Skip to main content
sharethis

เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2551 พล.อ.เปรมติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เป็นประธานเปิดโครงการ "สานใจไทยสู่ใจใต้ รุ่นที่8" ที่สโมสรทหารบกถนนวิภาวดีรังสิต และให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว กรณีที่รัฐบาลสมัครกำลังเคลื่อนไหวในด้านต่างๆ เช่น การแก้ไขรัฐธรรมนูญและการเปลี่ยนขั้วทางการเมือง ซึ่ง พล.อ.เปรม ปฏิเสธ ไม่ตอบคำถาม โดยให้เหตุผลว่า ไม่มีความรู้เรื่องในเรื่องดังกล่าว


 


เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงความเกี่ยวข้องกับการรัฐประหาร พล.อ.เปรม ยืนยันว่าตนไม่เกี่ยวข้องกับรัฐประหาร และไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องการเมืองมานานแล้ว และตนไม่ได้หายตัวหรือหลบไปไหน เพียงแต่อยู่เงียบๆ ตามปกติ


 


ในขณะที่ นายกรัฐมนตรีสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์หลังเดินทางกลับจากเยือนประเทศอินโดนีเซียอย่างเป็นทางการ โดยยืนยันว่าการนำ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ไปต่างประเทศด้วยทุกครั้ง ไม่ได้เป็นเพราะกลัวถูกปฏิวัติ ตนกับ พล.อ.อนุพงษ์ และกองทัพเข้าใจกันดี


 



นายสมัครยืนยันว่าไม่ได้เป็นคนหลงอำนาจอย่างที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ การเป็นนายกรัฐมนตรีก็ไม่ใช่สิ่งที่ใฝ่ฝันไว้ แต่ถือว่าเป็นกำไรของชีวิตที่ได้ทำงานเพื่อประเทศ ตนเป็นคนต้นทุนต่ำ ซึ่งหมายความว่าจะไปเมื่อใดก็ได้ แต่บ้านเมืองจำเป็นต้องเดินหน้าต่อไป


 



ส่วนเรื่องที่ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย เสนอเปลี่ยนตัว รมช.มหาดไทย จากพรรคเพื่อแผ่นดิน นายสิทธิชัย โควสุรัตน์ เป็น นพ.แวมาฮาดีแวดาโอะ นั้นนายสมัครกล่าวว่า เรื่องนี้ยังไม่ได้พูดคุยกัน แต่ส่วนตัวเห็นว่าเพิ่งทำงานมาได้แค่ 2 เดือนเท่านั้น จะปรับแล้วหรือ


 



นายกรัฐมนตรีกล่าวอีกว่าส่วนตัวไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 309 ที่รับรององค์กรที่เกิดขึ้นตามรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว2549 เพราะไม่สามารถย้อนหลังได้และเป็นการไปแก้ในสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อเราเลย ซึ่ง กกต.ก็หัวเราะ ดังนั้น จะนำเรื่องนี้ไปหารือในที่ประชุมพรรคพลังประชาชนอีกครั้ง 


 


อย่างไรก็ตาม การแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตราอื่นๆ หากไม่ฉวยโอกาสทำในตอนนี้ก็จะเป็นปัญหาในอนาคต เพราะรัฐธรรมนูญฉบับนี้มีคนพูดไว้ชัดเจนว่าต้องการให้รัฐบาลอ่อนแอ โดยเอาความเกลียดชัง พ.ต.ท.ทักษิณชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มาเขียนไว้ในรัฐธรรมนูญ ไม่รู้ว่ายกร่างรัฐธรรมนูญแบบนี้ได้อย่างไร ทำให้เกิดความเสียหาย ยุ่งยาก คนที่มีความคิดเขาไม่ทำกันแบบนี้


 



พันธมิตรระดมกำลังเหนือ-ใต้เข้ากรุง


 



ส่วนการเคลื่อนไหวของแนวร่วมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่จะจัดเวทีภาคประชาชน ที่หอประชุมใหญ่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในวันที่ 28 มีนาคมนี้ มีการระดมแนวร่วมกลุ่มพันธมิตรทั่วประเทศเข้าร่วม นายเอกชัย อิสระทะ ผู้ประสานงานเครือข่ายพันธมิตรสงขลาเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า วันที่ 27 มีนาคมนี้ กลุ่มเครือข่ายพันธมิตรสงขลา และเครือข่ายพันธมิตรจังหวัดสตูล จะเริ่มออกเดินทางจากพื้นที่เข้าสมทบเครือข่ายในพื้นที่ภาคใต้ และเข้ากรุงเทพฯ เพื่อเข้าร่วมการสัมมนาที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในวันที่ 28 มีนาคมนี้ เพื่อผนึกกำลังร่วมกิจกรรมกับเครือข่ายจากทั่วประเทศ


 



นายเอกชัยกล่าวต่อว่ากลุ่มพันธมิตรสงขลา ซึ่งเป็นแกนหลักในการทำงานการเมืองภาคประชาชนในภาคใต้ จะเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว รถบัส และรถไฟ ในส่วนของ จ.สงขลา และสตูล เบื้องต้นได้ตัวเลขยืนยันอย่างไม่เป็นทางการว่าเกินกว่า 100 คนแน่นอน


 



ด้าน นายสุริยันต์ ทองหนูเอียด แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อการปฏิรูปการเมืองภาคเหนือ กล่าวว่า เครือข่ายพันธมิตรภาคเหนือไม่มีการส่งตัวแทนเข้าไปเคลื่อนไหวสมทบอย่างเป็นทางการ แต่จะมีตนและเครือข่ายอีกหลายคนเข้าสังเกตการณ์ในที่ประชุม และจะถือโอกาสไปให้กำลังใจที่กรุงเทพฯ ครั้งนี้ด้วย



อย่างไรก็ตามการเคลื่อนไหวของพันธมิตรรอบใหม่ที่จะมีขึ้นหลังจากนี้ อยากให้ทุกฝ่ายมองว่าการเคลื่อนไหวของพันธมิตรไม่ได้ก่อให้เกิดวิกฤติหรือเป็นการใช้ความรุนแรงที่น่ากลัว การประชุมหารือครั้งนี้น่าจะเป็นการเสนอข้อมูลชุดหนึ่งที่เป็นข้อเท็จจริงในเรื่องความไม่ชอบมาพากลและการคอรัปชั่นของรัฐบาลและผู้ที่อยู่เบื้องหลัง


 



นายสุริยะใสกตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตรฯ กล่าวว่า จะมีรายการเซอร์ไพรส์ผู้เข้าร่วมรับฟังการอภิปรายทางวิชาการ โดยจะมีศิลปินแห่งชาติและกวีซีไรต์ 2 คน คือ นายอังคาร กัลยาณพงศ์ และนายเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ขึ้นเวทีร่ายบทกวีสะท้อนสังคมการเมืองของไทย ในช่วงก่อนที่จะมีการแสดงงิ้วธรรมศาสตร์ ตอน 2551 อันธพาลครองเมือง ช่วงเวลาประมาณ 20.20 น. และนายศรัณยู วงษ์กระจ่าง มาร่วมขับร้องบทเพลง กำลังใจ ช่วงที่ หงาคาราวาน แสดงดนตรีเพื่อชีวิต ในเวลา 17.40 น.ด้วย


 



นายสุริยะใสยืนยันว่าการจัดสัมมนา "ยามเฝ้าแผ่นดิน ภาคพิเศษ" ที่จะมีขึ้นในเย็นวันที่ 28 มีนาคมที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จะอยู่ภายใต้หลักการสันติ มั่นใจว่าจะไม่มีเหตุร้ายเกิดขึ้น ซึ่งทางกลุ่มได้เตรียมเจ้าหน้าที่ไว้ 500 คนเพื่อประสานกับตำรวจดูแลความปลอดภัย


 



กลุ่มมหาชนเลื่อนจัดเวทีชนพันธมิตร


 



นายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ ในฐานะแกนนำกลุ่มมหาประชาชนร่วมพิทักษ์ประชาธิปไตย พร้อมด้วย นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ ส.ส.นครราชสีมา พรรคพลังประชาชน แถลงถึงความคืบหน้าในการจัดเวทีคู่ขนานกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ในวันที่ 28 มีนาคม ว่าจากเดิมกำหนดไว้ว่าจะจัดที่โรงแรมรัตนโกสินทร์ แต่เมื่อมีการประเมินแล้วว่าวันดังกล่าวจะมีประชาชนมาร่วมเรือนหมื่น มีการหารือร่วมกับหลายฝ่าย รวมทั้งความเห็นของ ร.ต.อ.เฉลิม ที่ระบุว่าอาจเป็นชนวนเหตุให้กลายเป็นการเผชิญหน้าได้


 


และจากความเห็นของประชาชนและโพลล์ต่างๆ ที่ระบุว่าร้อยละ 50 กว่าไม่เห็นด้วย อีกทั้งยังมีข่าวลือว่าอาจจะเกิดการเผชิญหน้า มีบุคคลที่สามเข้ามาฉวยโอกาส ทำให้กลายเป็นเครื่องมือของกลุ่มพันธมิตร จนอาจจะทำให้ควบคุมสถานการณ์ไม่ได้ เนื่องจากโรงแรมรัตนโกสินทร์รับได้เพียง 1,000 กว่าคนเท่านั้น จึงจำเป็นต้องเลื่อนการชุมนุมออกไปก่อน และขอให้ติดตามอีก 7 วันจะมีข่าวใหญ่


 



"อีก 7 วันเราจะเปิดแคมเปญเป็นแพ็กเกจใหม่ มีองค์กรต่างๆ และนักวิชาการมาร่วมกับเราด้วย ส่วนที่ต้องให้รออีก 7 วันนั้น เพราะขณะนี้อยู่ระหว่างการติดต่อขอใช้สถานที่ของสวนลุมพินี ในวันที่ 4 เมษายน ซึ่งเราจะมีการจัดเวทีใหญ่อย่างแน่นอน ตั้งแต่เวลา 17.00 น. และอีกสาเหตุหนึ่งที่เราตัดสินใจเลื่อนวันออกไปนั้น เพราะจะสังเกตเห็นได้ว่าท่าทีของกลุ่มพันธมิตรที่เดิมโจมตีเรื่องการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมนั้น ขณะนี้ท่าทีดังกล่าวของกลุ่มพันธมิตรเปลี่ยนไปแล้ว โดยหันมาเล่นเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญแทน" นายประชาระบุ


 



ด้านนายบุญจงกล่าวว่าแม้จะเลื่อนวันออกไป แต่ก็ยังคงติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรอย่างต่อเนื่อง และประชาชนยังสามารถส่งจดหมายและเรื่องร้องเรียนมาที่ตู้ ปณ.111 ทำเนียบรัฐบาล ได้เหมือนเดิม ทั้งนี้ ยืนยันว่า การระงับเวทีคู่ขนานครั้งนี้ไม่เกี่ยวกับมีผู้ใหญ่ในพรรคพลังประชาชนสั่งห้ามแต่อย่างใด


 



51 ส.ส.พปช.อีสานค้านเร่งแก้ รธน.



นายปัญญา ศรีปัญญา ส.ส.ขอนแก่น พรรคพลังประชาชน กล่าวว่า หลังจากที่ประชุมพรรคมีการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ ปรากฏว่ามีเสียงเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งต้องการให้มีการแก้ไข และอีกส่วนไม่ต้องการให้แก้ไข จากการหารือ ส.ส.อีสานในพรรคพลังประชาชน มีประมาณ 51 คน ส่วนใหญ่เป็น ส.ส.ใหม่ เห็นว่าไม่ควรเร่งรีบแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะเชื่อว่ายังไม่ใช่จะมีการยุบพรรคในเวลานี้ ยังใช้ระยะเวลาอีกนานกว่าจะมีการพิจารณายุบพรรค รวมทั้งจะต้องรอดูผลคดียุบพรรค 2 พรรคก่อน


 



นายปัญญากล่าวต่อว่าถึงวันนี้ชาวบ้านในพื้นที่ส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยเห็นด้วยที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะยังพอใจที่เห็น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กลับมาต่อสู้คดีแก้ข้อกล่าวหา และพอใจการแก้ไขปัญหาของรัฐบาล แม้นายกฯ จะบอกว่าเป็นรัฐบาลขี้เหร่ ทุกคนให้โอกาสในการทำงาน วันนี้ราคาข้าวเปลือกก็ดีขึ้นซึ่งถูกใจชาวบ้าน และยังมีการอัดฉีดงบเอสเอ็มแอลลงไปอีก จึงไม่อยากให้เร่งรีบแก้ไขรัฐธรรมนูญ ควรสนใจการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อน ปัญหาปากท้องของประชาชนมากกว่า



 


 


ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพุรกิจ และคมชัดลึก

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net