การสานเสวนาระหว่าง หน่วงานความมั่นคง นักวิชาการ-นักสิทธิมนุษยชน เป็นความร่วมมือที่มีโอกาสเกิดขึ้นไม่บ่อยครั้งนัก ทั้งที่ควรจะเป็นเช่นนั้น อย่างไรก็ตามการสานเสวนาครั้งนี้ก็มีข้อสรุปที่น่าสนใจใน ประเด็น นโยบายและแนวทางการปฏิบัติด้านสันติวิธีในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยศูนย์ส่งเสริมสันติวิธีจังหวัดชายแดนภาคใต้(ศสส.จชต.) ซึ่งเป็นองค์กรที่จัดตั้งขึ้นใหม่ภายใต้ร่มเงาของศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้(ศอ.บต.)ได้ร่วมกับ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ภาค 4(กอ.รมน.ภ.4) และศูนย์ศึกษาและพัฒนาสันติวิธี มหาวิทยาลัยมหิดลร่วมกันจัดขึ้น ณ สำนักงานกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ภาค 4 ส่วนหน้า เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
"พื้นที่นี้เป็นเหมือนพื้นที่การรบที่ต่อสู้ทั้งความคิดและการยุทธ์ วันนี้เราจะได้มาพูดคุยแลกเปลี่ยนถึงประสบการณ์และข้อคิด อยากให้ทุกท่านพูดคุยกันได้เปิดอก เพื่อให้มองสิ่งที่เป็นจริง จะได้ช่วยกันวิเคราะห์และคิด" พล.ต.จำลอง คุณสงค์ รองผู้บัญชาการผสมพลเรือน ตำรวจ ทหาร ในฐานะผู้ดำเนินรายการร่วมกับ อาจารย์ปาริชาด สุวรรณบุปผา รองผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาและพัฒนาสันติวิธี ม.มหิดล เปิดประเด็นภายหลัง พล.ท.ชิต พรหมเดช ที่ปรึกษาผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ในฐานะประธานการประชุมกล่าวเปิดประชุม
ด้านคณะผู้มาเยือนประกอบด้วย นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ หาดใหญ่ สถาบันพระปกเกล้า ม.มหิดล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ม.อิสลามยะลา นักสิทธิมนุษยชน และตัวแทนจาก ศอ.บต. ฯลฯ ประมาณ 30 คน นำโดย นาย
พ.อ.อัคร ทิพยโรจน์ ผู้อำนวยการกองปฏิบัติการข่าวสารฯ เสนอรายงานในที่ประชุมว่า ปัจจุบันผู้ก่อการแทรกตัวเข้าไปอยู่ในสถาบันทางการศึกษาและองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น และใช้โอกาสในการสร้างสถานการณ์จากงานวันสำคัญ ภารกิจคือต้องหยุดไม่ให้เชื้อโรคแผ่เชื้อ สร้างภูมิคุ้มกันในส่วนอื่นๆ หลักการทำงานคือ หยุดเพื่อให้แอนติบอดี้ทำงานมิใช่ตัดแขนตัดขา โดยทาง กอ.รมน. ให้ความสนับสนุนงบประมาณเต็มที่
เราพบว่ามีบางกลุ่มที่ต้องแบ่งแยกดินแดน แต่ก็ยังมีเรื่องผลประโยชน์ เรื่องยาเสพติด มลายู ชนชั้น เยาวชนที่รู้สึกว่าตนด้อยค่าก็ถูกดึงไปมีบทบาทรวมทั้งได้รับค่าจ้าง สาเหตุที่ยังมีเหตุการณ์เพราะเขาต้องการให้เป็นข่าวไปทั่วโลก เราต้องบอกประชาชนว่าเราให้ความยุติธรรม ความเท่าเทียม ในการต่อสู้ต้องใช้ความจริงและความจริงใจ ฝ่ายก่อการใช้เทคนิคการปกปิด และแอบแฝงพรางกายในสังคม เราจำเป็นจะต้องทำให้คนที่อยู่เบื้องหลังสถานการณ์ความรุนแรงเหล่านี้เผยตน
"ในทางทหารคิดว่าสถานการณ์นี้คือ สงครามประชาชน เราต้องการเอาชนะใจและช่วยเหลือประชาชน ผู้ก่อการต้องการแบ่งแยกดินแดน จากเดิมที่ยึดป่าเขาเป็นที่มั่น ปัจจุบันมายึดหมู่บ้านแทน และเปลี่ยนจากองค์กรลับมาเป็นกึ่งลับกึ่งเปิดเผย ทหารที่มาทำงานต้องเข้าใจตนเอง ให้ชาวบ้านเข้าใจทหาร และให้ชาวบ้านเข้าใจกันเอง อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่รัฐรู้สึกเบื่อหน่ายที่ถูกกล่าวหาว่าไม่ให้ความเป็นธรรม ซึ่งอาจเกิดจากการต้องการหาผลประโยชน์ การใส่ร้ายระหว่างกันของชาวบ้าน แต่การที่มีนักวิชาการ นักสิทธิมนุษยชนเป็นกระจกเงา ก็ทำให้เราทำงานผิดพลาดน้อยลง" พ.อ.อัคร กล่าว
พ.อ.พีรพล วิริยกุล จาก กอ.รมน.ภาค 4 เห็นว่าปัจจุบันสังคมมุสลิมบางกลุ่ม ทำลายสังคมมุสลิมด้วยกันเอง มีการใส่ร้ายป้ายสีกันในพื้นที่ ปัญหาการศึกษาที่พบว่าในหมู่บ้านมีเด็กหญิงเรียนหนังสือมากกว่าชาย มีแม่หม้าย เด็กกำพร้าจำนวนมาก และบางส่วนมีลักษณะพึ่งพิงผู้มีอำนาจ มีการสวมสถานการณ์ด้วยผลประโยชน์ส่วนตัว
นาง
นายสุกรี หลังปูเต๊ะ จาก ม.อิสลามวิทยาลัยยะลา กล่าวว่า ปัญหาในวันนี้คือมุสลิมที่ไม่เข้าใจอิสลาม จะทำอย่างไรเพื่อพัฒนาสันติศึกษาในมุมมองของอิสลามซึ่งไม่สนับสนุนการฆ่าในทุกกรณี ตนเห็นว่าควรจะเน้นไปที่การต่อสู้กับแนวคิดการแบ่งแยกดินแดนซึ่งสามารถใช้สถาบันอุดมศึกษาเป็นฐานสำคัญ ทั้งยังเห็นว่าปัจจุบันไม่สามารถใช้แนวคิดทางศาสนามาเพื่อการแบ่งแยกดินแดนได้ แต่มีลักษณะใช้แนวคิดด้านชาติพันธุ์มากกว่า
พล.อ.
"จากการศึกษาในพื้นที่อื่นๆ เราเองพบว่าความไม่เข้าใจกันของคนกลุ่มต่างๆ มีอยู่ทั่วไป ไม่ใช่แต่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เท่านั้น เราต้องปรับเปลี่ยนความคิดกันมากขึ้น สำหรับการประชุมกับ กอ.รมน.วันนี้บรรยากาศเบาลง และมีแนวโน้มที่ดี" พล.อ.เอกชัย กล่าว
นาง
"รัฐต้องสนับสนุนการเปิดพื้นที่สันติวิธีให้มากขึ้น สันติวิธีไม่ใช่การปฏิบัติการจิตวิทยาหรือการประชาสัมพันธ์ หากเป็นความจริงใจ ความอดทนและความเสียสละ เพราะรัฐมีหน้าที่ต้องปกป้องคุ้มครองประชาชน สถานการณ์ปัจจุบันมีความหวาดระแวงกันมาก ชุมชนมุสลิม-พุทธห่างเหินกันมากขึ้น จะทำอย่างไรจึงจะฟื้นคืนความสัมพันธ์กลับคืนมา ถ้าจะมีเวทีเช่นนี้อีกควรทำเรื่องมาตรการสร้างความไว้วางใจหรือไม่ โดยเน้นเรื่องความปลอดภัยเป็นเรื่องแรก เพื่อลดข้อวิตกกังวล และผลกระทบทางลบ" นางอมรา กล่าว
นาย
"การสานเสวนาวันนี้เป็นประโยชน์สูงสุด ได้แลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อแก้ปัญหาร่วมกัน ทหารเองยังถือว่าผู้ก่อความไม่สงบเป็นเพื่อนร่วมแผ่นดิน ความเข้าใจกันสำคัญที่สุด ชุมชนมุสลิมเท่าที่ผมสัมผัสมีความเป็นมิตรมาก ก็ขอให้เชื่อใจทหารว่าเราไม่น่ากลัวอย่างที่เข้าใจกัน" พล.ท.ชิต พรหมเดช กล่าวก่อนปิดการประชุม
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)