Skip to main content
sharethis

ต่อกรณีที่ชาวบ้านย่าหมีจำนวน 15 คน ถูกบริษัทแห่งหนึ่งกล่าวหาว่าเข้าไปบุกรุกในพื้นที่ส่วนบุคคล และร่วมกันลักทรัพย์นั้น หลังจากที่มีชาวบ้านกลุ่มหนึ่งได้เข้าไปสำรวจพื้นที่ป่าต้นน้ำ ซึ่งเป็นพื้นที่เขตป่าสงวน โดยทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) กำลังดำเนินการตรวจสอบพื้นที่แปลงดังกล่าวอยู่นั้น


 


นายชัยวุฒิ ถนอมไถ ชาวบ้านบ้านคลองเหีย หมู่ที่ 1 ต.เกาะยาวใหญ่ อ.เกาะยาว จ.พังงา ได้กล่าวว่า ที่ผ่านมานั้นชาวบ้านในพื้นที่ ต.เกาะยาวใหญ่ ไม่ได้ปฏิเสธการพัฒนาแต่อย่างใด แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นในขณะนี้คือทางบริษัทได้เข้ามาทำลายสภาพพื้นที่ป่าต้นน้ำของชาวบ้านที่ใช้ประโยชน์ร่วมกันทั้ง 4 หมู่บ้าน คือบ้านคลองเหีย บ้านช่องหลาด บ้านย่าหมีและบ้านคลองบอน ซึ่งจะทำให้ชาวบ้านประสบกับปัญหาการขาดแคลนน้ำกินน้ำใช้ ซึ่งเท่าที่ตนได้พูดคุยกับชาวบ้านช่องหลาด หมู่ 2 พบว่าปีนี้น้ำใช้เริ่มแห้งแล้วทั้งๆที่ฝนขาดช่วงไปได้ไม่นาน ส่วนชาวบ้านที่ปลูกบ้านอยู่ในพื้นที่สูงต้องต่อคิวกันใช้น้ำแล้ว นอกจากนี้พื้นที่ป่าต้นน้ำที่ชาวบ้านย่าหมีได้เข้าไปสำรวจจนมีหมายเรียกนั้น เป็นพื้นที่ที่ชาวบ้านเคยเข้าไปทำกิน ใช้ประโยชน์ร่วมกันมาอย่างยาวนานก่อนที่บริษัทจะเข้ามาด้วยซ้ำ แต่มาวันนี้กลับเข้าไปไม่ได้แล้ว และถึงแม้ว่าทางบริษัทจะบอกว่าพื้นที่ป่าสงวนได้เอกสารสิทธิ์โดยชอบนั้น ตนคิดว่าจะต้องรอให้มีการตรวจสอบอย่างยุติธรรม พร้อมกับยืนยันให้แน่ชัดจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อน


 


สำหรับชาวบ้านย่าหมีทั้ง 15 คนที่กลายเป็นผู้ต้องหานั้น ชาวบ้านในชุมชนได้ไปให้กำลังใจในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ นี้ เพราะชาวย่าหมีได้ปกป้องทรัพยากรมานาน ต่อจากนี้จะมีกลุ่มแนวร่วมในการอนุรักษ์ทรัพยากรมากยิ่งขึ้น สำหรับตนมีความคิดเห็นว่าเป็นการดีที่ทางบริษัทฟ้องร้องชาวบ้าน เพราะกระตุ้นให้ชาวบ้านให้ความสนใจการดูแล และรักษาทรัพยากรของชุมชนมากยิ่งขึ้น และชาวบ้านเกาะยาวก็ต้องการความเจริญ แต่หากความเจริญที่มาพร้อมกับความฉิบหายก็คงรับไม่ได้เช่นกัน นายชัยวุฒิ กล่าว


 


ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 8 ก.พ. ที่ผ่านมา ชาวบ้านย่าหมีกว่า 20 คนได้เดินทางไปยังสถานีตำรวจภูธรอำเภอเกาะยาว เพื่อขอเลื่อนการให้ปากคำรับทราบข้อกล่าวหาจากวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 51 เป็นวันที่ 28 มีนาคม 2551 จากกรณีที่ชาวบ้านจำนวน 15 คน ถูกบริษัทแห่งหนึ่งกล่าวหาว่าเข้าไปบุกรุกในพื้นที่ส่วนบุคคล และร่วมกันลักทรัพย์ จากการพบปะพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในครั้งนี้ ทำให้รับทราบข้อมูลความไม่ชอบมาพากลของกลุ่มนายทุน บริษัท นาราชา จำกัด ต่อกรณีการออกเอกสารสิทธิที่ดินในพื้นที่เกาะยาวใหญ่ เนื่องจากมีการยืนยังทั้งจากสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดพังา กรมสอบสวนคดีพิเศษ และชาวบ้านว่าพื้นที่ที่ทางบริษัทได้รับเอกสารสิทธินั้นทับพื้นที่ป่าสงวนป่าต้นน้ำของชุมชนอย่างแน่นอน ชาวบ้านร้องหวั่นกระทบวิถีชีวิต


 


นางสาวรุ่งนภา ชายเลี้ยง หนึ่งในผู้ต้องหาที่บริษัทแจ้งดำเนินคดี กล่าวว่า ต่อกรณีการเข้ามาแย่งชิงทรัพยากรธรรมชาติของกลุ่มทุนเหล่านี้ ชาวบ้านย่าหมีได้หารือร่วมกันว่าจะจัดทำเวทีเพื่อสร้างความเข้าใจแก่ชาวบ้านในชุมชนทั้งในพื้นที่ตำบลเกาะยาวและตำบลพรุใน ต่อกรณีที่ให้ทุกคนเข้ามามีส่วนร่วมในการดูแลรักษาทรัพยากรในชุมชน ทั้งดิน น้ำ ป่า เล ซึ่งถือเป็นสมบัติสาธารณะทุกคนมีสิทธิที่จะใช้ร่วมกัน คนหนึ่งคนใดจะครอบครองเป็นส่วนตัวไม่ได้


 


นอกจากนี้ทางผู้ว่าราชการจังหวัดพังงาและนายอำเภอเกาะยาว ได้จัดทำโครงการชาวพังงารักษ์ป่า รักษ์ทะเล แต่ที่ผ่านมากลับพบว่ามีโครงการดังกล่าวเป็นเพียงแนวนโยบายที่ไม่เห็นการดำเนินงานที่เป็นรูปธรรมที่ชัดเจน มีเพียงแผ่นป้ายโฆษณาที่ติดตั้งตามข้างทาง และการเข้าร่วมปลูกป่าโกงกางของผู้ว่าฯเท่านั้น แต่เมื่อสิ้นสุดโครงการฯ ก็มีการเข้ามาทำลายป่าของกลุ่มทุนเช่นเดิม

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net