Skip to main content
sharethis





"แม้เหตุการณ์ครั้งนี้จะไม่มีใครบาดเจ็บหรือสูญเสียทรัพย์สิน แต่ผลที่เกิดขึ้นคือเรื่องของจิตใจ ความหวาดกลัวเจ้าหน้าที่รัฐ และอาจจะรู้สึกว่าต้องปกปิดในความเป็นคนเชื้อสายมอญ ทอดทิ้งศิลปวัฒนธรรมที่ดีงามและหลากหลาย หันมาใช้วัฒนธรรมแบบใหม่อย่างหยาบคายที่รวมเรียกว่าวัฒนธรรมแบบไทยๆ ทั้งที่เอามาจากชนชาติอื่นทั้งหมดทั้งมวล อย่างที่นักปกครองคลั่งชาติต้องการ"


000


องค์ บรรจุน
ประธานชมรมเยาวชนมอญกรุงเทพ


สืบเนื่องจากการมาตรการเข้มงวดในการตรวจจับชาวมอญที่เดินทางมาร่วมงานวันรำลึกชนชาติมอญ ครั้งที่ 61 ประจำปี 2551 ณ วัดบ้านไร่เจริญผล จังหวัดสมุทรสาคร เมื่อวันที่ 2-3 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ที่เกิดจากความหวาดระแวงของผู้ว่าฯ สมุทรสาคร ด้วยไม่ไว้ใจประชาชนพลเมืองของตนว่าจะทำการหมิ่นเหม่ต่อความมั่นคง แม้อาจจะมองได้ว่าเป็นการเข้ารับหน้าที่พ่อเมืองคนใหม่ได้ไม่นาน แต่บุคคลระดับพ่อเมืองควรศึกษาเรียนรู้ชุมชน เพื่อที่จะอยู่ร่วมกับชุมชนได้อย่างเป็นที่ยอมรับ มิใช่เข้าชุมชนไหนถูกเมินหน้าหนีที่นั่นอย่างทุกวันนี้


การจัดงานวันรำลึกชนชาติมอญครั้งที่ผ่านมา เป็นเครื่องพิสูจน์ได้อย่างดีว่าเจ้าหน้าที่รัฐมักจับจ้องและหวาดระแวงประชาชนเสมอ ตั้งแต่หยิบเอาข้ออ้างในการชักจูงเชิงข่มขู่มิให้จัดกิจกรรม โดยยกเอาสถาบันเบื้องสูงมาอ้างอย่างไม่สำนึกว่าสถาบันจะพลอยมัวหมองไปด้วย ทั้งที่มิได้มีปรากฏอยู่ในกฎหมายมาตราวรรคใดทั้งสิ้น รวมทั้งอ้างว่าการส่งจดหมายเชิญผู้ว่าฯ มาเปิดงานผิดขั้นตอน ซึ่งในทางที่จริงแล้วทางชมรมฯ ยึดมาตรฐานเดียวกันกับที่เคยปฏิบัติมากับผู้ว่าฯ ทุกจังหวัด ซึ่งที่ผ่านมาได้รับความร่วมมือทุกครั้ง จะมีก็แต่ที่สมุทรสาครเท่านั้นที่มองเรื่องขั้นตอนยศศักดิ์ทำตัวเป็นเจ้าเป็นนาย แต่เมื่อทางชมรมเยาวชนมอญกรุงเทพ ผู้จัดงานหลัก และวัดบ้านไร่เจริญผล เจ้าของสถานที่ยืนยันหนักแน่นว่าต้องการจัดงานนี้ตามปกติ ด้วยทุกฝ่ายรวมทั้งสภาทนายความก็ได้ช่วยพิจารณาเนื้อหาในการจัดงานและตีความ "แนวทางในการจัดงานของชมรมเยาวชนมอญกรุงเทพ มติที่ประชุม กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดสมุทรสาคร วันที่ 7 มกราคม 2551" สรุปว่าเป็นมติที่มิชอบด้วยกฎหมาย และขัดกับหลักสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรง


ดังนั้น เมื่อถึงกำหนดการจัดงานดังกล่าวทางจังหวัดจึงวางมาตรการคุมเข้ม ด้วยการสั่งตำรวจในท้องที่และข้างเคียงโดยรอบสนธิกำลังนับพันนายตั้งด่านตรวจถี่ยิบ ซึ่งนอกจากจะกลายเป็นช่องทางให้เจ้าหน้าที่บางส่วนถือโอกาสจับกุมและเรียกรับเงินจากแรงงานต่างด้าวแล้ว ยังสร้างความตื่นตระหนกแก่ชาวไทยเชื้อสายมอญเป็นอย่างยิ่ง ชาวไทยเชื้อสายมอญจำนวนมากถูกตรวจตราอย่างหนัก บางส่วนไม่สามารถเข้าร่วมงานได้ทันเวลา ในขณะที่บางส่วนได้รับความกดดันจากเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ต้องเดินทางกลับทันที ทั้งที่เป็นงานที่ต่างตั้งตารอมานานแรมปี


ชมรมเยาวชนมอญกรุงเทพได้ดำเนินการจัดงานวันรำลึกชนชาติมอญมาอย่างต่อเนื่องเกือบ 30 ปีแล้ว โดยหมุนเวียนสถานที่จัดงานไปยังชุมชนชาวไทยเชื้อสายมอญในจังหวัดต่างๆ วัตถุประสงค์การจัดงานก็เพื่อให้ชาวไทยเชื้อสายมอญจากทั่วประเทศได้ร่วมพบปะสังสรรค์ แสดงออกในด้านศิลปวัฒนธรรมของตน และที่สำคัญก็คือ เพื่อทำบุญอุทิศกุศลแด่บรรพชนผู้ล่วงลับ เท่าที่ผ่านมาทางชมรมฯ ได้รับการต้อนรับจากทุกชุมชนและทางจังหวัดเป็นอย่างดี ผู้ว่าราชการจังหวัดให้เกียรติเดินทางมาเป็นประธานเปิดงานเกือบทุกครั้ง แต่ครั้งนี้นอกจากไม่ได้รับความร่วมมือแล้วทางจังหวัดแล้วยังได้จัดส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ หน่วยงานความมั่นคงและสันติบาล มาตั้งด่านขุมเข้มอย่างหนัก กระทั่งทำให้การจัดงานในครั้งนี้มีผู้มาร่วมงานบางตากว่าทุกครั้ง


นายปลางทอ และเพื่อน ชาวมอญจากประเทศพม่า หนึ่งในหลายกรณีที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมก่อนเดินทางถึงบริเวณงาน นายปลางทอและเพื่อนถูกเรียกรับเงิน 2,000 บาท ต่อคน ก่อนปล่อยตัวกลับและออกคำสั่งให้เดินทางกลับทันที เมื่อบ่ายวันเสาร์ที่ 2 ทั้งที่นายปลางทอมีบัตรทำงานต่างด้าวถูกต้องตามกฎหมาย นายปลางทอกล่าวว่า


"..ตั้งใจจะไปร่วมงาน เพื่อนๆ ที่ไม่มีบัตรกลัวโดนจับไม่กล้ามา ฝากเงินผมมาทำบุญกันเยอะ นี่ตำรวจก็เอาไปหมดแล้ว..."


หากเจ้าหน้าที่ตำรวจจะยึดความถูกต้องในการปฏิบัติหน้าที่แล้วนั้น คงไม่ต้องมารอมาตั้งด่านเอาเฉพาะ 2 วันนี้ ในเมื่อการข่าวของเจ้าหน้านั้นมีประสิทธิภาพ ผู้ไม่มีบัตรอยู่อย่างผิดกฎหมายซอกไหนมุมไหนก็น่าจะมีข้อมูลอยู่ ทำไมไม่กวดขันจับกุม ซึ่งในกรณีที่ต้องการจับกุมเฉพาะคนที่ไม่มีบัตรแล้วดำเนินการส่งกลับทันทีก็ยังเป็นที่เข้าใจได้ มิใช่จับรีดไถแล้วปล่อยกลับบ้าน และโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่มีบัตรแล้วยังถูกจับกุมนั้นไม่น่าจะมีเหตุผลที่ยอมรับได้


นางสาวกรรณทิพย์ จักวรรณรัตน์ อายุ 56 ปี ชาวไทยเชื้อสายมอญย่านถนนบางนาตราด ก.ม.4 โดยสารรถยนต์ส่วนตัวมาพร้อมกับน้องสาวอีก 2 คน เพื่อเดินทางมาร่วมงานและทำบุญอุทิศกุศลแด่บิดา ก็ได้รับผลกระทบของการกระทำจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ นางสาวกรรณทิพย์ กล่าวว่า


"..ครอบครัวพี่เป็นคนไทยเชื้อสายมอญนี่แหละ เมื่อก่อนบ้านอยู่แถวท่าจีน มหาชัย สมัยพ่อยังอยู่ไปวัดเกือบทุกวัน สอนลูกหลานทุกคนให้รักความเป็นมอญ ตอนนี้พ่อเสียไปแล้ว เมื่อมีการจัดงานอย่างนี้ปีละครั้ง จึงตั้งใจมาร่วมงานเพื่อทำบุญให้พ่อด้วยความคิดถึง..."


เมื่อรถของนางสาวกรรณทิพย์มาถึงปากทางเข้าวัดบ้านไร่เจริญผล สถานที่จัดงาน เวลาประมาณ 12.30 น. พบเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งด่านอยู่ราว 40-50 นาย ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกหยุดเพื่อตรวจค้น ทำให้นางสาวกรรณทิพย์ตกใจและซักถามน้องสาวเป็นภาษามอญว่าเกิดอะไรขึ้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ยินภาษาที่ฟังไม่ออกจึงซักถาม เมื่อทราบว่าเป็นภาษามอญและจะไปร่วมงานมอญ จึงขอตรวจบัตรประชาชนพร้อมซักถามรายละเอียดมากมาย ทั้งคนขับรถและพี่น้องทั้ง 3 คนตกใจเป็นอย่างมากจึงรีบเดินทางกลับทันทีโดยไม่ได้ไปร่วมงานแต่อย่างใด แม้เหตุการณ์ครั้งนี้จะไม่มีใครบาดเจ็บหรือสูญเสียทรัพย์สิน แต่ผลที่เกิดขึ้นคือเรื่องของจิตใจ ความหวาดกลัวเจ้าหน้าที่รัฐ และอาจจะรู้สึกว่าต้องปกปิดในความเป็นคนเชื้อสายมอญ ทอดทิ้งศิลปวัฒนธรรมที่ดีงามและหลากหลาย หันมาใช้วัฒนธรรมแบบใหม่อย่างหยาบคายที่รวมเรียกว่าวัฒนธรรมแบบไทยๆ ทั้งที่เอามาจากชนชาติอื่นทั้งหมดทั้งมวล อย่างที่นักปกครองคลั่งชาติต้องการ


เช้าวันที่ 3 ซึ่งเป็นวันเปิดงานอย่างเป็นทางการ ภายในบริเวณงานได้มีกองกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ กอ. รมน. และสันติบาลทั้งในและนอกเครื่องแบบจำนวนมาก คาดว่าจำนวนมากกว่าคณะกรรมการจัดงาน พระสงฆ์ แม่ครัว และเจ้าหน้าที่วัดทั้งหมดรวมกัน คอยเดินตรวจตรา ถ่ายภาพ และซักถามรายละเอียดจากผู้มาร่วมงาน ทำให้คณะกรรมการจัดงานไม่เป็นอันทำงาน มีการถ่ายภาพรายละเอียดภายในงานทุกซอกทุกมุม ไม่เว้นแม้กระทั่งเปิดแฟ้มคำกล่าวรายงานการจัดงานและคำกล่าวเปิดงานของประธานเปิดงานบนแท่นกล่าวกลางเวทีใหญ่โดยไม่ได้รับอนุญาต ถ่ายภาพ คัดลอกข้อความในแฟ้มท่ามกลางสายตาผู้มาร่วมงานทั้งหมดและโดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อหน้าประธานเปิดงาน คุณเตือนใจ กุญชร ณ อยุธยา ดีเทศน์ อดีตสมาชิกวุฒิสภา และสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และในขณะที่ประธานชมรมเยาวชนมอญกรุงเทพกล่าวรายงาน และคุณเตือนใจกล่าวเปิดงาน เจ้าหน้าที่สันติบาลเหล่านี้ได้นำกล้องวีดีโอมาถ่ายในระยะประชิดตลอดเวลา


คุณเตือนใจ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ได้โทรศัพท์พูดคุยกับนายวีระยุทธ เอี่ยมอำภา ผู้ว่าฯสมุทรสาครแล้วถึงสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ผู้ว่าฯอ้างว่า สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นตนได้สั่งการไปจริงแต่ทาง กอ.รมน. นำโดย พ.อ.จักราวุฒิ สินพูนผล หัวหน้าส่วนติดตามสถานการณ์ความมั่นคง และเจ้าหน้าที่สันติบาลนั้นทำเกินกว่าเหตุ อย่างไรก็ดีในเช้าวันที่ 3 คุณเตือนใจได้เชิญผู้ว่าสมุทรสาครมาทานอาหารร่วมกันที่วัดบ้านไร่เจริญผล เพื่อพูดคุยหารือถึงสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ผู้ว่าฯ ตอบปฏิเสธ คุณเตือนใจจึงเชิญนายสุริยะ ประสาทบัณฑิตย์ รองผู้ว่าฯ มาแทน


นายสุริยะ กล่าวว่า ตนไม่ทราบเรื่องเพราะไม่ได้รับผิดชอบเรื่องนี้โดยตรง แต่เท่าที่ทราบและได้มาเห็นด้วยตาก็พบว่าเป็นเพียงงานด้านวัฒนธรรมประเพณีเท่านั้น ไม่ควรกีดกันแต่อย่างใด แต่ควรส่งเสริมให้เป็นจุดเด่นของจังหวัดด้วยซ้ำ และปัญหาที่เกิดขึ้นเชื่อว่า มาจากความไม่เข้าใจของทาง กอ. รมน. ที่ไม่รู้จักธรรมชาติของพื้นที่มากกว่า


พระวิทย์  ชื่นมีศรี พระลูกวัดบ้านไร่เจริญผล หัวแรงสำคัญในการจัดงานฝ่ายชุมชนบ้านไร่เจริญผล กล่าวว่า "...ชุมชนมอญเรานี้อยู่กันมานับร้อยๆ ปี เจ้าอาวาสก็เป็นถึงเจ้าคณะอำเภอธรรมยุติจังหวัด จังหวัดสมุทรสาคร เราแค่ทำบุญให้ปู่ย่าตายายของเรา ทำไมเจ้าหน้าที่ถึงทำกันถึงขนาดนี้ เสียใจอย่างที่สุด ไม่นึกว่าจะมีคนอย่างผู้ว่าฯ มาทำย่ำยีชนชาติมอญของเรา..."

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net