ปรากฎการณ์ของปัญหามลพิษจากโรงงานอุตสาหกรรมในมาบตาพุด และโรงงานนอกนิคมในจังหวัดระยอง และผลพวงจากการติดตามตรวจสอบร้องเรียนของนายสุทธิ อัชฌาศัย ผู้ประสานงานเครือข่ายประชาชนภาคตะวันออก บอกกล่าวปัญหามลพิษจากโรงงานอุตสาหกรรมแถบนี้ให้เรารับรู้อย่างจริงจัง จนต้องทำให้หน่วยงานที่รับผิดชอบดูแลโรงงาน อย่างการนิคมอุตสาหกรรม (กนอ.) ออกมารับผิดชอบและหาเหตุยุติเรื่องการร้องเรียน
อย่างไรก็ตาม การเกิดขึ้นของกองทุนสิ่งแวดล้อม 2 กองทุน กำลังส่งผลแบ่งแยก ย่อยสลาย และสร้างความขัดแย้งใหม่ให้เครือข่ายอนุกรักษ์สิ่งแวดล้อม
เพราะการให้เงินกองทุนกับชุมชน 25 ชุมชนในเทศบาลมาบตาพุด และผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง เพื่อบอกกับสังคมว่าได้รับผิดชอบ ดูแลประชาชนชาวระยองแล้ว โรงงานสร้างประโยชน์กับชุมชน อยู่กับชุมชนอย่างไม่มีปัญหา ทำให้ทุกกลุ่มที่เคยร่วมเรียกร้อง โยเฉพาะกับคุณสุทธิ ต้องหันเหไปรับเงินกองทุนจากกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม ตามที่ กนอ. เสนอมา และนั่นทำให้ปัญหาด้านมลพิษยังไม่ถูกแก้ไขอย่างถูกต้องและเป็นระบบ รวมถึงให้มีผลบังคับใช้ทางกฎหมายได้
นายสุทธิ จึงเปรียบเทียบกองทุนแบบนี้ว่า "เป็นกองทุนเพื่อปิดปาก ทำให้หยุดเรียกร้อง และถึงที่สุดคือกองทุนฌาปนกิจศพชาวระยองในท้ายที่สุด เพราะต้นตอของมลพิษยังไม่ถูกจัดการแก้ไขอย่างแท้จริง"
มาทำความรู้จัก 2 กองทุนที่ว่านี้ดูกันดีกว่า
1.กองทุนระยองแข็งแรง มีงบประมาณทั้งหมด ณ ปัจจุบัน 31 ล้านบาท
- จาก กนอ. 10 ล้านบาท
- จาก ปตท. 10 ล้านบาท
- จาก ปูนซีเมนต์ SCG 10 ล้านบาท
- BLCP และโรงงานอื่นๆ 1 ล้านบาท
การบริหารกองทุน จัดตั้งเป็นมูลนิธิระยองแข็งแรง โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดระยองเป็นประธานมูลนิธิ และมีคณะกรรมการดูแลร่วมกัน
วัตถุประสงค์
- เพื่อดูแลสิ่งแวดล้อม คุณภาพชีวิต ของชาวระยองทั้งจังหวัด
- เฝ้าระวังอุบัติภัย
- ส่งเสริมการมีส่วนร่วมและพัฒนาคุณภาพชีวิตชาวระยอง
- อื่นๆ
เดิมทีมีการคิดตั้งกองทุนระยองแข็งแรงมาตั้งแต่สมัยที่มีการแย่งชิงน้ำกันระหว่างโรงงานกับชาวสวนผลไม้เมื่อปี 2548 แต่ก็ยังไม่สามารถนำเงินจากโรงงานมาเข้ากองทุนได้เลย จนกระทั่งเกิดการเคลื่อนไหวเรื่องปัญหามลพิษของกลุ่มนายสุทธิ อัชฌาศัย ทำให้เกิดการบริจาคเงินเข้ากองทุนดังกล่าวจำนวน 31 ล้านบาท แต่ที่น่าสังเกตคือ ยังไม่มีใครทราบว่า คณะกรรมการบริหารกองทุนระยองแข็งแรงนี้มีใครบ้าง ชื่ออะไรบ้าง มีการประชุมเดือนละกี่ครั้ง และ ใครเป็นผู้มีอำนาจตัดสินใจ รวมถึงตรวจสอบความโปร่งใสของกองทุนนี้เลย ชาวระยองไม่มีใครทราบเลย
นอกจากความอึมครึมในโครงสร้างคณะกรรมการบริหารแล้ว สถานะของเงินกองทุนนี้ก็ยังไม่มีใครทราบเช่นกันว่า มีเงินเหลืออยู่ในกองทุนนี้กี่บาท ใช้ไปกับเรื่องอะไรบ้างแล้ว ใช้ไปแล้วเกิดผลสำเร็จประการใดกับใครบ้าง ไม่มีการชี้แจงหรือประชาสัมพันธ์รวมถึงไม่สามารถตรวจสอบได้ จึงเป็นความน่ากังขาถึงความโปร่งใสในการบริหารกองทุน รวมถึงชาวระยองจะได้อะไร จริงหรือเปล่า...?
2.กองทุนพัฒนาคุณภาพชีวิตชาวมาบตาพุด มีงบประมาณทั้งหมด 31 ล้านบาท
- จาก กนอ. 10 ล้านบาท
- จาก ปตท. 10 ล้านบาท
- จาก ปูนซีเมนต์ SCG 10 ล้านบาท
- BLCP และโรงงานอื่นๆ 1 ล้านบาท
การบริหารกองทุนจัดตั้งเป็นมูลนิธิพัฒนาคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อมชาวมาบตาพุด โดยมีชมรม คณะกรรมการชุมชน 25 ชุมชน มาบตาพุด เป็นผู้บริหาร และมีนายอิทธิพล แจ่มแจ้ง ประธานชุมชนหนองแฟบ เป็นประธานมูลนิธิ
วัตถุประสงค์
- เพื่อดูแลพัฒนาคุณภาพชีวิตชาวมาบตาพุด
- อื่นๆ
เดิมทีก็มีการคิดก่อตั้งกองทุนนี้มาตั้งแต่ปี 2548 เช่นกัน แต่ก็ไม่สำเร็จ เพราะไม่มีเงินบริจาคลงสู่กองทุนนี้เลย จนกระทั่งปี 2550 เครือข่ายประชาชนภาคตะวันออก โดยนายสุทธิ อัชฌาศัย เคลื่อนไหวเรื่องปัญหามลพิษ ถึงมีเงินเข้ากองทุนนี้ มีการเปิดตัวกองทุนนี้ไปแล้วเมื่อวันที่ 23 มกราคม 2551 ที่ผ่านมา โดยมีคณะกรรมการชุมชน 25 ชุมชนมาบตาพุดเป็นผู้ดูแลจัดการ การดำเนินงานยังไม่เห็นผล เพราะเพิ่งได้เปิดกองทุนไปไม่นานนี้เอง จึงยังไม่มีความชัดเจน และยังไม่ได้ลงสู่การปฎิบัติตามวัตถุประสงค์ของกองทุน แต่มีข้อสังเกตจากชุมชน เช่นเดียวกับกองทุนระยองแข็งแรง ถึงความโปร่งใสและตรวจสอบได้ รวมถึงมีส่วนร่วมจากทุกๆ คน ที่มาบตาพุดได้อย่างแท้จริง นับว่าเป็นฟางเส้นสุดท้าย ถึงความน่าเป็นห่วงว่า การใช้เงินกองทุนมาเป็นเครื่องมือในการต่อรองแบบนี้นั้นจะเกิดประโยชน์กับประชาชนในพื้นที่มาบตาพุดและชาวระยองได้อย่างแท้จริงหรือไม่ หรือจะนำไปสู่ความขัดแย้งครั้งใหญ่ อันมิอาจจะแก้ไขได้อีกต่อไป
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)