Skip to main content
sharethis

เมื่อวันที่ 14 ก.พ.51 นายสุวิทย์ ธีรพงศ์ ประธานคณะอนุกรรมการสอบสวนคดีทุจริตซื้อเสียง ที่ จ.เชียงราย เปิดเผยว่า คณะกรรมการได้มีความเห็นสรุปความเห็นเสนอต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ชุดใหญ่แล้ว ในกรณีที่มีการกล่าวหาว่า นายยงยุทธ ติยะไพรัช ส.ส.ระบบสัดส่วน กลุ่ม 1 พรรคพลังประชาชน กระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง โดยดูจากการสอบพยาน ไม่ได้ให้การผิดไปจากที่เคยให้การไว้กับชุดสืบสวนสอบสวนของสันติบาล ดังนั้น จึงได้เสนอข้อเท็จจริงพร้อมความเห็นประกอบข้อกฎหมายเลือกตั้ง มาตรา 53 (2) และมาตรา 57 ให้ กกต.แล้ว จึงถือว่าหน้าที่ของคณะกรรมการเป็นอันยุติ



 


มีรายงานว่าจากการที่พยานยืนยันการให้ปากคำเดิม จะเท่ากับว่านายยงยุทธ ติยะไพรัช กระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งจริง ซึ่งนายยงยุทธเป็น ส.ส.ระบบสัดส่วน ดังนั้น ความผิดที่เกิดขึ้น จึงไม่ใช่ความผิดที่ กกต.จะนำไปสู่การสั่งเลือกตั้งใหม่ ต้องเป็นความเห็นสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง (ใบแดง) เท่านั้น อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ กกต.ประกาศรับรองผลการเลือกตั้งของนายยงยุทธไปแล้ว หาก กกต.มีความเห็นยืนว่านายยงยุทธมีความผิดจริง ตามที่คณะกรรมการเสนอไปก็ต้องเสนอต่อศาลฎีกาให้พิจารณา โดยเมื่อศาลฎีกามีคำสั่งรับคำร้องไว้พิจารณาแล้ว นายยงยุทธ ติยะไพรัช จะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ในทันที จนกว่าศาลจะมีคำสั่งยกคำร้อง แต่ทั้งนี้หากศาลมีคำพิพากษาสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งนายยงยุทธแล้ว นายยงยุทธ ซึ่งมีตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ในขณะที่มีการกระทำความผิดเกิดขึ้น กกต.ก็จะมาพิจารณาในเรื่องของการเสนอยุบพรรคพลังประชาชน



 


เพราะตามกฎหมายนั้น มาตรา 103 ของ พ.ร.บ.เลือกตั้ง ระบุว่าหากกรรมการบริหารพรรกการเมืองใด กระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งและถูก กกต.สั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งและปรากฏหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าหัวหน้าพรรค กรรมการบริหารพรรค รู้เห็นปล่อยปละละเลย หรือทราบถึงการกระทำนั้นแล้วไม่แก้ไข ให้ถือว่าพรรคการเมืองนั้นกระทำการเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศ ซึ่งมิได้เป็นไปตามวิธีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ ให้ กกต.เสนอคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้ยุบพรรคการเมืองนั้น และให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งหัวหน้าพรรคกับกรรมการบริหารพรรค มีกำหนด 5 ปี



 


วันเดียวกันนี้ ที่ประชุม กกต.มีมติให้เสนอเรื่องให้ศาลฎีกาสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ ในเขต 2 จ.เพชรบูรณ์ ทั้งสามคน ได้แก่ นายเอี่ยม ทองใจสด นางวันเพ็ญ พร้อมพัฒน์ และนายสุรศักดิ์ อนรรฆพันธ์ ทั้งหมดสังกัดพรรคพลังประชาชน



 


"ยงยุทธ"ซีด-โวยถูกจัดฉาก


ด้านนายยงยุทธ ติยะไพรัช ให้สัมภาษณ์ด้วยสีหน้าตกใจว่า ยังไม่รู้เรื่อง จึงไม่ขอตอบเรื่องนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นคงต้องรอให้กระบวนการเสร็จสิ้นก่อน เพราะเดี๋ยวจะเป็นการกดดันและแทรกแซงการทำงานของ กกต. ซึ่งต้องรอความชัดเจนก่อน และเรื่องนี้ยังมีเวลาอีกหลายวัน



 


ผู้สื่อข่าวถามว่า ยังมั่นใจในความบริสุทธิ์ของตัวเองหรือไม่ นายยงยุทธ กล่าวอย่างมั่นใจว่า "แน่นอน ทุกอย่างมันเป็นการจัดฉากเอาไว้อยู่แล้ว วันนี้คงไม่ต้องพูดอะไร ใครทำอะไรไว้สังคมก็จะรู้ความจริง"



เมื่อถามย้ำว่า หากได้ใบแดงจะกระทบต่อการทำหน้าที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรหรือไม่ นายยงยุทธ กล่าวว่า คงไม่กระทบ และอยากให้ทุกอย่างชัดเจนก่อน ไม่อยากพูดอะไรออกมา



ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายยงยุทธ มีสีหน้าตื่นตระหนก พยายามซักถามนักข่าวที่ไปสัมภาษณ์อย่างคาดคั้นว่า ทำไมรู้เรื่องเร็วจัง สำนวนสอบสวนรั่วหรือ ตนเป็นเจ้าของคดียังไม่รู้เรื่องเลย ทำไมต้องมาถามอะไรคาดคั้น



 


กำนันพยานปากเอกร้องขอคุ้มครองชีวิต


ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีรายงานว่า นายชัยวัฒน์ ฉางข้าวคำ กำนันตำบลจันจว้า อ.แม่จัน จ.เชียงราย พยานสำคัญในคดีทุจริตซื้อเสียงที่ จ.เชียงราย ที่นายยงยุทธ ติยะไพรัช ประธานสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะ ส.ส.ระบบสัดส่วน กลุ่ม 5 พรรคพลังประชาชน ที่กำลังถูกสอบสวน ได้เข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมและขอความคุ้มครองให้ตนเองและครอบครัว หลังจากระบุว่าถูกคุกคามข่มขู่อย่างหนัก



ทั้งนี้ มีรายงานว่านายชัยวัฒน์ได้ทำหนังสือร้องเรียนถึงสองครั้ง ครั้งแรกทำหนังสือถึงนายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขา กกต.เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2551 ซึ่งคณะทำงานพิจารณากลั่นกรองเรื่องร้องเรียน ร้องทุกข์ได้ลงเลขที่รับหมายเลข 178 เอาไว้แล้ว สาระสำคัญในหนังสือร้องเรียนดังกล่าวของนายชัยวัฒน์ ระบุว่า ตัวเองและครอบครัวถูกคุกคามข่มขู่เอาชีวิต โดยอ้างเหตุการณ์ในคืนวันที่ 29 มกราคม 2551 เวลาประมาณ 04.00 น. มีชายฉกรรจ์ 4 คนนั่งรถกระบะมาจอดอยู่หน้าบ้าน แต่ไม่สามารถเข้าไปในบ้านได้ เนื่องจากคนในบ้านรู้ตัวเสียก่อน



 


ส่วนหนังสือฉบับที่ 2 ได้ส่งถึงนายสุวิทย์ ธีรพงศ์ ประธานคณะอนุกรรมการสอบสวนคดีทุจริตซื้อเสียง ที่ จ.เชียงราย (กรณีของนายยงยุทธ) นอกจากเรียกร้องให้มีการส่งเจ้าหน้าที่มาให้การคุ้มครองชีวิตแล้ว ยังเรียกร้องขอให้เร่งรัดสรุปการสอบสวนเพื่อเสนอต่อ กกต.ได้วินิจฉัยโดยเร็ว เพื่อให้คดีได้จบลงโดยเร็ว



นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า หลังจากส่งเรื่องร้องเรียนไปแล้วสองครั้ง แต่ปรากฏว่ายังไม่มีความคืบหน้าใดๆ ทั้งสิ้น ทำให้ทุกวันนี้ตนและคนในครอบครัวต้องอยู่อย่างหวาดผวา ไม่กล้าประกอบอาชีพได้ตามปกติ เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดอันตรายถึงชีวิต



 


 


-------------------------------------


ที่มา: http://www.komchadluek.net

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net