราเอล กับปาเลสไตน์ ทั้งผู้นำสหรัฐจะไม่เดินทางเยือนปาเลสไตน์ด้วย แต่จะพบหารือกับประธานาธิบดีมาห์มูด อับบาส ที่อียิปต์แทน


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net