Skip to main content
sharethis

กรณีนายกล้านรงค์ จันทิก กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ระบุว่าการประชุม ป.ป.ช.วันที่ 8 เมษายนนี้ จะนำเรื่องที่นายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ทำหนังสือถึงประธาน ป.ป.ช. เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2551 แจ้งให้ทราบว่านางจุไร สะสมทรัพย์ ภรรยา ซึ่งถือหุ้นบริษัททรัพย์ฮกเฮง จำกัด จำนวน 25,000 หุ้น มูลค่า 2.5 ล้านบาท (ร้อยละ 50 ของทุนจดทะเบียน) ประสงค์จะถือหุ้นและรับประโยชน์จากหุ้นบริษัทดังกล่าวต่อไป เข้าพิจารณาในที่ประชุมว่านายไชยา ขาดคุณสมบัติการเป็นรัฐมนตรี ตามมาตรา 182 (7) หรือไม่ เพราะอาจจะเป็นการกระทำอันเป็นการต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ พศ.2550 มาตรา 269 ที่บัญญัติว่า ถ้ารัฐมนตรี (รวมถึงภรรยาและบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ) ประสงค์จะถือหุ้นดังกล่าวต้องแจ้งต่อประธาน ป.ป.ช.ภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันที่ได้รับการแต่งตั้งคือภายในวันที่ 6 มีนาคม 2551


 


มติชนออนไลน์รายงานว่า นพ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ประธานชมรมแพทย์ชนบท ให้สัมภาษณ์ว่า ตามความเห็นส่วนตัวของตนนั้น มองว่า นายไชยา ควรจะแสดงสปิริตด้วยการลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรี เช่นเดียวกับรัฐมนตรีทั้ง 5 คน ในรัฐบาลของพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ที่มีปัญหาเรื่องการถือครองหุ้น 5 % เช่นกัน แม้ว่าหุ้นดังกล่าวจะเป็นของภรรยาของนายไชยาก็ตาม แต่ก็ถือว่า ขัดต่อเจตนารมย์ของกฎหมาย เนื่องจากไม่แจ้งต่อ ป.ป.ช.ก่อน ซึ่งตนคิดว่า สิ่งนี้น่าจะเป็นเครื่องมือและทางออกที่ดีที่สุดของนายไชยาเอง


 


ส่วนเรื่องการทำหนังสือลงชื่อถอดถอนนายไชยา ที่ชมรมแพทย์ชนบท ส่งไปถึงโรงพยาบาลชุมชนทุกแห่งทั่วประเทศ เมื่อวันที่ 6 มีนาคม นั้น นพ.เกรียงศักดิ์ กล่าวว่า แม้ขณะนี้เรื่องดังกล่าวจะได้รับการตีกลับเนื่องจากติดขัดทางขั้นตอนของกฎหมายบางอย่าง คือระหว่างนั้นจะต้องผ่านความเห็นชอบจากประธานวุฒิสภาก่อน แต่เนื่องจากก่อนหน้าที่ทำไป ยังไม่ได้มีการแต่งตั้งประธานวุฒิสภา ทางชมรมแพทย์ชนบทจึงต้องส่งไม้ต่อให้กับเครือข่ายภาคประชาชนดำเนินการต่อ ซึ่งขณะนี้ก็ได้มีการรวบรวมรายชื่อจากประชาชนที่มีกว่า 1 หมื่นรายชื่อเพื่อดำเนินการถอดถอนนายไชยาต่อไป โดยคาดว่า ประมาณปลายเดือนเมษายนนี้ น่าจะดำเนินการแล้วเสร็จในขั้นตอนดังกล่าวเพื่อยื่นต่อประธานวุฒิสภาต่อไป


ขณะที่ น.ส.สารี อ๋องสมหวัง ผู้จัดการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ให้สัมภาษณ์ 'มติชนออนไลน์' ว่า เราอยากเห็น ป.ป.ช.ทำหน้าที่ของตนเอง อยากให้ว่าไปตามกฎหมายจริงๆ


 


ส่วนนายไชยา ควรจะแสดงสปิริตในการลาออกจากตำแหน่ง เช่นเดียวกับรัฐมนตรีในสมัยรัฐบาลพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ หรือไม่นั้น น.ส.สารี ปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็น โดยชี้แจงว่า แล้วแต่ท่านรัฐมนตรีจะพิจารณา ในเมื่อท่านมีกฎหมายอยู่ รับรู้กฎหมายดี ท่านน่าจะมีข้อมูล เชื่อว่าท่านจะสามารถพิจารณาเรื่องดังกล่าวได้ด้วยตนเอง


 


ผู้สื่อข่าวถามถึงความคืบหน้าในการล่ารายชื่อถอดถอนนายไชยา จากกรณีการประกาศบังคับใช้สิทธิเหนือสิทธิบัตรโดยรัฐ (ซีแอล) ยารักษาโรคมะเร็ง 4 รายการ น.ส.สารี เปิดเผยว่า ขณะนี้ใกล้จะครบ 20,000 รายชื่อแล้ว โดยเรื่องดังกล่าวอยากให้แยกออกจากกัน เพราะถือว่าเป็นคนละประเด็น การเดินหน้าล่ารายชื่อถอดถอนรัฐมนตรีนั้น เป็นสิทธิที่สามารถดำเนินการได้ตามรัฐธรรมนูญทั้งฉบับปี 2540 และฉบับปี 2550 ซึ่งภาคประชาชนจะขอเดินหน้าต่อไปจนถึงที่สุด
   
ด้านนายไชยา กล่าวว่า เรื่องแจ้งบัญชีทรัพย์สินให้เจ้าหน้าที่เป็นคนทำ แจ้งไปหมดแล้ว ไม่ได้ปกปิด ทุกอย่างผ่านความเห็นชอบของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ไม่ได้คิดปิดบัง โดยเปิดดูรัฐธรรมนูญปี 2540 และดูคู่มือ ป.ป.ช.ก็ไม่ได้ระบุว่าภรรยาถือหุ้นเกิน 5% ผิด


 


"เรื่องนี้เราเข้าใจผิด ไม่ได้คิดปิดบัง เราแจ้งตามความเข้าใจ เงินแค่ 2.5 ล้าน ไม่เยอะ ขณะนี้นำหุ้นไปฝากไว้ที่นิติบุคคลซึ่งจัดการทรัพย์สินเพื่อประโยชน์ของผู้อื่นและยื่นเรื่องให้ประธาน ป.ป.ช.แล้ว" นายไชยา กล่าวและว่า ส่วนสาเหตุที่ทำให้แจ้งล่าช้า เป็นเพราะช่วงที่เข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีมีปัญหาภาระงานยุ่งมาก ทำให้ไม่ได้ดูแลจัดการด้วยตัวเอง แต่ได้ว่าจ้างให้บริษัทเป็นผู้ดูแลจัดการให้ ภายหลังทราบว่าเข้าข่ายมีปัญหา ก็ถือความบริสุทธิ์ใจแจ้งไปยัง ป.ป.ช.ทันที เพื่อแสดงบัญชีทรัพย์สินตามจริง ถ้าจะปกปิด คงไม่ทำหนังสือแจ้ง ป.ป.ช.


 


ผู้สื่อข่าวถามว่า ภาคประชาชนเห็นว่ารัฐมนตรีทำผิดรัฐธรรมนูญ ควรพิจารณาตัวเองยื่นใบลาออก นายไชยากล่าวว่า "ผมไม่ผิด รัฐธรรมนูญไม่มีบทลงโทษเรื่องถือหุ้นเกิน 5%"


 


นางรสนา โตสิตระกูล ส.ว.กทม. กล่าวว่า การแจ้งบัญชีทรัพย์สินของรัฐมนตรี รวมถึงภรรยาและบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ให้ถูกต้องต่อ ป.ป.ช. เป็นหลักเกณฑ์ที่ถูกกำหนดให้ปฏิบัติของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง กรณีนี้ถือว่าขัด พ.ร.บ.การจัดการหุ้นส่วนและหุ้นของรัฐมนตรี พ.ศ.2543 มาตรา 269 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 ดังนั้น ต้องตรวจสอบว่าการกระทำดังกล่าวเป็นไปโดยเจตนาหรือไม่ เรื่องนี้อาจจะขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 182(7) ซึ่งตามขั้นตอนกฎหมายนั้นก็ควรจะลาออกจากตำแหน่ง
 
นายสุขุมพงศ์ โง่นคำ ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน (พปช.) ในฐานะนักกฎหมายของพรรคพลังประชาชน กล่าวว่า ฝ่ายกฎหมายของพรรคไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องด้วย เพราะเรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของนายไชยา


 


ด้านนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เพิ่งทราบจากข่าว ทั้งนี้การแจ้งบัญชีทรัพย์สินเป็นเรื่องส่วนบุคคล แต่หากมีประเด็นปัญหาข้อกฎหมายก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ฝ่ายกฎหมายของรัฐบาล หรือฝ่ายกฎหมายของพรรคจะเข้าไปช่วยเหลือดูแล


 


ที่มา: เรียบเรียงจากเว็บไซต์มติชนออนไลน์

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net