Skip to main content
sharethis


วานนี้ (30 เม.ย.) เวลาประมาณ 11.30 น. กลุ่มอนุรักษ์แม่รำพึงพร้อม 4 พันธมิตร ด้านสิ่งแวดล้อมจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้เดินรณรงค์การคัดค้าการก่อสร้างโรงถลุงเหล็กของบริษัทเครือสหวิริยา และการเดินหน้านิคมอุตสาหกรรมเวสเทิร์นซีบอร์ด โดยมีโรงถลุงเหล็กมูลค่าประมาณ 5 แสนล้านบาทเป็นอุตสาหกรรมตั้งต้น


 


นายวิฑูรย์ บัวโรย ประธานกลุ่มอนุรักษ์แม่รำพึง กล่าวว่า ผลเสียที่จะตามมาหากมีการสร้างโรงถลุงเหล็ก และนิคมอุตสาหกรรมเวสเทิร์นซีบอร์ด มีตัวอย่างที่ทุกคนเห็นมากมาย เช่นที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จ.ระยอง ที่โรงไฟฟ้าแม่เมาะ นิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง ดังนั้นกลุ่มอนุรักษ์ฯ รวมทั้งพันธมิตร ด้านสิ่งแวดล้อมจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จึงไม่ต้องการให้ที่บ้านของเราเป็นเช่นนั้น


 


ขณะนี้ทั่วโลกและประเทศไทยเองกำลังเจอกับวิกฤตด้านอาหาร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องข้าวที่มีราคาแพงขึ้นเป็นเท่าตัว หรือราคาน้ำตาลทรายที่กำลังปรับราคาอีกกิโลกรัมละ 5 บาท ทั้งที่ประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรม เป็นอู่ข้าวอู่น้ำ อีกทั้งยังเป็นผู้ส่งออกผลผลิตภาคการเกษตรอันดับต้นๆ ของโลก ทำไมรัฐถึงไม่หันมาพัฒนาด้านการเกษตรเพื่อที่จะทำให้ประเทศไทยของเราเป็นครัวโลกอย่างแท้จริง ทำไมภาครัฐถึงไม่มองการพัฒนาที่ยั่งยืน


 


"ฐานทรัพยากรภายในประเทศของเราสามารถทำให้เป็นครัวโลกได้อย่างไม่ยากเย็นอะไร เมื่อเทียบกับการพัฒนาด้านอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเหล็กที่ซึ่งทางกลุ่มทุนพยายามบอกว่าเป็นการพัฒนาเพื่อประเทศชาติ แต่ถามว่าคุณซื้อเหล็กทุกวันหรือไม่ หรือคุณกินเหล็กแทนข้าวได้หรือไม่หากคุณกินเหล็กแทนข้าวได้เมื่อไรค่อยสร้างโรงถลุงเหล็กที่บางสะพาน" นายวิฑูรย์กล่าว


 


ด้านนางจินตนา แก้วขาว แกนนำกลุ่มอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมบ้านกรูด กล่าวว่า ในขณะนี้ทางกลุ่มทุนพยายามทุกวิถีทางที่จะทำให้แกนนำในการคัดค้านโครงการหยุดการคัดค้าน และมีการปล่อยข่าวว่าแกนนำบางคนรับเงินไปแล้ว เป็นจำนวนถึง 50 ล้านบาท ซึ่งหากแกนนำคนใดมีการรับเงินจริงก็คงไม่มีใครกล้าที่จะมาจับไมค์ ขึ้นพูดในวันนี้ และอยากให้ทางกลุ่มทุนที่ใช้เงินซื้อวิถีชีวิตของชาวบ้านไปเช็คดูดีๆ ว่าเงินที่คุณจ่ายไปนั้น ใครเป็นคนเอาไป ระวังจะโดนพวกเดียวกันที่หิวเงินหักหลังกันเอง


 


ส่วนนายสุพจน์ ส่งเสียง รองประธานกลุ่มอนุรักษ์แม่รำพึง กล่าวว่าการที่ทางกลุ่มทุนมีการใช้เงินเคลียบรรดาแกนนำเป็นเรื่องจริง เพราะตนเองก็มีคนสมาชิก อบต.แม่รำพึงท่านหนึ่ง มาเสนอผลประโยชน์ให้เป็นจำนวนเงิน 10 ล้านบาท โดยมาเจรจากับทางภรรยาตน และทางภรรยาตนถามกลับจึงทราบว่าหากเคลียได้เขาคนนั้นจะได้รับเงิน 5 ล้านบาทเช่นกัน แต่ทางภรรยาได้ปฏิเสธไป เพราะมันเทียบกันไม่ได้เลยกับวิถีชีวิตที่พวกเราอยู่กันอย่างพอเพียง และหากตนรับเงินตนก็คงไม่กล้าที่จะออกมายืนในวันนี้


 


"การที่บางครั้งทางกลุ่มอนุรักษ์เงียบไปบ้างก็เพราะพวกเรามาคัดค้านด้วยตัวตนของพวกเราจริงๆ ไม่มีใครมาจ้างดังนั้นพวกเราก็ต้องมีเวลาที่จะต้องทำมาหากินบ้าง แต่พอช่วงไหนที่พวกเรารุกหนัก ก็จะมีการกล่าวหาทันทีว่าเป็นพวกรับจ้างให้มาประท้วง สุดท้ายอยากฝากบอกแก่กลุ่มทุนด้วยว่า อย่าคิดว่าเงินคือพระเจ้าที่จะซื้ออะไรได้ทุกอย่าง เพราะคนอย่างพวกเราไม่มีทางที่จะขายตัว ขายจิตวิญญาณ แน่นอน" นายสุพจน์กล่าว


 


อย่างไรก็ตาม แกนนำกลุ่มอนุรักษ์แม่รำพึง พร้อม 4 พันธมิตรด้านสิ่งแวดล้อมจังกวัดประจวบฯ ได้ทิ้งท้ายให้สังคมจับตามองความเคลื่อนไหวในพื้นที่แม่รำพึง เพราะประวัติศาสตร์ความรุนแรงในช่วงวันที่ 19 ธ.ค. 50 และวันที่ 24 ม.ค. 51 อาจกลับมาอีกครั้ง เนื่องมาจากในขณะนี้มีทั้งการล้ม และทำลายป้ายของกลุ่มอนุรักษ์ที่คัดค้านโครงการ รวมทั่งมีการข่มขู่ คุกคามแกนนำกลุ่มอนุรักษ์ฯ จากกลุ่มผู้มีอิทธิพล และมีการส่งมือปืนลงในพื้นที่


ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net