Skip to main content
sharethis

 

กลอนลำล่อง


อาลัยลา "อาจารย์ปุ๋ย"


โดย พ่อสมบัติ โนนสังข์






หมดแต่ลำทางสั้น หันมาทางล่อง


ฝูงศรัทธาพี่น้องได้โฮฮ้องซั่วแซว


ผมนี้คิดบ่แล้วนำแต่ "อาจารย์ปุ๋ย"


เคยไปคุยนำกันอยู่ทางราษีฯ พุ้น


ได้สนับสนุนให้สมัชชาฯ แข็งแกร่ง


มี "คำแพง" พร่ำพร้อมไปร่วมฮ่วมกัน


วันที่ 2 .. 2551 ละพี่น้องได้โฮฮ้องก่องน้ำตา


รถกะพาแล่นวิ่งออกจากวารินฯ


สิไปกินข้าวแลงฮ่วมเมียอยู่ทางบ้าน


รถประสานกันได้ชนกันทั้งสองฝ่าย


ส่วนผู้ตายว่านั้นลงท้ายผัดแม่น "ปุ๋ย"


ผู้ที่สองว่านั้น "ลำน้ำ" ตื่มแถมมา


ได้มานอนเทียมข้างบิดาผู้เป็นพ่อ


หมอกะช่วยบ่ได้หมดเรื่องเรื่องสิปัว


พอผัวตายไปแล้วผู้เป็นเมียก็ล้มท่าว


ซาวหาไผกะบ่พ้อ หมดทางแล้วส่วนผู้เมีย


ลูกมาเสียซ้ำผัดตื่มสองคน


ผู้ที่สามนอนครางแม่น "หลา" ผู้เป็นน้อง


เดี๋ยวเบิ่งนอนหล่องหง่อง "คำแพง" คนที่สี่


ผู้ที่ห้าว่านั้น "ลำโดม" หล้าบ่ท่อใด๋


ใผกะพากันเว้าหมดปัญญาแล้วล่ะหมู่


ผู้สิเดินข้างหน้าคือ "ปุ๋ย" แท้นั้นบ่มี


รัฐมนตรีคนนั้นรัฐมนตรีคนนี้ฮู้ก่อนใผหมด


ผมโลดหัวเข่าลดอ่อนลงปานตายแล้ว


คนกะแซวๆ เว้าโทรหากันจนสนั่น


ผมนอนฝันคิดพ้อหน้า "อาจารย์ปุ๋ย" นั้นอยู่บ่เซา


ผมโลดบ่อยากเว้าเป็นตาหน่ายเมืองคน


อยู่บ่ดนกะผัดหนีจากหมู่เฮาฝูงเพื่อน


ซุม "พวกเขื่อนฯ" โฮฮ้องคองหาใผมิดซี่ลี่


เขื่อนราษีฯ ได้ฮ้องคองท่ากะบ่มา


เขื่อนหัวนากะเว้า ผมผัดแห่งจังหลาย


เกือบสิตายไปนำผัดหันใจเอาไว้


พวกทางไกล "ปากมูน" พุ้น สิรินธรน้องพี่


อีกสิบปีกะบ่พ้อเห็นหน้าดอกเทื่อเดียว


ใผสิเทียวมาเว้านำเฮาคือแต่เก่า


พวกซุมอีแม่เฒ่าสิไปซ้นเพิ่งผู้ใด๋


ใผสิมาหาเจ้าคือ "ปุ๋ย" นออีแม่


เห็นแต่ฟ้าแหล่ๆ "ปุ๋ย" ไปค้างอยู่หว่างใด๋


ให้ "ปุ๋ย" ไปดีถ้อน อย่าอาวรณ์นำพวกหมู่


ให้ได้อยู่ชั้นฟ้าสบายบ้างอยู่เกษม


พร้อมลูกเต้าน้อยหนุ่มหลานเหลน


สิได้ทำบุญหาคอยรับเอาอยู่เมืองฟ้า


ขออาราธนาเด้อเจ้าเทวดาทั้งสี่


ธรณีนาถน้อยผู้เนาค้างแผ่นดิน


คันได้ยินเสียงเอิ้นเติ่นๆ อยู่ทางดิน


ขอให้ดวงวิญญาณได้ผ่านมาทางพี้


ขอให้หูแจ้งตาใสให้เตี้ยงต่อ


พวกผมมาทำบุญให้พ่อ "อาจารย์ปุ๋ย" มื้อนี้


ให้มาถ้อนจงรับเอา .... เด้อคุณนาย....เอ๋ย






------ ---- -----




ลำล่อง หรือลำลา ลำยาว หรือลำทางยาว เป็นลำอีกรูปแบบหนึ่งที่มีท่วงท่าที่เนิบช้า หากหนักแน่นในพลังแห่งถ้อยคำ ท่วงทำนองที่เนิบช้า (ช้า-ออนซอน) ถือเป็นทำนองที่ให้อารมณ์ซาบซึ้งเกินพรรณนา ดังนั้น หมอลำจึงเลือกใช้ ลำทางยาว สำหรับการปิดการแสดง เพื่อให้ผู้ฟังได้ห่วงหา ว่ากันว่า แม้หมอลำจะจากไปเป็นปีเป็นเดือน หากกลอนลำล่อง-ลำลา-ลำยาวยังคงติดตรึงในห้วงคำนึงของผู้ฟังเหมือนต้องมนตร์


พ่อสมบัติ โนนสังข์ เป็นชาวบ้านโนนสังข์ ต.โนนสังข์ อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ ที่ร่วมต่อสู้กับชาวสมัชชาคนจน ท่านเป็นปราชญ์ชาวบ้าน ที่มีความชำนาญหลายด้าน และ ๑ ในนั้น คือ การประพันธ์กลอนลำ และได้ประดิษฐ์กลอนลำหนุนเนื่องการต่อสู้เสมอมา


มาวันนี้ "พ่อสมบัติ" ต้องข่มใจจรดปากกา เพื่อกรีดร่ำอำลาอาลัยด้วยกลอนลำล่อง "อาลัยลา อาจารย์ปุ๋ย" เพื่อ "ปุ๋ย - นันทโชติ ชัยรัตน์" ผู้เป็นที่รักของเหล่าคนยาก เพื่อให้ผู้คนได้รับรู้ถึงบทบาทและวัตรปฏิบัติของ "ปุ๋ย" เมื่อครั้งยังมีลมหายใจ


และหากจะสังเกตสักนิด ด้วยสายตาของผู้อาวุโส กลอนลำของ "พ่อสมบัติ" ยังเผื่อแผ่ความห่วงใยไปถึงอนาคตของ "พเยาว์ ชัยรัตน์" ผู้เป็นภรรยาของ "ปุ๋ย" อีกด้วย



และนี่คือ เนื้อหาที่ถอดจากกลอนลำ สำหรับผู้ที่ไม่อาจเก็บรับอรรถรสจากกลอนลำ - "อาลัยลา อาจารย์ปุ๋ย"




ผู้คนต่างร่ำพิไรถึง "อาจารย์ปุ๋ย" ตัวผมเองนั้นก็ดุจกัน คงมิอาจตัดใจลงได้ ยังครุ่นคำนึงถึงที่ "อาจารย์ปุ๋ย" เคยไปพูดคุยด้วยที่ราษีฯ (ราษีไศล) เคยได้สนับสนุนให้สมัชชา (คนจน) นั้นเข้มแข็ง และ "คำแพง" (คำแพง หวังผล) เองก็ร่วมเดินทางอยู่บ่อยครั้ง


มาเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2551 พี่น้องก็ต้องร่ำไห้น้ำตาแทบเป็นสายเลือด เมื่อรถแล่นจากวารินฯ (วารินชำราบ) เพื่อให้ทัน "พาแลง" (ข้าวมื้อเย็น) กับผู้เป็นภรรยาที่รออยู่ที่บ้าน แต่รถก็เกิดมาประสานงากันกับรถที่แล่นสวนมา


สุดท้าย ผู้ที่เสียชีวิตกลับเป็น "ปุ๋ย" ตามด้วย "ลำน้ำ" (.. ลำน้ำ ชัยรัตน์) เป็นคนที่สอง ซึ่งบัดนี้ เจ้าหนูได้พริ้มหลับเคียงข้างผู้เป็นพ่อแล้ว จนปัญญาที่แพทย์หมอจะเยียวยาได้ทัน


เมื่อสิ้นสามีสุดที่รัก ผู้เป็นภรรยาก็แทบสิ้นสมประดี สุดที่จะวิงวอนร้องขอจากผู้ใดได้ เพราะใช่แต่ผัวรัก หากลูกชายก็มาด่วนจากไปในคราวเดียวกัน


คนที่สาม คือ "หลา" (สมภาร คืนดี) น้องสาว ซึ่งบัดนี้นอนซมพิษบนเตียงคนไข้ คนที่สี่เป็น "คำแพง" และคนที่ห้า คือ "ลำโดม" (..ลำโดม ชัยรัตน์) อาการไม่สู้หนักนัก


โอ้พ่อ.... สุดจะช่วยเหลือกระไรได้แล้ว จะหาใครกันอีกหนอที่จะก้าวนำเช่นที่ "ปุ๋ย" เคยทำรัฐมนตรีกี่คนต่อกี่คนเป็นเข้าถึงหมด .... จะหาใครกันที่จะประสานฝ่ายรัฐได้เช่นที่ผ่านมา


ตัวผมเองถึงกับเข่าอ่อนราวจะสิ้นลมตามไป อีกคนอื่นๆ เล่า ต่างก็โทรศัพท์ส่งข่าวถึงกันจ้าระงม ผมเองนั้น แม้นว่าข่มตาหลับลงเสียได้ แต่ก็เฝ้าฝันถึงใบหน้าของ "อาจารย์ปุ๋ย"


นี่แหละหนาเมืองคน เห็นกันอยู่หลัดๆ ก็มาด่วนจากเพื่อนฝูงไปเสียแล้ว พวกเขื่อน (พี่น้องชาวเขื่อนปากมูล) บัดนี้คงหมดสิ้นคนที่จะหนุนนำ ชาวเขื่อนราษีฯ ก็สิ้นหวังที่จะร้องขอให้คืนชีวิต ข้างชาวเขื่อนหัวนาเองก็โศกเศร้าพอกัน ส่วนพวกทางไกลแถวอำเภอสิรินธร ต่อให้อีกสักสิบปีก็คงหาคนเช่นนี้ไม่ได้


ก็ใครกันที่จะบุกบั่นเทียวมาปลุกปลอบให้กำลังใจเหมือนเก่า ใครกันเล่าจะเป็นพี่พึ่งอย่างเคยเป็น จะหาใครกันที่จะห่วงใยเทียวถามไถ่เช่นนี้


.... นู่น มองที่เวิ้งฟ้าไกลลิบ ... "ปุ๋ย" คงสถิตอยู่ ณ ที่ใดที่หนึ่ง


ขอให้ "ปุ๋ย" จงไปดีเถิด อย่าได้ห่วงหาอาวรณ์พวกเราทางนี้เลย ถึงเวลาแล้วที่จะได้พักผ่อน ณ สวรรค์ชั้นฟ้า และคอยรับเอาส่วนกุศลที่พี่น้องจะอุทิศส่งไปให้


ขออาราธนาท้าวจตุเทวราช ผู้เป็นใหญ่ในฟากฟ้า อีกทั้งแม่พระธรณี ผู้ปกปักรักษ์แผ่นปฐพี แม้นได้สดับเสียงร่ำร้องนี้แล้ว หากวิญญาณท่องผ่านภพภูมิแห่งท่าน ขอท่านจงได้ใส่ใจเกื้อหนุน


และ... วันนี้ ผองพวกเราได้กอปรบุญขึ้นเพื่อ "อาจารย์ปุ๋ย" ขอจงมารับเอาด้วยเถิด





ถอดความโดย แวง พลังวรรณ

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net