องค์กรนิรโทษกรรมสากลเปิดเผยว่าผู้ประท้วงอย่างน้อย 40 คน และพระสงฆ์ 7 รูปที่ถูกจับกุมในการประท้วงครั้งใหญ่เมื่อปีที่ผ่านมาถูกทางการพม่าพิพากษาจำคุกอย่างลับ ๆ

จากเหตุการณ์เมื่อเดือนกันยายนปีที่ผ่านมา พระสงฆ์ได้เดินขบวนประท้วงรัฐบาลพม่าครั้งใหญ่ในรอบ 20 ปี โดยรัฐบาลได้ใช้ความรุนแรงสลายการชุมนุม และออกมายอมรับว่ามีผู้ถูกจับในเหตุการณ์ครั้งนั้นราว 3,000 คน แต่ส่วนใหญ่ได้รับการปล่อยตัวในเวลาต่อมา

ด้านองค์กรนิรโทษกรรมสากลได้ออกแถลงการณ์โดยระบุว่า มีผู้ประท้วงอย่างน้อย 700 คนยังถูกคุมขังอยู่ขณะนี้ และ 40 คนในจำนวนนั้นถูกพิพากษาจำคุกอย่างลับๆ

โดยองค์กรเปิดเผยว่า ผู้ประท้วงถูกลงโทษในข้อหาชุมนุมประท้วง ซึ่งเป็นการชุมนุมอย่างสันติและเป็นสิทธิของประชาชนในการแสดงความต้องการของตนเอง นอกจากนี้ ประชาชน 3 คนถูกจำคุกเนื่องจากถวายน้ำให้กับพระสงฆ์ตามท้องถนนในช่วงที่เกิดเหตุการณ์ประท้วง

ทั้งนี้ องค์กรดังกล่าวได้เรียกร้องไปยังคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติให้ช่วยเร่งแก้ปัญหา หลังจากการเยือนพม่าของนายอิบราฮิม แกมบารี ในเดือนที่แล้วประสบความล้มเหลว ซึ่งสถานการณ์การละเมิดสิทธิมนุษยชนในพม่านั้นยังไม่ดีขึ้น

องค์กรนิรโทษสากลยังระบุอีกว่า แทนที่รัฐบาลพม่าจะทำตามตำเรียกร้องของสหประชาชาติ แต่รัฐบาลพม่ากลับเดินหน้าละเมิดสิทธิมนุษยชนด้วยการพิพากษาจำคุกประชาชนเหล่านี้ ซึ่งสภาความมั่นคงแห่งสหประชาชาติไม่ควรปล่อยให้เหตุการณ์ดังกล่าวดำเนินต่อไปเรื่อยๆ

ด้านยูเอ็นออกมาระบุว่า มีผู้เสียชีวิตจากการปราบปรามกลุ่มผู้ประท้วงเมื่อหกเดือนที่แล้วอย่างน้อย 31 คน นอกจากกลุ่มผู้ประท้วงที่ถูกจับในเหตุการณ์ครั้งนั้น 700 คน ก่อนหน้านี้ ได้กุมขังนักโทษทางการเมืองไปแล้ว 1, 150 คน รวมไปถึงนางอ่องซาน ซูจี ที่ถูกกักบริเวณอยู่ในบ้านพักรวมเวลากว่า 12 ปีในระยะเวลา 18 ปี ซึ่งพรรคของนางซูจียังได้รับชัยชนะจากการเลือกตั้งในปี ค.ศ.1900 แต่รัฐบาลกลับไม่ให้นางซูจีจัดตั้งรัฐบาลปกครองประเทศตามผลการเลือกตั้งดังกล่าว  (เอเอฟพี /1 เมษายน 51)