Skip to main content
sharethis


"ทักษิณ" หวั่นถูกลอบทำร้ายเลิกภาระกิจช่วงบ่าย


เว็บไซต์คมชัดลึก -เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 29 กุมภาพันธ์ ที่ห้องพักชั้น 36 โรงแรมเพนนินซูล่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี รับประทานอาหารเช้าร่วมกับนพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช อดีตรองเลขาธิการพรรคไทยรักไทย นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ก่อนเดินทางไปเข้าเฝ้าสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ที่โรงพยาบาลจุฬาฯ ก่อนออกเดินทางเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประสานให้สื่อมวลชนที่มาดักรอทำข่าวให้ไปรอทำข่าวที่โรงพยาบาล เนื่องจากต้องการความเป็นส่วนตัว และไม่ต้องการให้มีรถผู้สื่อข่าวตามขบวนไปด้วย



 


เวลา 09.45 น. พ.ต.ท.ทักษิณ พร้อมครอบครัว และ นพ.พรหมินทร์ นายพงษ์ศักดิ์ น.ส.ศุภรัตน์ นาคบุญนำ นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา เดินทางมาถึงโรงพยาบาลจุฬาฯ โดยมีนายเนวิน ชิดชอบ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย และนายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รอต้อนรับ พร้อมทั้งมีประชาชนจำนวนหนึ่งถือป้ายผ้ามาคอยต้อนรับ ตะโกนว่าเรารักทักษิณ ทั้งนี้ พ.ต.ท.ทักษิณใช้เวลาเข้าเฝ้าสมเด็จพระสังฆราช ประมาณ 15 นาที จากนั้นจึงเดินทางกลับโรงแรมเพนนินซูล่า



 


ภายหลังเข้าเฝ้าสมเด็จพระสังฆราช พ.ต.ท.ทักษิณเข้าพักผ่อนที่โรงแรมเพนนินซูล่า พร้อมยกเลิกกำหนดการช่วงเวลา 14.00 น. ที่จะเดินทางไปที่ย่านพุทธมณฑล เพื่อนมัสการพระเถระชั้นผู้ใหญ่รูปหนึ่ง รวมถึงยกเลิกกำหนดการเวลา 16.30 น. ที่จะเดินทางไปยังสนามรัชมังคลากีฬาสถาน หัวหมาก เพื่อเป็นประธานเปิดคลินิกสอนเทคนิคการเล่นฟุตบอลแก่เยาวชนอายุระหว่าง 12-15 ปี ดำเนินการโดยสโมสรแมนเชสเตอร์ ซิตี้ และมูลนิธิไทยคม โดยนายเนวินให้เหตุผลว่า พ.ต.ท.ทักษิณต้องการพักผ่อน ตอนนี้ก็สบายดี สั่งก๋วยเตี๋ยวเนื้อเจ้าประจำและสั่งอาหารไทยประเภทต่างๆ มารับประทาน



 


ผู้สื่อข่าวถามว่า ช่วงนี้ดวงของ พ.ต.ท.ทักษิณเป็นอย่างไรบ้าง นายเนวิน กล่าวว่า ดวงนั้นสำคัญอะไรตรงไหน พ.ต.ท.ทักษิณเป็นคนเหนือดวง ไม่ต้องผูกดวงอะไร



 


รายงานข่าวจากพรรคพลังประชาชน เปิดเผยกรณี พ.ต.ท.ทักษิณยกเลิกภารกิจช่วงบ่ายกะทันหัน เนื่องจากได้รับแจ้งจากทีมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยว่าสถานที่ที่จะเดินทางไปทั้งสองแห่ง เป็นสถานที่เปิดโล่ง จึงยากต่อการดูแลรักษาความปลอดภัย โดยเฉพาะสนามราชมังคลากีฬาสถาน ที่มีตึกสูงล้อมรอบ รวมทั้งได้แนะนำให้ พ.ต.ท.ทักษิณยกเลิกการแจ้งกำหนดการล่วงหน้า เนื่องจากเกรงว่าจะมีกลุ่มมือที่สามก่อเหตุป่วน



 


"มาร์ค" ชี้ "แม้ว" ไม่ควรมีตำแหน่งทางการเมือง


เว็บไซต์เดลินิวส์ - นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวภายหลังรับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ว่า รู้สึกเป็นห่วงกรณีที่ นพ.สุรพ.ษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จะตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มาเป็นที่ปรึกษา โดยเห็นว่าการรับฟังคำแนะนำจาก พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นสิ่งที่สามารถทำได้ แต่ไม่ควรตั้งให้มีตำแหน่งอย่างเป็นทางการ รวมทั้งควรมีเส้นแบ่งที่ชัดเจนระหว่างผู้ให้คำปรึกษากับผู้มีอำนาจตัดสินใจ เพราะสุดท้ายแล้วคนที่ต้องรับผิดชอบก็คือรัฐมนตรีในแต่ละกระทรวง และรวมถึงรัฐบาลด้วย ทั้งนี้ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ก็จะต้องแสดงความสามารถในการดูแลรัฐมนตรี รวมทั้งสร้างความมั่นใจว่าเป็นนายกรัฐมนตรีตัวจริงด้วย


 


 


"ประสงค์"จวก"แม้ว"เล่นละครตบตาไม่จริงใจ


เว็บไซต์คมชัดลึก - น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) อดีตประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวถึงการกลับมาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า ถ้ากลับมาแล้วทำตัวให้เรียบร้อยแบบคนธรรมดา ก็ไม่มีปัญหา คนก็ไม่หมั่นไส้ แต่การก้มลงกราบแผ่นดินแบบนี้ใครดูก็หัวเราะ เพราะถ้าอยากจะกราบแผ่นดินจริงๆ ก็ต้องทำตั้งแต่เท้าแตะพื้นดินจริงๆ ไม่ใช่รอจนกว่าจะพบกล้องและประชาชนจึงก้มลงกราบ เป็นการใช้การตลาดเหมือนการเล่นการละครเรื่อง น้ำตาหยดปฐพี ซึ่งไม่รู้ว่าจะออกช่องไหน



 


ผู้สื่อข่าวถามว่า มั่นใจหรือไม่ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะยุติบทบาททางการเมือง น.ต.ประสงค์ กล่าวว่า โดยนิตินัย พ.ต.ท.ทักษิณ ทำกิจกรรมทางการเมืองไม่ได้อยู่แล้ว แต่โดยพฤตินัยก็ต้องระวังเพราะพฤติกรรมจะเข้าข่ายขัดคำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญ ไม่ว่าจะเป็นการหนุนพรรคการเมือง หรือมีส่วนในการแต่งตั้งตำแหน่งต่างๆในรัฐบาลล้วนทำไม่ได้ หากมีการยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความก็จะเกิดปัญหาทันที ตั้งแต่อยู่ที่ฮ่องกง หรืออังกฤษมีคนไปพบมากมาย คุณอาจจะไม่รู้ว่ามีการแอบถ่ายภาพอัดเสียงเอาไว้หมดแล้ว



 


น.ต.ประสงค์ กล่าวว่า สำหรับผู้ที่มีตำแหน่งในรัฐบาลที่ไปรับอดีตนายกรัฐมนตรี ถึงสนามบินนั้นขอให้คำนึงถึงความเหมาะสม เพราะคนที่ไปรับนั้นเป็นจำเลยที่หนีหมายจับ ดังนั้น ทำอะไรขอให้อย่าฮึกเหิม ไม่เช่นนั้นจะทำให้ความรู้สึกของคนในบ้านเมืองร้อนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะการอาละวาดด้วยการโยกย้ายข้าราชการหลายตำแหน่งในช่วงนี้ ตนสงสัยว่ามีเป้าหมายเพื่อกรุยทางให้ พ.ต.ท.ทักษิณ สามารถสั่งงาน สั่งการได้ง่ายขึ้นโดยเฉพาะการย้ายอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ขอถามว่าเป็นการย้ายเข้าไปทำลายหลักฐานเกี่ยวกับคดีของ พ.ต.ท.ทักษิณ หรือไม่ เนื่องจากในดีเอสไอมีข้อมูลหลักฐานอยู่เป็นจำนวนมาก หลายคดี



 


นอกจากนี้ ยังเห็นว่า การย้ายข้าราชการหลายคนในช่วงนี้ เป็นการข่มขู่ข่มขวัญข้าราชการคนอื่นให้เกรงกลัวไม่ให้ทำหน้าที่ เรื่องอย่างนี้ไม่มีใครทำกัน แม้แต่รัฐบาลปฏิวัติยังไม่ทำถึงขนาดนี้ ดังนั้น ขอให้ข้าราชที่มีเกียรติยศศักดิ์ศรี ดำเนินกิจการงานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ต่อไปอย่าหวั่นไหว หากใครถูกละเมิดก้าวก่ายหรือแทรกแซงก็ขอให้มาบอกตน เพราะในฐานะผู้ร่างรัฐธรรมนูญจะชี้ให้ดูว่ามีการกระทำที่ขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ ตนจะช่วยเต็มที่



 


"บ้านเมืองต่อจากนี้จะไม่สงบ ซึ่งคนที่ทำให้ไม่สงบก็คือพวกรัฐบาลที่กำลังฮึกเหิม สร้างความแตกแยกให้บ้านเมือง จัดตั้งมวลชนไปรับ พ.ต.ท.ทักษิณ สร้างความรู้สึกให้คนเป็นปฏิปักษ์ต่อกัน ถ้ารัฐบาลยังทำอะไรไม่เกรงอกเกรงใจชาวบ้าน บ้านเมืองก็จะไม่สงบ โดยเฉพาะคนที่ปาดน้ำตาอย่ามาสร้างความแตกแยก ตอนนี้ไม่มีตำแหน่งอย่าคิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่ อย่าไปสร้างความไม่สบายใจให้กับคนที่มีตำแหน่งจนกลายเป็นอยู่ในสภาพต่างคนต่างเป็นใหญ่ หากเป็นแบบนี้จะบริหารราชการแผ่นดินไม่ได้ เพราะมัวแต่ทะเลาะกันเอง เมื่อเป็นจำเลยก็ควรอยู่อย่างสงบเสงี่ยม เมื่อศาลนัดก็ให้ไป อย่าหาข้ออ้างยืดเวลาอีก" น.ต.ประสงค์ กล่าว



 


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการสัมภาษณ์เสร็จสิ้นลง น.ต.ประสงค์ ได้หยอกล้อกับผู้สื่อข่าวด้วยการย่อเข่าลงบนพื้นของอาคารรัฐสภา เพื่อจะก้มลงจูบแผ่นดิน อยู่หลายครั้ง โดยบอกว่าอยากจะสร้างช็อตเด็ดเหมือนอดีตนายกฯบ้าง


 


 


ม็อบยึดลานหน้า กกต.เชียงรายป้อง"ยงยุทธ"


เว็บไซต์คมชัดลึก - เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2551 ได้มีประชาชนกว่า 800 คน จากหลายอำเภอในจังหวัดเชียงราย เดินทางรวมตัวกันที่หน้าสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดเชียงราย (กกต.) เพื่อแสดงพลังในการสนับสนุนนายยงยุทธิ์ ติยะไพรัช และนางละออง ติยะไพรัช น้องสาว ผู้สมัคร สส.พรรคพลังประชาชน ที่ถูก กกต.ส่วนกลางชี้มูลความผิดทุจริตการเลือกตั้ง โดยกลุ่มชาวบ้านที่เดินทางมาในครั้งนี้ ส่วนหนึ่งเป็นชาวเขาชนเผ่าต่างๆ จากอำเภอแม่จัน และอำเภอแม่ฟ้าหลวง



 


ต่อมาผู้ชุมนุมได้นำรถบรรทุก 6 ล้อ พร้อมอุปกรณ์เครื่องเสียงมาจอดไว้หน้าที่ทำการ กกต.เชียงราย และผลัดเปลี่ยนกันขึ้นปราศัย ขณะเดียวกันที่ชาวบ้านอีกส่วนหนึ่งก็ได้นำแผ่นป้ายกระดาษ และรูปภาพของนายยงยุทธ ตะโกนให้กำลังใจนายยงยุทธ ซึ่งเนื้อหาส่วนใหญ่เรียกร้องให้สังคมได้เข้าใจว่า การเคลื่อนไหวครั้งนี้ ไม่ต้องการเห็นคนดีถูกกลั่นแกล้ง เพราะมั่นใจว่าครอบครัวของนายยงยุทธิ์ เป็นคนดี ชาวเชียงรายให้ความรักและเคารพ และยังระบุด้วยว่าที่ผ่านมาชาวเชียงรายมีความรู้สึกเสียใจมาก ที่สังคมส่วนใหญ่ไม่ยอมเข้านายยงยุทธ์ โดยเฉพาะสื่อมวลชนจากทุกแขนง ที่พยายามชี้นำให้เป็นภาพลบอยู่ตลอดเวลา



 


โดยก่อนหน้า บก. ภ.จว.เชียงราย ได้สั่งการให้ชุดควบคุมฝูงชน 2 กองร้อย ซึ่งสนธิกำลังจากทุกโรงพักทั่ว จ.เชียงราย มาเตรียมพร้อมที่ บก.ภ.เชียงราย พร้อมรับคำสั่งเคลื่อนกำลังทันที ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ในโครงการบ้านดู่เมืองใหม่ หมู่ที่ 3 ต.บ้านดู อ.เมืองเชียงราย ซึ่งอยู่ใกล้เคียง สำนักงาน กกต.เชียงรายเพื่อให้ปิดบ้านและเพิ่มความระวังเนื่องจากหวั่นเกิดเหตุบานปลาย อันเนื่องจากการชุมชน ตลอดจนได้เคลีย์พื้นที่การจราจรไว้ เพราะเกรงว่าจะมีขบวนรถอีเต๋นเดินทางมาร่วมด้วย แต่สุดท้ายพบว่ามีเพียงกลุ่มชาวบ้าน ที่รวมตัวกัน และนำรถส่วนตัวเข้ามาเท่านั้น



 


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การชุมชนของผู้สนับสนุนพรรคพลังประชาชน ได้ใช้เวลาในการปราศัยจนกระทั่งถึงเวลา 16.30 น. จากนั้นก็ได้มีการแยกย้ายกลับ โดยกลุ่มแกนนำบางส่วนเดินทางต่อไปยังบ้านพักของนายยงยุทธ์ ที่ตำบลสันทราย อำเภอแม่จัน เพื่อปรึกษากันว่าจะทำอย่างไรต่อไป


 



 


"แก้วสรร"สั่ง"แม้ว"หุบปากแล้วรีบแจง คตส.


เว็บไซต์คมชัดลึก -นายแก้วสรร อติโพธิ เลขานุการคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ในฐานะอนุกรรมการไต่สวนคดี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกนโยบายเอื้อประโยชน์ให้กับตัวเองและพวกพ้อง แถลงภายหลังการประชุมอนุกรรมการไต่สวน ว่า ที่ประชุมมีมติยกคำร้องของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่มอบอำนาจให้ทีม



 


ทนายยื่นคำร้องขอตรวจสอบสำเนาเอกสาร ในคดียึดทรัพย์และคดีอาญาการแปลงค่าสัมปทานเป็นภาษีสรรพสามิต โดยทุจริต และการคงถือไว้ซึ่งหุ้นสัมปทาน การได้ทรัพย์สินมาโดยมิสมควร โดยใช้อำนาจในตำแหน่งน้าที่มิสมควร เนื่องการทำงานอนุกรรมการถือว่าอยู่ในชั้นไต่สวนที่มีการตั้งข้อกล่าวหา และให้ผู้ถูกกล่าวหามาชี้แจง ซึ่งแตกต่างจากการทำงานในชั้นศาล ที่ให้สิทธิ์ผู้ถูกกล่าวหาเข้าตรวจสอบเอกสารสำนวนได้



 


นายแก้วสรร กล่าวว่า เอกสารหลักฐานของอนุกรรมการก็ขอมาจากนางกาญจนาภา หงส์เหิน เลขานุการส่วนตัวคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา ดังนั้นหากอยากได้ก็ไปขอจากตัวความเอง และ คตส.อยากให้ทีมทนายขอเอกสารเผื่อด้วย เพราะเอกสารที่ คตส.ขอไปจากนางกาญจนา ยังได้ไม่ครบ ทั้งนี้คดีดังกล่าวอนุกรรมการได้มีการอนุมัติให้ พ.ต.ท.ทักษิณเลื่อนวันชี้แจงข้อกล่าวหาออกไปถึงวันที่ 6 มี.ค.นี้ตามคำขอของทีมทนาย ซึ่งไม่แน่ใจว่าความจริงแล้ว พ.ต.ท.ทักษิณ ได้อ่านข้อกล่าวหาของ คตส.หรือยัง เพราะขณะนี้อนุกรรมการยังไม่รับหนังสือใบเซ็นรับทราบข้อกล่าวหาของ พ.ต.ท.ทักษิณ เลย



 


"ในโอกาสนี้ เป็นโอกาสดีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับประเทศไทยแล้ว โปรดขอให้ใช้สิทธิ์มาชี้แจง ถ้ามาชี้แจงด้วยตัวเองได้ยิ่งดี จะได้อ่านข้อกล่าวต่างๆ ได้เข้าใจ หากไม่เข้าใจ คตส.จะได้อธิบายให้เข้าใจเพิ่มเติม หรือจะใช้ทนายมาแทนก็ได้ แต่ต้องให้ข้อมูลข้อเท็จจริงกับทีมทนายให้ครบ เพราะจนบัดนี้ไม่ทราบว่าท่านบอกเรื่องจริงกับทีมทนายหมดหรือยัง" นายแก้วสรร กล่าว



 


เมื่อถามว่าดูเหมือน พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ให้ค่ากับการปฏิบัติหน้าที่ของ คตส. นายแก้วสรร กล่าวว่า เห็น พ.ต.ท.ทักษิณ ประกาศตัวว่าจะมาสู้คดี ถ้าจะสู้คดีก็ต้องสู้ให้เต็มตัว ถ้าไม่เชื่อ คตส. และไม่เชื่อศาล ก็ไม่ต้องกลับมา เพราะข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไรก็ไปว่ากันที่ศาล และถ้าเชื่อศาลก็ให้ทิ้ง คตส.ไปเลย เราจะได้รีบทำคดีให้ไปถึงชั้นศาล ทั้งนี้การทำงานของ คตส.เพื่อไม่อยากให้บ้านเมืองแตกแยก ไม่อยากให้มองว่าใครรัก ไม่รัก พ.ต.ท.ทักษิณ แต่กระบวนการทั้งหมดก็ไปว่ากันในชั้นศาล



 


เมื่อถามว่าอยากฝากอะไรไปถึง พ.ต.ท.ทักษิณ นายแก้วสรร กล่าวว่า ตนไม่อยากเห็นคนไทยทะเลาะกัน หากเห็นว่าประเทศไทยควรสงบ ก็ขอให้ความร่วมมือกับ คตส.และให้กระบวนการยุติธรรมเป็นตัวตัดสิน เอาความจริงไปว่ากันในชั้นศาล



 


ส่วนกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุว่า ไม่ได้รับความเป็นธรรม และทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง นายแก้วสรร ยืนยันว่า คตส.ทำงานด้วยความเป็นธรรม แต่อยู่ที่ว่าคนจะเชื่อใคร ต่างคนก็ต่างพูดว่าตัวเองพูดถูก มนุษย์ขี้เหม็นกันทุกคน ถ้ายังเชื่อมั่นข้อมูลของตัวเองก็ให้รีบไปศาลเลยสิ แล้วก็หุบปากซะ



 


เมื่อถามว่ากลัวว่าจะมีการแทรกแซงการทำงานหรือไม่ นายแก้วสรร กล่าวว่า อย่าหยุด คตส. เพราะต้องทำหน้าที่เอาคดีขึ้นศาล หากไม่ทำก็ถือว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ แต่ถ้าจะหยุด คตส.ทำได้อย่างเดียวคือแก้กฎหมาย



 


 


แฉบ้านเอื้ออาทร หนี้พอก 4.8 หมื่นล้าน


เว็บไซต์คมชัดลึก - นายแก้วสรร อติโพธิ เลขานุการคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ในฐานะประธานอนุกรรมการไต่สวนคดีบ้านเอื้ออาทร เปิดเผยว่า ได้รับการร้องเรียนจากผู้บรรดาผู้รับเหมาก่อสร้างในโครงการบ้านเอื้ออาทรทั่วประเทศว่ามีคำสั่งจาก คตส.ให้ระงับการจ่ายเงินค่างวดในการก่อสร้างโครงการ เนื่องจากเป็นโครงการที่ถูกตรวจสอบ ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เพราะ คตส.ไม่เคยล้วงลูกหรือก้าวก่าย ไม่เคยสั่งหรือข่มขู่การเคหะแห่งชาติไม่ให้จ่ายผู้รับเหมา


 


แต่จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่าสาเหตุที่ไม่มีการจ่ายเงินค่างวดให้ เนื่องจากเป็นการขาดสภาพคล่องของการเคหะแห่งชาติเอง เพราะสัญญาในการจ้างจำนวน 6 แสนยูนิต มีการสร้างเสร็จจริง 1.2 แสนยูนิต ขายได้เพียง 5 หมื่นยูนิต ที่เหลือชาวบ้านไม่เอา เพราะราคาไม่เอื้ออาทร คนจนเห็นว่าไม่คุ้มเลยไม่ยอมซื้อ จากเดิมทำสัญญาผ่อนเดือน 1.5 พันบาทระยะเวลา 30 ปี แต่พอจ่ายจริงต้องผ่อนเดือนละ 2.4 พันบาท ระยะเวลา 30 ปี เมื่อขายไม่ได้ รายรับก็ขาดจึงค้างหนี้ผู้รับเหมา ทุกวันนี้ 1.5 พันล้านบาท แต่หากถึงเดือน เม.ย.นี้ จะเพิ่มขึ้นเป็น 3 พันล้านบาท



 


"รัฐบาลทำอะไรอยู่ รัฐบาลพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ผ่านมา 1 ปีไม่เคยดูแลเลย รัฐบาลใหม่เข้ามาก็ต้องดูแลเหมือนกัน จะหาเงินมาได้อย่างไร ขณะนี้วิกฤติเอื้ออาทรมาแล้ว ยังมีหนี้ธนาคารอีก 4.5 หมื่นล้านบาทจะครบกำหนดจ่ายในปีนี้ หนี้ผู้รับเหมาจะซ้ำเข้ามาอีก 3 พันล้านบาท รวมเป็น 4.8 หมื่นล้านบาท จะเอาเงินที่ไหนมาจ่ายทั้งธนาคาร ผู้รับเหมา และพนักงานการเคหะแห่งชาติ ขอให้จัดการแก้ไขซะ อย่างมาโทษ คตส. คตส.ไม่ยุ่งเกี่ยวทั้งสิ้น ทำงานกันอย่างไร คนไม่ซื้อ สร้างไม่เสร็จ ผู้บริหารการเคหะต้องพูดความจริง รัฐมนตรีพัฒนาสังคม ต้องตื่น รัฐมนตรีคลังต้องตกใจได้แล้ว วิกฤติแล้วรู้บ้างไหม" นายแก้วสรร กล่าว



 


นายแก้วสรร กล่าวว่า ในการประชุม คตส.วันที่ 3 มี.ค.นี้ ตนจะเสนอให้ที่ประชุมพิจารณาการทุจริตโครงการบ้านเอื้ออาทรอีก 2 โครงการ ซึ่งขึ้นอยู่กับว่าที่ประชุมจะบริหารเวลาพิจารณาได้ทันหรือไม่


 


 


"หมัก"เบรกแตก! จวกสื่อถามนายกฯมี2คน


เว็บไซต์เดลินิวส์ - นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์อย่างมีอารมณ์หลังถูกสื่อมวลชนถามถึงกรณีที่ขณะนี้มีภาพนายกรัฐมนตรีซ้อนถึง 2 คน ภายหลัง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางกลับประเทศแล้ว โดยนายสมัคร กล่าวยืนยันว่า ประเทศไทยมีนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว พร้อมตำหนิสื่อมวลชนที่ตั้งประเด็นทำให้สังคมเกิดความสับสน



 


"นายกฯมีสองคนมันเป็นไปได้อย่างไร สื่อคิดกันได้แค่นี้เองหรือ ผมถามจริงๆไม่กลัวน่าอาย น่าขายหน้ากันบ้างหรือ คิดได้แค่นี้หรือ หนังสือพิมพ์ไปเขียนกันเอง เป็นความคิดของคนระดับพวกคุณเท่านั้น ทำไมสื่อชอบกระทบกระแทก แดกดัน ไม่คิดแบบคนธรรมดาบ้างหรือ ว่านี่เป็นนายกฯ และนั่นคืออดีตนายกฯ" นายสมัคร กล่าว


 


 


นปก.ยึดตึกบัญชาการ หารือเงียบ


เว็บไซต์แนวหน้า - เมื่อเวลา 15.00 น. แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) ประกอบด้วย นายแพทย์สันต์ หัตถีรัตน์ นายแพทย์เหวง โตจิราการ นายจรัล ดิษฐาอภิชัย เดินทางเข้าพบนายชูศักด์ ศิรินิล และ นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อยื่นหนังสือขอให้ตรวจสอบและดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 และพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ที่ผ่านการรับรองจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยมีนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นผู้ประสานงานในการเข้าพบในครั้งนี้ โดยนายณัฐวุฒิ ได้พูดทีเล่นทีจริงกับผู้สื่อข่าวก่อนที่จะขึ้นไปร่วมหารือกับแกนนำ นปก. ทั้งหมด ว่า "พรรคพวกเก่ามาหาผมก็เลยขึ้นไป"



 


นายจรัล กล่าวว่า นายชูศักดิ์ รับประกันว่าจะนำเรื่องนี้เข้าหารือกับ นายสมัคร สุนทรเวช นายกฯ เพื่อให้มีการเร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยเร็วที่สุด โดยเฉพาะในประเด็นให้ยกเลิก ส.ว.สรรหา , ยกเลิกพ.ร.บ.ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. ซึ่งเป็นกฎหมายที่ไม่เป็นประชาธิปไตย



 


น.พ.เหวง กล่าวว่าทางอดีตกลุ่ม นปก. และ แนวร่วมอื่นๆ เช่น คนวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการ คนรักทักษิณ กลุ่ม 24 มิ.ย. กลุ่มวิทยุชุมชน และกลุ่มรธน.40 พร้อมจะออกมาเคลื่อนไหว หากมีสถานการณ์ทางการเมืองที่มีแนวโน้มว่า ทหารจะปฏิวัติ



 


"ทุกกลุ่มยังคงมีการรวมตัวกันอยู่ แต่ต่างกันตรงที่แต่ละกลุ่มก็เคลื่อนไหวของตัวเอง แต่ไม่ได้มารวมตัวกันเท่านั้น" น.พ.เหวง กล่าว



 


นอกจากนี้ภายหลังการหารือเสร็จ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายจรัล ได้เดินขึ้นไปยังตึกไทยคู่ฟ้าแต่เพียงลำพัง และ เป็นที่สังเกตว่า การเข้าพบ ของกลุ่มแกนนำ นปก.ทั้ง 3 คน เกิดขึ้นภายหลัง นายจักรภพ มีคำสั่งย้าย นายปราโมช รัฐวินิจ อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ และ การลาออกของบอร์ด บริษัท อสม.จำกัด (มหาชน) โดยมีทั้งหมด 4 คน


 


 


คมนาคมเล็งงบทะลุล้านล้าน เร่งรัดโครงการเมกะโปรเจคท์


เดลินิวส์ - นายชัยสวัสดิ์ กิตติพรไพบูลย์ ปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับผู้บริหารหน่วยงาน ภายใต้สังกัดกระทรวงคมนาคมว่า ได้มอบหมายให้แต่ละหน่วยงานไปจัดทำแผนการบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2551-2554 ซึ่งเป็นไปตามข้อกำหนดของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักร พ.ศ. 2550 โดยให้สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล โดยนโยบายเร่งด่วน ให้เริ่มดำเนินการทันทีในปีแรก คือโครงการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพฯและปริมณฑล รองลงมาโครง การรถไฟรางคู่ รถไฟความเร็วสูง รถไฟชานเมือง โครงการแลนด์บริดส์คาดว่าวงเงินลงทุนโครงการต่าง ๆ ของกระทรวงคมนาคมอาจต้องของบประมาณสูงมากกว่า 1 ล้านล้านบาท ซึ่งถือว่า เป็นวงเงินสูงสุดที่เคยเสนอมา เนื่องจากเฉพาะโครงการรถไฟฟ้า ใช้วงเงินลงทุนสูงถึง 700,000 ล้านบาท


 


"ได้ให้ทุกหน่วยงาน ที่สังกัดกระทรวงคมนาคมไปจัดแผนบริหารราชการแผ่นดิน โดยให้เน้นโครงการที่มีความเป็นไปได้ในการนำมาดำเนินการได้ทันที และเรียงลำดับความสำคัญของแต่ละโครงการ รวมทั้งให้ระบุสัดส่วนการใช้เงินลงทุนระหว่างงบประมาณเงินกู้ในประเทศ เงินกู้ต่างประเทศ ซึ่งแต่ละหน่วยงานมีแผนเบื้องต้นแล้ว จึงให้เสนอกลับมาภายในสัปดาห์นี้ จากนั้นจะส่งแผนไปให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และสำนักงบประมาณ และคณะกรรมการที่รัฐบาลได้จัดตั้งขึ้น เพื่อพิจารณาจัดสรรงบประมาณให้แต่ละหน่วยงานต่อไป"


 


อย่างไรก็ตามนโยบายของรัฐบาล ตามโครงการสร้างยุทธศาสตร์ ที่มีความเกี่ยวข้องกับกระทรวงคมนาคม คือ นโยบายฟื้นฟูความเชื่อมั่นของประเทศ ซึ่งเป็นนโยบายเร่งด่วน ที่จะเริ่มดำเนินการในปีแรก โดยมีแผนงานบรรเทาความเดือดร้อนด้านเศรษฐกิจของประชาชน และผู้ประกอบการ ซึ่งในส่วนที่เกี่ยวข้องกับของกระ ทรวงคมนาคม คือ การดูแลค่าโดยสารให้เหมาะสม ไม่สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน การส่งเสริมให้รถโดยสารใช้พลังงานทดแทน ลดการใช้น้ำมัน ทำให้ต้นทุนลดลง ซึ่งจะทำให้ไม่ต้องปรับค่าโดยสาร


 


 


ผู้นำอิรักอนุมัติประหารสมุนซัดดัม 'เคมิคัล อาลี' ฆ่าโหดล้างชาวเคิร์ด


ผู้จัดการรายวัน - สภาประธานาธิบดีอิรักอนุมัติคำสั่งแขวนคออาลี ฮัสซัน อัลมายิด สมุนระดับสูงที่สุดของอดีตประธานาธิบดีซัดดัม ฮุสเซน หรือที่รู้จักกันในนาม "เคมิคัล อาลี" หลังจากที่ศาลพิพากษาลงโทษมายิดและจำเลยอีก 2 คน ฐานใช้อาวุธเคมีและระเบิดฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวเคิร์ด ในช่วงทศวรรษ 1980


 


เมื่อวันศุกร์(29) เจ้าหน้าที่ระดับสูงผู้หนึ่งในรัฐบาลอิรักให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวเอเอฟพี โดยไม่ระบุชื่อว่า สภาประธานาธิบดีอิรัก ประกอบด้วยประธานาธิบดีญาลาล ตอลาบานี ซึ่งเป็นชาวเคิร์ด และรองประธานาธิบดีอีก 2 คน ได้อนุมัติการประหารมายิดแล้ว


 


เจ้าหน้าที่ผู้นี้กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีนูรี อัลมาลิกี จะเป็นผู้กำหนดวันประหารมายิด


 


มายิดถูกศาลพิพากษาประหารชีวิตด้วยการแขวนคอ เมื่อเดือนมิถุนายน ปีที่แล้ว ร่วมกับจำเลยอีก 2 คน ซึ่งก็คือซุลตาน ฮาชิม อัลไต อดีตรัฐมนตรีกลาโหมในยุคซัดดัม และฮุสเซน ราชิด มูฮัมเหม็ด อดีตผู้บัญชาการทหาร ในความผิดฐานฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวเคิร์ดหลายหมื่นคน ในการกวาดล้างชาวเคิร์ด หรือที่เรียกว่า การสู้รบอันฟัล เมื่อปี1988


 


จริงแล้วๆ ตามกฎหมายอิรัก จำเลยทั้งสามควรจะถูกประหารภายในวันที่ 4 ตุลาคม ปีที่แล้ว เนื่องจากกฎหมายระบุว่าจำเลยจะต้องถูกประหารชีวิตภายใน 30 วัน หลังจากที่ศาลชั้นอุทธรณ์ในศาลพิเศษของอิรักพิพากษายืนตามคำตัดสินของศาลชั้นต้น


 


ทว่า สภาประธานาธิบดีได้ขัดขวางการประหารมายิด ฮาชิม และมูฮัมเหม็ด อยู่นานหลายเดือน ทั้งนี้ สภาประธานาธิบดีไม่ได้คัดค้านการประหารมายิดแต่อย่างใด แต่ตอลาบานี และตอเรก อัล ฮาเชมี รองประธานาธิบดีชาวสุหนี่ คัดค้านการประหารฮาชิมอย่างเต็มที่ โดยอ้างว่าอดีตรัฐมนตรีกลาโหมผู้นี้สังหารประชาชนอย่างเหี้ยมโหดตามคำสั่ง และไม่ควรจะได้รับโทษรุนแรงเท่ากับเจ้านายทางการเมืองคนอื่นๆ


 


สำหรับมายิดนั้น แทบจะไม่มีผู้คัดค้านการประหารเลย ทั้งนี้ มายิด หรือที่รู้กันในนาม "เคมิคัล อาลี" ขึ้นชื่อในเรื่องของโหดเหี้ยมและการใช้กำลังอย่างอำมหิต ในการปราบปรามผู้ที่แข็งข้อต่อรัฐบาลในยุคที่ซัดดัมปกครองอิรัก ส่งผลให้ชาวอิรักจำนวนมากเกรงกลัวมายิด มากกว่าซัดดัมเสียอีก


 


มายิดเคยให้ปากคำต่อศาลระหว่างการพิจารณาคดีว่า ตนสั่งการให้ทำลายหมู่บ้านชาวเคิร์ด ตามนโยบายในการสู้รบอันฟัล โดยยืนยันว่าการกระทำเช่นนั้นเป็นไปตามปฏิบัติการต่อต้านกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบที่จำเป็น ในช่วงที่อิรักสู้รบอย่างดุเดือดกับอิหร่าน นาน 8 ปี มายิดอ้างว่ามีสิทธิที่จะทำเช่นนั้น และไม่ขอโทษแต่อย่างใด


 


ทั้งนี้ ปฏิบัติการสู้รบอันฟัลมีการใช้อาวุธต่างๆ เช่น การกระหน่ำทิ้งระเบิด ปล่อยก๊าซพิษ และกระหน่ำโจมตีพื้นที่ในเขตปกครองตนเองของชาวเคิร์ด ส่งผลให้มีพลเรือนเสียชีวิตราว 50,000 - 100,000 คน เกือบทั้งหมดเป็นชาวเคิร์ด


 


มายิดถูกกล่าวหาว่าสั่งการให้ทหารอิรักยิงก๊าซพิษเข้าใส่หมู่บ้านฮาลาบยา ในดินแดนของชาวเคิร์ด เมื่อเดือนมีนาคม ปี1988 คร่าชีวิตชาวเคิร์ดไป 5,000 คน ถือเป็นหนึ่งในการกวาดล้างชาวเคิร์ดครั้งใหญ่ที่สุด ในช่วงที่อิรักทำสงครามกับอิหร่าน

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net