Skip to main content
sharethis

พ.อ.เจ้ายอดศึก ผู้นำกองกำลังกู้ชาติไทยใหญ่ หรือ SSA ระบุว่า ได้ข่าวการตั้งค่าหัวผู้นำชนกลุ่มน้อย 4 คน ก่อนที่นาย ปาโด้จะถูกสังหารเพียงไม่กี่วันเท่านั้น


 


 


ภาพจากแฟ้มข่าว ประชาไท


 


เจ้ายอดศึก กล่าวว่า ข่าวนี้เป็นเรื่องจริงเชื่อถือได้ มีคนไทย 4 คน คนไทยใหญ่ 1 คน เดินทางไปพบนายเหวย เซี๊ยะกัง ราชายาเสพติดโลก กลุ่มว้าแดง หรือ UWSA เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ณ ที่มั่นแห่งหนึ่งไม่ไกลจากชายแดนไทยมากนัก เพื่อรับเงินค่าจ้างสังหาร


 


"ค่าหัวของผม 3 แสนหยวน ส่วนรองของผมเจ้าจายคำ แห่งดอยก่อวัน 2 แสนหยวน พร้อมด้วยเฮโรอีนอีก 500 ก.ก. ทั้งนี้ มีเป้าหมายให้สังหารบุคคล 4 คน ที่มีนายปาโด้และนายรีบัน ทู ผู้นำ KNPP รวมอยู่ด้วย"


 


พ.อ.เจ้ายอดศึก กล่าวว่า หลังได้รับรายงานนี้ได้ติดต่อไปทางนายเปา ยุ้ฉาง ผู้นำ UWSA ซึ่งชี้แจงว่าเรื่องนี้ UWSA ไม่เกี่ยวข้องด้วย เป็นเรื่องส่วนตัวที่เหวย เซี๊ยะกัง ดำเนินการเอง


 


เจ้ายอดศึก ระบุว่า เรื่องนี้ต้องมีรัฐบาลพม่าอยู่เบื้องหลัง การที่ทหารพม่าได้ทุ่มกำลังและอาวุธบุกเข้ามาโจมตี SSA หลายครั้ง และโจมตีครั้งใหญ่ถึง 4 ครั้ง แต่ก็ไม่สำเร็จ สูญเสียทั้งกำลังทหารและงบประมาณไปกว่า 500 ล้าน จึงต้องใช้วิธีนี้ โดยให้เหวย เซี๊ยะกัง รับหน้าที่ เนื่องจากโกรธแค้น SSA ที่เข้าไปทำลายโรงงานยาเสพติดเป็นทุนอยู่แล้ว


 


"สิ่งที่เกิดเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในพม่าแน่นอน เป็นแผนของ SPDC ที่ต้องการครองอำนาจต่อไป รัฐธรรมนูญหรือการเลือกตั้งหากเกิดขึ้นจริงก็ต้องเป็นการกระทำที่ไม่ชอบ และแน่นอนหากเป็นเช่นนั้นบรรดากองกำลังต่อต้านย่อมไม่เห็นด้วย และถ้ากลุ่มต่อต้าน 6 กลุ่ม ซึ่งเป็นพันธมิตรกันก็จะไปขวางทางซึ่งพวกเขาไม่ต้องการ ดังนั้น แผนการสั่งเด็ดหัวผู้นำกลุ่มจึงเกิดขึ้น โดยใช้ประเด็นยาเสพติดมาเป็นชนวนเหตุ เพราะเขาต้องการใช้เหวย" เจ้ายอดศึก กล่าว


 


ชายแดนไทย-พม่า ระอุสัญญาณสู้รบส่อแววปะทุหนัก


แม้จะเป็นเรื่องปกติที่ล่วงเข้าสู่ฤดูแล้งเมื่อไหร่ การปะทะกันระหว่างทหารรัฐบาลพม่าและกองกำลังชนกลุ่มน้อยตามแนวชายแดนต้านทิศเหนือและทิศตะวันตกจะเกิดขึ้นเป็นประจำทุกปี แต่สำหรับปีนี้ หลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้า ส่งสัญญาณว่าสถานการณ์สู้รบในปีนี้อาจจะรุนแรงกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา


 


ในห้วงเวลาก่อนที่รัฐบาลทหารพม่า โดยสภาสันติภาพและการพัฒนาแห่งรัฐ หรือ SPDC จะจัดให้ประชาชนลงประชามติรัฐธรรมนูญขึ้นในเดือน พ.ค. 2551 พร้อมกับกำหนดเลือกตั้งในปี พ.ศ. 2553 หลังจากก่อนหน้านี้ในช่วงเดือน ก.ย. 2550 รัฐบาลพม่าส่งกำลังทหารปราบปรามผู้ประท้วง มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 31 คน


 


ทั้งนี้ พล.อ.อาวุโสตานฉ่วย ประธาน SPDC และ พล.อ.หม่องเอ รองประธาน SPDC และผู้บัญชาการทหารสูงสุดพม่า ได้ประกาศนโยบายปราบปรามชนกลุ่มน้อยให้หมดสิ้นก่อนการลงมติรัฐธรรมนูญฉบับใหม่และการเลือกตั้งทั่วไป ดังนั้น ระยะเวลาที่เหลือ 2 ปี ก่อนการเลือกตั้งใหญ่ สถานการณ์สู้รบตามแนวชายแดนจึงต้องปะทุขึ้นอย่างหนักหน่วง


 


ล่าสุด กรณีการสังหารนายปาโด้ มานชา เลขาธิการสหภาพแห่งชาติแห่งชาติกะเหรี่ยงอิสระ หรือ KNU ผู้นำคนสำคัญอันดับ 2 ของกะเหรี่ยง รองจากนายซอบาติน ประธานาธิบดี KNU เมื่อช่วงเย็นวันที่ 14 ก.พ. ที่ผ่านมา เป็นอีกหนึ่งสัญญาณความรุนแรง เนื่องจากนายเซเซ่ บุตรชายนายปาโด้ ระบุว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นฝีมือของกะเหรี่ยงพุทธ หรือ DKBA ที่ได้รับคำสั่งจากรัฐบาลพม่า


 


แม้จะเป็นเรื่องภายในประเทศเพื่อนบ้าน แต่ในฐานะที่มีพรมแดนติดกัน เลี่ยงไม่ได้ที่ประเทศไทยจะต้องได้รับผลกระทบไปด้วย ทั้งภาวะจำยอมในการรับผู้ลี้ภัยสู้รบ และผลกระทบทางด้านการค้าตามแนวชายแดน ซึ่งมีมูลค่าหลายหมื่นล้าน


 


พม่าทุ่มกำลังทลายที่มั่นกะเหรี่ยง


หลังการสังหารนายปาโด้เมื่อช่วงเย็นวันที่ 14 ก.พ. กลางดึกวันเดียวกัน กองกำลัง กะเหรี่ยง DKBA และทหารรัฐบาลพม่ากว่า 400 นาย บุกโจมตีฐานที่มั่นของ KNU เขตพื้นที่กองพล 6 ฐานบ้านห้วยน้ำดั้น ตรงข้าม อ.พบพระ จ.ตาก หลังจากระดมยิงอาวุธหนักเข้าใส่กันนานนับชั่วโมง KNU ซึ่งมีกำลังน้อยกว่าหลายเท่าได้ทิ้งที่มั่นหลบหนีไป เหตุการณ์ครั้งนี้ทหารทั้ง 3 ฝ่ายเสียชีวิตกว่า 18 นาย และได้รับบาดเจ็บ 24 นาย นับว่าเป็นการสู้รบที่รุนแรงมากที่สุดในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา


 


เจ้ายอดศึกถกแกนนำชนกลุ่มน้อย


ขณะเดียวกันฐานที่ตั้งของกองกำลังกู้ชาติไทยใหญ่ หรือ SSA ทุกแห่งตลอดแนวชายแดนตรงข้าม จ.แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ และเชียงราย ได้เตรียมพร้อมเข้มงวดสำหรับบุคคลภายนอกที่จะเดินทางเข้าไปในพื้นที่ควบคุม มีการวางกำลังพร้อมอาวุธอย่างเต็มอัตราบริเวณฐานสำคัญๆ ด้วย


 


พ.อ.เจ้ายอดศึก ผู้นำ SSA กล่าวว่า ได้เชิญบรรดาผู้นำและแกนนำคนสำคัญของชนกลุ่มน้อยที่ต่อต้านรัฐบาลพม่าทั้ง 6 กลุ่มทั้ง KNU, KNPP, CNF (Chin national Democratic Front), ALP (Alakan Liberation People) และ KIO เข้าร่วมหารือที่ดอยไตแลง เพื่อความปรองดองของพันธมิตร ที่จะต้องจับมือกันไว้ให้เหนียวแน่นยิ่งขึ้น รวมทั้งการตอบโต้ ซึ่งอาจจำเป็นถึงขั้นรวมกำลังกวาดล้างใหญ่บางพื้นที่ ซึ่งพันธมิตรชนกลุ่มน้อยเห็นว่าไม่ปลอดภัย


 


ทหารพม่าตรึงกำลังสั่งห้ามข้ามแดน


เจ้าหน้าที่ประจำจุดผ่อนปรน ด่านกิ่วผาวอก อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ กล่าวว่า ทหารพม่าอย่างน้อย 2 กองพัน ที่ประจำอยู่ที่ด่านผาวอก ได้ประกาศห้ามประชาชนเดินทางผ่านช่องทางนี้เด็ดขาด และมีคำสั่งให้ยิงได้ทันทีหากมีใครฝ่าฝืน จึงไม่มีใครกล้า จุดผ่อนปรนดังกล่าวจึงไม่มีประชาชนทั้งไทยและพม่าข้ามแดนมาค้าขายกัน


 


ตม.แม่สอดเพิ่มความเข้มเข้าเมือง         


พ.ต.อ.ทัศวัฒน์ บุญญวัฒน์ ผกก.ด่านตรวจคนเข้าเมืองตาก (แม่สอด) กล่าวว่า ได้เพิ่มมาตรการเข้มในการตรวจสอบบุคคลเข้า-ออก การข้ามแดนในวันนี้เป็นปกติ มีการผ่านแดนเข้ามาซื้อสินค้าฝั่งไทยประมาณ 1.8-2 พันคน เหตุการณ์สังหารผู้นำคนสำคัญของ KNU ไม่มีผลกระทบกับจำนวนประชาชนที่เข้า-ออก และไม่กระทบกับการค้าและการจับจ่ายซื้อสินค้าอุปโภค-บริโภค หากจำนวนชาวพม่าที่เข้า-ออกยังคงที่ เชื่อว่าการค้าชายแดนก็ยังคงมีตัวเลขในระดับเดิม ประมาณเดือนละกว่า 1 พันล้านบาท


 


 


 


เรียบเรียงจาก : โพสต์ทูเดย์


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net